iQOO 12 เป็นอีก 1 รุ่นที่เปิดราคามาได้น่าสนใจมาก ๆ ในโค้งสุดท้ายของปี 2023 เพราะมากับสเปคที่เรียกได้ว่าแรงที่สุดในตลาดบ้านเราแล้ว เพราะเป็นมือถือรุ่นแรกที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 ในไทย ในราคาแค่ 27,990 บาทเท่านั้น ซึ่งราคานี้ยังได้ความจุแบบจุก ๆ 12GB + 512GB จะเป็นอย่างไร เราก็ได้ทดสอบลองใช้งานกันแล้ว

iQOO 12 กับดีไซน์สุดสปอร์ตจาก BMW M Motorsport

iQOO 12 รอบนี้กลับมาพร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ มาพร้อมดีไซน์กล้องเหลี่ยมมนเงางามสะดุดตาแบบ Porthole ที่ไม่เหมือนใคร ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหน้าต่างเครื่องบิน โดยกระจกโมดูลกล้องจะมีความโค้งเว้า 2.5D พร้อมสลักลายไว้ที่เฟรมของตัวกล้อง เสริมความพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้น

โดยตัวเครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นสีขาว Legend ที่ใช้เป็นวัสดุกระจก Porcelain Enamel Glass เงางามดึงดูดสายตา นอกจากนี้ทาง iQOO ได้ร่วม Collab กับแบรนด์รถแข่งสุดหรูอย่าง BMW M Motorsport สลักโลโก้ซิกเนเจอร์ของตัวแบรนด์ไว้ที่ฝาหลัง ช่วยชูจุดเด่นเน้นความแรงให้ชัดเจน แถมตัวเครื่องยังรองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ IP64 ด้วย

ส่วนขอบเฟรมตัวเครื่องในรุ่นนี้มาในดีไซน์แบนราบ เป็นสีเงินเงาวับ โดยด้านขวาของตัวเครื่องมากับปุ่มเพิ่ม / ลดเสียง และปุ่ม Power ด้านล่างมีช่องลำโพง, พอร์ต USB-C 2.0, ไมโครโฟนสนทนาหลัก และช่องใส่ SIM CARD แบบ 2 ซิมหน้าหลัง ส่วนด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน เซนเซอร์อินฟาเรด IR Blaster และช่องลำโพงตัวที่ 2

อุปกรณ์ในกล่อง iQOO 12

จอแสดงผลลื่นเต็มสตรีม 144Hz

iQOO 12 มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Flat Screen แบนราบขนาด 6.78 นิ้ว ใหญ่เต็มตา ใช้พาเนล AMOLED ที่ทำสีสันออกได้ค่อนข้างดูดีพอสมควร รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ดู Netflix Full HD HDR ได้เต็มอรรถรส แสดงผลภาพ HDR ได้เที่ยงตรง

แต่ทีเด็ดของรุ่นนี้อยู่ที่รีเฟรชเรตที่ลื่นไหลสูงสุดถึง 144Hz รองรับการปรับรีเฟรชเรตให้เข้ากับคอนเทนต์ที่รับชมเพื่อให้ประหยัดแบตเตอรี่ ความสว่างของจอสามารถดันได้สูงสุด ๆ ถึง 3,000 nits ในโหมด HDR ส่วนถ้าเจอแดดจัด ๆ จะสว่างสูงสุดที่ 1,400 nits ซึ่งก็ถือว่าสู้ไหว มองเห็นได้ชัดเจน

แถมใครที่เล่นเกมนาน ๆ หรือจ้องจอในที่มืดก็ไม่ล้าสายตา เพราะรุ่นนี้รองรับการหรี่แสง PMW Dimming ที่ 2160 Hz แถมยังได้รับมาตรฐานจาก SGS ในเรื่องการปล่อยแสงสีฟ้าต่ำ และการกะพริบต่ำด้วย ทำให้สบายตาสุด ๆ

