ได้มีโอกาสไปลองเล่น Meizu Pro 5 ในงานเปิดตัวที่กรุงปักกิ่งมา เลยขอมาเล่าประสบการณ์ที่ได้จับเรือธงรุ่นใหม่ที่รวมเอาเทคโนโลยีที่ท็อปที่สุดมารวมเข้าด้วยกัน แล้วกำเนิดเป็น Meizu Pro 5 รุ่นนี้ขึ้นมา

ในงานเปิดตัวนั้นสื่อต่างๆ มากันเยอะมาก ทั้งสื่อของจีนเองและสื่อต่างประเทศครับ เรียกว่าจัดกันในหอประชุมระดับอินเตอร์ใจกลางกรุงปักกิ่งเลย

บรรยากาศในงานนี้มาเต็ม ทั้งแสงสีเสียง และมีกองเชียร์ Meizu คอยปรบมือเป่าปากเป็นระยะ ให้ความรู้สึกสะพรึงและขนลุกดี อารมณ์นึงก็เหมือนมางานประชุมดาวไลน์ แต่มันก็รู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา ไม่น่าเบื่อดี

หน้าจอขนาด 5.7 นิ้วของ Meizu Pro 5 นั้นเลือกใช้เป็นจอ AMOLED ที่ผลิตโดย Samsung โดยเป็นเทคโนโลยีล่าสุดใช้พาเนลแบบเดียวกับของ S6 / Note 5 แต่ทาง Meizu เลือกใช้ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 

ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นด้านหน้าเป็นกระจก 2.5D Glass ยอดนิยม โดยคลุมด้านหน้าตัวเครื่องทั้งหมดเลย 

ส่วนขอบด้านข้างและฝาหลังนั้นเป็นอลูมิเนียมทั้งชิ้น นับเป็นรุ่นแรกของ Meizu เพราะก่อนหน้านั้นจะมีก็แค่ขอบด้านข้างที่เป็นโลหะ แต่ตัวฝาหลังยังเป็นพลาสติก 

ต่อกันที่เรื่องของชิปเซ็ท ที่เปิดมาก็แซะค่ายที่ CPU รุ่นใหม่ขึ้นชื่อเรื่องความร้อนว่าถ้าจะใช้งานได้เต็ม 100% คงต้องไปใช้ในตู้เย็นกันเลยทีเดียว (คงไม่ต้องบอกนะว่าค่ายไหน)

Meizu Pro 5 เลือกใช้ชิป Samsung Exynos 7420 octa-core ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม FinFET 14 นาโนเมตร ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน และเป็นชิปตัวเดียวกับที่ใช้ใน S6 / Note 5

ส่วนของ GPU ก็ใช้ Mali-T760 MP8 พร้อมเร่งกราฟิคและเกม 3D ให้แรงสะใจ 

หน่วยความจำภายในเปลี่ยนจาก EMMC มาเป็น UFS 2.0 ที่เร็วกว่า โดยมี 2 รุ่นความจุคือ 32GB และ 64GB ส่วน RAM ก็ใช้ LPDDR4 ขนาด 3GB และ 4GB ตามลำดับ 

หลังจากประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันแล้ว ก็ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพ ผลออกมาก็คือแรงสุดๆ มีการเปรียบเทียบกับแบรนด์คู่แข่งร่วมชาติอย่าง Xiaomi Mi Note ด้วยในหลายๆ ชาร์ท 

ผลการทดสอบ Antutu Benchmark ก็พุ่งไประดับ 7 หมื่นคะแนน 

มีการอัพเกรด Sensor Hub หรือจุดรวมเซนเซอร์ต่างๆ ที่มีใช้งานในตัวเครื่องให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น 

แบตเตอรี่ขนาด 3,050 มิลลิแอมป์มมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วที่เรียกว่า mCharge 2.0 ใช้เวลาแค่ 30 นาทีก็สามารถชาร์จแบตได้ 65% 

