มือถือมีกล้องนี่เรื่องปกติ แต่เตารีดมีกล้องก็เพิ่งเคยเห็น เคยลอง กับ Philips PerfectCare 9000 series ตัวนี้ ได้ยินครั้งแรกก็ข้องใจ เตารีดทำไมต้องมีกล้อง มีไปทำอะไร แล้ว AI ที่เค้าบอกว่าเอามาใช้กับเตารีดแรงดันไอน้ำตัวนี้ ที่จะมาช่วยเรารีดผ้า ช่วยทำอะไรบ้าง จะมาเล่าให้ฟังกันครับ
บอกก่อนว่าไม่ใช่สายรีดผ้า จะบอกว่ารีดไม่เป็น .. ก็ไม่เกินจริงเท่าไหร่ หรือที่เค้าชวนไปลองเพราะรู้ว่าเรารีดไม่เป็นก็ไม่รู้แฮะ 55555555 เข้าเรื่องเลยแล้วกัน สำหรับเตารีดฟิลิปส์ 9000 series ตัวที่มีโอกาสได้ไปลองมา เรียกว่าเป็น Smart AI iron หรือ เตารีดแรงดันไอน้ำที่ใส่ เทคโนโลยี ActiveSense มี AI มาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะของเราในการรีดผ้า เป็นเตารีด AI ตัวแรก และ ตัวเดียวในโลกตอนนี้ ~~
ทำไมเตารีดต้องมีกล้อง ต้องมี AI ?
สำหรับใครที่เคยเจอปัญหา ผ้าที่จะต้องรีดนี้ไม่รู้จะรีดยังไง เป็นผ้าอะไร ใช้ไฟเท่าไหร่ ต้องพ่นไอน้ำเพิ่มรึเปล่า เตารีดตัวนี้นี่แหละที่จะมาช่วยคิดถึงเรื่องพวกนี้แทนเรา เพราะ AI ที่ถูกใส่มานั้นจะเป็นคนคิด สั่งการ และ ทำงานร่วมกับกล้องมาโครที่ติดมาด้วย โดยการทำงานของเตารีดมีตามนี้เลยครับ
เตารีดAI ทำงานยังไง ?
เมื่อเรารีดผ้า เทคโนโลยี ActiveSense จะใช้ตัวกล้องมาโครก็จะเริ่มทำงานจับภาพเส้นใยของเนื้อผ้าที่เรากำลังจะรีดด้วยเช่นกัน ใครนึกภาพไม่ออกว่าภาพที่กล้องเห็นเป็นแบบไหนลองดูตามภาพด้านล่างนี้ได้เลยครับว่าเห็นเส้นใยละเอียดขนาดไหน
พอได้ภาพของเส้นใยก็จะส่งไปให้ AI วิเคราะห์ว่าเป็นเนื้อผ้าประเภทไหน โดยเป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลที่มีอยู่ เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ของ AI นั่นแหละ กว่า 25,000 ภาพของเส้นใยผ้า แล้วก็จะออกมาเป็นข้อมูลว่าเป็นเนื้อผ้าอะไร ต้องใช้ไฟขนาดไหน ไอน้ำเท่าไหร่ โดยใช้เวลาประมวลผลแค่ 1-2 วินาทีเท่านั้น เพราะฉะนั้นหมดกังวลสำหรับคนที่ไม่อยากรีดผ้าเพราะรีดไม่เป็น กลัวรีดผ้าไม่เรียบ หรือ กลัวผ้าพังไปได้เลย
นอกจากคิดแทนเราเรื่องรีดผ้าแล้ว ยังคิดถึงเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดไฟเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหว หรือ ไม่ได้ใช้งาน รวมถึงยังมีระบบ Fast cooling system ที่สามารถลดอุณหภูมิของเตารีดลงได้อย่างรวดเร็ว หายห่วงเรี่องผ้าไหม้แม้จะวางเตารีดทิ้งไว้ไปทำอย่างอื่นก็ตาม
มี AI คิดแทนเราแล้วทำอะไรได้อีกบ้าง ?
