ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หากยังจำกันได้เวลาอ่านสเปกมือถือของ i-mobile เรามักจะมีความรู้สึกว่า ทำไมให้หน่วยความจำมาน้อยจัง แรมจะกั๊กทำไมเนี่ย อ่าวทำไมไม่รองรับ 3G 850 จะแยกคลื่นเพื่อ? ทำไมใช้ CPU MediaTek บลาๆๆ ในวันนี้ทาง i-mobile จึงจัดเต็ม ใส่ทุกอย่างแบบไม่กั๊กลงใน IQ X Pro 2 ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำ 32 GB แรม 3 GB รอง 3G / 4G ทุกคลื่นในไทย ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 615 Octa-Core นอกจากนี้ตัวกล้องหลังยังใช้โมดูล IMX220 ที่มีความละเอียดสูงถึง 20.7 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นโมดูลเดียวกันกับที่ใช้บนมือถือ Sony Xperia ตระกูล Z
จากสเปกที่ได้กล่าวไปในด้านบน เราลองมาดูสเปกแบบจัดเต็มของ IQ X Pro 2 กัน
- ชิปเซ็ต CPU Qualcomm Snapdragon 615 Octa-Core 1.5 Ghz
- ชิปเซ็ต GPU Qualcomm Adreno 405
- RAM 3 GB
- หน่วยความจำภายใน 32 GB
- รองรับ micro SD Card สูงสุด 32 GB
- หน้าจอ OGS (One Glass Sensor) ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1080 x 1920)
- กล้องหลัง 30 ล้านพิกเซล (Sensor IMX220 20.7 ล้านพิกเซล) F 1.8
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล F 2.0 พร้อมเซลฟี่แฟลช
- รองรับ 2 SIM แบบ Hybird
- รองรับ 2G/3G/4G 850/900/2100 Mhz
- รองรับ 3G ด้วยความเร็วสูงสุด 42/11.2 Mbps
- รองรับ 4G ด้วยความเร็วสูงสุด 150/50 Mbps (LTE Cat4)
- Bluetooth 4.0
- รองรับ Digital TV
- Android 5.0.2 Lollipop
- ราคาเปิดตัว 9,900 บาท / ปัจจุบัน 8,900 บาท
หลังจากอ่านสเปกแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะสงสัยสเปกที่ i-mobile ยัดใส่ IQ X Pro 2 แบบจัดเต็ม เวลาใช้จริงมันจะเป็นยังไง วันนี้ผมจะมาบอกเล่าประสบการณ์หลังจากที่ได้ลองใช้มาสองสัปดาห์ ก่อนอื่นเราลองมาดูรูปลักษณ์กันก่อน
รูปลักษณ์
ครั้งแรกที่ได้เห็นโฉมหน้า IQ X Pro 2 หลายๆ คนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หน้าตามันเหมือนสมาร์ทโฟนตระกูล Lumia มาก เหมือนทั้งวัสดุและหน้าตา ซึ่งจะเห็นได้ชัดขึ้นจากรูปด้านล่าง
ปุ่มพื้นฐานของ android ใน IQ X Pro 2 จะเป็นปุ่มภายนอก ไม่ถูกผนวกรวมเข้าไปในหน้าจอตามมาตรฐานมือถือ android (อ้างอิงจาก Nexus) โดยปุ่มโฮมของ IQ X Pro 2 นั้นมีลูกเล่นเป็นไฟแจ้งเตือนในเวลาปิดหน้าจอ โดยจะกระพริบเป็นสีเขียวเมื่อมีการแจ้งเตือน และไฟแจ้งเตือนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมีการชาร์จไฟหรือแบตเตอรี่ใกล้หมด
แน่นอนว่าช่วงนี้กระแสเซลฟี่มาแรง i-mobile ก็ไม่พลาดที่จะใส่กล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซลที่มาพร้อมกับรูรับแสงที่กว้างถึง F 2.0 และนอกจากนี้ยังมีแฟลชมาให้ด้วย
