วันนี้เรามาพักจากการรับชมข่าวสารของ Android กันซักนิด แล้วมาดูสมาร์ทโฟนตัวใหม่ล่าสุดของทางฝั่ง Windows Mobile กันบ้างดีกว่า ซึ่งครั้งนี้ต้องบอกว่าเลยเป็นการแกะกล่องแล้วพรีวิวที่ใหญ่มาก ไม่ใช่แค่ตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียใ แต่กล่องก็ใหญ่เวอร์วังสุดๆ เพราะนี่คือ HP Elite x3 เรือธงในฝั่ง Windows Mobile ในขณะนี้ ที่เปิดราคามาที่ 29,900 บาท
ปกติแล้วเรามักจะนำสัดส่วนของตัวสมาร์ทโฟนมาอวดให้ดู แต่ครั้งนี้เราขอนำสัดส่วนของกล้องมาให้ดูด้วยเลยดีกว่า เพราะว่ากล่องของ Elite x3 นั้นใหญ่มากจริงๆ โดยสัดส่วนของกล่องอยู่ที่ประมาณ 54.5 x 26 x 10.5 เซนติเมตร
เลิกแซวเรื่องกล่องแล้วเปิดดูข้างในกันบ้างดีกว่า เมื่อเรายกฝากล่องขึ้นมาก็จะเจอกับตัวเครื่องอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนตรงกลางนั้นเป็น desk dock และทางด้านขวานั้นเป็นกล่องที่เก็บสายพ่วงต่างๆ เอาไว้
สเปคของ HP Elite x3
- OS: Windows 10 Mobile
- หน้าจอ: 5.96 นิ้ว AMOLED ความละเอียด WQHD 2560 x 1440 พิกเซล
- CPU: Qualcomm Snapdragon 820 2.15GHz 4-core
- RAM: 4GB LPDDR4
- หน่วยความจำภายใน: 64GB รองรับ microSD สูงสุด 2TB
- กล้องหลัง: 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล และ iris camera
- การเชื่อมต่อ:
- รองรับ dual-SIM แบบนาโนซิม (Hybrid slot)
- รองรับ 4G LTE
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 4.0
- NFC
- USB Type-C
- มี Fingerprint reader และ Iris scanner
- รองรับ IP67
- แบตเตอรี่: 4,150 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
- สัดส่วน: 161.8 x 83.5 x 7.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 194 กรัม
ก่อนที่จะมาดูตัวเครื่อง เรามาดูว่าภายในกล่องนั้นมีอะไรแถมมาให้ก่อนดีกว่า อย่างแรกเลยที่เห็นอยู่ตรงกลางนั้นก็คือ desk dock ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการแปลงร่างเจ้า Elite x3 ให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ตัวเล็กๆ
desk dock มีน้ำหนักที่ค่อนข้างหนักพอสมควร ซึ่งก็เพื่อให้เวลาวางบนโต๊ะแล้วไม่ลื่นไหลไปไหน โดยด้านหลังมีพอร์ตการเชื่อมต่อให้มาอย่างครบถ้วน ทั้ง LAN Ethernet, Display port (ไม่ใช่ HDMI Port นะครับ), USB 2 ช่อง และ USB Type-C ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ อย่างเช่น เม้าส์และคีย์บอร์ด เป็นต้น
ขุดลึกลงไปอีกเราจะเจออุปกรณ์ที่แถมมาให้อีกเพียบ โดยอุปกรณ์เสริมที่อยู่ในหลุมตรงกลางนั้นจะเป็น หน้ากากสำหรับครอบ desk dock อีกที ซึ่งมีด้วยกัน 4 แบบ
