ถ้านึกถึงแบรนด์ Huawei หลายคนคงนึกแบรนด์มือถือสมาร์ทโฟนมากกว่าที่จะเป็นแบรนด์โน้ตบุ๊ค แต่รู้หรือไม่ Huawei เริ่มทำตลาดโน้ตบุ๊คในบ้านเรามาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ตั้งแต่รุ่น MateBook 13 ตอนปี 2019 โดยล่าสุดในต้นปี 2020 นี่เองก็ได้เปิดตัวเจ้า MateBook D15 ที่คราวนี้มาในราคาที่เย้ายวนมากเพียง 17,990 บาทเท่านั้น ซึ่งทีมงานก็ได้มีโอกาสได้จับมาทดสอบพอดี รีวิวข้างในจะเป็นไงบ้างไปดูกันเลยครับ

Play video

สเปคเบื้องต้น Huawei MateBook D15

  • CPU : AMD Ryzen 5 3500U
  • GPU : AMD Radeon VEGA 8 (ออนบอร์ด)
  • RAM : 8GB DDR4 (Dual Channel ฝังบอร์ด)
  • Storage : SSD m.2 PCIe 256GB + HDD 1TB
  • Display : 15.6″ Full HD IPS สัดส่วน 16:9 ขอบจอบาง
  • Interface :  USB-A 3.0 x 1, USB-A 2.0 x 2, USB-C PD x 1, HDMI และ Headset– 3.5mm x 1
  • Network : Wireless 801.22ac 2×2 MIMO, Bluetooth 5.0
  • Webcam : 1MP (720p HD)
  • Size : 357.8 x 229.9 x 16.9 mm
  • Weight : 1.62 kg
  • Color :  Space Grey
  • OS : Windows 10 Home + Office 365
  • Warranty : 2 ปี
  • Price :  17,990 บาท

ดีไซน์

จับแว้บแรกถ้าไม่รู้สเปคหรือราคามาก่อนคิดว่าโน้ตบุ๊ค Huawei MateBook D15 เครื่องนี้ราคาเกิน 30,000 บาทแน่ๆ เพราด้วยงานประกอบและวัสดุที่ดูดีเกินราคาไปมา บอดี้เป็นโลหะทั้งหมด สีเทาเข้ม Space Grey การเก็บมุมเก็บขอบรายละเอียดต่างๆ ถือว่าเนี้ยบมาก ขอบจอก็บาง โดยมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 87% เลยทีเดียว

ฝาหลังเป็นโลหะ ดีไซน์เรียบๆ สไตล์มินิมอล ไร้ลวดลาย ผิวลื่น จับแล้วไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย พร้อมตรงกลางมีโลโก้ Huawei สวยงาม แกนฝาพับเป็นแบบแกนเดียวอันใหญ่อยู่ตรงกลาง ด้านหน้าตัวเครื่องทำการเซาะร่องตรงกลางไว้สำหรับใช้มือถือเปิด-ปิดฝาพับได้ถนัด ซึ่งตอนยกฝาพับขึ้น-ลงนั้นรู้สึกเลยว่าแกนฝาพับนุ่มสมูทและแข็งแรงกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปในราคาระดับเดียวกันมาก ไม่มีอาการกึ๊กๆ กั๊กๆ แต่อย่างใด

ด้านใต้ตัวเครื่องก็จะมีสติ๊กเกอร์ Windows แปะไว้อยู่บ่งบอกว่าเครื่องนี้มี Windows แท้ พร้อมกับสติ๊กเกอร์ AMD Radeon ที่เป็นการ์ดจอออนบอร์ด ยางรองตัวเครื่องถือว่าค่อนข้างหนาและใหญ่ ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นพอสมควร มีช่องระบายความร้อนเป็นแนวยาว รวมถึงมีลำโพง Stereo 2 ตัวขนาดข้างละ 2W อยู่ด้านล่างอีกด้วย

คีย์บอร์ดตัวเครื่อง Huawei MateBook D15 จะเป็นแบบธรรมดา ไม่มีไฟ Backlit และไม่มี Numpad ปุ่มกดค่อนข้างตื้น เสียงกดคีย์บอร์ดถือว่าไม่ดังเท่าไร การพิมพ์สัมผัสเร็วๆ ทำได้ดี พิมพ์แล้วสนุกมันมือ ทัชแพทก็สามารถใช้งานได้ลื่นไหลปกติ ส่วนปุ่มเปิด-ปิดเครื่องจะอยู่ที่มุมบนขวาพร้อมเป็นปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวด้วย

