ถ้าพูดถึงมือถือสายเกมมิ่งในช่วง 2-3 ปีนี้ ต้องมีชื่อของ iQOO โผล่ขึ้นมาด้วยแน่นอน เพราะแบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องสเปกแรง ราคาคุ้ม และฟีเจอร์เกมมิ่งที่ให้มาแบบจริงจัง ไม่ใช่ใส่มาแค่บนกระดาษ ทำให้หลายคนที่อยากได้มือถือไว้เล่นเกมแบบเต็มตัวในงบจับต้องได้ มักหันมามอง iQOO กัน

รอบนี้ iQOO 15 ก็มาแบบไม่ให้รอนาน มาถึงไทยก่อนปีใหม่ตามกำหนดเลย ตอนแรกผมยังคิดว่าจะมาช้ากว่าปกติ เพราะรุ่นพี่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน แต่สุดท้ายก็มาทัน พร้อมชิปโหด Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่แรงระดับท็อปของปี แถมยังจัดฟีเจอร์เกมมิ่งมาให้ครบเหมือนเดิมตามสไตล์ iQOO

บทความนี้ผมจะเล่าให้ฟังแบบตรงไปตรงมาว่า iQOO 15 ใช้งานจริงแล้วเป็นยังไง ตั้งแต่ประสิทธิภาพ ความลื่น การเล่นเกมยาว ๆ ความร้อน รวมถึงกล้องที่เน้นไว้ใช้งานทั่ว ๆ ไปมากกว่า จะได้เห็นกันชัด ๆ ว่าเครื่องนี้มีดีตรงไหน และมีจุดไหนที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าง ไปต่อกันเลยครับ

ประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพของ iQOO 15 จัดมาให้แบบเรือธงระดับท็อปของปีอย่างชัดเจน ด้วยการเลือกใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8 Elite Gen 5 ซึ่งเป็นชิประดับสูงสุดของปี 2025 เสริมพลังด้วย ชิปเกมมิ่ง Q3 ที่เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลด้านกราฟิก งานภาพ และการใช้งาน AI ต่าง ๆ ทำให้ตัวเครื่องสามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่กว่ามือถือที่ใช้ชิปหลักเพียงอย่างเดียว

ชิป Q3 ทำหน้าที่เป็นตัวประมวลผลกราฟิกเสริมโดยเฉพาะ ทำงานควบคู่กับ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ช่วยเพิ่มความลื่นไหลในการเล่นเกม และรองรับฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง Ray Tracing, Game Super Resolution และการอัปสเกลเฟรมเรต ช่วยดันความละเอียดของภาพขึ้นไปถึงระดับ 2K และเพิ่มความลื่นไหลได้สูงสุดถึง 144fps จากเดิมที่เกมส่วนใหญ่มักจะจำกัดอยู่ที่ 60fps หรือ 120fps เท่านั้น ส่งผลให้ภาพที่ได้ดูสมจริงขึ้น แสง เงา และรายละเอียดในเกมมีมิติมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การมีชิปเกมมิ่งเสริมอย่าง Q3 ทำให้ iQOO 15 สามารถดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้สุดกว่าหลายรุ่นในระดับเดียวกัน โดยเฉพาะในเกมที่รองรับฟีเจอร์กราฟิกขั้นสูง จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดทั้งในเรื่องความนิ่งของเฟรมเรตและความสวยงามของภาพ

ในด้านการใช้งานทั่วไป ก็ต้องบอกว่าเร็วและลื่นมาก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียล สลับแอป ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำธุรกรรมออนไลน์ ทุกอย่างตอบสนองไว ไม่มีจังหวะหน่วงให้เห็น และที่น่าประทับใจคือการจัดการความร้อนทำได้ดีมาก ในการใช้งานปกติแทบไม่รู้สึกว่าเครื่องอุ่นเลย

ผลการทดสอบ Benchmark

  • Antutu Benchmark
    • คะแนนรวม : 3,890,525 คะแนน
    • คะแนน CPU : 1,103,364 คะแนน
    • คะแนน GPU : 1,458,074 คะแนน
    • คะแนน MEM : 436,464 คะแนน
    • คะแนน UX : 892,623 คะแนน
  • Geekbench
    • Single Core : 3,617 คะแนน
    • Multi Core : 10,416 คะแนน

จากผลทดสอบจะเห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพของรุ่นนี้อยู่ในระดับเรือธงของปลายปี 2025 จนถึงปี 2026 แบบเต็มตัว คะแนนรวมทะลุ เกือบ 4 ล้าน ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับมือถือเรือธงในตลาดตอนนี้ จุดเดียวที่ต้องกล่าวถึงคือระหว่างการทดสอบหนัก ๆ เครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้นพอสมควร ความร้อนกระจายทั่วทั้งฝาหลัง แต่ไม่ได้ร้อนเฉพาะจุดจนรู้สึกน่ากังวล

ทดสอบเล่นเกม

มาถึงพาร์ทที่เป็นหัวใจหลักของ iQOO 15 กันบ้าง นั่นก็คือเรื่อง “การเล่นเกม” ซึ่งรอบนี้ต้องบอกเลยว่า iQOO จัดเต็มจริง ๆ เพราะชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ตัวนี้แรงในระดับที่เล่นเกมบนมือถือแล้วให้ฟีลใกล้เคียงกับการเล่นบน PC มากกว่าที่เคยเป็นมา

ผมเลือกทดสอบกับเกมโหด ๆ ที่คุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะเกมจากค่าย HoYoverse ที่ขึ้นชื่อว่ารีดพลังเครื่องหนักแทบทุกปี เพราะถ้ามือถือผ่านเกมกลุ่มนี้ได้แบบสบาย ๆ เกมอื่นก็แทบไม่ต้องกังวลแล้ว

เริ่มจาก Genshin Impact ปรับกราฟิกสูงสุดทุกอย่าง เล่นที่ 60 FPS ได้ลื่นมาก อาการภาพ Buffer ไม่ทันเวลาหันกล้องเร็ว ๆ หรือวิ่งผ่านฉากใหญ่ ๆ ยังพอมีให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ลดลงจาก iQOO 13 แบบรู้สึกได้ชัดเจน และถ้าเครื่องยังไม่ร้อนจัดจนแสบมือ บางช่วงแทบไม่เจออาการเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ

ฉากต่อสู้หนัก ๆ โดยเฉพาะโหมด Co-op ที่สาดสกิลพร้อมกันหลายคน เฟรมเรตยังนิ่ง ไม่มีอาการเฟรมดรอปเพราะความร้อนให้เห็น ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีมาก

นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จาก ชิป Q3 ที่ช่วยให้บางเกมสามารถเปิดเอฟเฟกต์อย่าง Ray Tracing ได้ รวมถึงฟีเจอร์ Game Visual Enhancement ที่ช่วยปรับสีสันและคอนทราสต์ของภาพให้ดูสดขึ้น ทำให้ภาพรวมของเกมสวยขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งในบางจุดให้ความรู้สึกดีกว่าที่เล่นบนพีซีบางเครื่องด้วยซ้ำ

ส่วนฟีเจอร์ Super Resolution และ Frame Rate Enhancement จะช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ และแทรกเฟรมเรตขึ้นไปถึงระดับ 120 FPS หลักการทำงานจะคล้ายกับ Frame Generation บนการ์ดจอ NVIDIA ของฝั่งพีซี โดย iQOO 15 จะคงการประมวลผลเดิมไว้ แล้วเพิ่มงานจาก AI เข้าไปแทน ซึ่งช่วยให้ภาพดูเนียนขึ้นโดยไม่กระทบรายละเอียดมากนัก

เพียงแต่ฟีเจอร์ Super Resolution และ Frame Rate Enhancement ไม่สามารถเปิดพร้อมกับ Ray Tracing ได้ เพราะตัวเครื่องต้องการควบคุมอุณหภูมิให้ไม่สูงเกินไป

ขยับมาที่ Zenless Zone Zero (ZZZ) เกมที่กินสเปกขึ้นมาอีกระดับ พบว่า iQOO 15 สามารถปรับกราฟิกสูงสุดแล้วเล่นได้ดีจริง แต่ต้องยอมรับว่าความร้อนของเครื่องจะพุ่งขึ้นเร็วกว่าตอนเล่น Genshin แบบรู้สึกได้ชัด หลังเล่นประมาณ 30 นาที อุณหภูมิที่วัดจาก Antutu ขึ้นไปแตะราว ๆ 55 องศาเซลเซียส ในห้องแอร์

ถึงอย่างนั้น ในฉากต่อสู้ยาว ๆ ที่เอฟเฟกต์จัดเต็ม ก็ยังไม่เจออาการกระตุกหรือเฟรมเรตดรอปแบบชัดเจน ส่วนอาการสะดุดเล็ก ๆ ตอนต่อคอมโบเปลี่ยนตัวละครในจังหวะซัพพอร์ตตั้งรับ (ฉากปราบเซียน) มีน้อยมาก และดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด เล่นต่อเนื่องได้โดยไม่รู้สึกหงุดหงิด พร้อมกันนี้ยังสามารถใช้ความสามารถของชิป Q3 ช่วยปรับโทนสีของเกมให้ดูสดขึ้นได้อีกด้วย

ถัดมาคือ Wuthering Waves เกมนี้ปรับสุดทุกอย่าง เฟรมเรตในแผนที่ปกติวิ่งที่ 60 FPS นิ่ง ๆ แทบตลอด พอปรับโหมดภาพเป็น Vivid บนจอของ iQOO 15 ต้องบอกว่าสวยมาก แสงเงาชัด รายละเอียดคม มีอาการกระตุกบ้างเล็กน้อยเฉพาะฉากที่เอฟเฟกต์ซ้อนกันเยอะมาก ๆ แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ แล้วกลับมาลื่นตามปกติ เล่นไปประมาณ 20–30 นาที ตัวเครื่องจะอุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นร้อนจนเล่นต่อไม่ได้

เกมแนวแข่งรถอย่าง Racing Master ก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ปรับกราฟิกสูงสุด เล่นลื่นแบบไม่มีอะไรให้ติ แสงเงาบนตัวรถและฉากสภาพแวดล้อมสวยมาก รายละเอียดมาเต็ม ไม่เจออาการเฟรมเรตตกให้เห็น เล่นต่อเนื่อง 20–30 นาที เครื่องอุ่นขึ้นตามปกติ แต่ยังถือเล่นได้สบาย

อีกจุดที่ช่วยให้ iQOO 15 สามารถเล่นเกมกราฟิกหนัก ๆ ได้ยาว ๆ คือเรื่องการจัดการความร้อน โดยรุ่นนี้จัดระบบระบายความร้อนมาแบบเต็มพิกัด ใช้ VC Vapor Chamber ขนาดใหญ่ถึง 8,000 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับท็อปของวงการมือถือเกมมิ่ง เสริมด้วยการใช้ กราเฟนออกไซด์นาโนกว่า 200 ล้านอนุภาค ช่วยกระจายความร้อนได้รวดเร็วและสม่ำเสมอมากขึ้น

ผลที่ได้คือเวลานำไปเล่นเกมหนัก ๆ ต่อเนื่อง เครื่องสามารถรักษาประสิทธิภาพได้ดี เฟรมเรตนิ่ง ไม่เจออาการดรอปเพราะความร้อนง่าย ๆ ความร้อนที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ กระจายออกไปทั่วเครื่อง ไม่กระจุกอยู่จุดใดจุดหนึ่งจนจับไม่ไหว ทำให้สามารถเล่นเกมยาว ๆ ได้อย่างมั่นใจ

โดยรวมแล้ว Snapdragon 8 Elite Gen 5 ทำให้ iQOO 15 กลายเป็นหนึ่งในมือถือเล่นเกมที่ดีที่สุดในตอนนี้จริง ๆ และถ้าเอาไปต่อจอยเสริม จะได้ฟีลการเล่นที่ใกล้เคียงระดับ PC Grade มาก ทั้งความลื่น เฟรมเรต และการตอบสนอง

นอกจากพลังดิบแล้ว ฟีเจอร์เกมมิ่งของ iQOO ก็ยังให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นโหมดเกม การจัดการทรัพยากร ระบบระบายความร้อน และที่สำคัญคือ Bypass Charging ที่ช่วยดึงไฟจากอะแดปเตอร์ตรง ลดความร้อนและการเสื่อมของแบตเตอรี่ ทำให้เล่นเกมยาว ๆ ได้แบบเฟรมไม่แกว่ง ใครเป็นสายเล่นเกมจริงจัง บอกเลยว่าควรเปิดไว้ตลอดครับ

แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้เต็มวัน

iQOO 15 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ถึง 7000mAh ใช้เทคโนโลยี BlueVolt แบบ Silicon Carbon (Silicon Anode รุ่นที่ 4) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตรุ่นใหม่ที่หลายแบรนด์จากจีนเริ่มนำมาใช้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ช่วยให้สามารถอัดความจุได้สูงขึ้น พร้อมความเสถียรในการใช้งานจริง และในฝั่งของ iQOO / vivo รุ่นนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในมือถือที่ให้แบตความจุสูงที่สุดของปี 2025 เลย

