ปกติแล้วแบรนด์สมาร์ทโฟนหลาย ๆ แบรนด์มักจะเฟ้นหาแบรนด์กล้องระดับตำนานมาร่วมงานกัน เพื่อให้ได้ภาพถ่ายตามสไตล์กล้องนั้น ๆ แต่รอบนี้ HONOR คิดต่าง เพราะได้ไปจับมือกับสตูดิโอถ่ายภาพระดับตำนานจากฝรั่งเศสอย่าง Studio Harcourt Paris นำเทคนิกการจัดแสงต่าง ๆ มายัดลงบนมือถือเครื่องเล็ก ๆ ได้อย่างลงตัว 

ตัวเครื่องดีไซน์ใหม่ แบบ Casa Milà

HONOR 200 Pro มีการพลิกโฉมดีไซน์ใหม่ ไปใช้ขอบเฟรมแบบ Flat แบนราบเงางามคล้ายรุ่นเรือธง น้ำหนักเบา 199 กรัม แถมยังบางเฉียบเพียง 8.2 มม. เท่านั้น รองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ และทนฝุ่นระดับ IP65 

จุดที่เปลี่ยนไปมาที่สุดของรอบนี้คือเรื่องกล้อง ที่เปลี่ยนไปใช้โมดูลลักษณะคล้ายเกาะขนาดใหญ่ โดยได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโถงช่องแสงของอาคารมรดกโลกในประเทศสเปน อย่าง Casa Milà (คาซ่า มิลล่า) ให้ความรู้สึกแปลก แต่ก็สวยงามในชิ้นเดียวกัน

ฝาหลังรุ่นนี้มาในดีไซน์โค้งรับมือ โดยแต่ละสีที่วางจำหน่ายก็จะได้ลวดลายที่ต่างกันออกไป อย่างสีที่เห็นในตอนนี้นี้คือสีเขียว-ฟ้า Ocean Cyan ที่มีพื้นผิวเงางามสะท้อนแสง และพื้นผิวด้านเล่นลวดลายคล้ายกลีบดอกไม้ตัดกัน ซึ่งถ้าใครชอบสีที่สุขุมมาหน่อย ก็มีสีดำ Black ที่เป็นพื้นผิวด้านอย่างเดียวให้เลือก

ตำแหน่งด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มใด ๆ ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม / ลดเสียง ด้านบนมากับช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน, IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมต และช่องลำโพงคู่ และด้านล่างมากับช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Dual Slot ไมโครโฟนสนทนาหลัก พอร์ตชาร์จ USB-C และช่องลำโพง

จอถนอมสายตา ลำโพงเสียงดี และดัง 200%

HONOR 200 Pro มากับจอแสดงผลแบบโค้ง 3D Quad-curve Floating ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ซึ่งกระจกตามมุมเครื่องต่าง ๆ จะมีความโค้งเล็ก ๆ ทั้ง 4 ด้านดูแล้วละมุนตา ให้ขอบจอที่บางเฉียบ พาเนลใช้เป็น AMOLED สีสันดี ความละเอียด  Full HD+ (2700 x 1224 พิกเซล) รีเฟรชเรต 120Hz แถมยังรองรับโหมด Always-on Display แบบเต็มจอเหมือนรุ่นเรือธงด้วย

ด้านความสว่างรุ่นนี้รองรับความสว่างเฉพาะจุดเมื่อเปิดรับชมคอนเทนต์ HDR ได้สูงสุดที่ 4,000 nits แต่สำหรับการใช้งานในที่แดดจัด ๆ นั้น ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน ไม่ต้องเพ่งนาน การรับชมคอนเทนต์บน YouTube ดูได้สูงสุดที่ความเอียด 4K HDR @60FPS รองรับมาตรฐาน Widevine L1 ดูสตรีมมิ่งคมชัด Full HD ได้