ช่องเสียบ USB ก็เปลี่ยนมาใช้ USB Type-C แล้ว 

มาต่อกันที่เรื่องกล้อง ที่มีการอัพเกรดมาใช้เซนเซอร์ Sony IMX230 ความละเอียด 21.1MP ขนาดเซนเซอร์ 1/2.4 นิ้ว ขนาดพิกเซลบนเซนเซอร์ 1.12 ไมโครเมตร มาพร้อมระบบ Phase Detection, Laser Focus และ ชุดเลนส์ 6 ชิ้น 

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5MP นั้นใช้เซนเซอร์ OV5670 f/2.2

หลังจากนั้นก็มีการโชว์ตัวอย่างภาพถ่ายกันนิดหน่อยพอให้ได้ร้องฮือและปรบมือกัน

ต่อกันที่เรื่องเสียง ที่ถือเป็นต้นกำเนิดของชื่อ Meizu เลยก็ว่าได้ เพราะเริ่มแรกนั้น Meizu เป็นบริษัทผลิตเครื่องเล่น MP3 

เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียง Meizu Pro 5 ก็มาพร้อมกับระบบเสียง Hi-Fi 2.0 ที่รับรองว่าไม่ธรรมดาแน่นอน โดยเลือกใช้ชิปเสียง ES9018K2M Audio DAC จาก ESS Technology และมีแอมป์ OPA1612 ของ Texas Instrument

 

 วิดีโอพรีวิว Meizu Pro 5

Play video

 

แนะนำตัวเครื่องและฟีเจอร์กันมายาวนาน กว่าจะได้จับเครื่องจริงๆ ก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงครับ แต่ก็เพลินๆ ดี แถมรู้สึกเหมือนจะโดนบรรยากาศในงานดึงดูดให้ตัวเองกลายเป็นสาวก Meizu ไปในทันทีอีกต่างหาก 

ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นยังคงลักษณะเดิมของ Meizu เรียกว่าถ้าใครคุ้นมือหรือเคยจับรุ่นก่อนๆ มาก็จะรู้สึกไม่แตกต่างเท่าไหร่ ขนาดตัวเครื่องกำลังพอดีมือ แต่เอาจริงๆ หน้าจอ 5.7 นิ้วมันก็ค่อนข้างใหญ่สำหรับมือผมอยู่นะ คือถือใช้งานมือเดียวก็มีติดขัด 

การออกแบบก็ลงตัวดีครับ ขอบด้านข้างจอบางพื้นที่ด้านบนด้านล่างจอก็ดูสมส่วนดี ปุ่ม home ด้านล่างมาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบสัมผัสซึ่งมีการอัพเกรดให้อ่านค่าและทำงานเร็วขึ้น โดยปุ่ม home นั้นใช้งานได้ 3 ฟังก์ชั่นคือแตะเพื่อเป็นปุ่ม back , กดเพื่อทำงานเป็นปุ่ม home กลับสู่หน้าแรก หรือกดค้างเพื่อปิดหน้าจอได้ 

ด้านหลังที่เป็นโลหะทั้งชิ้นนี่ลองจับลองถือแล้วมันออกจะลื่นๆ อยู่นะ คือถือถ่ายรูปอยู่ก็แอบไหลๆ นิดๆ  

ถาดใส่ซิมอยู่ที่ด้านซ้าย โดยช่องนึงจะเป็นถาด nano SIM ส่วนอีกช่องเป็น Hybrid ให้เราเลือกว่าจะใส่ SIM หรือ micro SD ครับ โดยรองรับความจุสูงสุดที่ 128GB 

ด้านล่างตัวเครื่องก็มี ไมโครโฟน พอร์ท USB Type-C และลำโพง (เรียงจากซ้ายมาขวา) 

ด้านขวาไล่ขึ้นไปก็มีปุ่มพาวเวอร์ และปุ่มปรับเสียง 

หน้าจอ Super AMOLED ของ Meizu Pro 5 เรายังสามารถเลือกปรับระดับของอุณหภูมิสีได้ อยากได้ขาวๆ ก็ปรับไปที่ Cold หรือชอบเหลืองหน่อยก็เลื่อนไป Warm เลย 

