ตอนแรกว่าจะไม่เขียนข่าวนี้ แต่ก็ต้องขอเขียนซะหน่อย เพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวของลูกๆ หลานๆ เราทั้งนั้น นั่นก็คือเรื่องราวของแท็บเล็ตนักเรียน ที่ตอนนี้ รมว. กระทรวงศึกษาธิการ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ออกมายอมรับแล้วว่ายังไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะใช้ประกอบการสอนได้เพียง 20% เท่านั้นเอง
มีการวิจัยจากสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่เก็บจากนักเรียนที่ใช้แท็บเล็ทในปี 2554-2555 พบว่าข้อดีของการใช้แท็บเล็ต คือ เด็กสนุกสนานมีแรงจูงใจในการเรียน และช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ส่วนปัญหาที่พบ คือ เนื้อหาในแท็บเล็ตกับหนังสือเรียนเหมือนกัน และปัญหาทางเทคนิค เช่น แบตเตอรี่หมดเร็ว เครื่องร้อน และหลายพื้นที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ รวมถึงครูบางส่วนยังไม่มีแท็บแล็ต และไม่มีทักษะด้านไอทีทำให้ไม่สามารถสอนนักเรียนได้ (อ้างอิงจาก posttoday)
ซึ่งปัญหาเหล่่านี้ทางเราได้เคยวิเคราะห์เอาไว้แล้วว่ามันต้องเกิดแน่ๆ เพราะทีมงานเองก็สนใจและติดตามโครงการ OTPC มาตลอด และเห็นเม็ดเงินส่วนใหญ่ หว่านลงไปในด้านของแท็บเล็ตล้วนๆ คือจะต้องประมูลนะต้องสั่งซื้อมาให้ได้ ส่วนการลงทุนในด้านของ software หรือระบบหลังบ้านที่จะนำมาใช้ควบคู่กันนั้นแทบจะไม่เห็นเม็ดเงินหลุดออกมาหรือเป็นข่าวให้ได้ยินเลย ด้านเนื้อหาที่เตรียมมาในตอนแรกนั้นก็เห็นแค่เอาไฟล์สื่อการสอนต่างๆ ที่เป็น flash บ้างเป็น video บ้าง มาแปลงลงแท็บเล็ทเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะมาตามติดเรื่องระบบหลักสูตรการสอนและระบบหลังบ้านของ OTPC กัน
DroidSans Weekly 8.5 พูดคุยกันเรื่อง OTPC เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554
บอกตามตรง พวกเราทีมงานต้องการให้โปรเจ็คต์ OTPC เกิดครับ เพราะมันจะช่วยให้เด็กๆ ทุกคนมีการเรียนร้และการพัฒนาที่ดีขึ้นได้แน่นอน แต่ปัญหาของมันตอนนี้ก็เหมือนกับที่ทาง สพฐ. ได้สำรวจมานั่นแหละ ปัญหาอย่างนึงคือเรื่องของเนื้อหาและการเรียนการสอนใน tablet เราลองมาไล่เรียงดูว่าตอนนี้เค้ามีการพัฒนาไปถึงไหนแล้ว
เว็บไซต์ของ OTPC เปิดให้บริการในวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 (อ้างอิงจาก blognone) และนี่คือหน้าจอปัจจุบันที่ผม capture มาครับ
จะเห็นว่าข้อมูลบางส่วนยังอยู่ในระหว่างการจัดทำและมีกำหนดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปี 2555 . . . ตอนนี้ผ่านมาปีนึงแล้วครับ ทั้งเว็บมีข้อมูลแค่ About us / FAQ / Facebook / Contact us ส่วนอื่นๆ ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ขนาดวิธีใช้งานยังไม่มี เวรกรรม – -” ใครอยากลองเข้าไปกดเล่นเชิญเลยครับ http://www.otpc.in.th
เอ.. แต่อ่านดูจากหน้านี้แล้ว เหมือนจะให้ไปเล่น facebook กัน เพรราะมีตั้ง 3 link
ว่าแล้วเราก็ลองเข้า facebook กันดีกว่า เผื่อเค้าย้ายไปเล่นกันในนั้นหมดแล้ว ทิ้งเว็บไปเลย ฮ่าๆ
หน้า facebook อันร้างว่างแปล่ามีคนมาแปะคำถามไว้พอสมควร ปัญหาส่วนใหญ่คือไม่สามารถติดตั้งสื่อการเรียนการสอนหลักสูตร ป. 2 ให้นักเรียนได้ แต่ไม่มีคนมาตอบ ส่วนข้อมูลอัพเดทจาก admin page นั้นเงียบไปแล้ว
สนใจอยากลองเล่น เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ที่ https://www.facebook.com/otpc.in.th
แต่ยังก่อน ยังมี facebook group เอาไว้ตอบคำถามหรือปัญหาต่างๆ ด้วยอีก 1 link แต่พอเรา copy n paste มาแปะแล้วปรากฏว่า . . .