ส่วนเรื่องมาตรฐานถนอมสายตานั้น HONOR ก็ยังคงจุดเด่นในด้านถนอมสายตาอยู่เสมอมา เพราะมากับจอที่มีค่า PWM Dimming สูง 3840Hz ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland ในเรื่องจอกระพริบต่ำ Flicker Free และปกป้องดวงตาแบบรอบด้าน Full Care Display

นอกจากนี้ตัวจอยังมีโหมด Natural Tone 2.0 และ และ AI Circadian Night Display ช่วยปรับอุณหภูมิแสงของจออัตโนมัติเมื่อใช้งานตามสภาพแสงจริง ทำให้ใช้งานในที่มืดได้สบายตายิ่งขึ้น

อีกหนึ่งสิ่งที่ HONOR ยังคงทำได้น่าประทับใจคือเรื่องของลำโพงคู่สเตอริโอ ที่ให้เสียงค่อนข้างดีมาก ๆ แต่ถึงแม้ว่าเสียงจะไม่ได้ออกมาในโทนแน่นเท่า HONOR Magic6 Pro แต่ก็สามารถแยกมิติเครื่องดนตรี เสียงร้องต่าง ๆ ได้ชัดเจน และเสียงใสมาก ๆ แถมยังมีโหมดให้เร่งเสียงดังได้ถึง 200% (80 db) ได้ยินกันทั่วทั้งห้องแน่นอน

กล้องหลักดี ถ่าย Portrait สวยระดับ Harcourt Studio

กล้องถ่ายภาพถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่สุดของ HONOR 200 Pro ที่ยกระดับฮาร์ดแวร์จาก HONOR 90 มาเยอะพอสมควร อย่างเซนเซอร์หลักเองก็ได้เปลี่ยนมาใช้ เซนเซอร์ Super Dynamic H9000 ความละเอียด 50MP ขนาดใหญ่ 1/1.3” ที่ทาง HONOR ได้ไปจับมือกับ Omnivision นำเซนเซอร์ OV50H มาพัฒนาต่อยอดเพื่อมาใช้กับมือถือ HONOR โดยเฉพาะ ทำให้เก็บแสงต่าง ๆ ได้ดีกว่า

HONOR ยังได้มีการนำกล้อง Telephoto สำหรับถ่ายภาพบุคคลในระยะสวย ๆ มาให้ใช้งานกันด้วย โดยได้ใช้เซนเซอร์ Sony IMX 856 รองรับการซูมแบบ Optical ที่ 2.5x และ Digital สูงสุดที่ 50x แถมยังมีระบบกันสั่น OIS มาให้ด้วย

สเปคกล้อง HONOR 200 Pro 

  • กล้องหลัก: 50MP (f/1.9)
    • เซนเซอร์ Super Dynamic H9000 
    • ขนาด 1/1.3”
    • ระบบกันสั่น OIS
  • กล้องเทเลโฟโต้: 50MP (f/2.4)
    • เซนเซอร์ IMX856
    • ซูม Optical 2.5x / Digital 50x
    • ระบบกันสั่น OIS
  • กล้องอัลตร้าไวด์: 12MP (f/2.2)
    • มุมกว้าง 112 องศา
    • รองรับการถ่ายมาโครระยะ 2.5 มม.
  • กล้องหน้าคู่: 50MP (f/2.1) + กล้อง Depth ไม่ระบุความละเอียด

ตัวระบบกล้องของ HONOR 200 Pro เรียกได้ว่ายกระดับส่วนใหญ่ของรุ่นเรือธงมาได้แบบครบ ๆ มีโหมด Color Profile เลือกโทนสีภาพถ่ายได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

  • Natural Tone เน้นสีสมจริง เป็นธรรมชาติ
  • Vivid Tone เน้นสีสันจัดจ้าน ถ่ายสนุก ลงโซเชียลได้ทันที
  • Authentic Tone ปรับภาพให้เป็นโทนหม่น ๆ เพิ่มวิกเน็ตบริเวณขอบภาพเหมือนถ่ายจากล้องฟิล์ม สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพแนวสตรีท

สำหรับภาพถ่ายที่ได้ออกมาจากกล้องของ HONOR 200 Pro ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ รายละเอียดคมชัด สีสันสวยงาม เลนส์หลัก Dynamic Range ค่อนข้างกว้าง สามารถดึงรายละเอียดท้องฟ้าในที่แดดจัดได้ชัดเจน เช่นเดียวกับเวลาถ่ายตอนกลางคืนก็สามารถรีดแสงในภาพให้ดูสว่างได้ดีมาก ๆ แถมเลนส์หลักในรุ่นนี้ยังรองรับการถ่ายในรูปแบบไฟล์ RAW บนโหมด Pro สำหรับนำไปแต่งต่อเพิ่มเติมด้วย

ส่วนเลนส์ Ultrawide 12MP ถึงแม้ว่าจะเจอเรื่อง Overexposed บ้างในพื้นที่แดดจัด ๆ แต่ก็ถือว่าใช้การได้ดีในสภาพแสงปกติ แต่ถ้าถ่ายตอนกลางคืน หรือถ่ายในที่มืดมาก ๆ จะเรียกแสงกลับมาไม่ค่อยได้นัก ถึงแม้ว่าจะใช้ Night Mode เก็บแสงเป็นเวลา 2 – 5 วินาทีแล้วก็ตาม

ตัวอย่างภาพถ่ายบน HONOR 200 Pro 

โหมด Portrait จำลองสตูดิโอถ่ายภาพระดับโลกมาไว้ในเครื่อง

นอกจากฮาร์ดแวร์กล้อง Telephoto ที่ได้ใช้เซนเซอร์อย่าง IMX856 ความละเอียด 50MP แล้ว ทาง HONOR ยังได้มีการพัฒนา AI Portrait Engine เข้ามาช่วยเสริมคุณภาพการถ่ายภาพคน ทำเอฟเฟกต์โบเก้เบลอหลังได้แบบเนียน ๆ ตัดขอบไม่กินเส้นผม รวมถึงเข้ามาช่วยในการ Process พวกจุดต่าง ๆ บนใบหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เนียนเกินจนรายละเอียดผิว รูขุมขนต่าง ๆ หายไป

และที่สำคัญที่สุดคือรอบนี้ทาง HONOR ได้จับมือกับทาง Harcourt Studio สตูดิโอถ่ายภาพชื่อดังจากฝรั่งเศส ที่มีประวัติศาสตร์ถ่ายภาพบุคคลสำคัญ ทั้งดารา เซเลบริตี้ รวมถึงนักกีฬาระดับโลกมายาวนานกว่า 80 ปี เข้ามาช่วยร่วมพัฒนาโหมด AI Portrait ให้ดูเหมือนถ่ายออกมาจากสตูดิโอจริง ๆ เพียงไม่กี่วินาที

โดยทาง HONOR ได้วิเคราะห์ตำแหน่งการจัดแสงไฟต่าง ๆ ใน Harcourt Studio รวมถึงวิเคราะห์แสงเงาจากภาพถ่ายที่เกิดขึ้นในสตูดิโอแห่งนี้กว่า 1,000 รูปแบบ จนได้มาเป็นโหมด Harcourt Studio Portrait 3 สไตล์ ได้แก่

  • Harcourt Vibrant เน้นสีสัน ถ่ายง่าย ถ่ายสนุก
  • Harcourt Color ปรับสีโทน ให้ดูมีความ Retro เพิ่มวิกเน็ตเพื่อความคลาสสิก
  • Harcourt Classic โหมดขาวดำ ถ่ายในสไตล์ซิกเนเจอร์ของ Harcourt Studio อย่างแท้จริง เหมือนหลุดออกมาจากยุค Old Hollywood 40s+