ถ้าหากว่ามองแบบผ่านๆ อาจจะไม่รู้ว่าหน้ากากแต่ละอันนั้นมีหน้าที่ต่างกันอย่างไร ซึ่งตรงนี้เราสามารถพลิกหน้ากากแต่ละอันมาดูได้ครับ โดยหน้าที่ของมันก็คือ เอาไว้ใช้เปลี่ยนหน้ากากให้เข้ากับตัวเครื่องนั่นเอง มีแบบตัวเครื่องที่ยังไม่ได้ใส่เคส ใส่้เคสแล้ว ใส่เคสแบบมีฝาพับ และแบบที่ต้องพ่วงสาย
มาดูบริเวณด้านขวาของกล่องกันต่อเลย ซึ่งตรงนี้ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ อยู่ด้านบน แต่ว่าด้านไหนนั้นเป็นตัวอแดปเตอร์ที่เอาไว้เสียบกับ desk dock และมีสายแปลง USB Type-C เป็น HDMI อีกอย่างที่อยู่ในโซนนี้ก็คือ เคสซิลิโคน ครับ
แค่แกะกล่องอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว มาๆ มาดูฝั่งซ้ายปันบ้าง เอ้า เฮ!! เจอตัวเครื่องแล้ว!! แต่ช้าก่อน มาดูด้านล่างกันก่อน
ยกตัวเครื่องออกมาก็จะเจอกับ อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับ Elite x3 นั่นก็คือ สายชาร์จแบบ USB Type-C, ตัวอแดปเตอร์ และ หูฟัง
อแดปเตอร์ที่แถมมาให้นั้นจ่ายไฟที่ 5.3V และ 2.0A
เหนื่อยกันหรือยังครับ ฮ่าๆ มาเรามาถึงตัวเด่นของงานแล้ว นั่นก็คือ HP Elite x3 นี่เอง โดยหน้าจอของ Elite x3 มีขนาดอยู่ที่ 5.96 นิ้ว ความละเอียดอยู่ที่ 2560 x 1440 พิกเซล
ลองนำ Elite x3 มาเทียบกับ iPhone 7 Plus แบบขำๆ จะเห็นได้ว่ามีขนาดใหญ่กว่าพอสมควรเลยทีเดียวครับ
HP นั้นจับมือกับทาง B&O นำลำโพงมาใช้กับ Elite x3 ด้วย ส่วนเสียงจะเป็นอย่างไรนั้น เอาเป็นว่ารอดูตอนรีวิวละกันนะครับ
บริเวณด้านบนมี เซนเซอร์วัดแสง ลำโพงสนทนา กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องสแกนม่านตา
ด้านซ้ายมีเพียงแค่ช่องใส่ซิม โดยเป็นแบบ hybrid dual-SIM แบบนาโนซิม
ปุ่มพาวเวอร์ และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง
ที่เห็นด้านล่างนั้นไม่ใช่โลหะนะครับ แต่ว่าเป็นพลาสติกทำสีให้เหมือนโลหะ โดยบริเวณขอบเครื่องด้านล่างมีเพียงแค่พอร์ต USB Type-C เท่านั้น
ด้านบนยังมีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร อยู่นะครับ ไม่ต้องหาสายพ่วงมาเสียบ ฮ่าๆ
ตัวเครื่องของ Elite x3 เป็นโลหะสีดำด้าน โดยมาพร้อมกับโลโก้ HP แบบใหม่ ส่วนตัวแล้วชอบกว่าแบบเก่าเยอะมาก ไมโครโฟนสนทนานั้นอยู่ทางด้านหลัง ใกล้ๆ กับ pogo pin
กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โดยตัวกล้องมีความนูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่มีขอบเล็กกั้นไว้อยู่ ซึ่่งตำแหน่งของกล้องนั้นอยู่เหนือไฟแฟลช LED ขึ้นมา ส่วนตัวสแกนลายนิ้วมืออยู่ทางด้านล่างของไฟแฟลชอีกทีครับ
ดูรอบๆ เครื่องกันหมดแล้ว มาดูคร่าวๆ กันในส่วนของเรื่องกล้องกันบ้างดีกว่าครับ ใครที่เคยใช้ Windows Mobile มาก่อน ก็คงจะรู้ว่าซอฟต์แวร์กล้องของ Windows Mobile นั้นมีลูกเล่นไม่เยอะ เท่ากับฝั่ง Android แต่ก็ยังสามารถที่จะพอปรับเป็นโหมดโปร เพื่อควบคุมค่าต่างๆ ได้อยู่บ้างครับ