เรียบร้อยครับ facebook group นี้หายไปแล้ว หรือไม่เค้าก็ลง link ผิดตั้งแต่แรก แล้วยังงี้คุณครูอาจารย์ที่มีปัญหาจะไปปรึกษาใครหละครับ – -?
สรุปว่าตอนนี้แท็บเล็ตนักเรียนยังคงมีการจัดซื้อกันต่อไป ในขณะที่ทางด้านหลักสูตรเองยังไม่พร้อม ถ้าเพื่อนๆ ลองเข้าไปตาม link ต่างๆ เช่น Facebook จะเห็นว่าครูอาจารย์ที่ได้รับ tablet ไปแล้วติดปัญหากันยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
ปัญหาการอัพเกรดหลักสูตรจาก ป. 1 เป็น ป. 2
- คุณครูไม่ทราบว่าต้องไปรับ SD Card ที่ไหน เพื่อนนำมาอัพเกรดเครื่อง
- ได้รับ SD Card เปล่าๆ มา ไม่มีข้อมูลข้างใน
- อัพเกรดแล้วหลักสูตรไม่เหมือนกับคลิปที่เห็นใน YouTube
- อาจารย์ต้องเป็นคนอัพเกรดเองทุกเครื่อง
เพจเกี่ยวกับ Tablet ของ Scope ก็มีคุณครูอาจารย์มาถามปัญหาบ่อยครับ
ส่วนใหญ่ติดขัดเรื่องการติดตั้งหลักสูตร ป.2 นี่แหละ รองลงมาก็จะถามเรื่องการ Flash ROM การ Root การใส่ Google Play และการติดตั้งเกมใน OTPC
😀
ความไม่พร้อมของหลักสูตรเองและการอบรมที่ดีแก่ผู้ใช้งานทำให้เกิดปัญหา ไม่เข้าใจเทคโนโลยี ตามไม่ทัน และไม่สามารถเข้าถึงได้เต็มที่ ทำให้การใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ
สรุปภาพรวมที่เห็นตอนนี้นะทั้ง เว็บ ทั้ง Facebook Fanpage ทั้งช่องทางอื่นๆ
ผมว่า เค้าล้มโครงการนี้ไปแล้วครับ เหลือแต่ จัดซื้อ Tablet ไปเรื่อยๆ
หรือหลังบ้านเค้ากำลัง Process อยู่ อาจจะเป็นไปได้ อืมๆ
process หลังบ้านยังทำอยู่ครับ แต่การบริหารมีปัญหา อย่าคาดหวังอะไรครับ ผมเบื่อละ
ความเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ทั้งชีวิต การบริหารของภาครัฐมันยังด๋อยคุณภาพมากครับ
อยากรู้อะไร ถามหลังบ้านครับ
ไม่รู้เข้าใจถูกไหม
มาตรา 5 ห้าม Hack
มาตรา 6 ห้าม บอก Password ห้าม บอกวิธี Hack
มาตรา 9 ห้ามโมรอม ห้ามปรับแต่ง ห้ามเพิ่มเติมเนื้อหาเอง
ถ้าพัฒนาระบบหลังบ้าน พัฒนาหลักสูตรให้ใช้ประโยชน์จาก tablet ได้เต็มที่ล่ะก็ มันจะเป็นโครงการที่ดีเลยทีเดียว แต่ก็อย่างที่เห็น ซื้อมาแต่ฮาร์ดแวร์ อย่างอื่นไม่พร้อมซักอย่าง ก็เป็นไปตามการคาดการณ์ของหลายๆ คนนั่นแหละว่ามันจะเป็นแค่โครงการผลาญเงินเล่น จะมีซักครั้งมั้ยที่ระบบราชการไทยจะสามารถลบคำสบประมาทพวกนี้ได้