ช่องเสียบซิมใน IQ X Pro 2 ใช้เป็น 2 ซิมแบบระบบ Hybrid นั่นก็คือต้องเลือกว่าช่องที่สองจะใส่ซิมการ์ดหรือ micro sd card
ฝาหลังของ IQ X Pro 2 ไม่สามารถที่จะถอดได้ ดังนั้น IQ X Pro 2 จึงไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ส่วนกล้องหลังที่ระบุว่าความละเอียด 30 ล้านพิกเซล แต่จริงๆ แล้วตัวกล้องใช้เซ็นเซอร์ที่มีความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซลเท่านั้น ที่สามารถถ่ายรูปความละเอียดสูงสุดได้ 30 ล้านพิกเซล เป็นเพราะแอปกล้องเอารูปขนาด 20.7 ล้านพิกเซลไปขยาย (upscale) จนมีขนาด 30 ล้านพิกเซล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหัวข้อภาพถ่าย
หน้าจอและการแสดงผล
หน้าจอที่ใช้ใน IQ X Pro 2 นั้นใช้เทคโนโลยี OGS (One Glass Sensor) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำเอาหน้าจอในส่วนแสดงผลมารวมเข้ากับเซ็นเซอร์ตรวจจับการสัมผัส (touch sensor) ไว้ในชิ้นเดียวกัน ทำให้ชิ้นส่วนของหน้าจอมีขนาดที่บางลง ส่งผลให้การแสดงผลบนหน้าจอคมชัดขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้ตัวเครื่องบางลงได้อีก โดย IQ X Pro 2 นั้นมีความนหาเพียง 8.59 มม.
การแสดงผลของหน้าจอที่ใช้เทคโนโลยี OGS นั้นถือได้ว่าแสดงผลได้สวย สีสันคมชัด แต่เสียอย่างเดียวสู้แสงแดดจ้าไม่ไหว นอกจากนี้เซ็นเซอร์วัดแสงใน IQ X Pro 2 ยังเอ๋อๆ วัดแสงได้ไม่ค่อยตรง ทำให้ระดับความสว่างที่แสดงบนหน้าจอเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง อย่างรูปด้านบนเป็นกรณีที่ปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ แต่เซ็นเซอร์วัดเพี้ยนทำให้แสงของหน้าจอไม่สัมพันธ์กับสภาวะแวดล้อม ณ ตอนนั้น
IQ X Pro 2 รองรับการสัมผัสได้ 10 จุดพร้อมกันโดยไม่มีอาการสัมผัสเพี้ยน แต่จะเกิดอาการสัมผัสเพี้ยนเล็กน้อยเมื่อหน้าจอเปื้อนเหงื่อจากบนนิ้วมือ แต่กับการทำงานทั่วไปอาจจะไม่เห็นผลจากการสัมผัสที่เพี้ยนสักเท่าไร แต่ถ้าเล่นเกมอยู่จะรู้ได้ทันที
ประสิทธิภาพและความร้อน
ชิปเซ็ตที่ใช้ใน IQ X Pro 2 นั้นเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 615 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับกลางๆ ดังนั้นประสิทธิภาพที่ได้อาจจะไม่สูงมากนักหากเทียบกับมือถือ Flagship โดยทั่วไปที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8xx โดยการใช้งานทั่วไป IQ X Pro 2 ค่อนข้างลื่นไหล แต่จะเจออาการหน่วง + กระตุกตอนที่เล่นเกมหนักๆ