จากการทดสอบใช้งานจริงแบบใส่ซิม 5G เปิดความสว่างหน้าจอแบบ Auto เปิดไฟไดนามิกรอบโมดูลกล้อง และใช้งานทั่วไปในวันทำงาน ทั้งเล่นโซเชียล ถ่ายรูปเป็นระยะ ดูคลิป เดินทาง และเล่นเกมช่วงพัก แบตเตอรี่ทำผลงานได้ดีมาก ใช้งานได้ครบหนึ่งวันแบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวัน และยังเหลือแบตให้ใช้งานต่อได้อีกพอสมควร หากวันไหนแทบไม่ได้เล่นเกมหนัก ๆ ก็สามารถยืดไปได้เกือบ สองวัน เลย

ในกรณีที่เล่นเกมแบบจริงจัง จากการทดสอบพบว่าเล่นต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมง แบตจะลดลงราว 15-20% ซึ่งหากเล่นยาว ๆ ต่อเนื่องก็สามารถใช้งานได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถือว่าเป็นตัวเลขที่นานมากสำหรับมือถือที่มีสเปกแรงระดับเรือธง

การชาร์จ

iQOO 15 รองรับระบบชาร์จเร็ว 100W FlashCharge ผ่านสาย และรองรับ 40W Wireless FlashCharge สำหรับการชาร์จไร้สาย ซึ่งถือว่าเป็น รุ่นแรกของ iQOO ที่รองรับการชาร์จไร้สาย อย่างเป็นทางการด้วย

ในกรณีที่แบตใกล้หมด การชาร์จด้วยสายยังคงทำได้เร็วมาก สามารถชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แน่นอน แม้รอบนี้กำลังไฟจะถูกลดลงจากรุ่นก่อนที่ให้มา 120W เหลือ 100W แต่ในการใช้งานจริงแทบไม่รู้สึกถึงความต่าง โดยเฉพาะช่วงท้ายของการชาร์จที่ปกติแล้วระบบจะค่อย ๆ ลดกำลังไฟลงเพื่อถนอมแบตอยู่แล้ว

ลักษณะการชาร์จของ iQOO 15 จะเป็นแบบเร่งความเร็วสูงในช่วงแรก จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนลงเมื่อแบตใกล้เต็ม ซึ่งยังถือว่าเร็วมาก เหมาะกับสถานการณ์เร่งด่วน เช่น ลืมชาร์จตอนกลางคืน ตื่นมาชาร์จไม่กี่นาทีก็มีแบตเพียงพอสำหรับออกไปใช้งานระหว่างวันได้สบาย

อีกจุดที่ชอบคือ หัวชาร์จที่ให้มาเป็นแบบ USB-C ทั้งสองฝั่ง ไม่ใช่ USB-A เหมือนฝั่ง vivo หลายรุ่น ทำให้รองรับมาตรฐานการชาร์จที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้ผูกกับระบบปิดของแบรนด์ตัวเองเพียงอย่างเดียว และยังรองรับเทคโนโลยี PPS ด้วย

ข้อดีของตรงนี้คือหัวชาร์จสามารถนำไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ชาร์จโน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ต ก็สามารถจ่ายไฟได้เต็มกำลังตามที่อุปกรณ์รองรับ วิ่งได้ระดับ 100W แบบหัวชาร์จ PD ทั่วไป เพิ่มความเป็น Universal ในการใช้งาน ไม่ต้องพกหลายหัวชาร์จให้ยุ่งยาก

ดีไซน์

ดีไซน์ของ iQOO 15 รอบนี้ปรับให้เข้ายุคขึ้นอย่างชัดเจน โดยเปลี่ยนมาใช้หน้าจอ Flat ขอบเหลี่ยมเต็มตัว ทำให้เครื่องดูคม สมัยใหม่ และใช้งานง่ายกว่าเดิมเยอะ ทั้งการสัมผัส การติดฟิล์ม หรือแม้แต่การเล่นเกม ที่ไม่ต้องกลัวนิ้วลั่นโดนขอบโค้งแบบรุ่นก่อน ๆ เส้นสายโดยรวมก็ดูแข็งแรงขึ้น ต่างจากรุ่นเดิมที่ฟีลจะมน ๆ กลม ๆ มากกว่า

ที่ด้านหน้า ใช้ดีไซน์ Punch Hole ตรงกลาง สำหรับกล้องหน้า 32MP f/2.2 และมีลำโพงสนทนาซ่อนอยู่บริเวณขอบหน้าจอด้านบน เรียบเนียนและไม่กินพื้นที่จอเท่าไหร่ เวลามองเต็มหน้าจอจะรู้สึกโล่งตาเหมาะกับการดูคอนเทนต์หรือเล่นเกม

รอบตัวเครื่องใช้เฟรมอะลูมิเนียมทรงเหลี่ยมที่เข้ากับหน้าจอได้ลงตัว ด้านบนของตัวเครื่องมีลำโพงตัวที่สอง, ไมโครโฟนตัดเสียง และ IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมทได้ ส่วนด้านซ้าย ไม่มีปุ่มใด ๆ ให้ตัวเครื่องดูเรียบ

และจับได้ถนัดไม่เกะกะ ด้านขวาจะเป็นโซนปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power วางตำแหน่งพอดีนิ้วใช้งานง่าย

พลิกไปด้านหลัง จะเจอโมดูลกล้องทรงสี่เหลี่ยมมุมโค้งที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้ มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวและแฟลช LED ดีไซน์โดยรวมยังคงอินทรีย์กับตัวเครื่อง ไม่ได้ยื่นออกมามากจนเกินไป

ด้านล่างของเครื่องให้มาครบ ทั้งถาดซิมแบบ Dual Slot, พอร์ต USB-C 3.2, ไมโครโฟนคู่ และลำโพงหลัก เสียงเลยพุ่งออกแบบสเตอริโอเต็มตัว เวลาถือเล่นเกมแนวนอนจะไม่โดนมือลั่นไปบังง่าย ๆ แบบรุ่นก่อนอีกแล้วส่วนสแกนลายนิ้วมือเป็นแบบ Ultrasonic ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและความแม่นยำของค่าย vivo/iQOO มาก ๆ ใช้งานจริงตอบสนองแทบจะทันทีที่แตะ

สีและงานประกอบ

ในไทยมีให้เลือก 2 สีเหมือนเดิมคือ Legend และ Zen

  • Legend (สีขาว) เป็นโทนขาวแบบด้าน ๆ คล้ายกระเบื้องพอร์ซเลน ดูหรูสะอาดตา มีลายเส้น 3 สีเพิ่มความสปอร์ต ถึงจะไม่ได้ร่วมงานกับ BMW M Motorsport แล้ว แต่ภาพรวมยังคงฟีลพรีเมียมเหมือนเดิม โดยเฉพาะผิว Matte ที่ช่วยให้จับแล้วไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย
  • Zen (สีเทา) ฝาหลังมีลวดลายแบบผิวหินอ่อน เล่นกับแสงเวลาเปลี่ยนองศาการถือ ให้มิติที่ดูเท่และดุดันกว่า สีขอบเครื่องก็เข้มกว่าแบบ Legend ด้วย ทำให้ภาพรวมดูเท่ ๆ แบบเรือธงจริงจัง