ส่วนช่องเป่าลมร้อนออกจะแอบอยู่ที่ใต้แกนฝาพับ พร้อมพัดลม 1 ตัว ช่วยทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงกว่าโน้ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้วทั่วไป ที่เอาช่องเป่าลมไว้ด้านหลังตัวเครื่องหรือด้านข้าง โดยรวมแล้วการทั้งงานออกแบบดีไซน์และงานประกอบถือว่าทำได้ดีกว่าแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาดที่ราคาระดับเดียวกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว

พอร์ตเชื่อมต่อ

สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อของ Huawei MateBook D15 ถือว่าให้มาแค่พอดีพอใช้ โดยฝั่งด้านซ้ายตัวเครื่องจะมี USB Type C แบบ PD ใช้ชาร์จไฟตัวเครื่องและรับส่งข้อมูล, USB 3.0 Type A และ HDMI ส่วนฝั่งด้านขวาจะเป็น USB 2.0 Type A x2 และรูหูฟัง Headset 3.5 mm

การใช้งาน

เบื้องต้นหากดูจากสเปค Huawei MateBook D15 จะรู้ได้ทันทีว่าเครื่องนี้ไม่ได้เป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊ค แต่เป็นโน้ตบุ๊คสายทำงาน ซึ่งการใช้พื้นฐานปกติทั่วไป งานเอกสาร ท่องเว็บ ดูหนังฟังเพลง แน่นอนทำได้ลื่นไหลอย่างไม่มีปัญหา เปิดเครื่องมาใช้งานได้ทันที เพราะมี Windows 10 Home แท้ให้ในตัว แถมตัวเครื่องมีข้อดีคือมี HDD 2.5 ธรรมดาขนาด 1TB มาให้ด้วย ไม่ห่วงเรื่องของความจุจะเต็ม

การพกพาไปไหนมาไหนทำได้สะดวก ด้วยน้ำตัวเครื่องหนักเพียง 1.62 kg ถือว่าน้ำหนักเบาพอดีๆ ที่สำคัญคืออะแดปเตอร์ชาร์จเป็น USB PD 65W ขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาสะดวก และมาพร้อมสายชาร์จหัว USB C to C รองรับไฟสูงสุดได้ถึง 3.3A

การใช้งานกล้องเว็บแคมเป็นแบบ Pop-up โดยตัวกล้องจะแอบซ่อนอยู่ระหว่างปุ่ม F6 และ F7 จะใช้งานก็กดจิ้มกล้องจะเด้งขึ้นมา เลิกใช้งานกดลงปิดปกติ ช่วยทำให้ความมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่มุมมองกล้องที่ถ่ายจะเป็นมุมเสย ทำให้หลายคนอาจจะไม่ชอบเท่าไรนัก ส่วนปุ่มเปิด-ปิดเครื่องจะมาพร้อมกับสแกนลายนิ้วมือด้านขวา ทดสอบใช้งานแล้วสแกนไว รวดเร็วดีมาก

ทดสอบประสิทธิภาพ

Huawei MateBook D15 ที่ขายในบ้านเราจะใช้สเปคเป็น AMD Ryzen 5 3500U ความเร็ว 2.1 – 3.7 Ghz แบบ 4 Core/ 8 Thread ขนาด 12nm การ์ดจอออนบอร์ดเป็น AMD Radeon VEGA 8 ส่วน Ram ตัวเครื่องจะเป็น On Board 8GB DDR4 bus 2400 Dual-Channel

สำหรับผลทดสอบความเร็วของ SSD m.2 PCIe ในตัวเครื่องในมาเป็นของ Samsung โดยมีค่า Read อยู่ที่  3482.91 MB/s และ Write อยู่ที่ 1637.78 MB/s ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมี HDD 2.5 ธรรมดาขนาด 1TB 5400 RPM ที่เป็นของ WD มาให้ด้วย