หน่วยความจำภายในตัวเครื่องรุ่น 32GB นั้นมีเหลือให้ใช้งานราวๆ 21GB ซึ่งไม่น่าเป็นปัญหาเพราะถือว่าเยอะพอดู แถมยังเติม Micro SD ได้อีก 

ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับ Gesture ต่างๆ ก็ยังมาครบ ไม่ว่าจะเป็นการลากนิ้วตอนหน้าจอปิดเพื่อเปิดเครื่อง ปลดล็อค หรือเปิดแอป 

สามารถเลือกปรับตั้งค่าในการฟังเพลงและ Music Effect ได้ ผ่าน Hi-Fi 2.0

โหมดกล้องของ Meizu Pro 5 นั้นมีให้ด้วยกันทั้งหมด 8 โหมดด้วยกัน ตั้งแต่ Auto, Manual, Beauty, Panorama, Light Field, Scan, Slow Motion และ Macro 

สำหรับโหมด Light Field นั้นคือการถ่ายภาพที่เราสามารถเปลี่ยนจุดโฟกัสได้ทีหลังครับ โดยระหว่างถ่ายภาพนั้นจะมีการเปลี่ยนจุดโฟกัสไปเรื่อยๆ ก็ใช้เวลาสักนิดนึง 

ส่วนโหมด Manual นั้นก็สามารถเลือกปรับได้ทั้ง ISO, Exposure, Focal Length และ Shutter Speed ที่สามารถเปิดได้นานถึง 420 วินาที (จะเอาไปถ่ายอะไรเนี่ย นานขนาดนี้) 

สเปค Meizu Pro 5

  • ระบบปฏิบัติการณ์ : Android 5.x Lollipop + FlyMe OS 4.5 (Upgrade to 5)
  • หน้าจอ : 5.7″ Super AMOLED Full HD (387 PPI) + 2.5D Glass
  • หน่วยประมวลผล : Exynos 7420 octa-core
  • หน่วยประมวลผลกราฟิค : Mali-T760 MP8
  • หน่วยความจำภายใน : UFS 2.0 มี 2 ขนาดความจุ 32GB / 64GB 
  • หน่วยความจำภายนอก : รองรับ Micro SD 128GB
  • RAM : LPDDR4 3GB / 4GB
  • กล้อง : 21.1MP f/2.2 Sony IMX230 + Phase Focus + Laser Focus + Dual Tone LED
  • กล้องหน้า : 5MP f/2.2 OV5670 + Smart Selfie + Face AE Light Boost
  • ระบบเสียง : Hi-Fi 2.0 ESS ES9018K2M + TI OPA1612
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือ mTouch 2.0
  • แบตเตอรี่ : ความจุ 3,050 มิลลิแอมป์ มีระบบชาร์จเร็ว mCharge 2.0
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม
  • รองรับการเชื่อมต่อ : USB Type-C , WiFi 802.11 ac, Bluetooth 4.1
  • ราคาเปิดตัว : รุ่นความจุ 32GB/3GB 2.799 หยวน รุ่นความจุ 64GB/4GB 3,099 หยวน

ตอนนี้ได้ข่าวว่าทาง Meizu ประสบปัญหาที่โรงงานผลิตนิดหน่อย กำหนดการวางจำหน่ายของ Meizu Pro 5 เลยต้องเลื่อนออกไปเล็กน้อย ส่วนคำถามที่ว่า Meizu Pro 5 จะเข้าไทยเมื่อไหร่ตอนนี้ผมเองก็ถามไปทางจีนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบครับ แต่คาดว่าหลังจาก M2 note เข้ามาขายในบ้านเราผ่าน Lazada ไปแล้ว รุ่นต่อไปที่ตามมาก็น่าจะเป็นพวก MX ก่อน