ได้ไปลองจับ LG G5 ในงาน MWC มายังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เผอิญเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ไปเที่ยวฮ่องกงแล้ว LG G5 มันลดแหลกแจกแถมมากๆ ซื้อเครื่องรับส่วนลดซื้อ Cam Plus และ HiFi Plus ได้แบบครึ่งราคาคือถูกสุดๆ เลยจัดการสอยมาซะหนึ่งเครื่องตามใบสั่งของพี่ชาย งานนี้เลยจัดการแกะกล่อง พร้อมกับพรีวิวความสามารถคร่าวๆ ของ LG G5 แต่ขอย้ำอีกทีว่าเป็นคนละรุ่นกับที่วางจำหน่ายในไทย เพราะนั่นคือ LG G5 SE นะครับ

ถึงแม้ LG G5 และ LG G5 SE จะคนละสเปคกัน แต่ผมว่าอุปกรณ์ในกล่องที่แถมมาก็คงไม่แตกต่าง และหน้าตาของมันก็คงประมาณนี้แหละ เพราะดีไซน์และการใช้อุปกรณ์ร่วมอย่าง LG Friends นั้นก็ยังทำได้ทั้งสองรุ่น

อุปกรณ์ภายในกล่องก็มีตัวเครื่อง LG G5, แบตเตอรี่, ฝาด้านล่างที่เป็นตัวยึดแบตเตอรี่, หม้อแปลงรองรับ Quick Charge, และหูฟังสมอลทอล์ค

หูฟังที่แถมมาในกล่องนั้นเป็นหูฟัง in-ear สายถัก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่หูฟัง Quad Beat 3 ที่แถมมากับ LG V10 เพราะตัวหูฟังไม่เหมือนกัน แต่อันนี้ก็แล้วแต่ประเทศครับ เพราะบางประเทศก็ไม่เห็นแถมมาให้

หม้อแปลงที่แถมมานั้นรองรับ Qualcomm Quick Charge

สเปค LG G5 (ในวงเล็บคือสเปคของ LG G5 SE ที่แตกต่างกัน)

  • Android 6.0 Marshmallow
  • หน้าจอ 5.3 นิ้ว ความละเอียด QHD 1440 x 2560 พิกเซล พร้อมฟีเจอร์ AlwaysOn
  • CPU Snapdragon 820 (LG G5 SE Snapdragon 652)
  • ROM 32 GB / รองรับ microSD สูงสุด 2TB
  • RAM 4GB (LG G5 SE RAM 3GB)
  • กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, และกล้อง 8 ล้านพิกเซลถ่ายภาพมุมกว้าง 135 องศา
  • กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
  • รองรับ LTE, 3G, 2G
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 a,b,g,n,ac Bluetooth 4.2, NFC
  • รองรับ USB Type-C
  • ขนาดเครื่อง 149.4 x 73.9 x 7.7 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 159 กรัม
  • แบตเตอรี่ 2,800 mAh ถอดเปลี่ยนได้, รองรับ Quick Charge 3.0
  • ราคาเปิดตัวในไทย ไม่วางจำหน่าย (LG G5 SE 21,900 บาท)

ตัวเครื่อง LG G5 นั้นถือว่าเล็กลงกว่า G4 พอสมควร นั่นก็เพราะมีการปรับดีไซน์ใหม่เป็นโลหะและหน้าจอก็มีขนาดเล็กลงเป็น 5.3 นิ้วด้วยครับ เท่าที่ได้ลองทีมงานในเว็บลองจับดูส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบหน้าตาใหม่ของ LG G5 กันนัก คือบอกตรงๆ มันสวยสู้ G4 และ V10 ไม่ได้จริงๆ ส่วนนึงที่ต้องปรับก็คงเพราะเรื่องของ Modular Design ถอดประกอบชิ้นส่วนได้นั่นเอง

สัมผัสบนตัวเครื่องนั้นก็ยังรู้สึกเป็นโลหะอยู่นิดๆ นะครับ เพราะได้ความเย็นของเนื้อโลหะมันส่งผ่านสีที่เคลือบมาอยู่ เรียกว่าตากแอร์ก็เย็น เล่นนานๆ หรือชาร์จแบตก็ร้อนมาถึงมือ อ้อ แล้ว LG G5 ก็ปรับเอาปุ่มปรับเสียงหรือ volume rokr มาไว้ด้านซ้ายเหมือนรุ่นทั่วไปแล้ว หลังจากเอาไปรวมกับปุ่ม power ด้านหลังมาหลายรุ่น 

ทำให้ด้านหลังตอนนี้ก็จะเหลือแค่กล้องคู่และปุ่ม power ที่เป็นสแกนลายนิ้วมือไปในตัว ตำแหน่งและดีไซน์เทียบกับ Nexus 5X ได้พอดีเป๊ะ

กล้องคู่ Dual Camera ของ LG G5 นั้นทำงานแยกกันโดยสิ้นเชิงครับ โดยกล้องตัวทางซ้ายจะเป็นกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซลซึ่งก็เป็นเลนส์ไวด์อยู่ละ แต่กล้องด้านขวาที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลนั้นเป้น Ultra Wide 135 องศา กว้างสุดๆ ติด Fish Eye มานิดๆ ส่วนช่องตรงกลางนั้นเป็น Dual LED และ Laser focus

ซึ่งกล้องหลังของ LG G5 และ LG G5 SE นั้นมีฟีเจอร์เหมือนกันครับ ใครที่รอสอยเครื่องไทยก็จะได้กล้องคู่แบบนี้แหละ