ด้านการประกอบโดยรวมถือว่าทำได้ดีขึ้นอีกระดับ ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 + IP69 สามารถโดนน้ำแรงดันสูง หรือโดนน้ำร้อนก็ยังไหว และขอบตัวเครื่องใช้อะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอากาศยาน ช่วยเรื่องความแข็งแรงและการกระจายความร้อนรอบตัวเครื่องไปในตัว

ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมา iQOO 15 ยังคงต่อยอดจากดีไซน์ของ iQOO 13 ค่อนข้างเยอะ ทั้งทรงเครื่องและกรอบกล้องที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้อยู่ เพียงแต่มีการเก็บรายละเอียดให้ดูเรียบร้อยขึ้น เช่น ขอบเลนส์แบบตัด 90 องศา แต่ไม่ได้นูนจนล้นแบบมือถือกล้องจัดจ้านในตลาดตอนนี้

ไฟไดนามิกรอบโมดูลกล้อง

รอบนี้ iQOO เปลี่ยนตำแหน่งไฟ RGB จากด้านหน้าโมดูลกล้อง มาอยู่เป็นวงรอบโมดูลกล้องแทน ทำให้ดูสุภาพขึ้น ไม่ได้ตะโกนแบบรุ่นเก่า ถ้าไม่ใส่เคสจะเป็นแสงเนียน ๆ ข้างใน แต่พอใส่เคสกลับสวยขึ้นเพราะไฟจะกระทบกับขอบเคสแล้วเด้งออกมาให้เห็นชัดกว่า

ไฟนี้จะทำงานตอนมีสายเรียกเข้า การแจ้งเตือน เล่นเพลง แบตใกล้หมด เสียบชาร์จ หรือแม้แต่ตอนนับถอยหลังก่อนถ่ายรูปก็ใช้ได้ และสามารถเปิดไว้เพื่อเพิ่มบรรยากาศตอนเล่นเกมก็ได้เหมือนเดิม

แต่อย่างหนึ่งที่ต้องบอกคือ “เมนูตั้งค่อนข้างหายาก” ต้องเข้าไปที่ การตั้งค่า -> ทางลัดและการเข้าถึง -> แสงไฟแบบไดนามิก ถึงจะเจอ พอหาเจอแล้วก็ปรับง่ายนะ เลือกสี เลือกลักษณะไฟ ตั้งตามสถานการณ์ได้ครบเลย

การจับถือ

เรื่องฟีลลิ่งในการจับถือ iQOO 15 ต้องบอกว่าทำได้ดีเหมือนเดิม แต่รอบนี้รู้สึก “แน่นและมั่นคงขึ้น” จากการเปลี่ยนมาใช้หน้าจอ Flat และขอบเครื่องทรงเหลี่ยมที่จับถนัดมือกว่าเดิม เวลาใช้งานจริง โดยเฉพาะเล่นเกมจะรู้สึกได้เลยว่าตัวเครื่องรองรับนิ้วและฝ่ามือได้ดีขึ้น ไม่ลื่น ไม่ล้า ถือได้นานแบบไม่ต้องปรับมุมบ่อย ๆ

น้ำหนักของเครื่องถือว่าบาลานซ์ได้ดีมาก แม้จะให้แบตใหญ่ถึง 7000mAh แต่ไม่ได้รู้สึกเทอะทะเหมือนมือถือแบตอึดบางรุ่น แถมการถ่ายโอนน้ำหนักภายในก็ทำมาดี ทำให้จับนิ่ง ๆ หรือถือถ่ายรูปนาน ๆ ก็ไม่เมื่อย ทั้งรุ่น Legend และ Zen มีขนาดใกล้เคียงกันมาก

  • Legend: 163.65 × 76.80 × 8.17 มม., น้ำหนัก 220 กรัม
  • Zen: หนาเพิ่มเล็กน้อยเป็น 8.28 มม., น้ำหนัก 221 กรัม

ส่วนผิวสัมผัสด้านหลังเป็นกระจกแบบ Matte ให้ฟีลเรียบสบายมือ ไม่เก็บรอยนิ้วมือขึ้นง่าย และช่วยให้ถือแน่นขึ้นด้วย ขอบอะลูมิเนียมทรงเหลี่ยมก็เข้ากับหน้าจอแบนได้ดี ให้ความรู้สึกเหมือนมือถือเรือธงทั่วไปมากกว่า “เกมมิ่งโฟน” ด้วยซ้ำ

ประสบการณ์จับถือเวลาเล่นเกมก็ดีไม่แพ้กัน ตัวเครื่องค่อนข้างสมดุลจนให้ฟีลคล้าย ๆ มือถือเกมมิ่งของค่ายน้องในตระกูลเดียวกัน เวลาเล่นแนวนอน มือจะล็อกเครื่องได้พอดี ไม่มีจุดลื่นหรือมุมที่บาดนิ้ว รวม ๆ แล้ว iQOO 15 คือมือถือที่ “จับแล้วให้ฟีลเรือธง” แข็งแรง แน่นมือ ใช้งานนาน ๆ ไม่ล้า ทั้งเล่นเกม เลื่อนฟีด หรือถ่ายรูป

ลำโพง

ลำโพงของ iQOO 15 ให้โทนเสียงที่เน้น เสียงกลางเป็นหลัก คาแรกเตอร์ออกไปทางกลาง-เบส มากกว่ากลาง-แหลมแบบฝั่ง vivo เสียงที่ได้จะไม่ใสจัด แต่ให้ความรู้สึกแน่น กระหึ่ม และมีแรงปะทะมากกว่าเล็กน้อย เนื้อเสียงค่อนข้างแห้ง แต่รายละเอียดเสียงพูดและเสียงเอฟเฟกต์ในเกมฟังชัด มิติเสียงอยู่ในระดับดี เหมาะกับการเล่นเกมหรือดูคอนเทนต์ที่ต้องการอิมแพกต์ของเสียง

ถ้าเทียบกับ vivo จะรู้สึกว่าเสียงของ iQOO 15 ใสน้อยกว่า แต่ได้ความหนักแน่นแทน และถ้าเทียบกับมือถือค่ายอื่นในระดับเดียวกัน จะเห็นว่าลำโพงของ iQOO และ vivo มีคาแรกเตอร์คล้ายกัน และไม่ได้เด่นเรื่องความเพราะ เหมาะกับการใช้งานทั่วไปมากกว่าสายฟังเพลงจริงจังครับ

