หลังจากเปิดตัวไปในงาน IFA วันนี้ Samsung ประเทศไทยก็เปิดโอกาสให้สื่อได้ร่วมสัมผัส Galaxy Note 4 สมาร์ทโฟนเรือธง (เอ.. หรือจะเรียกว่าแฟ็บเล็ทดี) ที่มีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของปากกา S-Pen ที่สามารถใช้จดบันทึก วาดภาพ หรือทำสิ่งต่างๆ ได้แทนนิ้วมือของเรา รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานแบบ Multi-tasking หรือการทำงานหลายๆ อย่างหรือเปิดหลายๆ แอปใช้งานไปพร้อมกันซึ่งตอนนี้ได้พัฒนามาจนถึงรุ่นที่ 4 แล้ว เราลองมาดูความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของ Galaxy Note 4 กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

[updated] เพิ่มตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง+บิวตี้โหมด+พานอรามา และจำนวน RAM & Internal Memory ที่เหลืออยู่

เนื่องจากงานที่ผมไปในวันนี้เป็นงานลักษณะเวิร์คชอป แนะนำการใช้งานและได้ลองจับสีมผัสเครื่องจริงงจัง เลยขอจัด พรีวิว Samsung Galaxy Note 4 มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันสร้างกิเลสไปพลางๆ ส่วนเรื่องราคาและกำหนดวางจำหน่ายบอกเลยว่ายังไม่ทราบ อันนั้นคงต้องรองานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยก่อน

ในงานก็มีการเกริ่นถึงประวัติศาสตร์ของ Galaxy Note ที่ค่อยๆ เติบโตมาจนถึงรุ่นที่ 4 ซึ่งยอดขายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นที่ผ่านมา โดย Note 3 นั้นขายได้มากกว่า 10 ล้านเครื่องทั่วโลก 

จากนั้นก็มีการแนะนำฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ ของ Galaxy Note 4 ให้ดูก่อนว่ามันมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน S-Pen กับคำสั่งใหม่ Smart-select หรือการลองใช้กล้องหน้าใหม่ ที่มาพร้อมการถ่ายภาพแบบ Wide-Selfie

เสร็จจากเวิร์คชอปเรียบร้อย ก็ได้เวลาลองไปจับเครื่อง Note 4 กันซะที เรียกว่ารอกันเหงือกแห้งเลย เพราะฟีเจอร์มันเยอะมาก กว่าจะแนะนำกว่าจะสาธิตกันครบก็ล่อไปเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว 

หลายคนเห็นเครื่อง Galaxy Note 4 แล้วไม่ต้องตกในนะครับ ว่าไอ้แถบๆ สีดำๆ เทาๆ บนเครื่องเหมือนบาร์โค้ดนี่มันคืออะไร เนื่องจากว่ามันเป้นเครื่อง “เดโม” ไม่ใช่เครื่องขายจริง เลยจะมีแถบสีคาดอยู่ รวมถึงรหัสด้านบนตัวเครื่องที่ติดมาก็เช่นกัน ของจริงไม่มีเส้นๆ พวกนี้แน่นอน

หน้าจอ QHD ขนาด 5.7 นิ้วของ Note 4 นั้นคงไม่ต้องพูดถึงความคมและความละเอียด เพราะจัดเต็ม 515PPI ชนิดที่เนียนจนมองไม่เห็นจุด เรื่องสีสันของ Super AMOLED นั้นก็สดจัดจ้านตามสไตล์ กล้องหน้าของ Note 4 นั้นมาพร้อมกับความละเอียด 3.7MP และเป็นเลนส์ไวด์เก็บภาพได้กว้าง 90 องศา f1.9 เก็บแสงได้มากกว่าเดิม ช่วยให้ภาพสว่างขึ้น

สิ่งที่ทำให้ Note 4 แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ของ Samsung และเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นั่นก็คือขอตัวเครื่องโลหะ Metal frame ที่รอบนี้ใช้โลหะจริงๆ ซะที ไม่ใช้โพลีคาร์บอเนตเคลือบสีเงินอย่างที่แล้วๆ มา นอกจากนั้นยังมีการลงสีให้เป็นสีเดียวกับตัวเครืองอีกด้วย

ซึ่งถ้าใครเคยเห็นหรือเคยจับ Galaxy Alpha มาแล้วน่าจะรู้ว่าดีไซน์ของ Note 4 นั้นส่วนนึงก็มาจาก Alpha สมาร์ทโฟนของเครื่องโลหะรุ่นแรกในสายพันธุ์ Galaxy นั่นเอง 