ไม่มีข่าวไม่ได้แปลว่าไม่ได้ทำนะครับผมทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งทำแอปพลิเคชันบนแท็บเล็ตให้กระทรวงโปรแจคนี่ยาวหลายปีเลยครับ ตัวแอปพลิเคชัน ชันลิเคชันนี่แทบจะมีทุกคาบเรียนเลยละ แค่ระดับชั้นเดียวก็มีหลายร้อยแอปแล้วครับซึ่งรับประกันได้เลยว่ามีซอฟต์แวร์ให้ใช้แน่นอน
เป็นกำลังใจให้ครับ อยากเห็นแอพและสื่อการสอนดีๆ ให้เด็ก ได้ใช้
ทำก็ผมอยู่แต่ น่าจะเป็นคนละโครงการกัน
แต่ตอนนี้ ต้นทางหน่วยงาน …… กำลังมั่ว มากคนทำ มึน
ของนักเรียนยังเคลียร์ไม่จบ นี่จะสร้างปัญหาใหม่ให้สว. สส. ใช้กันอีก 555+
นโยบายซื้อเสียงครับ ขอบคุณที่เป็นสื่อที่กล้าตีแผ่ความจริง
เอาเงินภาษีคืนมา………….
เอาไปซื้อหนังสือเรียนแจกเด็กแทนดีกว่ามั้ย
ผมสงสารเด็กไทยจริงๆ และน่าเศร้าที่เรามีผู้บริหารที่ไม่เคยมีความรู้ความถนัดในงานที่รับผิดชอบอีกอย่างเราไม่เคยสร้างความพร้อมในทุกเรื่องก่อนที่จะทำอะไร สักแต่ขอให้ได้ทำสุดท้ายก็ลงเอยที่ทุจริตเสมอ…. -_-'
ไม่ต้องทำเยอะครับAppแค่ทำให้ดีให้ใช้ได้จริงเพื่อการศึกษาก็พอครับ
ลองนึกภาพดูสิครับ เรียนหนังสือเทอมละบทจะเป็นยังไง จะไม่ให้เยอะไม่ได้หรอกครับ ก็ทำตามบทเรียนที่มีมันก็ต้องเยอะอยู่แล้วครับ
ผมว่าคุณเข้าใจคำว่าเยอะไม่ตรงกับที่เค้าบอกนะครับ
ถ้าแค่เอาภาพเอาตัวอักษรมาลงอะ เค้าก็อปวางลงtext หรือ word 10นาทีก็ได้เล่มนึงแล้ว
นี่แม่งเล่นตัวแถไปเรื่อยๆไม่ทำห่าไรสักอย่าง ประเทศของเราเจริญจริงๆเรื่องพวกนี้ เซ็งกับประเทศครับ
ผมเป็นช่างคอม servic ตามโรงเรียนแทบทุกวันสิ่งที่ผมเจอ คือ
– net ipstar ใช้เกิน4 เครื่องก็ล้มส่วน uninet แรงจิงแต่ไม่เห็นจะใช้ได้เลยแล้วแจก tablet มาใช้ไม่ได้แน่นอนแค่คอมยังไม่ไหวเลย
-ครู ตามโรงเรียนนอกๆ ครูคอมยังไม่มีเลยมีแต่โรงเรียนใหญ่ๆ
-Tablet เคยไปส่งเหมือนกัน งบ สพฐ นี้แหละส่งเครื่องสำหรับครู ใช้ควบคุมเครื่องเด็ก น่าจะงบเดียวกันกับงบนี้ เครื่องพร้อม software แต่ถามว่าใช้ได้จิงไหม่เท่าที่ลอง ผมว่าใช้งานไม่ได้
ตอนนี้เท่าที่ผมเห็นมันยังมีปัญหามากแทบจะทุกทางเลยที่จะใช้งานได้จิง มันก้าวกระโดดเกินไป ควรจะมาพัฒนาระบบ net ครู ให้มันใช้ได้ดีก่อน แล้วค่อยเอา tablet มาแจกอันนี้น่าจะโอเคกว่านะ
เห็นด้วยครับ
