คดีของ Oracle และ Google ที่ยืดยาวมานานเกือบสิบปีดูเหมือนใกล้จะได้บทสรุปแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินว่า Java API ที่ Google นำไปใช้งานบน Android ถือเป็นความผิด และต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับ Oracle เป็นจำนวน 8,800 ล้านเหรียฐสหรัฐ หรือราวๆ 280,000 ล้านบาท
เป็นการต่อสู้ทางศาลที่ยืดเยิ้อยาวนานตั้งแต่ปี 2010 เรื่องที่ Oracle นั้นออกมาโวยว่า Google ได้นำเอา source code และ API ของ Java ไปใช้บน Android แบบไม่ถูกกฏ ส่วนทาง Google เองก็บอกว่าส่วนที่นำมาใช้ก็เป็นการนำมาแบบ Fair use ตามที่มีกฏระบุเอาไว้ถูกต้อง ซึ่งการต่อสู่ในชั้นศาลที่ผ่านๆ มา คณะลูกขุนก็มองว่าไม่ผิด และตัดสินให้ Google ชนะไปในปี 2016
แต่พอมาถึงในชั้นศาลอุทธรณ์ก็ได้มีการกลับคำพิพากษา สรุปว่ากระบวนการที่ Google นำเอา Java ไปใช้บน Android นั้น น่าจะอยู่นอกกฏการใช้แบบ Fair use จึงต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับ Oracle
ถึงแม้โค้ด Java API นั้นจะมีเพียงแค่ 11,500 บรรทัด เทียบไม่ได้กับโค้ดของ Android กว่าหลายล้านบรรทัดแล้ว แต่ผิดมากผิดน้อยก็คือผิด และไม่ได้ส่งผลใดๆ ในการตัดสินคดีในครั้งนี้ โดยในรายงานที่ยื่นต่อศาลนั้นมีการระบุรายได้ที่ Google ได้จากบริการโฆษณาผ่านอุปกรณ์ Android ไปมากถึง 42,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท
ณ ตอนนี้ทาง Google ยังไม่ได้ออกมาเผยว่าจะมีการต่อสู้คดีต่อไปหรือไม่ ได้แค่ออกมากล่าวว่าผิดหวังต่อคำตัดสินของศาลอุทธรณ์เป็นอย่างมาก เชื่อว่าน่าจะกำลังไปคำนวนตัวเลขกันอยู่ ว่าจะจ่ายเพื่อจบคดีความเอาไว้ตรงนี้เลยไหม หรือจะลากต่อไปในชั้นศาลฎีกา
source : techtalkthai , WSJ , BGR , The Register
ข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย เป็นแบบนี้วงการ software คงมีการเคลื่อนไหวน่าดู
รายได้ที่ได้รับมา กับ สิ่งที่ต้องจ่าย ผมว่า Google คงไม่สะทบสะท้านเท่าไหร่หรอกครับ
ผมไม่ห่วงเคืรองจ่ายค่าปรับครับ ผมว่าเรื่อง API ของ java มันเป็นปัญหา แล้วคนอื่นๆ ก็คงปรับโต้ดกันไปนานแล้ว แต่ ใครที่ยังมีโค้ดพวกนี้อยู่น่าจะต้องมาไล่กันอีกยาว
ถึงขโมยโค้ดจริง แต่ผลจากกำไรค่าโฆษนามันแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับออราเคิลเลย
แม้โค้ดจะมาจากออราเคิล แต่ออราเคิลเอาไปต่อยอดไม่สำเร็จเอง