ส่วนเรื่องความร้อน โดยส่วนตัวเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับปัญหาความร้อนบนชิปเซ็ต Snapdragon 615 ในมือถือหลายๆ รุ่นที่นำเอาชิปเซ็ตตัวนี้มาใช้ อย่างใน Xiaomi Mi 4i ซึ่งภายหลังได้ออกอัพเดตมาแก้เรื่องนี้แล้ว (แต่ก็ยังร้อนอยู่) ส่วนใน Samsung Galaxy A7 และ HTC Desire 826G ที่ใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกัน จากที่ผมเคยได้ลองใช้พบว่าตัวเครื่องทั้งสองเมื่อใช้งานหนักๆ จะมีอาการร้อนกว่ามือถือทั่วไป ซึ่งใน IQ X Pro 2 นั้นก็พบเจอเรื่องความร้อนที่เกินปกตินี้เช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นโลหะตรงกล้องและปุ่มเปิดปิดเสียง (รูปด้านบน) จะร้อนมากๆ
UI และ Launcher
หากดูแบบผ่านๆ เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดว่าตัว launcher ที่ติดมากับ IQ X Pro 2 คงจะเป็นแบบ pure google แต่จริงๆ แล้วเป็น launcher ที่สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์และแพคไอคอนได้ โดยสไตล์จะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ แต่ไม่สามารถโหลดมาเพิ่มได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนแอฟเฟ็กต์เวลาเลื่อนหน้าจอทั้งบนหน้าจอหลักและหน้าจอรวมแอปได้อีกด้วย ซึ่งสามารถดูได้จากวีดิโอด้านบน
การถ่ายภาพ
ลูกเล่นที่มีมาให้ในแอปกล้องนั้นไม่ค่อยมีอะไรซักเท่าไร ดูคลีนๆ คล้ายแอปกล้องใน ROM ของ android ที่ไม่ได้ถูกปรับแต่งอะไร (Nexus) สามารถดูหน้าตาแอปกล้องได้ตามวีดิโอด้านบน
ตัวกล้องนั้นใช้โมดูล IMX220 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้บนสมาร์ทโฟน Sony Xperia ตระกูล Z ทำให้ตัวกล้องเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี
ด้วยรูรับแสงที่กว้างถึง F 1.8 ทำให้สามารถถ่ายแบบละลายฉากหน้าหรือหลังได้ดีพอสมควร
ความละเอียด 30 ล้านพิกเซลดีจริงไหม
ถึงแม้ตัวโมดูลของกล้องจะรองรับการถ่ายรูปได้ความละเอียดสูงสุด 20.7 ล้านพิกเซล แต่ตัวแอปกล้องถ่ายรูปกลับสามารถถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 30 ล้านพิกเซลผ่านทางเทคโนโลยีการขยายขนาด (upscale) ทำให้ภาพในความละเอียด 30 ล้านพิกเซลออกมาแล้วมีความฟุ้งในเม็ดสี (เมื่อขยายภาพ) นอกจากนี้ยังได้ขนาดไฟล์ที่ใหญ่มากด้วย ดังนั้นหากจะถ่ายภาพแนะนำว่าควรเลือกถ่ายภาพที่ความละเอียดแค่ 20 ล้านพิกเซลก็เพียงพอแล้ว แถมขนาดไฟล์ที่ได้ก็เล็กกว่าด้วย
สามารถไปดูรูปต้นฉบับได้ในอัลบั้มรูปบน imgur ด้านบนนี้ครับ
ปัญหาเรื่องการวัดแสง
ดูเหมือนว่าตัวแอปกล้องใน IQ X Pro 2 นั้นค่อนข้างจะมีปัญหาในเรื่องการวัดแสง เพราะตัวแอปกล้องมันไม่ได้วัดแสงจากการเฉลี่ยทั้งภาพ แต่จะวัดแสงจากจุดโฟกัส ยิ่งเราโฟกัสในจุดที่ทึบแสง ตัวแอปกล้องมันจะไปวัดแสงในจุดที่ทึบแสง ทำให้จุดที่สว่างในภาพที่มาอยู่แล้วกลายเป็นสว่างเกินไป ถ้าเราต้องการที่จะได้ภาพที่มีความสว่างสมดุลกันทั้งภาพ จำเป็นต้องไปโฟกัสในจุดที่ทำให้ภาพที่ได้ออกมาแสงสมดุลกันทั้งภาพ โดยปัญหานี้จะพบเจอได้บ่อยในสภาวะแสงน้อย ดังนั้นการถ่ายรูปกับแอปกล้องใน IQ X Pro 2 จำเป็นต้องอาศัยความคุ้นเคยด้วยส่วนหนึ่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ได้แสงออกมาในลักษณะที่สว่างเกินไป
