เปิดตัวมาเป็นคู่ วางขายเป็นคู่ ก็ต้องมาแกะกล่องพรีวิวเป็นคู่ กับ Redmi Note 9 และ Redmi Note 9 Pro ที่ตามรุ่น Note 9s มาติดๆ แน่นอนว่านอกจากจะได้รับทราบข้อมูลทั้งหมด ในกล่องขายจริงมีอะไรมาให้บ้างแล้ว เราจะมาดูความแตกต่างของทั้ง 3 รุ่น เผื่อจะได้เลือกซื้อกันถูกต้องตามงบและประโยชน์ใช้สอยที่เราต้องการ
ถ้าจะให้เรียงลำดับตามสเปคและราคาละก็ ตัวท็อปแพงสุดแน่นอนว่าต้องเป็น Redmi Note 9 Pro ที่ใช้ชิป Snapdragon 720G และกล้องหลัง 4 ตัวนั้นมีความละเอียดสูงสุดที่ 64MP ต่างจากรุ่น Redmi Note 9s ที่วางขายไปก่อนแล้ว รุ่นนั้นกล้องหลังความละเอียดสูงสุดที่ 48MP ส่วนรุ่นเล็กสุดก็คือ Redmi Note 9 ที่ใช้ชิปใหม่ Helio G85 ขนาดหน้าจอก็จะเล็กที่สุดในกลุ่มด้วย งั้นก็จะขอเริ่มที่รุ่นนี้ก่อนเลยละกัน
Unbox แกะกล่อง Redmi Note 9
หน้าจอของ Redmi Note 9 นั้นมีขนาดเล็กสุดที่ 6.53 นิ้ว แม้ตัวเครื่องจะดูไม่ค่อยต่างจากรุ่นพี่เท่าไหร่นั่นก็เพราะขอบจอถือว่าหนากว่าพวกพี่ๆ นั่นเอง ส่วนความละเอียดยังให้มาที่ Full HD+
อุปกรณ์ในกล่องนั้นก็จะขาดหูฟัง ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติของ Xiaomi และ Redmi ที่เราคุ้นๆ กันดี แกะออกมามีเคสใสสีดำ, หม้อแปลง และสาย USB C
สำหรับตัวหม้อแปลงนั้นเป็นหัวกลม จ่ายไฟได้สูงสุดที่ 22.5 วัตต์ (10V 2.25A) แต่ว่าตัวเครื่อง Redmi Note 9 ที่มีแบตขนาด 5020 มิลลิแอมป์นั้นรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 18 วัตต์นะครับ
ส่วนตัวเคสสีดำที่แถมมานั้นจะเป็นเคสใส บาง และนุ่มๆ ย้วยๆ นิดๆ คือถ้าไม่ได้ใส่ไปในเครื่องนี่จะดูอ่อนสุดๆ จนแอบสงสัยว่ามันจะทนไหม
แต่พอเอามาสวมเข้ากับเครื่องแล้วก็ดูแข็งแรงทนทานขึ้น แถมยังมีจุกปิดพอร์ต USB C มาด้วย
ซึ่งด้านล่างตัวเครื่องก็จะเห็นว่ามีช่องหูฟัง 3.5, รูไมโครโฟน, ถัดจากพอร์ต USB C ไปก็เป็นช่องลำโพง
Redmi Note 9 นั้นฟีลลิ่งตัวเครื่องมันจะพลาสติกๆ หน่อย น่าจะเป็นเพราะขอบข้างๆ ที่ทำมาเป็นสีแนวๆ พลาสติกด้วยก็เป็นได้ แม้ฝาหลังจะดูเงาวับมีการเล่นเงาสะท้อนก็เถอะ
เพราะตัวฝาหลังเองก็ถือว่าเปื้อนง่ายและเช็คออกค่อนข้างยากเหมือนกัน ซึ่ง Redmi Note 9 ก็เป็นรุ่นเดียวในซีรีส์ที่มีสแกนนิ้วมือด้านหลัง (รุ่นอื่นอยู่บนหน้าจอ)
กล้องหน้าอยู่บนจอแบบเจาะรูแบบ Dot Display ความละเอียด 13MP ที่มุมซ้ายบน
ส่วนถาดซิมของรุ่นนี้อยู่ที่ด้านซ้ายของจอภาพ
ตัวถาดเป็นแบบ Triple slot สามารถใส่ได้ 2 ซิม + 1 micro SD มีระบุด้วยว่าด้านไหนต้องหันไปหาหน้าจอ