อารมณ์ประมาณแอบใช้คอมออฟฟิซรับงานส่วนตัว ผิดมั้ยผิด
แต่วันดีคืนดีฟลุ้คๆ ได้งานได้กำไรสองแสนแล้วนายจับได้ แทนที่จะส่งให้ชดใช้ค่าไฟ
ค่าเสื่อม แต่ใช้วิธีขอแบ่งกำไรงานนั้นเฉ้ย
บางทีคำว่ายุติธรรมกับคำว่าส้มหล่น ก็ใกล้กันนิดเดียว
กรณีนี้ตัวอย่างที่คุณยกมาใช้ไม่ได้ครับ กรณีนี้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับกรณีที่คุณยกมาเลยครับ
เอาทรัพยากรไปใช้หาผลประโยชน์ แล้วสร้างผลกำไร ขอแบ่งกำไรมันก็ถือว่าเป็นการจ่ายค่าใช้ทรัพยากรนั้น
ถ้าคุณไม่เอาทรัพยากรเขาไปใช้ รายได้ก็ไม่เกิด
แล้ว Google ได้มีการกีดกัน หรือขโมยฐานลูกค้า Oracle หรือไม่ครับ
ถ้ามี ผมจะเข้าข้าง Oracle ทันที
เรื่องละเมิด ลิขสิทธิ์ กี่บาทก็ว่ากันมา แต่การขอแบ่งกำไร Google มันเกี่ยวกันไหม
เหมือน จ๊ะคันหู เอาเพลง หวิว วาริสสรามาร้อง (+ท่าเต้นในตำนาน)จนโด่งดัง
แล้ววันนึง หลิว ไปฟ้องขอแบ่งผลกำไรจากอาร์สยามซะงั้น
คุณต้องศึกษาเรื่องลิขสิทธิ์/สิทธิบัตรให้มากขึ้นนะครับ ผมคงไม่ต้อฃอุทิศเวลามาให้คุณขนาดนั้น สามารถหาอ่าน,ศึกษาได้ทั่วไปในอินเตอร์เน็ตนะรรับ
เล่นกับใครไม่เล่น ไปเล่นกับขาใหญ่ oracle
เสียเท่าไรไม่ว่าแต่เสียหน้าพี่โอไม่ยอม
ไงก็ต้องสู้จนกว่าจะตายไปข้าง
หืม ข่าวนี้น่าสนใจ
ก็กลัวอยู่ว่าสักวัน Oracle มันต้องเล่นงาน Android….
แต่ที่ไหนได้ มันฟ้องร้องกันมา ตั้งแต่ ปี 2010 แล้ว
คงได้เวลา หาภาษาใหม่ ให้ Android แล้วสินะ จะหาได้ที่ไหนดีเนี่ย
ตัว KOTLIN เองก็ยังไม่ โตเต็มที่ยัง ไม่เก่งเท่าจาวา ของ Sun Microsystems(อดีตผู้สร้างภาษานี้) มันยังไม่มี Thread ,ภาษานี้ยังต้องพึ่งพาจาวา อยู่เลย แล้วใช้ การประกาศ Thread แบบ Annotation เอา.
ถ้าหาได้ ขอให้ทำงานเร็วๆนะ จะได้ ชนะ iOS ซะที
ทิ้งก็ดีนะภาษาช้าๆ แบบจาวานี่ วัดความเร็ซทีไรน้องดรอยแพ้ iOS ทุกที
ผมเอาใจช่วย ตราบใดที่ยังมี Android อยู่ จะไปภาษาไหน ผมก็ตามเรียน ตามเขียนให้ทั้งนั้นแหละ เหอๆ
แต่อย่างไรก็ดี ขอให้ สู้ในชั้นฏีกาต่อไป เอาใจช่วยนะครับ เล่น android มาตั้งแต่ ปี 2011 ตอนนั้นยังเป็น Eclair อยู่เลย
จาวาตอนแรกๆ ที่ Sun Microsystem สร้างขึ้นมานั้น สามารถใช้งานฟรี จน Oracle ซื้อกิจการไป แล้วมาเก็บเงิน ค่าใช้ภาษาจาวาเขียนโปรแกรม ตอนไหนผมยังไม่รู้เลย
เสียดาย ที่อุตส่าห์เขียนจาวามาตั้ง 4 ปีจน มันเป็นภาษาที่ผมเขียนถนัดที่สุดในบรรดาภาษาที่ผมเรียนรู้มา เหม่….. ไหงเป็นงี้ไปซะได้
Oracle นะ Oracle พี่นี่แสบสันจริงๆ