หน้าจอเทคโนโลยีใหม่ M14

iQOO 15 รอบนี้เปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ Flat แบนเต็มตัว ไม่มีขอบโค้งแล้ว ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับมือถือเรือธงหลายรุ่นในปีนี้ ข้อดีคือใช้งานง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะเวลาถือเล่นเกม ไม่ต้องกังวลว่านิ้วจะลั่นไปโดนขอบจอเหมือนหน้าจอแบบโค้งของรุ่นก่อน ๆ ดูเป็นดีไซน์ที่เน้นฟังก์ชันจริงมากกว่าเอฟเฟกต์สวยงาม

ตัวหน้าจอเป็น AMOLED ขนาด 6.85 นิ้ว ความละเอียด 2K (3168×1440) รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz พร้อมการตอบสนอง 3200Hz (Instant Touch Sampling Rate) ใช้งานทั่วไปก็ดูลื่นอยู่แล้ว แต่ถ้าเล่นเกมจะรู้สึกถึงความต่างมากขึ้น เพราะจอแบบนี้ตอบสนองไวกว่าเดิม อีกทั้งยังให้ความสว่างสูงสุดถึง 2600 nits (โหมดปกติ) และสามารถดันได้สูงสุดแบบเฉพาะส่วนถึง 6000 nits เวลาดูคอนเทนต์ HDR หรือใช้งานกลางแดดจัด ๆ สู้แสงได้ดีมาก

จอรุ่นนี้ผลิตโดย Samsung Display และใช้วัสดุเปล่งแสงรุ่นใหม่ M14 ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่คาดว่าจะใช้ใน Galaxy S26 Ultra ด้วย จุดเด่นของวัสดุ M14 คือ

  • เพิ่มประสิทธิภาพแสงขึ้น 40%
  • ใช้พลังงานน้อยลง 44%
  • อายุการใช้งานยาวขึ้น 50%
  • ภาพเคลื่อนไหวเบลอน้อยลงถึง 60%

ส่วนเรื่องสีถือว่าแม่นยำมาก ค่า Delta E แค่ 0.27 เท่านั้น และครอบคลุมสีตามมาตรฐาน DCI-P3 ถึง 118%

อีกหนึ่งจุดที่แปลกกว่าจอมือถือทั่วไปคือ ไม่มีฟิล์มโพลาไรซ์ (Polarizer) ซึ่งตามปกติจะช่วยลดแสงสะท้อน แต่ iQOO เลือกใช้เทคนิคอื่นแทนเพื่อให้สายตาล้าช้าลงกว่าเดิม และช่วยให้ “ใส่แว่นกันแดดโพลาไรซ์ก็ยังมองจอได้ชัด ไม่ดำ ไม่เพี้ยน” แถมอ้างว่าช่วยลดอาการตาแห้ง ตาแดง และความล้าได้กว่า 50% เทียบกับจอแบบเดิม

ในที่แสงน้อย จอนี้สามารถหรี่ลงได้ต่ำสุด 1 นิต พร้อมระบบลดแสงแบบ DC Dimming และ PWM 2160Hz สำหรับความสว่างต่ำ ๆ โดยระบบจะเลือกให้แบบอัตโนมัติ หรือจะตั้งให้ใช้ DC Dimming ตลอดเวลาก็ได้

ด้านการใช้งานจริง ต้องบอกว่าเป็น “จอที่รู้สึกต่างตั้งแต่แรกเปิดใช้” เพราะเวลาสะท้อนแสงจะมีเหลือบม่วง ๆ แบบที่ไม่ค่อยเห็นในจอมือถือทั่วไป ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการใช้จอแบบ Unpolarized พอเปิดจอใช้งานจริง สีสันดี คมชัด สว่างจัด และสดกำลังดี ไม่โอเวอร์ จัดเป็นจอมือถือเกมมิ่งที่คุณภาพดีที่สุดรุ่นหนึ่งที่ผมเคยใช้มาเลย โดยเฉพาะรีเฟรชเรต 144Hz ที่ให้ความไหลลื่นเกินระดับเรือธงทั่วไป

ดีไซน์กล้องหน้าก็ยังคงเป็นแบบ Punch-Hole กลางจอ พร้อมกล้องหน้า 32MP f/2.2 รูไม่ใหญ่ ไม่รบกวนสายตา และไม่กินพื้นที่การแสดงผลมากนัก ถือว่ากลมกลืนดีกับดีไซน์โดยรวมของหน้าจอครับ

ซอฟต์แวร์ใหม่ OriginOS

รอบนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ iQOO 15 เลย เพราะเป็นครั้งแรกที่รุ่นวางขายทั่วโลก ย้ายจาก Funtouch OS มาใช้ OriginOS แบบเต็มตัว เหมือนกับฝั่ง vivo รุ่นอื่น ๆ โดยเครื่องมาพร้อม OriginOS 6 บนพื้นฐาน Android 16 ตั้งแต่แกะกล่อง ใครที่เคยติดภาพว่า OriginOS มีเฉพาะในเครื่องจีน รอบนี้ต้องบอกว่าถูกปรับใหม่ให้เข้ากับตลาด Global ชัดเจนมาก

สิ่งแรกที่รู้สึกได้ทันทีหลังใช้งานคือ “ความลื่น” ของระบบ ลื่นกว่า Funtouch OS แบบสัมผัสได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหน้าแอป การสลับแอป หรือแอนิเมชันต่าง ๆ ที่ตอบสนองเร็วขึ้น ดูเป็นธรรมชาติขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และถ้าพูดกันตรง ๆ ฟีลโดยรวมมีอารมณ์แบบ iOS แทรกเข้ามาพอสมควร ทั้งโครงสร้าง UI และพฤติกรรมของระบบบางส่วน

หนึ่งในจุดเปลี่ยนที่เห็นชัดคือการแยก Notification และ Control Center ออกจากกัน ปัดลงฝั่งซ้ายจะเป็นการแจ้งเตือน ส่วนฝั่งขวาจะเป็น Control Center คล้าย iOS แต่ข้อดีคือไม่ได้บังคับใช้งาน ใครไม่ถนัดสามารถตั้งค่าให้กลับไปใช้รูปแบบเดิมแบบรวมหน้าจอเดียวได้

OriginOS 6 ยังมาพร้อมฟอนต์ใหม่ iQOO Sans ซึ่งก็คือ vivo Sans นั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อ ฟอนต์ดูทันสมัย อ่านง่าย และช่วยให้บรรยากาศโดยรวมของ UI ดูพรีเมียมขึ้นทันทีตั้งแต่เปิดจอ

อีกฟีเจอร์เด่นที่เป็นไฮไลต์คือ Origin Island หน้าตาคล้าย Dynamic Island ของ iPhone แต่เพิ่มลูกเล่นอย่าง Drag & Go เข้ามา ทำให้สามารถลากไฟล์ รูปภาพ หรือคอนเทนต์จาก Island ไปยังอีกแอปหนึ่งได้โดยตรง ฟีลการใช้งานคล้าย Multitasking บนเดสก์ท็อป ใช้งานจริงแล้วสะดวกกว่าที่คิด