ปล. เนื่องจากปัญหานี้เป็นที่ระดับ API กล้องของ IQ X Pro 2 ดังนั้นถ้าหากใช้แอปถ่ายรูปที่เรียก API กล้องของ IQ X Pro 2 ปัญหานี้ก็จะยังคงอยู่ เช่น Google Camera แต่แอปกล้องที่ไม่ได้เรียกใช้ API กล้องของ IQ X Pro 2 อย่าง Camera FV-5 จะไม่เจอปัญหานี้
ลูกเล่น
รูปด้านบนเป็นฟีเจอร์นึงใน IQ X Pro 2 ที่มีชื่อว่า หน้าจอแอมเบียนท์ (ambient display) โดยคำอธิบายฟีเจอร์นี้ในหน้าต่างการตั้งค่าบอกว่า ปลุกหน้าจอเมื่อมีการหยิบอุปกรณ์หรือมีการแจ้งเตือน ซึ่งการปลุกหน้าจอที่ว่านี้ ไม่ใช่เป็นการปลุกหน้าจอให้อยู่บนหน้าล็อกสกรีน แต่เป็นการลุกหน้าจอแบบขาวดำดังภาพด้านบนพร้อมกับแสดงการแจ้งเตือน โดยหน้าจอที่ว่านี้เราจะเรียกมันว่า หน้าจอแอมเบียนท์
แต่น่าเสียดายมันจะแสดงหน้าจอแอมเบียนท์ได้ตอนเฉพาะที่มีการแจ้งเตือนเข้ามาเท่านั้น แต่ไม่ได้แสดงหน้าจอยามเมื่อมีการหยิบจับอุปกรณ์ตามคำมือถือที่อธิบาย โดยสามารถเข้าไปเปิดฟีเจอร์นี้ได้ที่ การตั้งค่า -> การแสดงผล -> หน้าจอแอมเบียนท์ (เกือบหล่อแล้ว)
นอกจากนี้ตรงปุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มออปชั่น ปุ่มโฮม ปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง เราสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานของปุ่มได้ อย่างเช่นปุ่มออปชั่นถ้าเราไม่ชอบเราสามารถให้มันทำหน้าที่เป็นปุ่ม recent app ตามแบบฉบับพื้นฐานของของ android ทั่วไปได้ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดหน้าที่จากท่าทางการกด เช่น กดค้างไว้ หรือ กดเบิ้ลซ้ำ จะให้ทำอะไร เช่น เข้า Google Now ค้นหาด้วยเสียง หรือ ปิดหน้าจอเป็นต้น โดยการตั้งค่าที่ว่านี้อยู่ใน การตั้งค่า -> ปุ่ม
ทีวีดิจิตัล
เนื่องจากสัญญาณทีวีดิจิตัลเริ่มครอบคลุมไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพนอกจากสัญญาณจะครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว กำลังส่งก็ยังแรงขึ้นด้วย ทำให้การดูทีวีดิจิตัลบนรถโดยสารนั้นเป็นไปอย่างไม่สะดุด อาจจะมีบางจุดที่สัญญาณติดขัด แต่ก็ถือว่าดูได้อย่างราบรื่น
เนื่องจากว่าใน IQ X Pro 2 นั้นไม่มีเสาสัญญาณภายในตัวเครื่องเหมือนมือถือรุ่นอื่นๆ ที่รองรับทีวีดิจิตัล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เสาอากาศภายนอกจากที่แถมมากับ IQ X Pro 2 ซึ่งเชื่อเลยว่าโอกาสที่เราจะทำหายนั้นมีโอกาสสูงมาก (โดยเฉพาะสำหรับผม) แต่ยังโชคดีที่เราสามารถใช้หูฟังธรรมดาเสียบแทนเสาอากาศที่แถมมาได้
ระบบ 2 ซิม
