หลังจากปีที่แล้วเราได้เห็นการแกะกล่องพรีวิวของเจ้า Meizu MX5 กันไปแล้ว (ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็กลับไปอ่านก่อนนะ) ซึ่งก็เป็นเพียงแค่การแกะกล่องและดูรอบๆ ตัวเครื่องทั่วๆ ไป เท่านั้น มีปีนี้ (เล่นรีวิวข้ามปีเลย) เราลองมาดูในส่วนของสเปค ฟีเจอร์ กล้อง และการใช้งานจริงของ MX5 กันบ้างดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ

**บอกไว้ก่อนเลยว่าเครื่องที่ได้มารีวิวนั้นมาพร้อมกับ Flyme OS 4 แต่ว่ามีบั๊คเยอะมาก เลยทำการลง Flyme OS 5.5.12.22 beta ไป และรู้สึกว่าดีขึ้นและลื่นขึ้น สำหรับในส่วนของ User Interface (UI) ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย ใครที่เปิดมาแล้วเห็น UI เป็นอีกแบบนึงก็ไม่ต้องตกใจไปครับ**

เรามาเริ่มดูกันที่สเปคของเจ้า Meizu MX5 กันก่อนเลยครับ

  • OS: Android 5.1 with Flyme OS 5

  • หน้าจอ: AMOLED 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล

  • CPU: MediaTek Helio X10 Turbo (MT6795) Octa-core 2.2GHz 64-bit

  • GPU: PowerVR G6200

  • RAM: 3 GB Dual Channel LPDDR3

  • หน่วยความจำภายใน: 16/32/64 GB

  • กล้องหลัง: 20.7 ล้านพิกเซล Sony IMX220 f/2.2 พร้อม LED flash และ Laser Autofocus

  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล f/2.0

  • คุณสมบัติพิเศษ: mTouch 2.0 Figerprint Sensor

  • SIM: Dual SIM แบบ NanoSIM (dual standby) รองรับ 4G LTE

  • การเชื่อมต่อ:

    • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac

    • Bluetooth 4.1

    • micro-USB 2.0

    • GPS, GLONASS

  • แบตเตอรี่: 3,150 มิลลิแอมป์ (ถอดเปลี่ยนไม่ได้) รองรับระบบ mCharge

  • สัดส่วน: 149.9 x 74.7 x 7.6 มม.

  • น้ำหนัก: 149 กรัม

เครื่องที่ได้มารีวิวนี้เป็นรุ่นที่มีหน่วยความจำภายในแค่ 16GB เท่านั้น ส่วนรุ่นที่ขายผ่าน Lazada จะเป็นรุ่น 32GB แต่ว่าสเปคอย่างอื่นก็เหมือนกันหมดนะครับ

 

หน้าจอ

หน้าจอของ Meizu MX5 นั้นใช้หน้าจอแบบ AMOLED โดยจะมีขนาดอยู่ที่ 5.5 นิ้ว และมีความละเอียดเป็น Full HD 1080 x 1920พิกเซล (~401) ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานหน้าจอ AMOLED ก็จะได้สีสันที่ฉูดฉาด และสีดำที่ดำสนิท อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแล้วแต่คนชอบว่าชอบหน้าจอแบบไหน ส่วนความละเอียดแบบ Full HD ก็ละเอียดพอแล้วครับ มองไม่เห็นพิกเซลแน่นอน

MX5 นั้นรองรับการใช้งาน multi-touch ได้ถึง 10 นิ้ว

 

ประสิทธิภาพ

ชิปที่ใช้ขับเคลื่อน MX5 จะเป็นชิปเรือธง(ในตอนนี้)ของทางฝั่ง MediaTek ซึ่งก็คือ MediaTek Helio X10 และมาพร้อมกับ RAM 3GB ทำให้การใช้งานทั่วไปนั้นถือว่าลื่นไหล แต่เวลาเล่นเกมก็แอบมีกระตุกบ้างเป็นบางจังหวะ โดยได้ทำการทดสอบเล่นเกม Asphalt 8 ก็รู้สึกว่าใช้เวลาในการโหลดเกมอยู่พอสมควร และเล่นไปได้ซักพักเครื่องก็เริ่มร้อน แต่ไม่ได้ร้อนจนไม่สามารถถือได้นะ

สำหรับผล benchmark ของ MX5 ก็ถูกทดสอบโดยแอพยอดนิยม 4 แอพ เช่นเคย โดยจะมี AnTuTu, 3D Mark, GeekBench, และ AndroBench ซึ่งก็ได้ผลดังนี้