ถาดซิมอยู่บริเวณด้านล่างขวาของตัวเครื่อง โดยรุ่นที่สอยมาเป็นรุ่น dual-sim ซึ่งช่องซิมสองจะเป็นแบบ hybrid เลือกใส่ nano SIM หรือ micro SD จากที่ทดสอบระบบ dual-sim ของ LG G5 นั้นเป็น Full NetCom 2.0 ครับ คือหากซิมนึงใช้งาน 3G หรือ 4G อีกซิมจะเชื่อมต่อได้แค่ 2G ครับ

ปุ่มเล็กๆ ด้านซ้ายที่เห็นเป็นสีเงินๆ นั้นเอาไว้กดเพื่อถอดชิ้นส่วนล่างออกเพื่อสลับโมดูลครับ ซึ่งการถอดทุกครั้งหมายถึงต้องถอดแบตออกมาด้วย พูดง่ายๆ ว่าเปลี่ยนทีต้องปิดเครื่องทีนั่นเอง 

หน้าตาของกล่องของ LG Friends จะประมาณนี้แหละครับ บอกก่อนว่าต้องซื้อต่างหากทุกชิ้น เพราะมันไม่แถม ฮ่าๆ ราคาเต็มของ CAM plus ก็ราวๆ 3,000-4,000บาท ราคา Bang Olufsen DAC หรือ HiFi Plus นี่ดุเดือดกว่า ประมาณ 9,000 บาทได้ (ต้องรอดูราคาในไทยอีกที) 

หน้าตาเมือแกะออกมาจากกล่องก็ประมาณนี้ละครับ สำหรับ CAM Plus นั้นก็มีแบตเตอรี่ในตัวอีก 1200 mAh โดยนอกจากจะมาช่วยเป็นกริปให้จับถือได้ง่ายขึ้น พร้อมปุ่มต่างๆ มาเสริมความเป็นกล้องแล้วก็เป็นพาวเวอร์แบงค์ไปในตัว 

พอถอดชิ้นส่วนด้านล่างออกแล้ว ก็ต้องแกะแบตเตอรี่ออก เพื่อไปเสียบกับโมดูลที่เราจะใช้งาน ก่อนที่จะเสียบกลับเข้าไปในตัวเครื่องแล้วเปิดอีกที 

ช่องดำๆ ทางซ้ายนั่นแหละครับ ที่เราต้องเสียบแบตเตอรี่เข้าไป โดยปุ่มต่างๆ ที่ CAM Plus เพิ่มเข้ามาให้ก็จะมีทั้ง ปุ่มสไลด์เข้ากล้อง ปุ่มชัตเตอร์สองจังหวะ ปุ่มบันทึกวิดีโอ 

ประกบแล้วก็จะจับถือได้ง่ายขึ้น 

ส่วนนี่คือ Hi-Fi Plus DAC 32-bit ที่ร่วมพัฒนากับ Bang & Olufsen คร่าวๆ ที่ลองฟังเทียบแล้วเสียงดีขึ้นเยอะครับ มิติมากมาขึ้น แต่ขับแหลมดุไปนิด ใครใช้หูฟังที่มี driver tweeter หรือ balance amature ใสๆ หน่อย อาจจะมีบาดหูในบางเพลง 

LG G5 มาพร้อม Android Marshmallow 6.0 ล่าสุด 

หน่วยความจำภายใน 32GB เหลือให้ใช้งานราว 23-24GB ครับ (อันนี้ผมลงแอพไปบ้างแล้วนิดนึง) คาดว่า LG G5 SE ในบ้านเราก็น่าจะเหลือความจุพอๆ กัน 

จากหน้า UI ของ LG G5 ตอนแรกไม่มี App drawer แต่เหมือนโดนกระแสกดดันจนล่าสุดออกหน้า Home ที่มี App drawer ให้โหลดเพิ่มเติมแล้ว

UI มีการปรับเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เช่น toggle swicth และ notification bar 

หน้าจอ Always-on ของ LG G5 ก็เป็นอีก 1 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่ยังปรับแต่งอะไรไม่ค่อยได้ 

แต่ที่กังวลคือตำแหน่งที่แสดงผลของหน้าจอ Always-on นี่แหละ คือมันไม่ย้ายไปย้ายมาเหมือนของ S7 ซึ่งทาง LG บอกว่าจอ IPS มันไม่่เบิร์น เลยไม่ต้องย้ายตำแหน่งไปมา แต่จำได้ว่าตอน LG G4 นี่มีคนเคลมจอเบิร์นกันหลายคนอยู่นะ

ส่วนของกล้องนั้นหน้าจอการใช้งานเปลี่ยนไปไม่มากเท่าไหร่ มีให้เลือกโหมดง่ายสุดๆ ที่กดแล้วถ่ายอย่างเดียว หรือจะเป็นโหมดออโต้ที่พอจะปรับอะไรได้บ้าง และโหมดโปรที่ให้เราปรับทุกอย่างเองหมด 

 

โหมดที่เป็นลูกเล่นของ LG G5 ก็คงเป็นโหมด Popout ที่เพื่มมุมมองภาพได้หลากหลายมิติมากขึ้น  

ส่วนโหมด Multiview นี่ได้ใช้จุดเด่นของ LG G5 ที่มีกล้อง 3 แบบครบเลย กล้องหน้า + กล้องหลัง + กล้องหลัง Ultra Wide

 

= ตัวอย่างภาพถ่ายจาก LG G5 =

ภาพจากหล้องหลัก 16MP

ภาพจากกล้อง Ultra Wide 8MP (ยืนตำแหน่งเดียวกันกับภาพที่แล้ว)

ภาพจากหล้องหลัก 16MP

ภาพจากกล้อง Ultra Wide 8MP (ยืนตำแหน่งเดียวกันกับภาพที่แล้ว)

 

นอกจากนี้ก็ยังมีภาพบางส่วนที่อัพขึ้นไปใน Droid Shot บ้างแล้วครับ