อย่างไรก็ตามโหมด Portrait พิเศษที่ให้มาในรุ่นนี้ ถ้าถ่ายโดยใช้กล้องสด อาจจะตะลึงกันนิดหน่อย เพราะระบบจะค่อนข้างขุด Texture ริ้วรอยบนผิวของเราพอสมควร แนะนำให้เปิด Beauty ที่ระบบเซ็ตมาให้ไว้จะได้ภาพที่ดูสวยเป็นธรรมชาติ คงรายละเอียดผิวเอาไว้ แต่รอยด่างดำบนใบหน้าหายเกลี้ยง

กล้องเซลฟี่มุมกว้าง เก็บคนได้หมด

สำหรับสายเซลฟี่รุ่นนี้ก็ให้กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล แถมยังเป็นเลนส์กว้าง สามารถถ่ายได้สองระยะคือ 0.8x และ 1x เซลฟี่หลายคนก็เก็บได้ครบ โหมด Portrait ก็มีเลนส์เสริมวัดระยะตื้นลึก คอยช่วยเบลอหลังแบบเนียน ๆ อีกที ซึ่งคุณภาพภาพถ่ายก็ถือว่าสวยเลยทีเดียว

ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง

ชมตัวอย่างงานวิดีโอ

HONOR 200 Pro สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดที่ 4K@60FPS ได้ทั้งระยะกล้องหลัก และกล้องเทเลโฟโต้ แต่ถ้าจะถ่ายสลับเลนส์ไปมา 3 เลนส์ หรือสลับไปกล้องหน้า จะรองรับที่ 4K@30FPS เท่านั้น (เพราะเลนส์ Ultrawide และกล้องเซลฟี่ ไม่รองรับที่ 60FPS) 

ส่วนใครที่อยากใช้โหมดถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอ หรือเปิดโหมดบิวตี้ ตัวระดับรองรับแค่ในความละเอียดมาตรฐาน 1080P@30FPS เช่นเดียวกับโหมดวิดีโอพิเศษต่าง ๆ เช่น Multi-Video ถ่ายกล้องหน้า กล้องหลังพร้อมกัน, Story Mode ถ่ายวิดีโอตามเทมเพลต หรือ Night Video ถ่ายวิดีโอกลางคืน จะรองรับที่ความละเอียดมาตรฐาน 1080P เท่านั้น

ฝั่งกล้องเซลฟี่รุ่นนี้รองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K@30FPS ซึ่งถ้าอยากเปิดโหมด Beauty เบลอผิวไปด้วย หรือจะเปิดใช้ฟิลเตอร์ จะรองรับการถ่ายที่ความละเอียดมาตรฐาน 1080P@30FPS และไม่มีโหมด Video Portrait มาให้เหมือนกล้องหลัง

ส่วนระบบกันสั่นของ HONOR 200 Pro ทั้งเลนส์หลัก และเลนส์ Telephoto จะใช้เป็นระบบ Hybrid ใช้งานระบบ OIS + EIS ร่วมกัน ไม่ไม่โหมดกันสั่นแบบโหด ๆ ไม่เลือกเปิด ถ่ายได้แค่ค่า Default ที่ระบบให้มาเพียงเท่านั้น

ใช้ชิปแรงระดับเรือธง เล่นเกมสบาย

HONOR 200 Pro มาพร้อมกับชิปเซตประมวลผลซีรีส์เรือธงตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Snapdragon 8s Gen 3 ที่ความแรงเป็นรองแค่ Snapdragon 8 Gen 3 และ Snapdragon 8 Gen 2 ในด้าน GPU 

แถมยังได้ความจุที่เยอะมาก ๆ 12GB + 512GB และมีระบบระบายความร้อนที่ใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 5,564 ตารางมิลลิเมตร ทำให้ไม่ว่าเน้นถ่ายรูป ใช้งานทั่วไป หรือเน้นเล่นเกมหนัก ๆ ได้ทำได้หายห่วง ซึ่งจากที่เราได้ทดสอบลองเล่นเกม 3 เกม ผลออกมาดังนี้