กล้องหลัง 4 ตัวนั้นมีเซนเซอร์หลักความละเอียดสูงสุดที่ 48MP มีกล้องมุมกว้าง Ultrawide ความละเอียด 8MP กล้องมาโครถ่ายระยะใกล้ 2MP ตัวสุดท้ายเป็นกล้อง Depth จับความลึก 2MP
สเปค REDMI NOTE 9
- หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- CPU : MediaTek Helio G85
- RAM : 3GB / 4GB
- ความจุ : 64GB / 128GB รองรับ MicroSD card แบบช่องแยก
- กล้องหลัง : กล้องหลัก 48MP + กล้อง Ultra Wide 8MP + กล้องมาโคร 2MP + กล้องจับความลึก 2MP
- กล้องหน้า : 13MP
- สแกนนิ้วมือด้านหลัง
- มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- มี IR Blaster
- แบตเตอรี่ : 5020 mAh รองรับชาร์จไว 18W
- ระบบ Android 10
- สีที่วางจำหน่าย : สีเทา Midnight Grey, สีเขียว Forest Green, สีขาว Polar White
Redmi Note 9 ที่วางขายในไทยนั้นมี 2 สเปค รุ่น 3GB + 64GB ราคา 4,999 บาท จะมีขายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น ส่วนรุ่น 4GB + 128GB ราคา 6,499 บาท นั้นจะมีผูกโปรกับ AIS ที่ราคาพิเศษ ลดเหลือ 2,999 บาทด้วย
Unbox แกะกล่อง Redmi Note 9 Pro
Redmi Note 9 Pro ถ้าดูจากสเปครวมๆ แล้วจุดแตกต่างจาก Note 9s ก็คือเรื่องกล้องหลังที่ความละเอียดเพิ่มมากขึ้น ส่วนสเปคนั้นแทบจะโคลนนิ่งกันมาเลย
อุปกรณ์ในกล่องให้มาเท่ากัน หม้อแปลงชาร์จเร็ว, สาย USB C และ เคสใสสีดำเข้ม
เคสของ Redmi Note 9 Pro นั้นดูหนาและมีทรงกว่าของ Redmi Note 9 เรียกว่าดูแข็งแรงกว่านั่นแหละ
หม้อแปลงชาร์จเร็วที่แถมมาให้ก็จ่ายไฟสูงสุดที่ 33 วัตต์เหมือนกัน (11V 3A)
สาย USB C แบบชาร์จเร็วของ Xiaomi ตอนนี้เหมือนจะมีสีแล้วครับ จากก่อนหน้านี้เราเห็น OPPO ใช้สีเขียว, Huawei ใช้สีม่วง ทาง Xiaomi เลือกใช้เป็นสีส้มละมั้ง แต่มันดูออกอมแดงไปหน่อยๆ
หน้าจอขนาด 6.67 นิ้วสีสันสวยงาม ความละเอียด Full HD+ รูกล้องหน้าอยู่ตรงกลางพอดีเป๊ะบนจอแบบเจาะรู
ตัวกล้องเซลฟี่มีความะเอียด 16MP ในรุ่นของ Redmi Note 9 Pro ยังมีไฟ notification LED ให้ด้วย อยู่บริเวณช่องลำโพงสนทนา
รุ่นนี้มีสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านข้างเหมือน Redmi Note 9s ครับ ตัววัสดุงานประกอบจับแล้วพอๆ กัน แต่ดูดีกว่า Redmi Note 9 ค่อนข้างชัด
ด้านล่างมีช่องหูฟัง 3.5, พอร์ต USB C, ตำแหน่งไมโครโฟนเหมือนจะขยับขึ้นมาติดหน้าจอหน่อยๆ และช่องลำโพง
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 คือรูที่ดูเล็กกว่า ส่วนที่เป็นจุดดำๆ ใหญ่ๆ หน่อยคือ IR Blaster หรือ Infrared สำหรับแอปรีโมท
ช่องถาดซิมอยู่ฝั่งซ้ายของจอภาพ รุ่นนี้เป็นถาดแบบ Triple slot เหมือนกันครับ ใส่ได้ 2 ซิม + 1 micro SD
