Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนสายคุ้มรุ่นใหม่ REDMI Note 15 Series ในประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อย มีการอัปเกรดสเปคขึ้นมาให้ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความทานขั้นสูงระดับ IP69K แบตเตอรี่และความเร็วในการชาร์จที่ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ชิปเซ็ตใหม่แรงขึ้นกว่าเดิม ในราคาเริ่มต้น 1,499 หยวน (ประมาณ 7,299 บาท)

รายละเอียดสเปค REDMI Note 15 Pro และ Pro+
สเปคหน้าจอของ REDMI Note 15 Pro และ Pro+ ทั้งสองรุ่นเลือกใช้พาเนลแบบ AMOLED ขนาดหน้าจอ 6.83 นิ้ว ความคมชัดสูงระดับ 1.5K (2,772 × 1,280 พิกเซล) รองรับการแสดงผลความสว่างสูงสุด (HDR) 3,200 นิต หรือความสว่างแบบทั่วทั้งจอสูงสุด 1,800 นิต แสดงผลลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรชเรต 120Hz

นอกจากนั้นแล้วหน้าจอก็ยังมาพร้อมเทคโนโลยีการปรับแสงแบบ Pulse-Width Modulation (PWM) ที่ความถี่ 3,840Hz และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์ HDR10+, HDR Vivid และ Dolby Vision ให้การแสดงผลที่คมชัดและมีสีสันสดใสเป็นธรรมชาติ สิ่งที่แตกต่างกันคือ Note 15 Pro มีหน้าจอแบบแบน (flat-display) ส่วนรุ่น Note 15 Pro+ เป็นหน้าจอขอบโค้งสี่ด้าน (micro-quad curved)
Redmi Note 15 Pro ขับเคลื่อนหรือใช้พลังการประมวลจากชิปเซ็ต 4nm ของค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 7400 Ultra มีความเร็วการประมวลผลสูงสุด 2.6GHz ในขณะที่รุ่น Note 15 Pro+ เลือกใช้เป็นชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นล่าสุด Snapdragon 7s Gen 4 จับคู่กับจีพียู Adreno 810 มีความเร็วประมวลผลสูงสุด 2.7GHz


REDMI Note 15 Pro+ จะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในซีรีส์คือการที่มี ‘ระบบระบายความร้อน’ ที่ทำงานร่วมกับแผ่นกราไฟต์ขนาดใหญ่ 5,954 ตร. มม. ช่วยนำความร้อน และจัดการความร้อนได้ดีขึ้น 3 เท่า

สำหรับสเปคกล้องของ REDMI Note 15 Pro กล้องหลักเลือกใช้เป็นเซ็นเซอร์ Sony LYT-600 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (f/1.5) พร้อมกับระบบกันสั่น OIS กล้องตัวที่สองคือ กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และ กล้องมาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งาน) ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล

ทางฝั่ง REDMI Note 15 Pro+ ชุดกล้องหลังทั้งสามตัวสามารถใช้งานได้จริงทั้งหมด เริ่มต้นด้วยกล้องหลักซึ่งเลือกใช้เป็นเซนเซอร์ Light Fusion 800 ความละเอียด 50MP พร้อมระบบกันสั่น OIS กล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 50MP รองรับออปติคัลซูมระยะ 2.5 เท่า ส่วนกล้องอัลตร้าไวด์มีความละเอียด 8MP และสุดท้ายคือกล้องหน้าความละเอียด 32MP ทั้งสองรุ่นรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 4K

ความจุแบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นอยูที่ 7,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45W ในขณะที่รุ่น Note 15 Pro+ จะชาร์จได้ไวกว่าที่ความเร็ว 90W นอกจากนั้นแล้วทั้งสองรุ่นยังรองรับการชาร์จแบบย้อนกลับด้วยสาย 22.5W อีกด้วย เผื่อในกรณีฉุกเฉินที่เราจำเป็นจะต้องชาร์จไฟให้อุปกรณ์เสริมของตนเองหรือสมาร์ทโฟนกับอุปกรณ์เสริมของเพื่อน

สุดท้ายคือหัวข้อในเรื่องของ ‘ความทนทาน’ REDMI Note 15 Pro และ Note 15 Pro+ มาพร้อมกระจกหน้าจอ Xiaomi Dragon Crystal Glass ส่วนฝาหลังของตัวเครื่องก็ทำมาจากไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูงที่ทนทานต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 10 เท่า ผ่านการทดสอบ SGS ด้วยการทำตกใส่พื้นหินแกรนิตที่ความสูง 2 เมตร


มาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นของทั้งสองรุ่นคือมาพร้อม IP66 + IP68 + IP69 + IP69K ระบบเสียงลำโพงสเตอริโอที่สามารถเพิ่มระดับเสียงไปได้ถึง 400% รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และการเชื่อมต่อรองรับ Wi-Fi 6 กับ Bluetooth 5.4
เปรียบเทียบสเปค REDMI Note 15 Series
รายละเอียด | REDMI Note 15 | REDMI Note 15 Pro | REDMI Note 15 Pro+ | |
หน้าจอ | พาเนล | AMOLED | AMOLED | AMOLED |
ขนาด | 6.77 นิ้ว | 6.83 นิ้ว | 6.83 นิ้ว | |
ความละเอียด | 1080 x 2392 พิกเซล | 1220 x 2772 พิกเซล | 1220 x 2772 พิกเซล | |
ความสว่างสูงสุด | 3,200 นิต | 3,200 นิต | 3,200 นิต | |
อัตรารีเฟรช | 120Hz | 120Hz | 120Hz | |
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Snapdragon 6 Gen 3 | Dimensity 7400 Ultra | Snapdragon 7s Gen 4 |
หน่วยความจำ (LPDDR4X) | 6GB / 8GB / 12GB | 8GB / 12GB | 12GB / 16GB | |
ความจุ (UFS 2.2) | 128GB / 256GB | 256GB / 512GB | 256GB / 512GB | |
ระบบปฏิบัติการ | Xiaomi HyperOS 2 บนพื้นฐาน Android 15 | Xiaomi HyperOS 2 บนพื้นฐาน Android 15 | Xiaomi HyperOS 2 บนพื้นฐาน Android 15 | |
กล้องหลัง | กล้องหลัก | 50MP (f/1.8) | 50MP (f/1.5) OIS | 50MP (f/1.6) OIS |
กล้องอัลตราไวด์ | – | 8MP มุมมองกว้าง 112˚ | 8MP มุมมองกว้าง 112˚ | |
กล้องเสริม(Depth) | 2MP | – | – | |
กล้องเซลฟี่ | กล้องเซลฟี่ | 8MP | 20MP | 32MP |
ระบบเสียง | ลำโพง | สเตอรีโอ | ||
การเชื่อมต่อ | เครือข่าย | 5G | ||
Wi-Fi | 5 | 6 | 6 | |
Bluetooth | 5.1 | 5.4 | 5.4 | |
NFC | – | รองรับ | รองรับ | |
พอร์ต | USB-C | |||
เซนเซอร์ | สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ, IR Blaster | |||
แบตเตอรี่ | ความจุ | 5,800 mAh | 7,000 mAh | 7,000 mAh |
ชาร์จผ่านสาย | 45W | 45W | 90W | |
ชาร์จย้อนกลับด้วยสาย | 18W | 22.5W | 22.5W | |
ตัวเครื่อง | ความทนทาน | IP66 | IP66 + IP68 + IP69 + IP69K | |
ขนาด (เมื่อพับ) | 164 x 75.42 x 7.35 – 7.4 มม. | 163.61 x 78.09 x 7.78 มม. | 163.34 x 78.31 x 7.91 มม. | |
น้ำหนัก | 178 กรัม | 210.6 กรัม | 210.8 – 211.2 กรัม |
รายละเอียด REDMI Note 15
นอกจากในไลน์อัพซึ่งมีรุ่น Pro และ Pro+ แล้วนั้น ก็ยังมีอีกหนึ่งรุ่นเริ่มต้นประจำซีรีส์อย่าง REDMI Note 15 เปิดตัวมาพร้อมกันด้วย โดยจุดเด่นของ Note 15 คือการออกแบบซึ่งเน้นน้ำหนักหรือดีไซน์ของตัวเครื่องที่บางเบาเป็นพิเศษ

หน้าจอโค้งสองด้านพาเนลแบบ AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว จับคู่กับอัตรารีเฟรชเรต 120Hz และความสว่างหน้าจอสูงสุด 3,200 นิต มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบออปติคัลใต้หน้าจอ มาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP66 ตัวเครื่องมีความบางอยู่ที่ 7.35 มม. ส่วนน้ำหนักตัวเครื่อง 178 กรัม

ความจุแบตเตอรี่ของ REDMI Note 15 มีความจุ 5,800mAh ความเร็วการชาร์จ 45W และการชาร์จแบบย้อนกลับด้วยสายความเร็ว 18W จับคู่กับชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 3 ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ LPDDR4X ขนาดสูงสุด 12GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล UFS 2.2 ขนาดสูงสุด 256GB

สุดท้ายคือชุดกล้องหลังคู่สองตัวบน REDMI Note 15 เริ่มด้วยกล้องหลักที่เลือกใช้เป็นเซ็นเซอร์ Light Hunter 400 ความละเอียด 50MP (f/1.8) และกล้องเสริมความละเอียด 2MP รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K เฟรมเรต 30FPS ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8MP

รายละเอียดราคา และการวางจำหน่าย
REDMI Note 15 Pro และ Note 15 Pro+ เปิดตัวมาพร้อมกับดีไซน์สีที่มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ (Midnight Black) สีขาว (Cedar White) สีฟ้า (Azure Blue) และสีม่วง (Mist Purple)
REDMI Note 15 Pro
- 8GB + 256GB ราคา 1,499 หยวน (ประมาณ 7,299 บาท)
- 12GB + 256GB ราคา 1,699 หยวน (ประมาณ 8,299 บาท)
- 12GB + 512GB ราคา 1,899 หยวน (ประมาณ 9,299 บาท)

REDMI Note 15 Pro+
- 12GB + 256GB ราคา 1,999 หยวน (ประมาณ 9,799 บาท)
- 12GB + 512GB ราคา 2,199 หยวน (ประมาณ 10,799 บาท)
- 16GB + 512GB ราคา 2,399 หยวน (ประมาณ 11,799 บาท)

ส่วนรุ่นเริ่มต้นอย่าง REDMI Note 15 นั้น จะมีรุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นความจุ และจะประกอบไปด้วยตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ (Midnight Black) สีฟ้า (Azure Blue) และสีขาว (Star White)
- 6GB + 128GB ราคา 999 หยวน (ประมาณ 4,999 บาท)
- 8GB + 128GB ราคา 1,099 หยวน (ประมาณ 5,299 บาท)
- 8GB + 256GB ราคา 1,299 หยวน (ประมาณ 6,299 บาท)
- 12GB + 256GB ราคา 1,499 หยวน (ประมาณ 7,299 บาท)

พอเป็น global แบตจะลด เทเลจะหายอีกมั้ย