เรียกได้ว่านานมากแล้วเหมือนกันนะเนี่ย นับจากที่สมัย Moto ยังเป็น Motorola อยู่ แล้วโดน Google อุปถัมภ์อยู่พักหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ได้เปิดตัวตระกูล X ออกมาอยู่หลายปี จนกระทั่งล่าสุดก็ได้ไปอยู่ในอ้อมกอดของ Lenovo เป็นที่เรียบร้อย และล่าสุดก็ได้เปิดตัวตระกูล Z ขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ก็ได้มาอยู่ในมือของผมเรียบร้อยแล้ววววววว
รูปร่างหน้าตา
อย่างแรกเลยคือตัวเครื่องมีความโค้งมนคล้ายๆกับ Moto X แต่ว่าขอบบนล่างของตัวเครื่องจะโค้งเล็กน้อยด้วยเช่นกัน ดังนั้นอย่าเสียใจไปถ้าคุณไม่สามารถตั้งเครื่องในแนวนอนหรือแนวตั้งได้
ด้านล่างของข้างหน้าตัวเครื่องจะมีไมค์ 2 ตัว, เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (IR Sensor น่ะแหละ) และ Fingerprint Scanner
ข้างบนของด้านหน้าตัวเครื่องจะมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash, Proximity, Ambient Light และลำโพง
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องไมโครโฟนอีก 1 ตัว และช่องใส่ซิม มีลายขีดพาดบนนี้อยู่หนึ่งเส้น สำหรับเสาอากาศ
ด้านล่างของตัวเครื่องมีแค่ช่อง USB-C เพราะตัดช่องหูฟัง 3.5mm ออกไปแล้ว
ด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม Power และ Volume Up/Down โดยที่ Moto Z จะย้าย Volume Up/Down ไปอยู่เหนือปุ่ม Power แทน (เรียงจากบนลงล่างจะเป็น Volume Up, Volume Down และ Power)
ไม่มีอะไรอยู่ที่งด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวเครื่อง มีแต่ขอบเรียบๆเท่านั้น
ตัวเครื่องด้านหลังจะมีความมันวาวและมีลายพาดขวางในแนวนอนและโลโก้ Moto ที่สังเกตเห็นได้ยากนิดหน่อย และจุดเด่นที่ด้านหลังของตัวเครื่องก็คือกล้องที่นูนออกมา และขั้วทองแดงมากมายที่อยู่บริเวณข้างล่าง
มือถือทุกวันนี้ออกแบบให้บางมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายก็จะติดเรื่องกล้องยื่นนี่แหละ เพื่อให้สามารถใส่เซ็นเซอร์ภาพและเลนส์คุณภาพดีๆได้ จึงทำให้ Moto Z มีกล้องที่นูนขึ้นมาอย่างที่เห็น อาจจะรู้สึกว่ามันนูนมากก็จริง แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเครื่องที่บางมากๆนั่นเอง
ตัวเครื่องมาในรูปแบบที่บางเฉียบ จะเรียกว่าบางโคตรก็ว่าได้ เพราะส่วนที่บางที่สุดของตัวเครื่องคือ 5.19 mm ซึ่งก็คือตัวเครื่องเกือบทั้งหมดนั่นแหละ มีแค่ตัวกล้องที่นูนขึ้นมาเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อได้จับตัวเครื่องก็จะรู้สึกได้ถึงความบางพิเศษ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บางที่สุดในโลกก็เถอะ แต่มันบางมากๆเลยนะ!!!
