จาก Zenfone 2 สู่ Zenfone 2 Laser ในปี 2015 เปิดศักราชใหม่ปีนี้ ASUS ก็จัด Zenfone Max สมาร์ทโฟนอีกรุ่นของค่ายที่เปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาพร้อมแบตก้อนมหึมา 5,000 มิลลิแอมป์ การันตีว่าใช้งานได้ข้ามวันข้ามคืนไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ ในราคา 6,490 บาท

เปิดมาเจอภาพแรกหลายๆ คนคงจะแอบประหลาดใจว่าทำไมเครื่องมันเป็นสีขาว เพราะ Zenfone Max เป็นรุ่นแรกของตระกูล Zenfone ที่มีการผลิตด้านหน้าจอเป็นสีขาวที่ก่อนหน้านีัมีให้เห็นเฉพาะกับ ASUS Pegasus ที่ขายในประเทศจีน งานนี้ Zenfone Max เลยได้ความโดดเด่นและแตกต่างจาก Zenfone รุ่นอื่นๆ เพิ่มมาอีกหนึ่ง

ส่วนของดีไซน์และรูปทรงนั้นมีความใกล้เคียงกับ Zenfone 2 Laser รวมถึงด้านฮาร์ดแวร์ด้วย จุดสังเกตุด้านหลังของ Zenfone Max นั้นจะไม่มีปุ่มปรับเสียงแล้ว เนื่องจากถูกย้ายไปไว้ด้านข้างแทน

เครื่องที่นำมาแกะกล่องนั้นเป็นรุ่นที่ผลิตมาวางจำหน่ายในสหรัฐ เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ภายในกล่องของรุ่นที่ขายในบ้านเราอาจจะไม่เหมือยเป๊ะตามนี้ที่มีหม้อแปลง หูฟัง และสาย Micro USB นะครับ เบื้องต้นที่สอบถามกับทาง ASUS คือของไทยจะมีสาย USB OTG Reverse Charge แถมมาด้วย เพราะ Zenfone Max สามารถแปลงร่างเป็นพาวเวอร์แบงค์ชาร์จแบตให้เครื่องอื่นได้ด้วย  ^ ^

แผงปุ่มกดด้านล่างเป็นสีเงิน และยังคงไม่เรืองแสง ไม่มีไฟด้านล่างเหมือนเดิม นี่ผมหวังว่า Zenfone 3 ที่กำลังจะเปิดตัวจะเพิ่มไฟมาให้ซะทีนะ คือจะแนะนำเป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Zenfone เลยก็ได้หุหุ 

กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล จุดเล็กๆ ข้างช่องลำโพงสนทนาคือไฟ LED notification แจ้งเตือน มุมซ้ายบนของตัวเครื่องเป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

 ช่องเสียบ Micro USB อยู่ด้านล่าง รุ่นนี้รองรับ USB OTG reverse charging อย่างที่บอกไปก่อนหน้าครับ

ปุ่มพาวเวอร์ถูกย้ายมาอยู่ด้านข้างถัดลงมาจากปุ่มปรับเสียง รอบนี้เลยกดง่ายหน่อย ไม่ต้องเอื้อมนิ้วขึ้นไปถึงด้านบนเหมือนรุ่นก่อนๆ 

ส่วนกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีไฟ LED 2 ดวง 2 สี และติด Laser Auto Focus มาเพื่อให้วัดระยะและจับโฟกัสได้เร็วขึ้น

แกะฝาหลังออกมาจะเห็นว่าภายในมีการปรับเปลี่ยนไปเยอะ เพราะพื้นที่ด้านล่างที่เป็นช่องใส่ซิมและปุ่มปรับเสียงโดนแบตเตอรี่ที่เพิ่มความจุเป็น 5,000 มิลลิแอมป์ อัดมาเต็มช่องเลย (แบตเตอรี่แกะไม่ได้นะครับ)

ทั้งช่องใส่ซิมและช่องใส่ Micro SD เลยถูกย้ายมาด้านบนกันหมด Zenfone Max ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมเช่นเคย (เป็น Micro SIM ทั้ง 2 ช่อง)

รุ่นที่ได้มาทดสอบเป็นรุ่นความจุ 16GB / RAM 2GB ส่วนรุ่นที่กำลังจะวางจำหน่ายในไทยที่ราคา 6,490 บาท ก็น่าจะเป็นรุ่นเดียวกันครับ หลังจากที่ได้สอบถามจากทาง ASUS มา ส่วนจะมีรุ่นความจะสูงกว่านี้มาจำหน่ายด้วยหรือไม่อันนี้ยังไม่มีข้อมูล

สเปคของ Zenfone Max นั้นแทบจะก้อปแปะจาก Zenfone 2 Laser มาได้เลย ใช้ CPU Snapdragon 410, หน้าจอ 5.5 นิ้วความละเอียด HD 1280 X 720 พิกเซล 