ถ้าเราได้ใกล้ชิดกับโรงเรียนขนาดกลางหรือขนาดเล็กตามต่างจังหวัดสักหน่อยจะเข้าใจเลยว่า
อุปกรณ์ไอทีพวกนี้ซื้อมาสักพักมันจะกลายเป็นขยะ
เพราะตามโรงเรียนต่างๆไม่ได้มี it support คอยช่วยเหลือ
บางทีแค่เครื่องใช้ไม่ได้เพราะ windows เสีย ถ้าลง windows ใหม่ก็ใช้งานได้แล้ว แต่ไม่มีคนคอย support ทำให้ อุปกรณ์พวกนี้เลยกลายเ็ป็นขยะทิ้งไว้เฉยๆ
บางทีผมว่าเราควรพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับเทคโนโลยีก่อน จึงจะเกิดประโยชน์จริงๆแก่ลูกหลานเรา รวมทั้งภาษีที่เราจ่ายไป
เก็บตก links มาแปะเพิ่มครับ (เห็นหยุดอัพเดตนานแล้วเหมือนกัน)
http://dekthai.net/
แล้วใครที่ไม่เคยได้จับ OTPC รุ่นเด็ก ป.1 เครื่องจริงๆ ลองกดเล่นผ่านทางนี้แทนนะครับ
http://netcafeclub.net/otpc/OTPCp1/LSystem/main.html
เท่าที่ดูเนื้อหามันเหมือนกับเครื่อง tablet ตัวจริงๆ ที่ผมได้มีโอกาสจับมาแล้ว แล้วลองเปรียบเทียบดูแล้ว น่าจะได้รับประสพการณ์คล้ายๆเครื่องจริงๆ นะครับ
ผมเห็นด้วยที่ว่าเนื้อหามันคล้ายในหนังสือแบบเรียนปรกติจริงๆ
ก็จะมีแต่ มีเดีย ประเภท Amimation การ โต้ตอบ บางอย่าง และอีก ฯลฯ ที่หนังสือจริงๆทำไม่ได้
ผมว่าการอัพเกรด บทเรียน ป.1 ไปเป็น ป.2 ไม่น่ายากนะครับ
อารมณ์มันเหมือน เกม ประเภทที่มี ดาต้า เป็น obb น่ะครับ เปลี่ยนตรง obb v.ป.1 เป็น v.ป.2 ก็จบเลย
แต่เค้าไม่ซิปมาเป็น pack นะครับ มีไฟล์ประกอบกระจายเลย เหมือนเราเซฟไฟล์หน้าเว็บทั้งหมด แต่ก็อยู่ ภายใต้โฟลเดอร์เดียว ซึ่งจริงๆเนื้อหามันก็ทำงานคล้ายดูเว็บเพจแบบ offline สำเร็จ นะครับ
น้อยครั้งมากที่จะจำเป็นต้อง online จริงๆ
แต่ถึง online จริงๆได้ มันก็ติดที่เป็น Android ครับ เปิดเว็บถ่ายทอดสด ที่ใช้พวก ActiveX ก็จบข่าวเหมือนกัน (ปัญหาโลกแตกจริงๆ เรื่องความเข้ากันได้ ถ้าลองผ่านบน PC บางคนก็อาจจะไม่เห็นถึงปัญหานี้ก็ได้ เพราะไม่รู้ว่า web browser ได้ลง WMP plug-in ไว้แล้วแบบไม่รู้ตัว)
สุดท้าย ผมก็ยังไม่เคยเห็น บทเรียน ป.2 ว่าจะต้องไปทำอะไรยังไงเหมือนกันครับ
ทีมงาน จัดทำเนื้อหา ดูลึกลับมากครับ
แค่ของ ป.1 ที่สังคมกำลัง …า…า…กันอยู่ตอนนั้นแรกๆนั้น ไปเห็นเนื้อหาแล้วก็ มากมาย ก่ายกอง เหลือเชื่อ ว่าจะมีความพร้อม ขนาดนั้น
เพิ่มเติมว่า หลังจากโพสแล้ว ก็ ไปกดเนื้อหาภาษาไทย ทีไร นึกถึง มานะ มานี ปิติ ชูใจ และ ผองเพื่อน จริงๆ