เมื่อเทียบกับ Moto X Style ที่เป็น Flagship ในปีที่แล้วก็ต้องบอกเลยว่าแตกต่างกันพอสมควร ทั้งขนาดตัวเครื่อง ความหนา และน้ำหนักของตัวเครื่อง สามารถเห็นได้ชัดมากเมื่อเอามาเทียบคู่กัน
ตัวเครื่องรองรับ Dual SIM หรือ SIM + microSD Card เป็นทางเลือกตามความต้องการของผู้ใช้
คุณสมบัติโดยรวม
- Codename : Griffin
- OS : Android 6.0.1 Marshmallow
- CPU
- เทคโนโลยี Motorola Mobile Computing System
- Qualcomm MSM8996 Snapdragon 820 (Kryo)
- รองรับ 64-bit
- Quad-core ความเร็ว 1.8GHz (ทำงานได้ต่ำสุดที่ 307Mhz)
- หน่วยประมวลผลสำหรับ Natural Language
- หน่วยประมวลผลสำหรับ Contextual Computing
- GPU
- Qualcomm Adreno 530
- ความเร็ว 624 MHz
- รองรับ OpenGL ES 3.1
- รองรับ DirectX 11.1
- รองรับ Vulkan
- Display
- หน้าจอแสดงผล AMOLED
- ความกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2,560×1,440 พิกเซล (~535PPI)
- กระจก Corning Corilla Glass 4
- สัดส่วนพื้นที่หน้าจอต่อพื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่อง ~72%
- Multitouch 10 จุด
- RAM : 4GB LPDDR4 (มีให้ใช้งานจริง 3.7GB)
- ROM
- 32GB/64GB UFS
- รองรับ microSD Card สูงสุด 2TB
- Network
- Nano SIM รองรับ Dual SIM (เลือกระหว่าง SIM + microSD กับ SIM + SIM)
- 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
- 3G : HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100
- 4G : LTE Band 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 7 / 13
- HSPA 42.2/5.76 Mbps และ LTE Cat9 450/50 Mbps
- ยังไม่ชัวว่าของไทยจะเป็นโมเดลนี้หรือไม่
- Camera
- ความละเอียด 13 MP (4,160×3,120 px)
- รูรับแสง f/1.8
- ระบบกันสั่น (OIS)
- Laser Autofocus
- Dual LED Flash (Color Correlated Temperature)
- Zero Shutter Lag
- ใช้เซ็นเซอร์ที่มีพิกเซลไมครอนขนาด 1.12um
- 8x Digital Zoom
- รองรับการบันทึกวีดีโอ 4K@30fps, 1080p@60fps
- รองรับการบันทึกวีดีโอแบบ Slow Motion ที่ความละเอียด 720p@120fps
- รองรับ HDR ขณะถ่ายวีดีโอ
- รองรับการถ่ายภาพแบบ Manual
- รองรับไฟล์ RAW
- ความละเอียด 5 MP (2,592×1,944 px)
- รูรับแสง f/2.2
- เลนส์มุมกว้าง (Wide-angle)
- LED Flash
- ใช้เซ็นเซอร์ที่มีพิกเซลไมครอนขนาด 1.4um
- รองรับการบันทึกวีดีโอ 1080p@30fps
- รองรับการบันทึกวีดีโอแบบ Slow Motion ที่ความละเอียด 720p@120fps
- มี Beauty Mode
- รองรับการถ่ายภาพแบบ Manual
- รองรับไฟล์ RAW
- กล้องหลัง
- กล้องหน้า
- Audio
- ลำโพงด้านหน้าตัวเดียว
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm แต่มีสายแปลง USB-C เป็น 3.5mm แถมมาให้
- Battery
- Li-ion ความจุ 2,600 mAh
- รองรับการชาร์จแบบ TurboPower
- ไม่รองรับ Wireless Charging ในตัว แต่สามารถซื้ออุปกรณ์เสริม (Moto Mods) ที่รองรับ Wireless Charging มาใช้งานได้
- ถอดเปลี่ยนแบตในเครื่องไม่ได้
- Sensor
- Accelerometer
- Gyroscope
- Ambient Light
- Magnetometer
- Proximity
- IR Gesture
- Fingerprint Scanner
- Weight : 136 กรัม
- Dimension : 153.3×75.3×5.19 มม
- Other