ระบบสองซิมใน IQ X Pro 2 สามารถรองรับ 3G/4G ได้ทั้งสองซิม แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อ 3G/4G ได้พร้อมกัน ถ้าซิมใดซิมหนึ่งเชื่อมต่อในระบบ 3G/4G อยู่อีกซิมนึงจะถูกสแตนบายในระบบ 2G แทน แต่สามารถสลับการเชื่อมต่อ 3G/4G ในระหว่างซิมได้อย่างอิสระโดยผ่านการตั้งค่า ไม่จำเป็นต้องถอดซิมออกมาเพื่อสลับช่อง แต่การตั้งค่านั้นดูค่อนข้างสับสน เพราะเมนูการตั้งค่าเพื่อสลับ 3G/4G ระหว่างซิมนั้นถูกแยกออกไปอยู่ในเมนู เพิ่มเติม -> เครือข่ายมือถือ ไม่ถูกรวมลงไปในเมนูหลักอย่าง ซิมการ์ด
การตั้งค่าการใช้งานของระบบ 2 ซิม
สามารถเข้าไปตั้งค่าเพื่อจัดการซิมได้สองวิธี วิธีแรกเข้าไปจากหน้า การตั้งค่า -> ซิมการ์ด ส่วนวิธีที่สองเข้าผ่าน toggle ข้อมูลมือถือ บนแถบการแจ้งเตือน โดยกด toggle ข้อมูลมือถือ ค้างไว้เพื่อเป็นการเข้าไปยังหน้าการตั้งค่าในส่วนซิมหาร์ด (ดังรูปด้านล่าง)
ในเมนูการตั้งค่านี้ จะเป็นการตั้งค่า การโทร การส่งข้อความ ว่าจะเลือกใช้ซิมไหนหรือจะให้ถามก่อนเรียกใช้เสมอ นอกจากนี้ยังสามารถปิดเปิดการใช้ซิมจากเมนูนี้ได้เช่นกัน
การสลับเปลี่ยน 3G/4G ระหว่างซิม
การสับเปลี่ยนการเชื่อมต่อ 3G / 4G ระหว่างซิม หน้าต่างการตั้งค่าจะไม่ได้ถูกรวมอยู่ในเมนูการตั้งค่า ซิมการ์ด แต่จะอยู่ในหน้าของ เพิ่มเติม -> เครือข่ายมือถือ แทน
บั๊กของระบบ WiFi
การเชื่อมต่อ WiFi นั้นมีบั๊กอยู่ 2 อย่าง อันแรกเป็นฟีเจอร์ (ที่ใครหลายๆ คนเรียกว่าบั๊ก) จากระบบ Android 5.0 ส่วนอันที่สองน่าจะเป็นบั๊กของ ROM ในตัว IQ X Pro 2 เอง
- ฟีเจอร์บั๊กของระบบ Android 5.0 ถ้าหากว่าเราเชื่อมต่อ WiFi โดยมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือค้างไว้ ถ้าหากว่า WiFi ที่เราเชื่อมต่อนั้นใช้อินเตอร์เน็ตไม่ได้ ระบบ Android 5.0 จะไม่แจ้งเตือนเรา แต่จะสลับไปเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือแทน ทำให้เราเสียเงินไปโดยโดยไม่รู้ตัวไปกับค่าบริการอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือ ดังนั้นถ้าเราจะเชื่อมต่อ WiFi ก็ควรปิดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือด้วย (อัพเดตใน Android 5.1.1 ใน Moto X ก็ยังพบปัญหานี้)
- บั๊กการเชื่อมต่อ WiFi
ในบางครั้ง IQ X Pro 2 ไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อ WiFi ได้ เมื่อพยายามเข้าไปในเมนูการตั้งค่า WiFi หน้าต่างการตั้งค่าก็เกิดอาการ force close ไปเลย (ตามวิดีโอด้านบน) ต้องทำการ reset เครื่องใหม่ถึงจะกลับมาใช้ WiFi ได้ โดยปัญหานี้ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เท่าที่ลองมาตลอดสองสัปดาห์พบเจอปัญหานี้เกือบทุกวัน
แบตเตอรี่
เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดหน้าจอของ IQ X Pro 2 ที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว แต่แบตเตอรี่ที่ให้มานั้นกลับแปรผกผันกับขนาดของหน้าจอ เพราะ i-mobile กลับให้แบตเตอรี่มาเพียงแค่ 2500 mAh เท่านั้น จากเท่าที่ได้ทดลองใช้มากว่า 2 สัปดาห์ พบว่าถ้าใช้งานอย่างจริงๆ จังๆ แค่บ่ายสามแบตเตอรี่ก็หมดแล้ว ดังนั้นระหว่างวันยังไงก็ต้องหาที่ชาร์จ
แต่ถ้าไม่ค่อยได้ใช้ตัวเครื่องก็สามารถสแตนบายอยู่ได้ทั้งวัน ไม่มีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ไหล (รูปด้านบน) แต่ยังไงก็ควรพกแบตสำรองไว้
นอกจากนี้ในตัว IQ X Pro 2 ยังมีระบบป้องกันแบตเตอรรี่เสื่อม เมื่อใดที่แบตเตอรี่ลดลงเหลือ 3% ตัวเครื่องจะแจ้งเตือนขึ้นมานับถอยหลัง 10 วินาทีเพื่อปิดเครื่อง ระหว่างนั้นถ้าหาสายชาร์จมาเสียบทันเครื่องจะไม่ดับ แต่ถ้าไม่ทันเครื่องก็จะปิดตัวลง ถึงเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ตัวเครื่องก็ยังคงบังคับปิดตัวลงเหมือนเดิม
ส่วนระยะเวลาในการชาร์จ จาก 3% จนเต็มใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 2 ชม.
สรุป
ข้อดี
- ราคาถูกสุดในบรรดามือถือที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 615 ที่มีขายอยู่ในประเทศไทย ณ ตอนนี้
- รองรับทีวีดิจิตัล
- รองรับ 2 ซิม
- หน่วยตวามจำ 32 GB
- รองรับ micro SD Card
ข้อเสีย
- ร้อนกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป (เพราะชิปเซ็ต Snapdragon 615)
- ปัญหา WiFi
- แบตเตอรี่ไม่อึด
- ถอดแบตไม่ได้
ในส่วนตัวแล้วสำหรับผมคิดว่า IQ X Pro 2 นั้นเกือบจะเป็นมือถือที่ดี ยกเว้นเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มาไม่สัมพันธ์กันกับขนาดของหน้าจอกับซอฟแวร์กล้องที่ทำมาไม่ค่อยดีในเรื่องการวัดแสง ต้องอาศัยความคุ้นเคยในการถ่ายทำให้ไม่สามารถหยิบออกมาปุ๊บแล้วถ่ายได้ปั๊บ (ในสภาวะแสงน้อยๆ) ส่วนเรื่องปัญหาการเชื่อมต่อของ WiFi นั้นผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเป็นเครื่องทดสอบที่ทาง i-mobile ส่งมานั้นเป็นเฟิร์มแวร์ที่สมบรูณ์แล้วหรือยัง ยังไงฝากรบกวนเพื่อนๆ ที่ใช้รุ่นนี้อยู่ ช่วยบอกกล่าวหน่อยครับ ว่าเจอปัญหา WiFi เช่นเดียวกันกับผมหรือไม่
แล้ว IQ X Pro 2 เหมาะกับใคร? สำหรับผมคิดว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับคนที่มองหาสมาร์ทโฟนที่รองรับการดูทีวีดิจิตัล แต่ก็ยังอยากได้มือถือที่มีสเปกแรงๆ และที่สำคัญราคาต้องไม่แพงมากด้วย ซึ่งถ้าคุณสามารถยอมรับจุดด้อยบางอย่างที่กล่าวมาตามด้านบนได้ IQ X Pro 2 ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับคุณ
ปัญหาแบตไม่อึด แทบจะเป็นทุกแบรนด์ เป็นเพราะเวอร์ชั่น 5.0 หรือ 5.1 ตอนเป็น 4.4 รู้สึกได้เลยว่า ต่างกันมากๆๆ จนไม่อยากจะเปลี่ยนโทรศัพท์ แล้ว ไม่มีอึดสักรุ่นในเวลานี้ จะให้แบตมา 3000 – 5000 ก็ไม่รอดวัน เบื่อพกแบตพกพามากๆ ขอแบบใช้ตลอดวันแล้ว 3 วัน ชาจน์ ที มี ป่าว ?