ROV

ROV สามารถปรับกราฟิกได้สูงสุดในทุก ๆ เมนูตั้งค่า สามารถเล่นได้ลื่น ๆ ที่เฟรมเรต 60FPS นิ่ง ๆ ไม่มีปัญหา จะอัดจอไปด้วย เล่นไปด้วยก็ยังรักษาระดับเฟรมเรตไว้ได้นิ่ง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีจังหวะอัดเอฟเฟกต์พลังเยอะ ๆ ก็ตาม

PUBG Mobile

ชิป Snapdragon 8s Gen 3 บนมือถือ HONOR 200 Pro รองรับการเล่น PUBG Mobile ทั้งในโหมดกราฟิกแบบ Ultra HD + เฟรมเรตแบบ Ultra (45FPS) หรือจะเล่นในโหมดกราฟิกสมดุล + เฟรมเรต 120FPS (Extreme +) เหมือนมือถือเกมมิ่งเลย ซึ่งจากที่ทดสอบในโหมด 120FPS ก็เล่นได้ลื่นไหลจริง ๆ จะอัดจอไปด้วย เล่นไปด้วยก็ไม่เจอปัญหาเฟรมเรตกระชากระหว่างการเล่นด้วย

Genshin Impact

เช่นเดียวกับเกมสุดโหดอย่าง Genshin Impact ที่สามารถปรับกราฟิกทุกอย่างได้แบบจัดเต็ม สูงสุดทุกเมนู แต่ก็ยังสามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเล่นไปได้สัก 10 – 15 นาทีก็จะรู้สึกไม่สบายมือบ้างจากอุณหภูมิที่ระบายออกมาจากตัวเครื่อง แต่ประสิทธิภาพการเล่นก็ยังลื่นไหล ไม่ติดขัดเหมือนเดิม

สายเกมเมอร์นอกจากจะได้ประโยชน์จากชิปแรง ๆ ไปใช้งานแล้ว HONOR 200 Pro ยังมีชิปเสริมที่เรียกว่า HONOR C1+ RF เข้ามาช่วยในการจับสัญญาณ Wi-Fi และ 5G ได้สเถียร และมีค่า Latency ที่ต่ำกว่าปกติ ทำให้เวลาเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนราบลื่น ไม่กลัวหลุดตลอดทั้งเกม

แบตเตอรี่ใช้ได้เต็มวัน ชาร์จไวสุด ๆ ทั้งผ่านสาย และไร้สาย

ในตัวเครื่องบาง ๆ ของ HONOR 200 Pro มากับแบตเตอรี่ที่เยอะถึง 5,200 mAh โดยเป็นแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่วัสดุ Silicon-Carbon ที่เก็บประจุได้มากกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป ในไซส์ที่บางกว่าพอสมควร ทำให้อัดแบตเตอรี่ในพื้นที่จำกัดได้เยอะขึ้น

ซึ่งจากการใช้งานใส่ซิม เปิด NFC เปิด Bluetooth เชื่อมต่อหูฟัง เปิดแสงจอแบบ Auto Brightness เล่นเกม Genshin และ PUBG ใช้งานกล้อง รวมถึงดู YouTube เป็นระยะเวลา Screen-On เวลาเกือบ 7 ชั่วโมง แบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 7% ซึ่งถือว่าอึดมาก ๆ ใช้งานได้ตลอดวันแน่นอน

ส่วนใครที่ใช้งานหนัก ๆ ในระหว่างวันจะแวะชาร์จก็ทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะตัวเครื่องมากับระบบชาร์จไวสูงสุดถึง 100W ที่ทางแบรนด์เคลมว่าชาร์จจาก 1 – 60% ใช้เวลาเพียง 15 นาที นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไร้สายถึง 66W ชาร์จจากชาร์จจาก 1 – 64% ใช้เวลาเพียง 30 นาที เท่านั้น