ส่วนระบบเสียงในรุ่นนี้ให้ลำโพงคู่สเตอริโอที่เสียงดังสุด ๆ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีมาตรฐานอย่าง Dolby Atmos แต่ก็ทำเสียงคุณภาพเสียงออกมาค่อนข้างใช้ได้ ดูหนัง เล่นเกมแยกมิติชัดเจน แต่อาจจะขาดเสียงทุ้มไปหน่อย

ประสิทธิภาพเต็มพิกัดด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 3 รุ่นแรกในไทย

สเปค iQOO 12 5G รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย

  • จอภาพ : จอแบน AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว
    – ความละเอียด 1.5K (1260 x 2800 พิกเซล)
    – สว่างสูงสุด 3,000 nits
    – อัตรารีเฟรช 144Hz
    – รองรับ HDR
  • ชิป : Snapdragon 8 Gen 3
  • RAM LPDDR5x : 16GB
  • ROM UFS 4.0 : 512GB
  • กล้อง 3 ตัวระบบ Auto Focus :
    – กล้องหลัก VCS OV50H ขนาด 1/1.3 นิ้ว 50MP (f/1.68), ระบบกันสั่น OIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 50MP มุมกว้าง 119 องศา (f/2.0) รองรับโหมด Macro
    – กล้อง Periscope 64MP (f/2.57), ระบบกันสั่น OIS, ซูมแบบ Optical 3 เท่า / In-Sensor Zoom 10 เท่า / Digital Zoom 100 เท่า
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.45)
  • เสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    – รองรับชาร์จไว 120W
  • การเชื่อมต่อ : 5G / Wi-Fi 7 / Bluetooth 5.4 / NFC / Infrared remote control / USB Type-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วใต้จอ / Accelerometer / Ambient light / Proximity / Gyro / E-Compass
  • ความทนทาน : IP64
  • ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด / น้ำหนัก : 163.22 มม. x 75.88 มม. x 8.10 มม. / 203.7 กรัม
ผลทดสอบคะแนน CPU จาก Geekbench 6

iQOO 12 มาพร้อมจุดเด่นที่ได้เปรียบมือถือเรือธงทุกรุ่นในตอนนี้ เพราะมากับชิป Snapdragon 8 Gen 3 ที่เร็วแรงที่สุด แถมยังได้ความจุแบบจุก ๆ RAM LPDDR5x 16GB + ROM UFS 4.0 512GB ซึ่งปกติแล้วสเปคระดับนี้ แบรนด์อื่น ๆ อาจจะต้องจ่ายในราคา 30,000 บาทขึ้นไป แต่ iQOO 12 มาในราคาเพียง 27,990 บาทเท่านั้นซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ

ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นถือว่าเหลือ ๆ เล่นโซเชียล ดูยูทูปลื่นไหลชัวร์ ๆ เพราะเป็นตัวท็อป แถมหน้าตา UI ต่าง ๆ คุ้นตาเหมือนกับมือถือแบรนด์แม่อย่าง vivo เพราะใช้ Funtouch OS 14 บน Android 14 เหมือนกัน (มี Bloatware แถมมานิดหน่อย) และ Funtouch OS 14 ยังมากับระบบแต่งหน้าจอล็อกได้อิสระ

สามารถเปลี่ยนรูปแบบ Layout นาฬิกาได้ 3 รูปแบบ และมีให้เลือกทั้งหมด 8 ฟอนต์ สามารถเปลี่ยนสีฟอนต์ได้ตามใจชอบ และสามารถเปลี่ยนสีโดยอิงจากรูป Wallpaper ได้ และเปิด Always-On Display ในรูปแบบเกือบเต็มหน้าจอได้ด้วย

เล่นเกมสบาย มีฟีเจอร์เพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ

แน่นอนว่าแค่มีชื่อ iQOO ก็รู้ได้เลยว่าทำมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ ดังนั้นใครจะซื้อมาเล่นเกมแบบจัดหนักถือว่าเหมาะสุด ๆ เพราะนอกจากจะเล่นได้ทุกเกมแล้ว ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยเสริมพลังการเล่นเกมให้ดีขึ้น ดังนี้