 

แบตเตอรี่

ด้วยความที่ Meizu MX5 นั้นใช้หน้าจอความละเอียดเพียงแค่ Full HD 1080p ทำให้แบตเตอรี่นั้นสามารถอยู่ได้นานพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับข้ามวัน ข้ามคืน จากการใช้งานจริงก็รู้สึกว่าจะสามารถได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ซึ่งก็ถือว่าโอเคเลย และการใช้งานหน้าจอก็อยู่ได้ตั้งแต่ 4-4:30 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน

นอกจากนี้ MX5 ยังมาพร้อมกับระบบ mCharge ที่สามารถชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ซึ่งจากที่ลองชาร์จดูจาก 0-100% นั้นใช้เวลาประมาณ 60-70 นาที 

 

กล้อง

กล้องหลังของ MX5 มีความละเอียดอยู่ที่ 20.7ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX220 รูรับแสง f/2.2 พร้อมทั้งยังมี laser autofocus ซึ่งช่วยในการโฟกัสได้เร็วขึ้น และไฟแฟลช dual-tone

ซอฟท์แวร์ของกล้องนั้นเรียบง่าย โดยมีโหมดให้เราสามารถเลือกใช้งานได้หลายโหมดอยู่เหมือนกัน อย่าง manual, macro, GIF เป็นต้น แถมยังมี filter สำหรับคนชอบแต่งรูปอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายวิดีโอขนาด 4K ที่ 30fps และถ่าย slow motion ที่ 100fps ได้อีกด้วย

ในส่วนของโหมด manual นั้น เราสามารถที่จะเลือกปรับได้ทั้ง speed shutter, ISO, focus, exposure, saturation, contrast, และ white balance ที่ให้เราปรับได้ตามใจชอบเลย

ด้านล่างนี้จะเป็นภาพตัวอย่างจากกล้องหลังของ MX5

ส่วนกล้องหน้าของ MX5 มีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง f/2.0 นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับโหมด beauty ที่สาวๆ อาจจะชอบ เพราะสามารถทำให้ตาโต หน้าเรียว หน้าใส ผิวขาว ได้ ด้านล่างก็จะเป็นภาพตัวอย่างจากกล้องหน้า ทั้งโหมดธรรมดาและโหมด beauty ครับ

 

ซอฟท์แวร์

อย่างที่ได้บอกไปตอนแรกเลย MX5 เครื่องที่รีวิวนี้ได้ทำการลง Flyme OS เวอร์ชั่น 5 ไป ทำให้ UI นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เล็กน้อย โดย Flyme OS 5 นั้นเป็น OS ที่ครอบ Android 5.1 อีกที และบอกไว้อีกนิดว่าไม่มี Google Play Services นะครับ ต้องลงเอาเอง

โดยวิธีการลงก็ง่ายมากๆ เพียงแค่เข้าไปที่ App Store ของ Meizu และทำการค้นหาแอพที่ชื่อว่า Google Installer แล้วก็ลงซะ เมื่อลงเสร็จก็เข้าไปในแอพและดาวน์โหลดส่วนที่เหลือ ซึ่งก็จะได้ Google Settings และ Play Store มา พร้อมกับ Google Play Services ด้วย แต่หลังจากที่เราทำการ sign in เข้าบัญชี Google ของเรา ให้ทำการ remove account หนึ่งที แล้ว sign in ใหม่ ไม่งั้นจะไม่สามารถที่จะดาวน์โหลแอพจาก Play Store ได้นะครับ

mTouch 2.0

สมาร์ทโฟนของ Meizu นั้นจะมีเอกลักษณ์ในเรื่องของปุ่มกด ถ้าใครไม่เคยสัมผัสกับสมาร์ทโฟนของ Meizu มาก่อนอาจจะงงได้นะครับ โดยปุ่มนั้นมีชื่อว่า mTouch และเวอร์ชั่นที่ใส่มากับ MX5 นั้นเป็นเวอร์ชั่น mTouch 2.0 ที่มาพร้อมกับตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย ซึ่งตัวสแกนลายนิ้วมือนั้นถือว่าทำงานได้ค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว แต่บางทีก็ต้องลองหลายครั้งอยู่เหมือนกัน

บางคนดูแล้วอาจจะมองหาปุ่ม back กับ ปุ่ม recent apps โดยการใช้งานปุ่ม back เราก็เพียงแค่แตะปุ่ม home หนึ่งที(ไม่ใช่กดนะ) ส่วนการใช้งาน recent apps ก็เพียงลากจากด้านข้างของปุ่ม home ขึ้นมา ซึ่งเราสามารถลากได้ทั้งสองข้างเลย