ถัดมาทดสอบประสิทธิภาพแบตเตอรี่ โดยทีมงานทำการต่อ WiFi ดู YouTube ปรับแสงหน้าจอราว 25% ผลปรากฏว่าสามารถใช้งานได้สูงสุดอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 9 นาที ด้วยกัน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับโน้ตบุ๊คสายทำงานในช่วงเรตราคาประมาณนี้ครับ

การใช้งานพื้นฐานเบื้องต้นตัวเครื่องสามารถทำงานได้ลื่นไหลด้วยดีทั้งในส่วนของทำงานเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง แต่เสียงลำโพงส่วนตัวคิดว่าเบาไปนิด โดยตัวเครื่องมี Office 365 ของแท้แถมมาให้กับตัวเครื่องด้วย ส่วนผลทดสอบการเล่นเกม ทีมงานได้ทดลองเล่น DOTA 2 และ CSGO ปรับกราฟิคระดับกลาง บนความละเอียด Full HD ผลเป็นดังนี้

  • DOTA 2 : FPS เฉลี่ย 60 / ต่ำสุด 27 / สูงสุด 78
  • CSGO : FPS เฉลี่ย 74 / ต่ำสุด 44 / สูงสุด 93

ส่วนผลทดสอบอุณหภูมิตัวเครื่อง โดยตัว พัดลมระบายความร้อน 1 ตัว โดยที่ช่องระบายความร้อนอยู่ที่ใต้แกนฝาพับตัวเครื่อง ซึ่งจากการที่ทีมงานได้ทำการทดสอบเล่นเกมต่อเนื่องตลอด 2 ชั่วโมง อุณหภูมิซีพียูสูงสุดอยู่ที่ 86 องศา ถือว่าปกติ ไม่ได้ร้อนจนเกินไป ซึ่งส่วนที่ร้อนจะอยู่ตรงบริเวณเหนือคึย์บอร์ดฝังซ้าย แต่ตอนใช้งานก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญอะไรครับ

การแกะอัปเกรด

การแกะฝาเคสด้านใต้ตัวเครื่องถือว่าทำได้ง่าย ไม่ยากเท่าไร โดยฝาเคสจะประกอบไปด้วยน็อตดาว 6 แฉกทั้งหมด 10 ตัว ซึ่งต้องใช้ไขควงเฉพาะในการไขออกมา พอไขน็อตออกมาทั้งหมดแล้ว ก็ใช้บัตรแข็งค่อยๆ เซาะร่องลงมาจากฝั่งแกนฝาพับ (ตอนรูดบัตรแกะออกมา ต้องค่อยๆ ทำนะ ไม่งั้นเกลียวล็อคฝาอาจหักได้)

พอถอดฝาออกมาจะเห็นตัวเครื่องมีพัดลมระบายความร้อนทั้งหมด 1 ชุด พร้อมฮีทไปป์ลาดยาว 1 เส้น Ram เป็นแบบฝังบอร์ด มีแผ่นดำปิดอยู่ ไม่สามารถอัปเกรดเพิ่มได้ ส่วนตัว SSD m.2 และ HDD 2.5 สามารถใส่ได้อย่างละ 1 Slot หากจะอัปเกรดต้องถอดอันเก่าออกก่อนแล้วค่อยใส่อันใหม่เข้าไปแทน

ฟีเจอร์ Huawei Share

ในส่วนของฟีเจอร์ Huawei Share นี้จะใช้ได้เฉพาะกับมือถือ Huawei ด้วยกันเท่านั้น ไม่สามารถใช้ร่วมกับมือถือแบรนด์อื่นได้ โดยทีมงานได้ทดสอบฟีเจอร์นี้กับ Huawei Mate30 Pro 5G ซึ่งวิธีการเชื่อมต่อโน้ตบุ๊คเข้ากับมือถือก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการเปิด Bluetooth ที่โน้ตบุ๊ค จากนั้นนำมือถือเปิด Bluetooth และ NFC แล้วไปวางบนสัญลักษณ์ Huawei Share แล้วตัวเครื่องก็จะทำการเชื่อมต่อให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมใดๆ เพิ่ม