มีชิปเสริม iQOO Q1 เสริมพลังกราฟิก เหมือนมีการ์ดจอแยก

iQOO 12 ได้นำชิป Q1 เข้ามาช่วยเสริมในเรื่องของการแสดงผลกราฟิกการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น เช่น ช่วยอัปสเกลภาพกราฟิกในเกมให้คมชัดมากขึ้น สีสันในเกมจัดเต็มกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมากับระบบแทรกเฟรมเรตในขณะเล่นเกมให้เป็น 144Hz

ซึ่งระบบนี้ช่วยให้เล่นเกมได้แบบลื่น ๆ เนียนตา แทบแยกไม่ออกว่าเป็นการแทรกเฟรมจำลองเข้ามา แถมยังใช้ทรัพยากรตัวเครื่องลดลงกว่าการเปิดเล่นแบบ Native จริง ๆ เพราะจะมีการ Drop เฟรมเรตลงมานิดหน่อยก่อนที่จะถูก Upscale โดยเกมที่ได้ทดสอบนั้น รองรับทั้ง Genshin Impact และ PUBG Mobile

มี Ultra Game Mode ช่วยรีดประสิทธิภาพในการเล่นเกมโดยเฉพาะ

iQOO 12 มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทำมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะอย่าง Ultra Game Mode ที่เป็นแผงควบคุมลัด สามารถดูการทำงานของ CPU และ GPU ช่วยล็อกความสว่างหน้าจอในขณะเล่นเกม ปิดการแจ้งเตือน หรือสั่งอัดหน้าจอได้แบบด่วน ๆ รวมถึงปรับตั้งค่าฟีเจอร์กราฟิกที่มากับชิป Q1 ได้หมดภายในเมนูเดียว

นอกจากนี้ Ultra Game Mode ยังมาพร้อมกับโหมด E-Sport ที่เมื่อเปิดใช้งานแล้ว จะช่วยกรองการแจ้งเตือนเฉพาะที่สำคัญ ๆ ไม่ให้ขัดจังหวะการเล่น จัดสรรการทำงานของ CPU ตามอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังมีโหมดการเล่นเกมแบบ Monster ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้จัดเต็มยิ่งขึ้น ประมวลผลได้ดีกว่าเดิม แต่ต้องแลกมาด้วยพลังงานที่อาจจะสิ้นเปลืองกว่าเดิม

มีมอเตอร์จำลองการสั่น X-Linear Motor

สำหรับใครที่ต้องการระบบการสั่นเหมือนใช้จอยเกมเล่นจริง ๆ iQOO 12 ก็มี X-Linear Motor ที่สามารถเปิดเพื่อให้ตัวเครื่องสั่นในขณะเล่นเกมเพื่อเสริมความสมจริง มีน้ำหนักการสั่นเบา สั่นแรงในรูปแบบคำสั่งที่แตกต่างกันออกไปในเกมที่รองรับ

อย่าง ROV ก็จะสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกศัตรูโจมตี, Genshin Impact เมื่อกดสกิลก็จะสั่นติดต่อกันเล็กน้อยเมื่อกดใช้สกิล และสั่นหนัก ๆ ตอนที่กดใช้ท่าไม้ตาย ส่วน PUBG Mobile ก็จะสั่นในขณะที่โดนยิง เป็นต้น

ทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม

PUBG Mobile

สำหรับการเล่น PUBG Mobile สามารถปรับกราฟิกสูงสุดได้ในโหมด Ultra HDR + เฟรมเรต Ultra (ประมาณ 45FPS) ซึ่งก็ถือว่าเล่นได้แบบลื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับใครที่อยากเล่นในโหมดเต็มความละเอียดจอ 144Hz ต้องปรับกราฟิกไว้ในโหมดดี + เฟรมเรต 90Hz ถึงจะใช้งานฟีเจอร์แทรกเฟรมลื่น 144Hz ได้