huawei mate ก็อยู่ได้ทั้งวันแบบสบายๆนะ
เอิ่ม mate 7 เคยใช้ครับ แต่ ขายไปนานแล้ว แบตก็อึดพอได้ รอ p8 max อยู่ครับ p8 ก็ใช้มาแล้ว และก็ขายไปแล้ว เปลี่ยน แทบทุกเดือน 5555 จนครบทุกรุ่น ทุกแบรด์
ยืนยันครับ จากคนใช้ G2 เมื่อก่อน ก่อนอัพ Lollipop แบตมหาอึดมาก แต่พอเป็น 5.0.x แบตลงฮวบๆกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
สรุป . . .
เกือบ จะ ดี
#จบข่าว
ราคาเท่าไรครับ
ซื้อวันนี้แถมแพฟรีหรือเปล่าครับ
ไม่ได้แถมฟรี แต่ขายคู่กันมาครับ
ก็ว่ากันไป
ข้อดีอีกอย่างครับ สำหรับรุ่นนี้ครับ
เป็นข้อดี ที่ดีมากๆ จนทำให้ผมอยากจะซื้อรุ่นนี้ครับ
คือซื้อรุ่นนี้ สามารถโทรฟรีในเครือข่าย my 1 ปี ฟรี
และใช้เน็ตฟรี 1 ปรี 1 กิ๊ก ต่อเดือน หมดกิ๊ก มีให้ต่ออีกอันลิมิเต็ด 384 K
ฝาก Plaumkamon เทสกล้องเทียบกับ G4 หน่อยได้ไหมครับ เหมือนใช้เลนส์ตัวเดียวกันเลยครับ
ถึงจะใช้เลนส์ตัวเดียวกัน แต่ซอฟแวร์ในการจัดการภาพต่างกัน ยังไงก็เทียบไม่ได้ครับ
แบตอึดสุดในตอนนี้ที่เป็น Lolipop 5.1.1 ต้อง J5 กับ J7 ครับ
แบตถึกอึดมาก อยู่ได้เกินวัน
Launcher ผมนึกถึง ROM CM เลยครับ เพราะ S2 ที่ผมเคยลง ROM Resurrection Remix ใช้ Launcher Trebuchet ของ CM ที่มีการปรับแต่ง Launcher ได้
น่าจะปรับตำแหน่งปุ้มข้างล่างรึทำปุ่มซอฟแวร์ได้นะ 55 5 ว่าแต่ หน้าจอแอมเบียนเนี้ยเหมือน ไอ้วงกลมๆยี่ห้อหนึ่งขอจีนเลย ZTE ป่ะครับ
ราคาเหลือ 8,050 บาท http://bit.ly/imobile-iq-xpro2-where-discount
ลดราคา ร้านลดราคาอยู่
หาไม่เจอะลองดู ร้านลดราคา ร้านลดราคาอยู่