อยากให้ได้ออกมาโลดแล่นแบบนี้บ้าง (ไม่ได้หมายถึงเวอร์ชั่น ดัดแปลงใดๆนะ เอา original จริงๆเลย)
เด็กสมัยนี้มันโชคดีนะ (แต่ กรรมบัง รึเปล่าหว่า ?) ที่เกิดมาในยุคที่มีเทคโนโลยี่ก้าวกระโดดจนถึงเพียงนี้
ไม่รู้สิครับเป็นคนโสดลูกเต้าไม่มี ไม่รู้ว่าเค้าเปลี่ยนเรื่องอะไรมาสอนภาษาไทย ไม่มีตัวช่วยให้ in เนื้อเรื่องใหม่ๆได้เลย
ในความคิดของเด็กปี 4 ที่พึ่งจะผ่านประถมและมัธยมมาไม่นาน(มั้ง)อย่างผม
ผมไม่รู้ว่าตอนที่เค้าคิดนโยบายเค้าไปทำรีเซิร์ชอะไรรึเปล่านะ หรือแค่เอานิ้วเท้ามาเกาๆที่หัวแล้วก็คิดนโยบายขึ้นมาได้
แต่พอรับเลือกมาแล้วมาสานต่อนโยบายที่หาเสียงไว้ ผมว่าเหมือนขายผ้าเอาหน้ารอดไม่ให้โดนด่า
เพราะคิดว่าทำตามนโยบายที่ให้สัญญาไปแล้ว เรื่องที่จะอัพเกรดหรือเซอร์วิสอะไรหลังจากนั้นก็ปล่อยๆชั่งมัน
คนไทยส่วนใหญ่ ย้ำนะครับส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทั้งหมด ดูแต่นโยบาย + ทำตามที่หาเสียงไว้หรือไม่
ถ้าเห็นว่าทำตามอย่างที่หาเสียงไว้ ก็แล้วกันไป แต่ถ้าไม่ทำตามก็ค่อยมาด่ากันทีหลัง
น้อยคนที่จะมาติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากการทำตามนโยบายตอนที่หาเสียง
thai only มีแต่หาผลประโยชน์ ลูกผมบอกไม่สน tapled เพ้อเจ้อหรอกมันกาก ใช้ pc เล่นสะใจกว่าเยอะ รอนํ้าท่วมหลังเป็ดก่อนเถอะแล้วค่อยมาว่ากัน
นโยบาย สนองนีส ตัวเองครับ
โดยไม่คำนึง ถึงพื้นฐาน ความเป็นจริง
หลายๆ อย่าง มันยังไม่พร้อม
ตัวโครงการมันดีนะ แต่ก้าวกระโดดไปหน่อย เหมือนว่าแจกหนังสือแต่ได้สมุดเปล่ามา เนื้อหายังไม่พร้อม ผมว่าหลังจากนี้คงดีขึ้น ตัวเนื้อหาเริ่มมีเยอะแล้ว
ถ้าเยอะแล้วดี ใช้ได้จริงก็สนับสนุนครับ การศึกษาเราจะได้พัฒนา (แต่สำหรับคนสอนนี้น่าจะมีจัดอบรมน่ะ คงมีคนไม่เข้าใจอยู่เยอะน่ะครับ)
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้แต่ต้นนะ คิดว่าควรเอาเงินไปสร้างห้อมคอมฯ ให้แต่ละโรงเรียนจะดีกว่า S/W PC มันถูกกว่า หาไม่ยาก ใช้ linux อย่าง ubuntu , mint ก็ได้ ไม่ต้องใช้ windows
ดีครับ … ข่าวแบบนีั้ มีให้ได้สะท้อน ได้รู้ความคืบหน้า … ดีกว่า ไม่มีอะไรมา feedback เลย …
ใครทำงาน ทำกันไป ให้มีของดีดี มีประโยชน์มาสำหรับเด็กน้อยๆ พื้นฐานที่มั่นคนต่อไปในอนาคต