Genshin Impact

Genshin Impact ก็เป็นอีก 1 เกมที่สามารถเล่นกันได้แบบลื่น ๆ ในโหมดกราฟิกสูงสุด 60FPS และถ้าอยากปรับให้ลื่นกว่านี้สามารถใช้โหมดแทรกเฟรมเรต 144Hz เพื่อช่วยเสริมความลื่นอีกแรง และถ้ามีการอัดจอร่วมไปด้วย จะมีเฟรมเรตอยู่ที่ประมาณ 90 – 80FPS

ROV

เกมยอดฮิตติดเครื่องอย่าง ROV ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ เช่นกัน เพราะสามารถเล่นได้ที่เฟรมเรต 60FPS นิ่ง ๆ ถึงแม้จะมีการอัดหน้าจอขณะเล่นก็ตาม แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ ROV ยังไม่รองรับโหมด 120FPS ในรุ่นนี้ รวมถึงยังไม่รองรับโหมดแทรกเฟรมเป็น 144Hz อาจจะต้องรอกันอีกสักนิดให้ตัวเกมปรับ Optimize ให้เข้ากับชิปใหม่ในอนาคต

iQOO 12 เล่นเกมนาน ๆ แล้วร้อนมั้ย ?

เรื่องความร้อนนั้นจากการที่ทดสอบใช้ SIM 5G เล่นเกมเป็นเวลา 1 ชั่วโมงในโหมด Monster แทบจะไม่เจอปัญหาเรื่องความร้อนจัด ๆ เลย ตัวเครื่องมีอุ่น ๆ บ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลหนักต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมจนรู้สึกได้ เพราะมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ 6K มาคอยช่วยอีกแรง แต่ถ้ามีการอัดหน้าจอในขณะเล่นไปด้วย ก็แอบมีความร้อนจนรู้สึกไม่สบายมืออยู่เหมือนกัน

iQOO 12 เป็นมือถือเกมมิ่งที่กล้องสวยมาก!

ขึ้นชื่อว่าเป็นมือถือเกมมิ่ง หลาย ๆ คนก็อาจจะไม่ได้คาดหวังกันเรื่องกล้องสักเท่าไหร่ แต่ต้องบอกตรง ๆ ว่า iQOO 12 ถือว่าทำกล้องออกมาได้ดีเยี่ยมจริง ๆ ในราคาเท่านี้ เพราะยก UI กล้องมาจาก vivo มาทั้งหมด ทำให้การตั้งค่าต่าง ๆ ทำได้ง่าย กดถ่ายทีเดียวสวย โหมดถ่ายคนเยอะ แทบไม่ต้องแต่งต่อ แถมยังมีแถบคาดลายน้ำ BMW M Motorsport ให้เลือกเปิดด้วย

โดยตัวกล้องมาพร้อมกับเซนเซอร์หลัก VCS OV50H 50MP ที่ขนาดเซนเซอร์ใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว มีกันสั่น OIS +  กล้อง Ultrawide 50MP มุมกว้าง 119 องศา + กล้อง Periscope Telephoto 64MP รองรับการซูมแบบ Optical 3 เท่า และ Digital Zoom 100 เท่า แถมยังรองรับโหมด Auto Focus ทุกเซนเซอร์ด้วย

ส่วนสไตล์ภาพถ่ายเรียกได้ว่ายกลายเซ็นมาจากแบรนด์แม่อย่าง vivo มาครบทุกอย่าง ทั้งโทนภาพที่ดูจัดจ้าน ถ่ายวิวสวย ถ่ายคนดูดี โดยเฉพาะโหมด Portrait ที่ทำออกมาได้ดูสวยมาก ๆ (แต่ก็แอบเก็บขอบไม่เนียนในบางสภาพแสง) ส่วนภาพถ่ายกลางคืนก็เรียกความสว่างกลับมาได้ดี Dynamic Range สูง