กล้องถ่ายภาพความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เปิดมาทั้ง UI และ โหมดการถ่ายภาพต่างๆ ก็เหมือนกับ Zenfone 2 และ Zenfone 2 Laser ครับ 

ไม่ว่าจะเป็นโหมดอัตโนมัติ, HDR, เพิ่มความสวย, กลางคืน, รวมถึงโหมดปรับตั้งค่าเองหรือ Manual ที่สามารถปรับค่า ISO, White Balance เองงี้ 

ประเด็นนึงที่หลายคนน่าจะสงสัยกันก็คือ Zenfone Max ใส่แบตเพิ่มเป็น 5,000 มิลลิแอมป์แล้วเครื่องมีขนาดใหญ่และหนักขึ้นจาก Zenfone 2 มากน้อยแค่ไหน ผมเลยถ่ายภาพมาเปรียบเทียบให้ดูกันซะก่อน

จะเห็นว่าขนาดของตัวเครื่องนั้นไม่ได้ต่างกันมากนัก แอบสูงกว่านิดๆ แต่ความกว้างของตัวเครื่องแทบขะพอๆ กัน

จะมีก็เรื่องของความหนาที่เพิ่มขึ้นมาพอสมควร แต่เวลาจับหรือถือใช้งานบนมือก็ไม่ได้รู้สึกใหญ่เทอะทะ ออกแนวเต็มไม้เต็มมือพอดี

เดี๋ยววันนี้ชาร์จแบตเต็มแล้วขอเอาไปลุยถ่ายภาพตัวอย่าง พร้อมกับทดลองใช้แบต 5,000 มิลลิแอมป์ของ Zenfone Max ว่ามันจะอึดมากน้อยแค่ไหน แล้วพรุ่งนี้เช้าจะมาอัพเดททั้งภาพถ่ายและก็ความอึดของแบตเตอรี่เพิ่มเติมให้นะครับ

 

Update 10/1/2016 : อัพเดทตัวอย่างภาพถ่ายและทดสอบความอึดแบตเตอรี่เบื้องต้น

มาอัพเดทตัวอย่างภาพถ่ายของ Zenfone Max ตามสัญญาครับ

 

กล้องหน้า Zenfone Max ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

 

กล้องหลัง Zenfone Max ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

 

ส่วนเรื่องความอึดของแบตเตอรี่นั้น หลังจากที่ผมชาร์จแบต Zenfone Max เต็มไปในคืนวันศุกร์ที่ 8 มกราคมก็เริ่มเปิดใช้งานประมาณ 10:45 นาที ใส่ซิมรองรับ 4G ตั้งค่าความสว่างหน้าจอ 50% และเปิดระบบปรับแสงหน้าจออัตโนมัติเอาไว้ตามภาพ

ในวันที่ 8 นั้นผมยังไม่ค่อยได้ใช้อะไรมากนัก มีถ่ายรูปบ้างนิดหน่อย ส่วนวันที่ใช้งานจริงๆ คือวันเสาร์ที่ 9 ที่เริ่มโหลดแอพต่างๆ ทั้ง twitter, Facebook, Messenger, ในวันนี้ก็เน้นเปิดเน็ต เล่นโซเชียล และถ่ายภาพไปเรื่อยๆ เพราะมีเดินทางไปหลายจังหวัด และก็มาสรุปผลแบตเตอรี่ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคมตามนี้ครับ

จะเห็นว่ากราฟของแบตเตอรี่ก็ตกลงมาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าผมยังใช้งานแบบนี้ไปเรื่อยๆ เจ้า Zenfone Max ในการชาร์จแบตรอบนี้อาจจะอยู่ได้ประมาณ 3 วัน แม้ในหน้าจอแบตเตอรี่บอกว่าจะอยู่ได้อีกวันกว่าๆ หรือ 4 วันก็ตาม เพราะนั่นคือการคำนวนอายุของการสแตนบายหรือวางมือถือเอาไว้เฉยๆ แต่ถ้าลองคำนวนดีๆ เนื่องจากในวันแรกผมไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไหร่นัก เลยคิดว่าถ้าใช้งานครบเครื่องจริงจังเจ้า Zenfone Max น่าจะอยู่รอดได้ที่ 2 วันสำหรับการใช้งานธรรมดาทั่วไปสบายๆ แต่สำหรับคนใช้น้อยหรือซื้อไปเป็นเครื่องสำรองผมว่าอยู่ได้ถึง 3-4 วันก็มีสิทธิ์ครับ ส่วนการทดสอบอายุการใช้งานแบบเต็มๆ นั้นคงจะมาหลังจากผมรอปล่อยให้แบตรอบนี้หมดไปก่อน เพราะจะได้ทดสอบระยะเวลาในการชาร์จแบตของมันด้วยว่าใช้เวลานานแค่ไหนครับ