ฟีเจอร์หลักๆ ของ Huawei Share คือ ใช้สำหรับโอนไฟล์อื่นๆ ระหว่างอุปกรณ์ Huawei ด้วยกันอย่างรวดเร็วแบบไร้สาย โดยหน้าจอที่ขึ้นมาจะแสดงผล Mirror เหมือนหน้าจอบนโทรศัพท์ ซึ่งจากเท่าที่ลองใช้งานดูโอนไฟล์ไปมาถือว่าทำได้สะดวกมาก แค่ลากไฟล์จากมือถือโยนเข้าหน้าโน้ตบุ๊คก็สามารถทำได้เลย

สรุป

จากการใช้งานโดยรวมแล้ว Huawei MateBook D15 นี้ถือได้ว่าสามารถใช้งานได้ดี ลงตัว เหมาะกับคนที่ต้องการโน้ตบุ๊คสายทำงานที่ต้องการจอใหญ่ งบประมาณหมื่นปลายๆ มากเลยทีเดียว ทั้งในส่วนของงานประกอบที่พูดกันตามตรงหาได้ยากในโน้ตบุ๊คเรตราคานี้ การชาร์จไฟก็ผ่าน USB Type C ทำให้ไม่ต้องพกพาอะแดปเตอร์ใหญ่ๆ และสเปคหลายๆ อย่างก็ดูลงตัวดี

สิ่งที่โดดเด่นออกมากกว่าใครคือได้ SSD m.2 PCIe NVMe ของ Samsung ที่มีค่า Read ถึงระดับราว 3500 MB/s เลยทีเดียว กับมีฟีเจอร์ Huawei Share สามารถใช้งานได้จริง สะดวก ง่าย แต่ก็ใช้ได้กับมือถือ Huawei ด้วยกันเท่านั้น

อย่างไรก็ตามสำหรับ Huawei MateBook D15 ก็มีข้อสังเกตอยู่บ้างคือตัวเครื่องมีพอร์ตเชื่อมต่อค่อนข้างน้อย ไม่มี SD Card ไม่มีพอร์ต Lan ทำให้หากเราที่จำเป็นต้องใช้ต้องไปหาซื้อ Hub มาเพิ่ม แป้นคีย์บอร์ดไม่มีไฟ ไม่มี Numpad ไม่มีปุ่ม Page Up, Page Down ทำให้ใครที่ใช้งานสิ่งเหล่านี้ดูหงุดหงิดเหมือนกัน กับการใช้งานปุ่ม fn ค่อนข้างแปลกกว่าโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ คือเป็นปุ่ม fn เป็นปุ่มเปิด-ปิด ว่าจะให้การทำงานปุ่ม F1-F12 คือด้านบนคืออะไร ซึ่งเราไม่สามารถกด ปุ่ม fn + Fxx พร้อมกันเพื่อใช้งานฟังก์ชันนั้นๆ ได้นั่นเอง

ข้อดี

  • งานประกอบพรีเมียม ดีกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปในเรตราคาเดียวกันมาก แถมไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วย
  • สเปคโดยรวมถือว่าโอเคได้ทั้ง Ryzen 3500U + Ram 8GB + SSD m.2 PCIe 256GB พร้อมมี HDD 2.5 1TB มาให้ด้วย
  • หน้าจอขอบบางขนาด 15.6″ Full HD IPS ชัดทุกมุมมอง
  • กล้องเป็นแบบ Pop-up เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
  • ชาร์จไฟผ่าน USB Type C แบบ PD
  • มี Office 365 แท้มาให้เลยในเครื่อง (**ใช้ได้ 1 เดือน)
  • ปุ่มสแกนนิ้วมือทำงานได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ
  • การพกพาทำได้สะดวกด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.62 kg

ข้อสังเกต

  • ไม่มีพอร์ต Lan และ SD Card Reader
  • ไม่สามารถอัปเกรด Ram เพิ่มได้
  • มีขายเฉพาะบนเว็บออนไลน์

สำหรับคนที่สนใจสั่งซื้อตอนนี้ทาง JD Central ได้เปิดรับ Pre-order รอบใหม่ พร้อมกับแถมกระเป๋า เมาส์ไร้สาย  และได้ส่วนลดเพิ่ม 2,000 บาท เหลือ 15,990 บาทเท่านั้น ราคาถือว่าดีเลยทีเดียวครับ

ดูรายละเอียดได้ที่ : jd.co.th