โหมดที่ชอบมาก ๆ ของรุ่นนี้คือโหมด Super Macro ที่น่าจะเหมาะกับสายที่ชอบถ่ายวัตถุแบบใกล้ ๆ ซึ่งในโหมดนี้จะรองรับทั้งการถ่ายผ่านเลนส์ Ultrawide และ Telephoto ไม่ว่าจะถ่ายดอกไม้ หรือถ่ายพวกของเล่น ของสะสมก็ออกมาดูดีมาก ๆ น่าจะเหมาะกับคนที่นำไปใช้ถ่าย Product สินค้าต่าง ๆ

ด้านการซูมนั้นถึงแม้จะแปะป้ายมาว่ารองรับการซูมแบบ Digital ถึง 100 เท่า แต่เอาเข้าจริงพอไม่มีเซนเซอร์ Optical Zoom ที่มากกว่า 3 เท่าแล้ว ภาพถ่ายก็อาจจะมีความเบลออยู่พอสมควร ระยะที่พอรู้สึกว่าหวังผลได้ จะอยู่ในช่วงซูมประมาณ 5x – 10x กำลังพอดี และรุ่นนี้ยังมีโหมด Super Moon สำหรับถ่ายดวงจันทร์ใหญ่ ๆ และมีโหมด Fish Eye ด้วยนะ

ส่วนกล้องเซลฟี่ในรุ่นนี้ให้มาที่ 16MP ซึ่งคุณภาพที่ได้มาค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เซลฟี่คนสวย แต่รายละเอียดต่าง ๆ ส่วนตัวว่าอาจจะมีการเร่งความคม หรือ Sharpness จนเกินไปหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่พอรับได้

งานวิดีโอเป็นอย่างไร

ชมตัวอย่างวิดีโอ

ในรุ่นนี้รองรับการถ่ายวิดีโอในกล้องหลังที่ความละเอียดสูงสุดถึง 8K@30FPS แต่ถ้าอยากเปิดโหมดกันสั่นไปด้วย จะถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K@60FPS ส่วนโหมดกันสั่นระดับสูงจะถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080P@60FPS

นอกจากนี้ยังมีโหมดกันสั่นแบบเน้นแนวนอนที่ความละเอียดสูง 1080P@30FPS และเปิดโหมดวิดีโอแบบบิวตี้ พร้อมถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอที่ความละเอียด 1080P@30FPS ได้ด้วย

โหมดวิดีโอแบบบิวตี้ พร้อมถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ

สำหรับคุณภาพของงานวิดีโอนั้น ในความละเอียด 4K@60FPS พร้อมโหมดกันสั่นมาตรฐาน ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ภาพไม่ย้วยจนสังเกตได้ สามารถใช้ถ่ายงาน Vlog ต่าง ๆ แบบหวังผลได้เลย แต่ที่ประทับใจสุด ๆ คือโหมดวิดีโอแบบบิวตี้ พร้อมเบลอฉากหลัง เพราะทำงานได้ดี ถ่ายออกมาแล้วดูสวยมาก ๆ

วิดีโอกล้องหน้า iQOO 12

แต่สำหรับกล้องเซลฟี่นั้นถือว่าเป็นจุดที่น่าเสียดายพอสมควร เพราะถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080P@30FPS เท่านั้น แถมคุณภาพที่ได้ก็แอบมีปัญหาเรื่อง Overexposed นิด ๆ และสั่นอยู่พอสมควร น่าจะเหมาะกับการถ่ายเป็นครั้งเป็นคราวมากกว่า

iQOO 12 แบตเตอรี่เป็นไง ใช้งานได้ทั้งวันมั้ย?

iQOO 12 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่ถือว่าเยอะในระดับหนึ่ง จากที่ได้ลองทดสอบใช้งาน ใส่ SIM 5G เปิด Bluetooth เชื่อมต่อหูฟัง LDAC เปิด NFC ทิ้งไว้ พร้อมเปิดแสงจอแบบ Auto Brightness ทดสอบเล่นเกม ROV และ Genshin Impact ในโหมดกราฟิกสูงสุด พร้อมเปิดโหมด Monster ไปที่ราว ๆ 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดลงเหลือประมาณ 80%