โดยรวมฟีเจอร์และโครงสร้างระบบแทบจะเหมือนกับที่อยู่ใน vivo X300 Series ทั้งรูปแบบการจัดวาง เมนู ฟีเจอร์หลัก และแนวคิดการออกแบบ UI ซึ่งจากที่ลองใช้งานก็พบว่าการจัดวางทำได้ดี ไม่รู้สึกว่าถูกตัดฟีเจอร์หรือปรับลดอะไรลง เพียงแค่ถูกนำมาปรับจูนให้เข้ากับคาแรกเตอร์ของ iQOO มากขึ้น

แม้จะเป็นการยกเครื่องซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่ แต่เวลาหยิบมาใช้งานจริงก็ยังรู้สึกได้ถึงตัวตนของ iQOO เหมือนเดิม เพียงแต่ทุกอย่างถูกขัดเกลาให้ ฉลาดขึ้น ลื่นขึ้น และดูทันสมัยขึ้น อย่างชัดเจน ทำให้ OriginOS 6 กลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นสำคัญที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ใช้งานของ iQOO 15 ได้อย่างชัดเจนครับ

กล้องถ่ายดีไม่แพ้มือถือเน้นกล้อง

iQOO 15 มาพร้อมระบบกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดของรุ่นนี้คือการนำ กล้องเทเลแบบ Periscope Telephoto กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่รุ่นก่อนหน้าเลือกตัดออกไป ทำให้รอบนี้ iQOO 15 รองรับการซูมระยะไกลได้สูงสุดถึง 100 เท่า ใกล้เคียงกับซีรีส์เรือธงของ vivo อย่าง X300 Series

กล้องหลักใช้เซนเซอร์ Sony Ultra-Stabilization ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.88 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี vivo Camera-Bionic Spectrum (VCS) ช่วยเพิ่มความแม่นยำของสี พร้อมระบบกันสั่นทั้ง OIS + EIS และผ่านมาตรฐานกันสั่นระดับ CIPA 4.5

กล้องมุมกว้าง Ultra-Wide ให้ความละเอียด 50MP มุมรับภาพกว้าง 107 องศา รูรับแสง f/2.05 และรองรับระบบโฟกัสอัตโนมัติ (AF) ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งภาพมุมกว้างทั่วไปและการถ่ายระยะใกล้

ส่วนกล้อง Super Telephoto เป็นแบบ Periscope ความละเอียด 50MP ใช้เซนเซอร์ Sony IMX882 ขนาด 1/1.95 นิ้ว รูรับแสง f/2.65 รองรับกันสั่นระดับ CIPA 4.0 ให้การซูมแบบออปติคัลที่ 3 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 100 เท่า

หากดูจากสเปกโดยรวม ระบบกล้องของ iQOO 15 จะมีความใกล้เคียงกับ vivo X200 FE และ vivo X300 พอสมควร โดยกล้องหลักแทบจะเป็นชุดเดียวกับที่ใช้ใน X200 FE ส่วนกล้องซูมใช้เซนเซอร์เดียวกับ vivo X300 แต่มีระยะเลนส์ต่างกัน โดย iQOO 15 อยู่ที่ 85mm ขณะที่ X300 จะอยู่ที่ 70mm

จุดที่แตกต่างหลัก ๆ คือ iQOO 15 ไม่ได้มีชิปประมวลผลภาพแยก แบบที่พบในซีรีส์ vivo X ทำให้แนวทางการประมวลผลหลังถ่ายภาพจะพึ่งพาการทำงานของชิปหลักเป็นหลัก ซึ่งส่งผลให้ลักษณะภาพและการจัดการรายละเอียดอาจแตกต่างจากรุ่นพี่ในตระกูล vivo อยู่บ้าง ๆ vivo X300 จะที่ต่างเป็นหลักคือ iQOO ไม่มีชิปเสริมำสหรับการถ่ายภาพมาให้ด้วย ทำให้การประมวลผลหลังภ่ายภาพนั้นต่างกัน

ภาพถ่ายกล้องหลัง

มาดูเรื่องกล้องของ iQOO 15 กันแบบจริงจัง รอบนี้ต้องบอกว่า “ทำได้ดีกว่าที่คาด” โดยเฉพาะกล้องหลักที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX921 ความละเอียด 50MP ซึ่งเป็นเซนเซอร์ตัวเดียวกับที่เคยใช้ใน vivo X200 มาแล้ว ทำให้เรื่องคุณภาพพื้นฐานอย่างรายละเอียด ความคมชัด และโทนสี เรียกว่าหายห่วง

ภาพที่ได้จากเลนส์หลักให้รายละเอียดคมชัด สีสันเที่ยงตรง โทนสีจัดจ้านแบบสวยกำลังดี ไดนามิกเรนจ์ทำได้กว้าง เก็บทั้งส่วนสว่างและเงาได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในฉากย้อนแสงหรือแสงจัด และยังได้ระบบกันสั่นระดับ CIPA 4.5 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับกล้อง SLR ช่วยให้ถ่ายภาพนิ่งได้ง่ายขึ้นมาก ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

จุดที่แตกต่างจากตระกูล vivo X Series จะอยู่ที่ลักษณะการละลายหลัง ซึ่งด้วยระยะเลนส์และขนาดรูรับแสงที่เล็กกว่า ทำให้โบเก้ไม่ได้ฟุ้งหรือแยกชั้นฉากหลังได้เท่ารุ่นที่เน้นกล้องโดยตรง แต่ก็แลกมากับข้อดีคือสามารถขยับเข้าใกล้วัตถุได้มากกว่า เหมาะกับการถ่ายระยะใกล้หรือถ่ายวัตถุทั่วไปในชีวิตประจำวัน และในบางสถานการณ์ยังพอมีอาการแสงสะท้อนให้เห็นบ้างเวลาเจอฉากย้อนแสงจัด

โดยรวมแล้ว กล้องหลังของ iQOO 15 ให้คุณภาพที่ดีเกินมาตรฐานมือถือสายเกมมิ่ง ชัดเจนว่าได้อานิสงส์จากเทคโนโลยีฝั่ง vivo มาพอสมควร แม้จะยังไม่สุดเท่ารุ่นเรือธงสายกล้อง แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานจริงในหลากหลายสถานการณ์ครับ

ฟิลเตอร์และโหมดถ่ายภาพ สไตล์ vivo

อีกจุดที่เห็นได้ชัดคือ iQOO 15 หยิบ DNA ฝั่ง vivo เข้ามาใช้กับระบบกล้องมากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในด้านฟิลเตอร์ โหมดถ่ายภาพ และแนวทางการปรับโทนสี โดยมีฟิลเตอร์ภาพถ่ายให้เลือกใช้งาน 4 แบบ ได้แก่ B&W, TEXTURE, VIVID และ NATURAL ซึ่งจากการใช้งานจริง ภาพตัวอย่างส่วนใหญ่จะใช้โหมด Vivid ที่ให้สีสันสดใสและคอนทราสต์กำลังดี

