Samsung Galaxy Watch Active 2 เริ่มวางจำหน่ายในบ้านเราไปได้ไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ก็มีความสามารถต่างๆ ตามชื่อรุ่น Active เลยล่ะ เพราะมันเหมาะมากกับคนที่รักสุขภาพชอบออกกำลังกาย ไม่ว่าจะวิ่ง จะปั่นจักรยาน จะว่ายน้ำ จะออกกำลังเบาๆ แบบโยคะ, พิลาทีส ฯลฯ หรือจะเอาไว้ใส่เท่ๆ ก็ไม่มีปัญหา…ส่วนความสามารถของมันจะมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
สำหรับ Galaxy Watch Active 2 รุ่นที่เรารีวิวนี้ เป็นรุ่นหน้าจอขนาด 44 มม. นะครับ ซึ่งสเปคก็มีตามนี้เลย
สเปค GALAXY WACTH ACTIVE 2
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 44 มม. / 40 มม. ความละเอียด 360 x 360
- CPU : Exynos 9110
- RAM : รุ่น Bluetooth 768MB / รุ่น LTE 1.5GB
- ความจุ : 4GB
- แบตเตอรี่ : รุ่น 44 มม. 340 mAh / รุ่น 40 มม. 247 mAh
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : 5ATM / IP68
- มาตรฐานความทนทาน : MIL-STD-810G
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, Wi-Fi b/g/n, NFC, A-GPS/Glonass/Beidou, LTE
- เซ็นเซอร์ : Heart rate, Electrocardiogram, Accelerometer, Gyroscope, Barometer, Ambient light
- ระบบ Tizen
รูปร่างหน้าตา
Galaxy Watch Active 2 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีหน้าปัดแบบวงกลม ให้อารมณ์แบบนาฬิกาข้อมือทั่วไป ตัวเรือนใช้วัสดุแบบโลหะมันขาว มีปุ่ม 2 ปุ่ม อยู่ทางขอบเรือนด้านขวา โดยปุ่มบนเป็นปุ่ม Back และปุ่มล่างเป็นปุ่ม Home หน้าจอเป็นแบบสัมผัสครอบด้วยกระจกกันรอยขีดข่วนแบบ Gorilla Glass DX+ มีขอบจอสีดำซึ่งกลืนไปกับตัวหน้าจอเลย ซึ่งขอบจอดังกล่าวยังมากับระบบ Touch Bezel ให้เราใช้นิ้วรูดขอบจอขึ้น-ลง เพื่อเลือกเมนูได้
พลิกกลับมาดูตัวเรือนด้านล่าง จะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่จะคอยยิงแสงสีเขียวออกมาตอนที่เซ็นเซอร์ทำงาน
Galaxy Wacth Active 2 รุ่นนี้เป็น eSIM มาพร้อมสายหนังสีดำ ซึ่งเราสามารถหาซื้อมาเปลี่ยนเองได้ด้วย ส่วนใครเน้นออกกำลังกายก็อาจจะไปดูพวกสายซิลิโคน (ถ้าจะไปให้สุดก็ Under Armour Edition) หรือต้องการจะเพิ่มความหรูก็ไปดูสายเหล็ก
และที่น่าจะถูกใจสำหรับคนขี้เบื่อ ก็คือเราสามารถเลือกเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้ตามใจชอบ มีให้ใช้ได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน ซึ่งมีเยอะแยะมากมายจนเราสามารถเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดใน 1 ปี ไม่ให้ซ้ำกันได้เลยล่ะ ส่วนวิธีเปลี่ยนเดี๋ยวเราจะพูดถึงอีกทีครับ
หน้าจอแบบ Super AMOLED