หลังจากนั้นก็ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ดู YouTube ความละเอียด 4K HDR@60FPS ไปอีก 2 ชั่วโมง 26 นาที และเล่นเกม Eversoul โดยปรับกราฟิกสูงสุด พร้อมเร่งประสิทธิภาพด้วยโหมด Monster ยาว ๆ เกือบ 2 ชั่วโมง ในระยะเวลา Screen-On 5 ชั่วโมง 33 นาที แบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ประมาณ 15%

สำหรับการใช้งานจริงนั้น แน่นอนว่าอาจไม่ได้ใช้งานหนักถึงขนาดนี้ หากจะนำไปใช้งานนอกบ้าน น่าจะอยู่ได้เต็มวันสบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องชาร์จ แต่ถ้าใครเป็นสายเล่นหนัก ๆ แล้วกลัวแบตไม่พอใช้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะรุ่นนี้รองรับชาร์จไวเร็วสูงสุดถึง 120W ที่ชาร์จเพียงไม่กี่นาทีก็น่าจะมีแบตเตอรี่ให้งานเพียงพอแล้ว

สรุปการใช้งาน iQOO 12

iQOO 12 น่าจะเป็นมือถือเน้นความแรงที่ครบเครื่องที่สุดในไทยตอนนี้แล้ว ทั้งจอความละเอียดสูง รีเฟรชเรตจัดเต็ม 144Hz กับชิป Snapdragon 8 Gen 3 ที่ประสิทธิภาพแรงที่สุดในตลาด Android ในตอนนี้ แถมยังได้กล้องหลังที่ใช้งานได้ดีไม่แพ้มือถือเรือธงสาย Lifestyle เรียกได้ว่าจ่ายแค่ 27,990 บาทก็ได้ฟีเจอร์กันแบบเต็มที่แล้ว

แต่สำหรับใครที่เป็นสายเซลฟี่จริง ๆ จัง ๆ ส่วนตัวคิดว่าอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะด้วยกล้องหน้าที่ส่วนตัวคิดว่าอยู่ในเกณฑ์ธรรมดา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของพอร์ต USB-C ที่ยังเป็นเวอร์ชั่น 2.0 ซึ่งถ้าใครเป็นสายครีเอเตอร์ต้องการความเร็วในการรับส่งไฟล์ผ่านสาย ก็อาจจะยังไม่ค่อยทันใจสักเท่าไหร่ แต่ภาพรวมเมื่อเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจมาก ๆ

ข้อดีของ iQOO 12

  • ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 แรงที่สุด ตัวแรกของไทย
  • ความจุเยอะ 16GB + 512GB เมื่อเทียบกับราคา
  • จอตรง ติดฟิล์มสะดวก
  • จอสว่าง มองตอนกลางวันชัด ลื่นไหล 144Hz
  • เล่นเกมแจ่ม มีชิป iQOO Q1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้แจ่มยิ่งขึ้น
  • กล้องหลังสวย เซนเซอร์ครบทุกระยะ ถ่ายคนสวยมาก Macro แจ่ม ยกลายเซ็น vivo มาแบบเต็ม ๆ
  • แบตเตอรี่อึดพอสมควร ชาร์จไวมาก 120W
  • ลำโพงคู่ดังสะใจ
  • อุปกรณ์ครบกล่อง ฟิล์ม เคส หัวชาร์จไว มีให้หมด

จุดสังเกตของ iQOO 12

  • กล้องหน้าไม่เหมาะกับสายเซลฟี่
  • UI มี Bloatware
  • พอร์ตยังเป็น USB-C 2.0

ราคา และการวางจำหน่าย

iQOO 12 5G วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 2 สีได้แก่ สีดำ Alpha Black และสีขาว Legend White โดยเข้ามาเฉพาะรุ่นความจุ 16GB + 512GB เท่านั้น ส่วนราคาเปิดมาที่ 27,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สามารถหาซื้อได้ที่ vivo Brand Shop, vivo Online Store และตัวแทนจำหน่ายทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ทั่วประเทศ