นอกจากนี้ยังมี โหมดฟิล์ม มาให้เลือกอีก 3 แบบ คือ ฟิล์มเนกาทีฟคลาสสิก (NC), ฟิล์มโพซิทีฟ (CC) และฟ้าใส (VB) ช่วยเพิ่มลูกเล่นและสไตล์ของภาพให้แตกต่างจากโหมดปกติ เหมาะกับคนที่อยากได้ฟีลภาพแบบฟิล์มโดยไม่ต้องไปแต่งเพิ่มภายหลัง

อินเทอร์เฟซและซอฟต์แวร์กล้องโดยรวมจะคล้ายกับฝั่ง vivo พอสมควร โหมดหลัก ๆ ให้มาครบ ใช้งานง่าย แต่จะยังไม่มีฟีเจอร์เฉพาะอย่าง ZEISS แบบที่พบใน X Series อย่างไรก็ตาม iQOO 15 ก็ยังมี โหมดกล้อง 4 ฤดูกาล มาให้ใช้งานเช่นกัน รองรับทั้งการถ่ายภาพทั่วไปและโหมด Portrait ครบทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ช่วยให้เลือกโทนภาพได้ตามบรรยากาศที่ต้องการ

format: 0; filter: 0; fileterIntensity: 0.0; filterMask: 0; captureOrientation: 90; runfunc: 0; algolist: 0; multi-frame: 1; brp_mask:0; brp_del_th:0.0000,0.0000; brp_del_sen:0.0000,0.0000; motionR: 0; delta:1; bokeh:1; module: photo;hw-remosaic: false;touch: (-1.0, -1.0);sceneMode: 13107200;cct_value: 0;AI_Scene: (1, 2);aec_lux: 106.69798;aec_lux_index: 0;albedo: ;confidence: ;motionLevel: -1;weatherinfo: weather??????????????, icon:0, weatherInfo:100;temperature: 35;zeissColor: bright;

อีกความพิเศษของรุ่นนี้คือรองรับการถ่ายภาพแบบ SRAW แบบเดียวกับรุ่นพี่ในตระกูล X Series ทำให้ไฟล์ภาพยังคงรายละเอียดเชิงลึกไว้ได้มาก เหมาะสำหรับคนที่อยากนำไฟล์ไปแต่งต่อแบบจริงจังในภายหลัง ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ค่อยเห็นในมือถือสายเกมมิ่งเท่าไหร่นักครับ

เลนส์ Super Periscope Telephoto ซูมไกล ใช้งานได้จริง

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของ iQOO 15 คือการใส่ เลนส์ Super Periscope Telephoto กลับมาอีกครั้ง พร้อมอัลกอริทึม NICE ที่ช่วยเสริมความคมชัดของภาพในระยะซูม โดยตัวเลนส์รองรับซูมออปติคัลที่ 3x และซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 100x

แม้ระยะออปติคอลจริงจะอยู่ที่ 3x แต่จากการใช้งานจริง สามารถถ่ายที่ระยะ 5x, 10x ไปจนถึงราว 20x-30x ได้แบบยังเห็นรายละเอียดชัด ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนสเปก และกันสั่นระดับ CIPA 4.0 ก็ช่วยให้การซูมไกลทำได้ง่ายขึ้น ถือด้วยมือเปล่าได้ไม่ต้องเกร็ง ไม่สั่นจนภาพเสีย แต่เสียดายที่ไม่สามารถถ่ายได้แบบ Tele Macro แบบมือถือเน้นกล้อง

Ultra Wide 50MP เก็บมุมกว้างได้ครบ

กล้อง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 50MP มุมกว้าง 107 องศา เหมาะกับสายถ่ายวิวหรือเก็บบรรยากาศ ภาพที่ได้ยังคงมีรายละเอียดดี เก็บแสงและเงาได้ค่อนข้างครบ ไม่ดรอปคุณภาพจากกล้องหลักมากนัก และยังได้ประโยชน์จากความละเอียดสูงเวลาเอาภาพไปครอปใช้งานต่อ

คุณภาพโดยรวมถือว่าถ่ายง่าย ถ่ายสวย และเหนือความคาดหมายสำหรับมือถือสายเกมมิ่ง ใครที่ยังติดภาพจำว่า “มือถือเกมมิ่งถ่ายรูปไม่สวย” iQOO 15 น่าจะเปลี่ยนความคิดได้ไม่ยาก สมกับที่เป็นแบรนด์ลูกของ vivo เพราะกลิ่นอายของ X Series มาเต็ม เพียงแต่อาจยังไม่ถึงระดับ X300 หรือ X300 Pro รุ่นล่าสุด ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นสายถ่ายภาพโดยตรงและโหดกว่าชัดเจนอยู่แล้ว ส่วน iQOO 15 คือสายเกมมิ่งที่ถ่ายรูปได้ดีพอใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเอาไว้ลงโซเชียลแค่นั้นครับ

งานวิดีโอ

ด้านการถ่ายวิดีโอ iQOO 15 ให้สเปกมาค่อนข้างแรง ตัวเครื่องสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 60fps ได้ครบทุกเลนส์ ทั้งกล้องหลัก, Ultra Wide และเลนส์ Telephoto ส่วนใครที่ต้องการความละเอียดสูงสุด ก็สามารถเลือกถ่าย 8K ที่ 30fps ได้เช่นกัน แต่จะจำกัดเฉพาะที่เลนส์หลักเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตสำคัญในเรื่องโหมดถ่ายวิดีโอ เพราะบางฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานร่วมกับความละเอียด 4K ได้ เช่น หากเปิด โหมด Beauty หน้าใส จะไม่สามารถถ่ายวิดีโอที่ 4K ได้ หรือถ้าต้องการถ่าย Portrait Video (วิดีโอโบเก้) ระบบจะถูกปรับลดความละเอียดลงเหลือเพียง 1080p ที่ 30fps เท่านั้น ซึ่งข้อจำกัดนี้เกิดขึ้นทั้งกับกล้องหลังและกล้องหน้า

จุดนี้ต้องบอกตามตรงว่า ด้วยสเปกของชิปเซ็ตและเซนเซอร์กล้องที่ให้มา จริง ๆ แล้วน่าจะรองรับการถ่าย 4K พร้อมฟีเจอร์เหล่านี้ได้ แต่ในเวอร์ชันซอฟต์แวร์ปัจจุบันยังไม่เปิดให้ใช้งาน จึงอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับสายวิดีโอที่เน้นใช้โหมด Beauty หรือ Portrait Video เป็นหลัก