Homescreen

ส่วน launcher ของ MX5 จะเป็นเหมือนกับสมาร์ทโฟนจากจีนยี่ห้ออื่นๆ นั่นก็คือไม่มี app drawer ทุกแอพที่ลงจะอยู่ในหน้า home screen หมดเลย เราต้องมานั่งจัดหน้ากันเอาเองนะ

Notification

แถบการแจ้งเตือนนั้นจะเป็นแบบเต็มจอ คือลากลงมาแล้วบังทุกอย่างหมดเลย ส่วน toggle ต่างๆ ก็มีอย่าง wifi, data, bluetooth เป็นต้น เราสามารถที่จะสลับตำแหน่งของ toggle ได้โดยการกดค้างแล้วลากย้ายตำแหน่ง แต่ว่าเราไม่สามารถที่จะเพิ่มหรือลด toggle เหล่านี้ได้ ส่วนด้านล่างของ toggle ก็เป็นการแจ้งเตือนเหมือนทั่วๆ ไป และด้านบนขวาก็จะเป็นการเข้าเมนูการตั้งค่า

Security

Meizu ได้ทำการใส่แอพ Security มาให้ใน Flyme OS 5 ด้วย ซึ่งแอพ Security นี้ก็เอาไว้สำหรับการกำจัดไฟล์ขยะ หรือจัดการในเรื่องของ RAM และ Permissions ต่างๆ โดยจะมีเมนู

  • Cleaner: กำจัดไฟล์ขยะ

  • Accelerator: จัดการ RAM

  • Data: ควบคุมการใช้งานดาต้า

  • Harassment blocking: บล็อกเบอร์และข้อความแปลกๆ

  • Permissions: การกำหนดการเข้าถึงของแอพต่างๆ

  • Power: เลือกโหมดประหยัดแบตเตอรี่

  • Purify: ลบแอพและไฟล์ที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน

  • Anti-Virus: สแกนไวรัส

Gesture wakeup 

ในส่วนของการใช้งาน Gesture wakeup เมื่อหน้าจอดับอยู่ ก็สามารถทำได้ อย่างเช่น Double-tap เพื่อปลุกหน้าจอ หรือจะใช้การลากนิ้วเป็นตัวอักษรต่างๆ เพื่อเปิดแอพที่เราได้ทำการตั้งไว้ก็ได้เช่นเดียวกัน

สรุป

Meizu MX5 นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งในเรื่องของดีไซน์ วัสดุ และสเปคที่แรงไม่น้อยหน้าใครเลย แถมเมื่อเทียบราคากับสเปคแล้วถือว่าคุ้มค่ามากๆ พร้อมทั้งยังมีตัวสแกนลายนิ้วมือและ laser autfocus พ่วงมาด้วย เรียกได้ว่า Meizu ยัดฟีเจอร์มาเต็ม ไม่มีกั๊ก เล่นซะสมาร์ทโฟนระดับกลางๆ ยี่ห้ออื่นในช่วงราคาเดียวกันต้องเสียวสันหลังกันเลยละ

ถึงแม้ว่า MX5 มาพร้อมกับฟีเจอร์และสเปคจัดเต็มแบบนี้ แต่ก็ยังมีข้อเสียด้วยเหมือนกัน เอาเป็นว่าเรามาทิ้งท้ายกันด้วยการสรุปข้อดี ข้อเสีย ของ Meizu MX5 กันครับ

ข้อดี

  • ตัวสแกนลายนิ้วมือทำงานได้ค่อนข้างเร็ว

  • หน้าจอมีสีสันที่สวยงาม

  • กล้องมีฟีเจอร์ให้เล่นเยอะ คุณภาพของรูปโอเค

  • ราคาดี เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ

ข้อเสีย

  • ไม่มีช่องใส่ microSD

  • เครื่องร้อนไวเมื่อเล่นเกม
  • ปุ่มกดและช่องเสียบซิมยังทำออกไม่ดีเท่าที่ควร

สำหรับผู้ที่สนใจ Meizu MX5 ก็สามารถเข้าไปหาซื้อได้แล้วผ่านทาง Lazada ซึ่งจะเป็นรุ่น 32GB และมีทั้งหมด 3 สี ด้วยกัน สีเงินดำ, สีเงินขาว, และ สีเทา โดยมีราคาอยู่ที่ 10,990 บาท ครับ