ไม่แปลกครับ ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์ก็ยังมีไม่ทั่วถึงเลย ทั้งๆ ที่คอมพิวเตอร์มีมาก่อน tablet เป็นสิบๆ ปี internet ก็ยังไปไม่ทั่วถึง
สงสารนักเรียนครับ เป็นเครืองมือให้นักการเมืองเลวบางจำพวกที่กินก็ไม่รู้จักอิ่ม
ยังงี้ไม่โดนพวกข้อหาอนาจารหรอครับ รูปนี้อะ
http://www.otpc.in.th/images/picture007.png
เขาก็จัดโครงการ กินกันพุงกาง ตามเคย
สั่งมาก่อนนะที่เหลือก็ ช่าง ตัวใครตัวมัน
โครงการกลวง ๆ มองก็รู้ว่าทำเพื่ออะไร ไม่มีอะไรรองรับสักอย่าง บริษัทที่ประมูลได้ก็ไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์ ทั้งหมดทั้งมวลก็แค่เพื่อ % จบ แค่นั้น ที่เหลือก็ตามแก้เอาเองหรือไม่ก็รอให้เวลาผ่านไปยกเลิกกันเอง อิ่มละจบ
สรุปว่า…
หลายคนต่อต้าน แต่ก็ ต้อต้านไม่สำเร็จ ทั้งบ่นกร่นด่าอะไรก็แล้ว แต่ปล่อยให้ใันปรากฏขึ้นมาในสังคม
พอมีเครื่องจริงๆ ออกมา แล้ว หลายคนก็ไปติ สติกเกอร์คำเตือน (เวอร์ชั่นหลังๆ อ่านรู้เรื่องแล้วนะ เผื่อใครยังไม่รับรู้)
หลายคนน่าจะได้เป็น "ผู้พัฒนา" เนื้อหาการเรียนการสอนใน tablet ก็……ไม่ได้ไปทำ
หลายคนไม่เคย แม้แต่จะได้จับเครื่องจริงๆ
หลายคนคนไม่เคยเข้าไปดูเนื้อหา สำเร็จรูป เลย ซักครั้งเดียว (จากลิงค์ที่ผมเคยยกมา)
ลิงค์ที่ผมยกมา มีก่อน เครื่องจริงจะมาซะอีก เพื่อใช้ประโยชน์ ที่เรียกง่ายๆว่า ทดสอบเวอร์ชั่น เบต้า เพื่อให้ บุคคลทั่วไป ร่วมตรวจสอบ หาข้อผิดพลาดแล้ว แจ้งกลับไปยังผู้พัฒนา
หลายคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "สำนักงานการประถมศึกษา" ระดับจังหวัด ซึ่งเป็นคนรับนโยบายเอาไปปฏิบัติ (ผมก็ไม่ได้เกี่ยว แต่ผมชอบสอดรู้เรื่องเค้า เพราะมีคนรู้จักได้ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เต็มๆ)
แล้วในระดับจังหวัด เดียวกัน ยังแบ่งเป็น เขต 1,2,3,…,n,
แค่อยากจะบอกว่า ปัญหา ที่เกิดขึ้น มันไม่ได้มีปัญหาไปหมด ทุกที หรอกนะครับ บ้างเขต ก็ใช้งานราบรื่นดี และไม่ได้เอามาออกสื่อ ป่าวประกาศ ให้โลกได้รับรู้ อย่างเป็นทางการ
แต่แบบไม่เป็นทางการ นั้นมีเพียบ เช่นพวก facebook ส่วนตัวของคุณครูต่างๆ หรือ blog และ อื่นๆอีกมากมาย ขึ้นอยู่ว่า จะหากันเจอหรือเปล่า (ซึ่งดูท่า หลายคนก็ไม่เคยแม้แต่คิดจะหาข้อมูล เลย….)