กล้องหลังของ Redmi Note 9 Pro นั้นมีทั้งหมด 4 ตัว ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 64MP
นอกจากกล้องหลักแล้ว ก็มีกล้อง Ultra Wide 8MP + กล้องมาโคร 5MP + กล้องจับความลึก 2MP ด้านล่างมีไฟแฟลช LED
สเปค REDMI NOTE 9 PRO
- หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- CPU : Snapdragon 720G
- RAM : 6GB
- ความจุ : 64GB / 128GB รองรับ MicroSD card แบบช่องแยก
- กล้องหลัง : กล้องหลัก 64MP + กล้อง Ultra Wide 8MP + กล้องมาโคร 5MP + กล้องจับความลึก 2MP
- กล้องหน้า : 16MP
- สแกนนิ้วมือด้านข้าง
- มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- มี IR Blaster
- แบตเตอรี่ : 5020 mAh รองรับชาร์จไว 30W
- ระบบ Android 10
- สีที่วางจำหน่าย : สีเทา Interstellar Grey, สีเขียว Tropical Green, สีขาว Glacier White
ราคาของ Redmi Note 9 Pro นั้นเริ่มต้นที่ 7,999 บาท กับความจุ 6GB + 64GB ซึ่งจะมีขายตามช่องทางออนไลน์เท่านั้น ส่วนรุ่น 6GB + 128GB นั้นราคา 9,999 บาท (ถ้าซื้อผูกโปรกับ AIS เหลือ 5,599 บาท)
เปรียบเทียบสเปค Redmi Note 9 ทั้ง 3 รุ่น
ซอยรุ่นย่อยออกมาถึง 3 ตัวแบบนี้เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีงงกันแน่นอน (แถมรุ่นที่ขายทั่วโลกกับรุ่นขายในจีนยังใช้คนละชื่อซ้ำไปซ้ำมากันอีก) ก็ขอสรุปสเปคแบบสั้นๆ ให้ทำความเข้าใจกันง่ายๆ ตามนี้ละกันครับ
Redmi Note 9 รุ่นเบสิค
รุ่นเริ่มต้นนั้นเน้นจัดสเปคราคาประหยัดสุดๆ 4,999 บาท มาให้เป็นตัวเลือก โดยจะมีหน้าจอขนาดเล็กสุด 6.53 นิ้ว มาพร้อมชิป Helio G85 ตัวใหม่ ประสิทธิภาพโดยรวมก็จะเป็นรอง 2 รุ่นพี่ที่ใช้ Snapdragon นิดหน่อย ชุดกล้องหลัง 4 ตัวนั้นเหมือนกับ Redmi Note 9s แต่จากความรู้สึกตอนไปถ่ายรูปภาพเหมือนจะยังไม่ใสเท่า ยังไม่ชัวร์ว่าเป็นเซนเซอร์คนละตัวกันหรือเปล่า (อาจจะต้องลองเทียบจริงๆ ดูอีกที แต่คงจะยาก เพราะในมือไม่มี Redmi Note 9s แล้ว)
Redmi Note 9s ลงตัว
รุ่นกลางของซีรีส์ แต่ลงตัวทั้งเรื่องของสเปคและราคา ชิป Snapdragon 720G, หน้าจอ 6.67 นิ้วเท่ากับรุ่น Pro จริงๆ จะบอกว่าทุกอย่างเหมือนกับรุ่น Pro เลยก็ได้ ซึ่งจุดที่ต่างหลักๆ นั้นมีแค่เรื่องของกล้องหลังของ Note 9s ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 48MP รุ่นนี้ขายมาสักพักแล้ว ลองไปชมรีวิวเต็มๆ กันได้
Redmi Note 9 Pro ท็อปของซีรีส์
ส่วนใครที่อยากได้กล้องที่ดีขึ้นไปอีก แน่นอนว่าคงต้องมาหยิบเอา Redmi Note 9 Pro ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 แต่ราคาก็จะขยับขึ้นมาเป็น 7,999 บาท กับรุ่นเริ่มต้น 6GB + 64GB นะครับ
กินข้าวนานแท้
ถถถถถถ