หน้าจอของ Galaxy Watch Active 2 เป็นหน้าจอสัมผัสแบบ Super AMOLED ที่มีความสดใสและคมชัดมากๆ ใส่กลางแดดมองเห็นได้สบายๆ ซึ่งปกติแล้วเราสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้หน้าจอติดเป็นเวลาเท่าไหร่ (ได้ตั้งแต่ 10 วินาที – 5 นาที) แต่เราก็สามารถตั้งค่าให้หน้าจอแสดงผลแบบ Always on ได้ด้วย โดยเข้าไปที่เมนู Setting > Watch Faces > Watch always on ซึ่งถึงแม้ว่าหน้าจอแบบ Always on จะลดแสงสว่างลงไปกว่าปกติ และเปลี่ยนการแสดงผลบางส่วนให้เป็นสีดำ (ขึ้นกับแต่ละ Watch faces ที่ใช้) แต่ยังไงมันก็จะกินแบตเตอรี่มากกว่าการตั้งค่าปกติที่จอดับพักเป็นช่วงๆ
การใช้งานร่วมกับ Galaxy Wearable
จริงๆ Galaxy Watch Active 2 สามารถใช้งานได้ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ยิ่งรุ่นที่รองรับ LTE ด้วย ยิ่งไม่ต้องพึ่งพามือถือเลย แต่ถ้าจะดึงประสิทธิภาพ และการใช้งานต่างๆ ให้สะดวกกว่าเดิม ก็แค่ซิงค์กับมือถือเท่านั้น สำหรับ Samsung ปกติจะมี Galaxy Wear ติดตั้งมาในเครื่องอยู่แล้ว ส่วนยี่ห้ออื่นๆ ก็ต้องไปดาวน์โหลด Galaxy Wearable มาติดตั้งในมือถือซะก่อน
จากนั้นก็เชื่อมต่อมือถือเข้ากับนาฬิกาด้วยการกดที่เมนู (3 ขีด) ด้านซ้ายบน และกด Add new device เป็นอันจบ
ภายในแอป เราก็สามารถทำการตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ บนนาฬิกา ว่าจะให้แอปไหนแจ้งเตือนบ้าง
จะติดตั้ง / ลบแอป หรือจะจัดเรียงตำแหน่งแอปบนหน้าจอ Watch Active 2 ใหม่ก็ได้
ปรับเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ปรับความสว่างหน้าจอ เวลาเปิดหน้าจอ ฯลฯ
ตั้งค่าอื่นๆ เช่นการใช้งาน Touch Bezel, การปลุกหน้าจอ, ล็อคหน้าจอตอนลงน้ำ ฯลฯ
การเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา (Watch Faces)
ถ้าติดตั้ง Galaxy Wearable บนมือถือแล้วก็จะทำได้ง่ายสุดๆ แค่เข้าไปในแอปดังกล่าวแล้วเลือกที่เมนู Watch faces และเลือกแบบหน้าปัดที่เราต้องการ จากนั้นหน้าปัดนาฬิกาที่เราเลือกบนมือถือก็จะไปอยู่บนหน้า Watch Active 2 ทันทีแบบไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่หน้าปัดเทพๆ บางอันก็ต้องเสียเงินซื้อด้วยนะครับ โดยเราสามารถเข้าไปเลือกได้ที่เมนู Discover เพื่อเลือกหน้าปัด หรือแอปเสริมอื่นๆ เพื่อมาติดตั้งบน Watch Active 2
เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ตัวเซ็นเซอร์ดังกล่าวจะอยู่ที่ด้านล่างของเรือนนาฬิกา เมื่อเราปัดหน้าจอไปที่หัวข้อวัดอัตราการเต้นของหัวใจและกด Measure เพื่อทำการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรงตัวเซ็นเซอร์จะยิงแสง LED สีเขียวออกมาใส่ผิวหนังบริเวณข้อมือของเรา เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณของหลอดเลือดฝอยโดยการใช้ลำแสงและเซนเซอร์วัดขนาดของหลอดเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังนั่นเอง เพราะฉะนั้นใครจะใส่นาฬิกาแบบเอาไว้ด้านบนหรือเอาไว้ด้านล่างข้อมือ ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สามารถวัดได้หมด
การใช้งานทั่วไป