แต่ถ้าเป็นการถ่ายวิดีโอแบบปกติ ไม่เปิดฟีเจอร์เสริมใด ๆ การถ่าย 4K 60fps ของ iQOO 15 ถือว่าทำได้ดี ใช้งานได้จริง ภาพนิ่ง รายละเอียดดี และระบบกันสั่นช่วยได้พอสมควร เหมาะกับการถ่ายวิดีโอทั่วไปหรือใช้งานในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องพึ่งโหมดพิเศษมากนักครับ

กล้องหน้า

กล้องหน้าของ iQOO 15 ให้ความละเอียด 32MP รูรับแสง f/2.2 คุณภาพโดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ภาพที่ได้มีความคมชัดในระดับที่ใช้งานได้จริง รายละเอียดโอเค และจุดที่ทำได้น่าสนใจคือโหมดปรับบิวตี้ที่ให้มาดูเป็นธรรมชาติ ไม่เนียนจนหลอกตา ผิวดูใสขึ้นแบบกำลังดี ไม่โอเวอร์

เมื่อถ่ายออกมาแล้ว โทนผิวจะดูสว่าง หน้าใสพอดี ๆ ใช้งานได้จริงทั้งถ่ายรูปทั่วไปหรือวิดีโอคอล เรียกว่าเป็นกล้องหน้าที่ “ถ่ายแล้วไม่ต้องลุ้น” สำหรับมือถือสายเกมมิ่ง แฟนไม่บ่นแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากนำไปเทียบกับมือถือที่เน้นกล้องโดยตรง กล้องหน้าของ iQOO 15 ยังเป็นรองอยู่เล็กน้อยในเรื่องความคมชัดของรายละเอียดเล็ก ๆ และการจัดการ Noise ในสภาพแสงน้อย ซึ่งกลุ่มมือถือสายกล้องจะทำได้เนียนกว่านี้

เสียดายตัวกล้องหน้า ไม่มีระบบ Auto Focus และใช้ระบบกันสั่นเป็นแบบ EIS ทั่วไป ไม่ได้ถึงขั้นเทพ แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน จุดที่น่าสังเกตคือไมโครโฟนเก็บเสียงทำได้ดีขึ้น เหมาะกับการถ่ายวิดีโอหน้ากล้องหรือ Vlog แบบเบา ๆ ได้สบาย

โดยรวมแล้ว กล้องหน้าของ iQOO 15 เป็นกล้องที่ “โอเคมาก” สำหรับการใช้งานจริง ถ่ายง่าย ปรับบิวตี้ได้สวยไม่หลุดโทน เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและสายเกมมิ่ง แต่ถ้าใครโฟกัสงานถ่ายหน้าจริงจังระดับครีเอเตอร์ อาจต้องมองรุ่นที่เน้นกล้องมากกว่านี้ครับ

สรุป

iQOO 15 เป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในหลายจุด โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์ที่ดูเรียบขึ้น ทันสมัยขึ้น ลดความเป็นเกมมิ่งแบบตะโกนลง ทำให้สามารถหยิบมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้หลากหลายโอกาสมากขึ้น แต่สิ่งที่ไม่ได้ถูกลดทอนตามไปด้วยเลยคือ “ความแรง” เพราะยังคงจัดเต็มทั้งชิปเรือธงตัวท็อป Snapdragon 8 Elite Gen 5, ชิปเสริม Q3 และฟีเจอร์เกมมิ่งที่ออกแบบมาเพื่อรีดประสิทธิภาพแบบจริงจัง จัดเป็นมือถือที่ให้ประสบการณ์เล่นเกมระดับ PC Grade ได้ใกล้เคียงที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้

เรื่องกล้องในปีนี้ทำได้ดีและไว้ใจได้มาก ยกขึ้นมาถ่ายยังไงก็ได้ภาพที่สวย ใช้งานง่าย ครอบคลุมทั้งกล้องหลัก ซูม และ Portrait แม้รายละเอียดเชิงลึกหรือการปรับแต่งบางอย่างอาจยังไม่สุดเท่ามือถือสายกล้องเต็มตัว แต่สำหรับคนที่เน้นเล่นเกม ใช้ถ่ายรูปในชีวิตประจำวัน ถ่ายวิว ถ่ายคน หรือเอาไปซูมคอนเสิร์ตเป็นครั้งคราว ต้องบอกว่าเพียงพอและดีมากแล้ว

หน้าจอที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ให้ความลื่นและความสวยในระดับท็อป ผสานกับ OriginOS 6 ที่ลื่นกว่าเดิม ทำให้ภาพรวมของการใช้งานทั้งเล่นเกมและใช้งานทั่วไปออกมาดีมาก

โดยรวมแล้ว iQOO 15 เหมาะมากสำหรับคนที่มองหามือถือเล่นเกมหนัก ๆ แบบไม่ต้องประนีประนอมเรื่องความแรง หรือคนทั่วไปที่อยากได้มือถือเครื่องเดียวจบ ที่ภาพรวมอาจเอนมาทางเกมมิ่งนิดหน่อย แต่ใช้งานจริงได้รอบด้าน ส่วนคนที่ใช้งาน iQOO 13 อยู่แล้ว ถามว่าจำเป็นต้องอัปเกรดไหม คำตอบคือ ยังไม่จำเป็น เพราะความต่างยังไม่มากพอจะรู้สึกว่าคุ้มในการเปลี่ยนครับ

ข้อดี

  • ชิปโคตรแรง Snapdragon 8 Elite Gen 5 เล่นลื่นทุกเกม
  • เครื่องไม่ค่อยร้อน เล่นเกมได้ยาว ๆ
  • ระบบระบายความร้อนได้ดี จัดการความร้อนได้อยู่
  • หน้าจอคุณภาพสูงมาก 2K 144Hz พาแนลใหม่ M14
  • แบตอึด 7000 mAh ใช้งานได้ทั้งวันสบาย ๆ
  • ชาร์จเร็ว 100W + ชาร์จไร้สาย 40W
  • ดีไซน์ทันสมัยขอบเหลี่ยม จอ Flat ดูเป็นเรือธงมากขึ้น
  • กล้องทำได้ดีกว่ามาตรฐานมือถือเกมมิ่ง
  • ซอฟต์แวร์ OriginOS 6 ลื่นและทันสมัย

ข้อสังเกต

  • กล้องดี แต่ยังไม่ถึงระดับมือถือสายกล้องจริงจัง
  • ฟีเจอร์วิดีโอบางอย่างจำกัดความละเอียด
  • ดีไซน์ลดความเป็นเกมมิ่งลง ดูเรียบ ๆ จืด ๆ
  • ไม่ RGB ไม่ค่อยตะโกนแบบรุ่นเก่า
  • ลำโพงเสียงไม่ค่อยเพราะ
  • โฆษณามีบ้าง แต่ปิดได้