สรุปการใช้งาน HONOR 200 Pro

HONOR 200 Pro ถือเป็นมือถือที่ถือว่าให้สเปคมาคุ้มกับราคามาก ๆ ในกลุ่มมือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 8s Gen 3 เพราะนอกจากจะได้ชิปประสิทธิภาพที่แรงมาก ๆ แล้ว ยังได้กล้องหลังที่ถ่ายได้ครบทุกระยะ พร้อมโหมด Portrait ดี ๆ ที่พัฒนาร่วมกับสตูดิโอถ่ายภาพดัง แถมยังรองรับชาร์จไวถึง 100W และรองรับชาร์จไร้สาย 66W ด้วย

แต่อย่างไรก็ตามส่วนที่ยังไม่ค่อยประทับใจยังอยู่ที่เรื่องของระบบกล้องที่ยังไม่สามารถปรับค่าเบลอหลังโบเก้ f/ และปรับจุดโฟกัสหลังถ่ายภาพ Portrait ไม่ได้ รวมถึงตัวรอมเองที่ยังไม่สามารถปิดฟีเจอร์ขยายแรมจำลอง RAM Extension แต่การใช้งานโดยรวมแล้วถือว่าได้รับประสบการณ์ที่ค่อนข้างดีมาก ๆ เลย

สเปค HONOR 200 Pro

  • จอภาพ : จอโค้ง 3D OLED 6.78 นิ้ว
    • ความละเอียด 2700 x 1224 พิกเซล
    • สว่างสูงสุด 4,000 นิต
    • อัตรารีเฟรช 120HZ
    • รองรับ HDR, ZREAL, HDR Vivid
  • ชิปเซต : Snapdragon 8s Gen 3
  • RAM: 12GB
  • ROM: 512GB
  • กล้องหลัง :
    • กล้องหลัก H9000 50MP ขนาด 1/1.3″ (f/1.9), กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 12MP (f/1.2) มุมกว้าง 112 องศา
      • รองรับโหมด Macro ระยะ 2.5 ซม.
    • กล้องเทเลโฟโต IMX856 50MP (f/2.4), กันสั่น OIS
      • ซูม Optical 2.5x / ซูม Digital 50x
  • กล้องหน้า :
    • 50MP (f/2.1)
    • กล้องวัดระยะตื้นลึกไม่ระบุความละเอียด
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่
    • รองรับ HONOR Histen 7.1
    • เร่งเสียงได้สูงสุด 200%
  • แบตเตอรี่ : 5,200 mAh
    • ชาร์จไวผ่านสาย 100W
    • ชาร์จไวไร้สาย 66W
  • การเชื่อมต่อ
    • 5G
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.3
    • NFC
  • พอร์ต
    • USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้จอ, accelerometer, gyro, compass, ultrasound proximity, IR Blaster
  • ความทนทาน : IP65
  • ระบบปฏิบัติการ : MagicOS 8.0 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด : 163.3 x 75.2 x 8.2 มม.
  • น้ำหนัก: 199 กรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

HONOR 200 Pro วางจำหน่ายแบบพรีออเดอร์ ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน – 5 กรกฏาคม 2024 มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Ocean Cyan และ Black ในรุ่นความจุ 12GB + 512GB เปิดราคามาที่ 19,990 บาท เมื่อซื้อในช่วงเวลาดังกล่าว รับฟรี

  • HONOR Wireless Charger 100W มูลค่า 2,499 บาท
  • HONOR Watch G3 มูลค่า 5,999 บาท

หากจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน – 5 กรกฏาคม 2024 จะได้ซื้อ HONOR 200 Pro ในราคาพิเศษ เพียง 11,590 บาทเท่านั้น