ฝาหลังของเครื่องนั้นยังคงใช้ faux-leather เช่นเดิม แต่ผิวสัมผัสและลวดลายไม่เหมือนกับ Note 3 ไม่มีการเย็บขอบหรือลูกเล่นอะไรทั้งสิ้น เป็นหนังเทียมเต็มแผ่น ส่วนกล้องหลังความละเอียด 16MP ระบบกันสั่น Smart OIS พร้อม LED แฟลช ด้านล่างก็ยังมี Heart rate sensor ใช้วัดอัตราการเต้นหัวใจแบบเดียวกับ S5 ซึ่งตัว Heart rate sensor นี้สามารถใช้แทนปุ่มชัตเตอร์กล้องได้ด้วย สามารถถ่ายภาพได้ด้วยการแตะไปเบาๆ

ส่วนของปากกา S-Pen นั้นการใช้งานทั่วไปก็ยังคงเหมือนเดิมคือวาดๆ เขียนๆ แต่มีการเพิ่มความแม่นยำโดยรองรับแรงกดที่แตกต่างกันได้ถึง 2048 ระดับ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Smart Select หรือ S-Pen Mouse

*รายละเอียดของฟีเจอร์ทั้งหมดแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมที่ เปิดตัว Galaxy Note 4 มีอะไรใหม่

ขนาดของตัวเครื่องเมือเทียบ Galaxy Note 4 กับ Note 3 จะเห็นว่าขนาดใกล้เคียงกันมาก

 

ฟีเจอร์ใหม่ที่ลองแล้วประทับใจคือ Smart Select ที่ตอนแรกคิดว่ามันก็แค่เก็บๆ ภาพมาเป็นไฟล์เหมือนแคปหน้าจอ แต่เอาจริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะนอกจากจะดึงเอาภาพมาแล้ว ยังดึงเอาข้อมูลต่างๆ มาเก็บเป็น meta data ให้เราเรียกดูได้ด้วย เช่นถามผมลองค้นหาสถานที่จาก google แล้วใช้ Smart select ลากมาเก็บไว้ ในภาพนั้นจะมีรายละเอียดต่างๆ เช่น link URL, ข้อมูลของสถานที่นั้นๆ หรือหากมีรายละเอียดอื่นๆ เช่นเบอร์โทรศัพท์ก็จะติดมากับภาพด้วย เจ๋งมาก!

ฟังก์ชั่นกล้องหลัง Galaxy Note 4 นั้นจะคล้ายๆ กับ S5 คือมีโหมดหลักๆ มาให้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็มีโหมดที่เราใช้บ่อยๆ เช่น Beauty face, Shot & more, Rearcam selfie และ Selective focus เพื่อความรวดเร็วในการเลือกใช้งาน แต่ถ้าหากอยากได้โหมดกล้องอื่นๆ เพิ่มก็มีให้ดาวน์โหลดมาลงเองได้ 

และเนืองจากมีเวลาลองเล่นไม่มาก อีกฟีเจอร์นึงที่ไม่ลองไม่ได้นั่นคือกล้องหน้าที่มาพร้อมกับโหมด Wide Selfie ถ่ายมุมกว้าง 120 องศาด้วยการบิดข้อมือนั่นเอง ไหนๆ ได้ลองแล้วก็ขอลงภาพเปรียบเทียบระหว่างโหมด selfie ปกติ กับโหมด wide selfie ให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ ว่ามันต่างกันแค่ไหน

ตัวอย่างภาพ selfie ปกติจาก Note 4 ครับ 

 

 ส่วนนี่ตัวอย่างภาพ Wide selfie คือถ่ายที่เดิมแต่เปิดโหมด Wide selfie จากนั้นบิดข้อมือไปทางซ้ายและขวา แล้ว Note 4 จะทำการต่อภาพให้เราเอง ได้ภาพที่กว้างขึ้น มีวิวทิวทัศน์พร้อมฉากหลัง

ตัวอย่างภาพเพิ่มเติม จากกล้องหลัง (download ภาพความละเอียดสูง http://goo.gl/UVw8yh)

 

ภาพพานอรามา

ทดสอบเปิด Beauty Mode – หน้าจะโดนเกลี่ยทำให้เบลอต่างกันไป

 เหลือหน่วยความจำให้ใช้ราว 23GB และมีแรมว่างๆให้ใช้ราว 1GB

ขอจบการพรีวิว Samsung Galaxy Note 4 ไว้เพียงเท่านี้แล้วกันนะครับ