Galaxy Watch Active 2 ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ที่พัฒนาโดย Samsung เอง เพราะฉะนั้นการดาวน์โหลดแอปต่างๆ มาติดตั้งก็จะต้องดาวน์โหลดผ่าน Galaxy Store ซึ่งเข้าได้จากทั้งทางหน้าจอนาฬิกา และมือถือ ก็จะมีทั้งแอปประเภทเกมสำหรับเล่นบนนาฬิกา, แอปกดชัตเตอร์กล้อง, Browser สำหรับเข้าเว็บบนจอนาฬิกา, อัดเสียง, แผนที่ ฯลฯ
เวลาที่มีข้อความเข้า หรือมีการแจ้งเตือนต่างๆ ขึ้นมา เราสามารถปัดหน้าจอไปทางขวาเพื่อดูได้เลยว่ามีอะไรบ้าง
และถ้าหากว่าเป็นการแจ้งเตือนจากแอปประเภท Messenger, Whatsapp หรือ LINE เราก็ใช้คีย์บอร์ดบนหน้าจอเพื่อพิมพ์ตอบไปได้เลย (บอกไว้ก่อนว่าไม่ถนัดสุดๆ)
และถ้าไม่ถนัด จะใช้แบบเขียนตัวหนังสือบนหน้าจอทีละตัว (บอกตรงๆ ว่าไม่ถนัดเหมือนกัน) หรือพิมพ์ด้วยเสียงก็ได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังรองรับแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น… ขอบอกเลยว่าหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ตอบเองถนัดที่สุด หลักๆ ก็เอาไว้ตอบกลับเร็วๆ หรือส่ง emoji ขำๆ ได้
นอกจากนี้เรายังสามารถโทรออก หรือรับสายจากตัวนาฬิกาได้เลย เพราะมันมีทั้งไมโครโฟนและลำโพงในตัวด้วยนั่นเอง (เกือบๆ จะเหมือนสายลับแล้ว ถ้าเสียงสนทนาไม่ออกจากลำโพงจนคนอื่นได้ยินกันหมดซะก่อน 555) หรือจะแพร์หูฟัง Bluetooth ไปเลยก็สะดวกไปอีก
การเชื่อมต่อกับ eSIM
สำหรับใครที่ใช้ AIS และ dtac นั้นสามารถเลือกเปิดใช้งาน eSIM ได้จากในแอป Galaxy Wearable บนมือถือเลยครับ หากติดขัดปัญหาอะไรก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการได้ ส่วนของ Truemove H นั้นเห็นว่ายังต้องมีการเปิดเบอร์ใหม่เพิ่มอยู่ อาจจะต้องไปติดต่อที่ศูนย์บริการเท่านั้น
การใช้งานด้านสุขภาพ
Galaxy Watch Active 2 ยังมีฟีเจอร์สำหรับสายสปอร์ตในการออกกำลังกาย เพราะมีฟีเจอร์ที่จะช่วยเป็นโค้ชเพื่อให้เราออกกำลังกายได้ถึง 39 แบบ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ยกเวท, ซิทอัพ, วิดพื้น หรือแม้แต่ว่ายน้ำก็ยังได้ (กันน้ำที่มาตรฐาน 5ATM และ IP68 ใส่ว่ายน้ำได้สบายๆ)
ซึ่งในระหว่างที่เราออกกำลังกายมันก็จะคอยวัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการวัดระยะทางด้วย GPS สำหรับการออกกำลังประเภทเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน และเมื่อจบแล้วก็จะคำนวณออกมาว่าเราเผาผลาญแคลลอรี่ไปได้ทั้งหมดเท่าไหร่แล้ว
Galaxy Watch Active 2 ยังมีโหมดตรวจจับการนอนหลับอีกด้วยว่าในแต่ละคืน เรานอนหลับได้นานขนาดไหน ด้วยการตรวจจับจากอัตราการเต้นของหัวใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกาย (ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องใส่นาฬิกาเอาไว้ตลอดเวลา) และถ้าหากเซ็นเซอร์ตรวจไม่เจอการเต้นของหัวใจ อาจจะด้วยท่าทาการนอนหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายแทน
และที่เจ๋งก็คือ เวลาเราออกไปวิ่งหรือขี่จักรยานแล้วอยากฟังเพลง แต่ขี้เกียจต้องพกเอามือถือไปด้วย (ใส่กางเกงแล้วมันแกว่งตีขา) ก็สามารถติดตั้งแอป Spotify ลงใน Galaxy Wacth Active 2 แล้วดาวน์โหลดเพลงจาก Playlist ของเราลงมาเก็บในตัวนาฬิกา จากนั้นก็เชื่อมเข้ากับหูฟังไร้สายเพื่อฟังเพลงได้เลย โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับเน็ตหรือมือถือ
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ Galaxy Watch Active 2 ถือว่าอึดใช้ได้เลย จากการทดสอบใช้งานทั่วไปด้วยการเชื่อมต่อกับมือถือตลอดเวลา, เปิดแจ้งเตือนระบบสั่นตลอดเวลา (ปิดเสียง), เปิดเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจตลอดเวลา, เปิดระบบตรวจจับเปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อยกแขนดูเวลา, หน้าจอดับอัตโนมัติในเวลา 15 วินาที, กดอ่านข้อความจากหน้าจอนาฬิกาบ้างเมื่อมีแจ้งเตือนเข้า ก็พบว่าแบตเตอรี่ 100% สามารถอยู่ได้เกือบ 3 วัน เลยทีเดียว…เพราะตื่นมาวันที่ 3 ตอนราวๆ 10 โมง แบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 24% ซึ่งตามข้อมูลบนหน้าปัดบอกว่าใช้ได้อีกราวๆ 13 ชม.
สรุป
Galaxy Watch Active 2 ถือเป็นสมาร์ทวอทช์สำหรับสายสุขภาพที่ครบเครื่องรุ่นนึงเลย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจที่สามารถวัดค่าได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นตอนออกกำลังหรือตอนพัก, ฟีเจอร์การออกกำลังมากมายพร้อมโค้ชส่วนตัวที่จะคอยบอกว่าเราควรทำอะไรบ้าง, ฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ และที่ชอบคือสามารถอัดเพลงจาก Spotify ลงเครื่องแล้วฟังได้แบบออฟไลน์ ส่วนแบตเตอรี่ถือว่าเข้าขั้นอึดใช้ได้สำหรับสมาร์ทวอทช์ เพราะใช้งานต่อเนื่องได้ราวๆ 3 วันเต็มโดยไม่ต้องชาร์จ
ส่วนการใช้งานร่วมกับ eSIM เพื่อเชื่อมต่อโทรศัพท์และเน็ตนั้นก็ไม่ได้กินแบตเยอะเหมือนที่คิด ยังคงสามารถใช้ได้ราวๆ 2 วัน และหาก Watch Active 2 นั้นอยู่ในระยะ bluetooth ของมือถือนั้นเหมือนจะมีระบบประหยัดพลังงานของตัว eSIM และการเชื่อมต่อ LTE อีกด้วย
ราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท เทียบกับฟีเจอร์มากมายแบบนี้ (เอาแค่เปลี่ยนหน้าปัดได้ก็เหมือนมีนาฬิกาเปลี่ยนใส่ได้ไม่ซ้ำวันแล้ว) ถือว่า Galaxy Watch Active 2 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวนึงครับ
สวยดีครับ เห็นแล้วน่าใช้ดี 🙂 🙂
โห ตั้งเกือบ 3 วัน นี่คืออึดแล้วเหรอครับ
เชื่อมต่อตลอดเวลา เปิดเซ็นเซอร์ตลอดเวลา ผมว่าอึดใช้ได้เลยนะ
Electrocardiogram ในสเปคที่เขียนในรีวิว สามารถใช้ได้ไหมครับ
สวยดีค้าบ ใส่ได้ทุกโอกาส
ตัวเก่าจอเสียค่าซ่อมโหดมาก กำลังจะหาตัวใหม่ แต่หลังๆออกมาเยอะจนงง เริ่มลำดับความสามารถแต่ละรุ่นไม่ถูก แถมรุ่นก่อนๆราคาก็ลงใช้ได้ จะลงที่ตัวใหม่เลยดีไหมพวกเซนเซอร์สุขภาพมันดีขึ้นกว่าเดิมมากไหมมีตารางเปรียบเทียบไหมเนี่ย ความอยากกับความสับสนกำลังตีกัน55
น่าจะมีรุ่น 46mm ชอบอันใหญ่ ๆ