ตัว AI นอกจากจะมาช่วยเรื่องรีดผ้าแล้ว เตารีดเองก็ยังใส่ความสามารถอื่นๆมาอีก ขอสรุปเป็น 8 ข้อ ความสามารถของ ของ Philips PerfectCare 9000 series ตามนี้เลยครับ
- เตารีด AI ตัวแรกของโลก แค่ยกเตารีดวางกับผ้า AI ก็รู้ว่าเป็นผ้าอะไร โดยการวิเคราะห์ผ่านกล้องจากการจับภาพเส้นใยของเนื้อผ้า
- ปรับความร้อน ไอน้ำได้อัตโนมัติให้เข้ากับผ้าที่รีด โดยไม่ต้องตั้งค่า หลังจาก AI วิเคราะห์เนื้อผ้าแล้ว แม้จะเป็นผ้าที่ตัดเย็บผสมกันหลายๆชนิดก็ปรับความร้อนให้พอดี อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ได้ โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที
- ไม่ต้องกลัวผ้าไหม้ ด้วยการเลือกความร้อนที่เหมาะสมกับเนื้อผ้า ผสานกับมีระบบ Fast cooling system ปรับอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วแม้วางลืมทิ้งไว้ (อันนี้สำหรับเฉพาะผ้าที่รีดได้เท่านั้นนะ พวกพลาสติกหรือผ้าที่รีดไม่ได้ ไม่นับ)
- ลดความเมื่อยล้า เพราะตัวเตารีดน้ำหนักเบา แต่รีดได้เรียบด้วยพลังไอน้ำแรงถึง 9 บาร์ และไม่ต้องคอยกดไอน้ำเพราะมี DynamiQ ที่จะพ่นไอน้ำตามความเคลื่อนไหวของเรา พอขยับไอน้ำก็ออกเอง พอเราหยุดรีดไอน้ำก็หยุด
- ปลอดภัยหายห่วงตรวจจับความเคลื่อนไหวของเตารีด ถ้าหยุดเคลื่อนไหวนานประมาณ 5 นาทีจะตัดไฟให้อัตโนมัติ
- รีดผ้าได้นานด้วยหม้อน้ำ 1.8 ลิตร อยู่ได้ 1-2 ชั่วโมง
- มีพลังไอน้ำแรงสูงสุดถึง 750กรัมต่อนาที ทำให้ไม่ต้องกดรีดให้เมื่อย แถม ไม่ทำให้ปวดมือ รีดผ้าแบบแนวตั้ง เตารีดยืนรีดก็ทำได้
- ระบบ Easy De-Calc Plus ล้างทำความสะอาดง่าย มีที่กักเก็บตะกอน และ ระบบแจ้งเตือนให้ทำความสะอาดอัตโนมัติ
ความรู้สึกหลังลองใช้งาน
หลังจากได้ไปลอง ไปรีด โดยเตารีด Philips PerfectCare 9000 series เนี่ย ก็รู้สึกว่าสะดวกกว่าเตารีดตัวเก่าขึ้นมาก ยิ่งถ้าคนที่รีดไม่เป็นนะ มันรีดง่ายสุด เรียบสุด เพราะตัว ActiveSense ที่เค้าใส่เข้ามานี่แหละ แม้เวลาเร่งด่วนก็คงอยากจะหยิบมาใช้งาน เพราะแค่วางทาบๆก็เสร็จแล้วไม่ต้องตั้งค่า รีดได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รวมถึงผ้ายากๆ อย่างผ้าไหม หรือ ขนเฟอร์ก็รีดได้ โดยที่ไม่ต้องมานั่งห่วงเรื่องผ้าจะเสียหายรึเปล่า
รวมๆแล้วเหมาะกับคนที่ไม่มีสกิลการรีดผ้าเลย หรือ ไม่ได้มาสายนี้ รีดเท่าไหร่ก็ไม่เรียบซักที กับ สาวๆหรือแม่บ้านที่รีดบ่อย รีดเยอะ อันนี้ไม่ต้องเสียเวลาตั้งค่า แค่ยกทาบวาง ประหยัดเวลาได้เยอะเลยครับ
เห็นราคาแล้วขนหัวลุกเลยครับ
เกือบ 3 หมื่น…ทนใช้เตารีดอันละ 700 ต่อไป
เตือนด้วยความหวังดี พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความร้อนหรือใช้งานหนัก เอาที่ระบบดิจิตอลน้อยที่สุด
เตารีดไอน้ำฟิลลิปส์ใช้กี่ตัวๆ เคลมบอร์ดทุกตัวทั้งหม้อต้มแยกหม้อในตัว
มาไกลจริง ๆ เลยแหะ
เหมือนจะมีประโยชน์มากนะ แต่เอาเข้าจริงไม่ค่อยจะไม่มีประโยชน์ เพราะเสื้อผ้าทั่วไปมัอยู่ไม่กี่ประเภทเท่านั้น เสื้อผ้ามักจะตัวเดิมๆ รีดซ้ำวิธีเดิม คนรีดแค่หาว่าผ้าที่กำลังจะรีดเป็นชนิดอะไรจากป้ายที่ติดอยู่ครั้งแรกหรือบางคนแค่มองแล้วจับก็รู้แล้ว แล้วก็ปรับให้ถูก ครั้งต่อไปก็พอจำได้แล้วก็จบ คือมันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนรวยมากๆ ตังเหลืออะไรประมาณนั้นแล้วไม่อยากจ้างคนอื่นรีดด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม แล้วก็ไม่ขี้เกียจจนไม่อยากดูประเภทของผ้าอะไรประมาณนั้น