POCO F7 Series ที่หลายคนกำลังรอคอยจะมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ POCO F7, POCO F7 Pro และ POCO F7 Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวไป โดยคาดว่าซีรีส์นี้จะมาพร้อมการอัปเกรดที่สำคัญ และล่าสุดมีรายงานเปิดเผยรายละเอียดของ POCO F7 รุ่นเล็กสุดในกลุ่มออกมาแล้ว ซึ่งจะมาพร้อมกับชิประดับเรือธง แบตเตอรี่ที่เยอะ และจะมาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเช่นเคย
ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวชื่อดังอย่าง Digital Chat Station บน Weibo ระบุว่า POCO F7 จะมาพร้อมชิปเซต Snapdragon 8s Elite ที่ยังไม่ได้ประกาศเปิดตัว ซึ่งตามรายงานระบุว่าโปรเซสเซอร์นี้เป็นรุ่น Snapdragon 8 Elite ที่ถูกปรับลดความเร็วลงเล็กน้อย หรือก็คือมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Snapdragon 8 Gen 2 แต่ต่ำกว่า Snapdragon 8 Gen 3 เล็กน้อย และแม้ว่าชิปเซตนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2025 แต่มีข่าวลือว่า POCO F7 จะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้ชิปเซตนี้ และคาดว่าจะเปิดตัวสู่ตลาดโลกในเดือนเมษายน 2025
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า โทรศัพท์ในปีหน้าจะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,000 mAh เป็นกระแสหลัก และ POCO F7 อาจเป็นหนึ่งในผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้
ส่วนสเปกเพิ่มเติมเปิดเผยว่าจะมีหน้าจอ AMOLED LTPS 1.5K ชิปเซต Snapdragon 8s Elite แบตเตอรี่ 7,000 mAh พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 90W ด้วยสเปกระดับนี้ทำให้ POCO F7 เป็นคู่แข่งระดับกลางที่ทรงพลังโดยมีจุดเด่นอยู่ที่สเปกระดับสูง
ที่น่าสนใจคือ POCO F7 คาดว่าจะเป็นเวอร์ชันรีแบรนด์ของ Redmi Turbo 4 Pro ในขณะที่รุ่น Pro และ Ultra อาจรีแบรนด์จาก Redmi K80 และ K80 Pro ตามลำดับ ในขณะที่ POCO F7 อาจเปิดตัวในเดือนเมษายน 2025 แต่รุ่น Pro และ Ultra อาจเปิดตัวเร็วกว่าเล็กน้อย
POCO F7 ได้รับการรับรอง BIS ในอินเดียแล้วภายใต้หมายเลขรุ่น 2412DPC0AI ซึ่งบ่งชี้ว่าจะเปิดตัวในภูมิภาคในเร็ว ๆ นี้ และก่อนหน้านี้พบคุณสมบัติการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ ได้แก่ 5G, Bluetooth, Wi-Fi และรองรับ NFC ซึ่งยืนยันได้ว่าอุปกรณ์จะวางจำหน่ายทั่วโลก
ส่วนทางด้านราคา ในรุ่นก่อนหน้าอย่าง POCO F6 เปิดตัวในประเทศไทยที่ราคาเริ่มต้น 12,490 บาท ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และเชื่อว่า POCO F7 ก็อาจเปิดตัวในช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน และแน่นอนว่ารุ่นนี้จะจับกลุ่มลูกค้าที่มองหาสมาร์ตโฟนที่สเปกแรงในงบประมาณที่จำกัด และเชื่อว่า POCO F7 Series มีแนวโน้มว่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางในปีหน้าอย่างแน่นอน
ที่มา gizmochina
Comment