สุดท้ายก็ขอปิดท้ายการแกะกล่อง พรีวิวเจ้า HP Elite x3 ด้วยภาพตัวอย่างคร่าวๆ จากกล้องหลังมาให้ดูกันซักหน่อยก่อนครับ
การแกะกล่องครั้งนี้เล่นเอาเหนื่อยกันไปข้างเลยครับ เพราะนอกจากที่กล่องจะใหญ่อลังการแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์เสริมมาให้อย่างจัดเต็มอีกด้วย สำหรับการใช้งานจริงและการเชื่อมต่อเข้ากับ desk dock นั้นจะเป็นอย่างไร ก็สามารถรอชมรีวิวแบบเต็มๆ ของ HP Elite x3 สมาร์ทโฟน Windows 10 Mobile ราคา 29,900 บาท กันได้ในเร็วๆ นี้ครับ
กล้องดูโอเคอยู่นะ ดีกว่าที่คิด รอรีวิวเต็มครับ
เป็นการ Unbox ที่ดูจะเหนื่อยที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้
แค่คนนั่งดูก็เหนื่อยแล้ว คนแกะจะขนาดไหน
เหนื่อยมากครับ 555
ในประเทศไทยไม่แน่ใจว่าจะมีคนใช้ windows mobile ถึง 13 คนไหม
ก็นะ พอเป็นวินโดร์เราก็อยากให้มันรันโปรแกรม PC ได้อะนะ ตอนนี้ได้แค่ใหนผมแทบไม่ได้ตามข่าวเลย แต่ถ้ารันโปรแกรม PC ไม่ได้ มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการจริงๆ (ต่อ Dock เป็น MiniPc นี่ใช่เลย แต่ถ้ารันโปรแกรมPC ไม่ได้ ก็เท่านั้นแหละ กลับไปเขี่ยแทบเล็ตดีกว่า)
ผมก็ใช้ทำงานอยู่นะครับ ออฟฟิตเค้าเจ๋งมาก
แอพหลักๆมาหมดแล้ว พอร์ตแอพจาก iOS หมดเลย Facebook, Messenger, Twitter, IG Etc.
โดยรวมเร็วกว่าตอนซื้อมาใหม่ๆ อีกครับ ฮ่า Lumia 1520
ดีไซน์ สวยมาก เห็นแล้วถ้าเป็น Android น่าจัดเลยนะเนี่ย งาม
ทำไมรู้สึกว่ากล้องดีมาก (กลางวัน)
อลัง มาก แต่ เป็น วินโดว์ ขอตายแฟร๊บ 555
สเป็คแบบนี้ HP น่าจะทำเป็นแอนดรอยด์อีกสักรุ่น
แค่ซื้อแล้วหิ้วกลับบ้านยังลำบาก คงไม่ต้องซื้อของอย่างอื่นเพิ่มเลยล่ะ ^_^
สุดยอดอะ แค่เห็นก็เหนื่อยแทน แต่จัดเต็มมากครับ
Windows Phone แค่เห็นชื่อก็รู้ว่าแพเร็วมาก…
Lumia 1520 ยังได้อัพเดทเรื่อยๆ นะครับ ?
บางรุ่นเท่านั้นครับที่แพ MiPad1 ผมยัง 4.4.4 KTU84P อยู่เลยครับ เห้อออ
ทุกวันนี้ขายได้รึยัง
CPU ไม่ใช่ x86 มันก็รันโปรแกรมบน PC ส่วนใหญ่ไม่ได้แล้ว ค.ห. ส่วนตัว ถ้าซื้อพวก Tablet PC หรือ พวก intel NUC หรือ Mini PC ทั้งหลายนี่คุ้มกว่านะ ราคา 29000 นี่ซื้อ S7 + Intel NUC i3 ได้สบายๆ แรงกว่ากันเยอะด้วย ส่วน Storage ก็มีทั้ง Google Drive MS one drive ให้แชร์กันอยู่แล้ว
เรียกกล่องคงไม่ถูก เรียกลังดีกว่าไหมครับ
ยอมรับว่า HP Thailand ใจกล้ามากๆ ที่ลงตลาดด้วยราคานี้
ขอบคุณสำหรับแกะ"ลัง"ให้ชมครับแต่คงไม่ซื้อ ทุกวันนี้มี 640XL เป็นตัวสำรองนอนรอในลิ้นชักเผื่อตัวอื่นงอแง
คงเป็นมือถือรุ่นแรกที่ซื้อแล้วใส่รถเข็นออกจากร้าน