ถ้าจะยึดติดกับขอบข่ายคำว่า otpc แล้วไปกด เสิร์จ เอาจาก google นั้นขอบอกว่า
แคบมากครับ……แค่นี้ยังไม่ถึง 0.000001 % เลยด้วยซ้ำ เพราะข้อมูลจะชี้ไปยังเว็บที่มีข้อมูล ดูเป็นทางการ เท่านั้น
อย่าง บางคนคิดว่า ครู ป.1 ไม่มีความรู้พอ จน… ใช้ tablet ไม่เป็น !!?!?
โรงเรียนทุรกันดาร ยากจน ไม่มี อินเตอร์เน็ท
แต่หารู้ไม่ว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอกครับ โรงเรียนที่จินตนาการ ไว้แบบนั้น อาจจะมีถึง อินเตอร์เน็ทผ่านดาวเทียมใช้งานก็ได้
ครูสอน ป.1 ก็คนนะครับ ทุกคนเคยเรียนผ่าน ป.1 กันมา ครูทุกคนสมัยนี้หรือว่าสมัยไหนๆ ก็ต้องมี คุณวุฒิ สูงมากพอ ที่จะใช้ไปอบรมสั่งสอบ บุตรหลานคนอื่นนะครับ
หลายคนพูดซะอย่างกับว่า ครูป.1 ทำงานโดยคนที่จบ ระดับ ป.2 ซะ..อย่างงั้นแหละ (บางคนถือตนว่า ฉลาดกว่า คุณครู ป.1 ที่เคยสอนตัวเองมาด้วยซ้ำ)
คนแก่ไฮเทค….. ผมก็เห็นหลายคนพูดนะครับว่า จะซื้อ มือถือ/tablet แอนดรอย(และ/หรือ iOS) ให้ คุณพ่อ คุณแม่ ใช้
เอ่อ….แปลกดีนะ ทำไมพอเป็น ครูป.1 ปุ๊บ ถึง จะใช้ tablet ไม่เป็น
คงไม่ยาวไปกว่านี้ล่ะ เพราะคงไม่มีใครอ่าน ขอจำกัดความเลยแล้วกันว่า "อคติ ทำให้คน มืดบอด"
สุดท้าย นึกถึงเพลง "น้ำลาย วง Silly Fools" จริงๆกับ กรณีแบบนี้
แต่ก็ไม่ได้เถียง หรือ สวนกระแส หัวข้อข่าว กระทู้นี้ หรอกนะครับ ถ้าข่าวมันจะออกมาแบบนั้นมันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใดๆ ก็รู้ๆกันอยู่ว่า คนส่วนใหญ่คิดเห็นกับเรื่องนี้กันเช่นไร
ปล.เชื่อสิว่ามีคนแอบคิดว่า ไอ้เจ้าของ ID นี้โดน ซื้อไปแล้วแน่ๆเลย…เหอะๆๆๆๆ
edit นึงนึงเพราะลืม
ผมได้กลับมาเกาะติดข้อมูลอีกครั้ง เห็นเรื่องการอัพเกรดเนื้อหาจาก ป.1 ไปเป็น ป.2 แล้ว ไม่เห็นยากอะไร
มันติดขัดแบบขอขวด ที่ระดับ สพป. แบบแบ่งเขต นี่แหละ
มีการจัดอบรม แยกกัน เอกสารจัดอบรมรูปเล่มจริงจัง หนาปึกๆ จัดทำเองด้วยระดับเขต เหมือนตัวใครตัวมัน
ทั้งๆที่น่าจะเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้ง จังหวัด(หรือควรจะเป็นทั้งประเทศ) นี่ยังไม่รู้ว่าของ จังหวัดอื่นจัดสรรบริหารงานเป็นยังไงนะครับ
* ข้อมูลผมก็อาจจะผิดพลาดได้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้นตรงๆ นะครับ