- WiFi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4 GHz + 5 GHz with MIMO
- Bluetooth 4.1
- รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม Moto Mods
- เชื่อมต่อสาย USB ผ่านช่อง USB-C
- รองรับ OTG
- มี NFC
- มี GPS และ GLONASS
- ไมโครโฟน 4 ตัว
Moto Mods อุปกรณ์เสริม เพิ่มนิยามใหม่ของสมาร์ทโฟน
จุดเด่นหลักของ Moto Z ก็คือตัวเครื่องสามารถต่อกับอุปกรณ์เสริมเฉพาะหรือที่เรียกว่า Moto Mods ได้ ซึ่งตัวเครื่องได้ออกแบบมาให้มีขั้วคอนแทคอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง
โดย Moto Mods ก็จะถูกสร้างขึ้นจากผู้ผลิตเจ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Incipio, Pico, JBL, Hasselblad และเจ้าอื่นๆอีกในอนาคต (ถ้ามี) ที่จะมีผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับ Moto Z โดยขายแยกต่างหาก ซึ่งในตอนนี้ก็มี
- Moto Style Shells : ฝาหลังสำหรับประกบกับตัวเครื่องที่สามารถเลือกลวดลายต่างๆได้ และเป็นเหมือนฝาปิดป้องกันขั้วคอนแทค
- Moto Insta-Share Projector : โปรเจคเตอร์สำหรับฉายฝาผนังที่จะช่วยให้สามารถนำภาพหน้าจอบน Moto Z ไปฉายผ่านโปรเจคเตอร์ได้ทันที มีแบตในตัว สามารถปรับค่าต่างๆได้เช่น โฟกัส ความเอียง ความสว่าง
- Incipo offGrid Power Pack : แบตเตอรีสำรองความจุ 2,220 mAh ที่ทำให้ Moto Z สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น และสามารถชาร์จผ่าน Wireless Charging ได้ด้วย
- JBL SoundBoost | Speaker : ลำโพงเสริมที่จะช่วยให้ดูหนังฟังเพลงด้วยเสียงจากลำโพง Stereo ที่เต็มอรรถรส และมีแบตในตัวเองด้วย
- Hasselblad True Zoom : อุปกรณ์เสริมที่จะเปลี่ยนให้ Moto Z กลายเป็นกล้องโปรสุดเทพด้วยชุดเซ็นเซอร์ภาพและเลนส์ในตัว รองรับ Optical Zoom 10 เท่า, มี Xenon Flash ในตัว, มีระบบกันสั่น OIS (ภาพนิ่ง) และ EIS (ภาพวีดีโอ) และปรับรูปแบบการถ่ายภาพได้แบบ Manual โดยที่ทั้งหมดนี้ยังทำงานอยู่บน Moto Z
Moto Mods แต่ละตัวก็แอบทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกันนะ
และสำหรับ Moto Style Shells จะมีให้มาในกล่องแล้วหนึ่งชิ้น (สามารถซื้อเพิ่มเพื่อเปลี่ยนไปมาเพิ่มสีสันในชีวิตได้) เพราะว่า Moto Z เป็นมือถือที่บางมากสำหรีบใครหลายๆคน ดังนั้นบางคนอาจจะไม่ชอบเพราะว่าถือไม่ถนัด ซึ่งเจ้า Moto Style Shells นี่แหละที่จะมาแก้ไขปัญหานี้
เพราะมันเป็นแผ่นฝาหลังที่มีความหนาอยู่นิดหน่อยเพื่อให้ประกบกับ Moto Z แล้วตัวเครื่องมีความหนาที่ผู้ใช้สามารถถือได้ง่าย สะดวก และเหมาะมือ
และที่น่าประทับใจโคตรๆก็คือความหนาของฝาหลังจะมีขนาดพอดีกับความหนาของกล้องหลังเป๊ะๆเลยล่ะ เพราะงั้นหมดปัญหาเรื่องกล้องนูนแน่นอน แค่เพียงใช้ Moto Style Shells!!!
แต่ข้อเสียของ Moto Style Shells ก็คือตัววัสดุไม่ค่อยให้ความรู้สึกหรูหราหรือสวยงามซักเท่าไรนัก (ทั้งๆที่ราคาก็ไม่ได้ถูกมากนัก) ผิวเปื้อนรอยนิ้วมือได้ง่าย และดูไม่ค่อยสวยเวลาสะท้อนกับแสง
และได้ลองกับ Moto Insta-Share Projector ด้วย เรียกว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่สร้างความแปลกใหม่ได้ไม่น้อย (เพราะสมัย Samsung Galaxy Beam เมื่อก่อนมันไม่ค่อยว้าวซักเท่าไร…)
ตัวโปรเจคเตอร์มีแบตในตัว จึงไม่ต้องกังวลว่าแบตมือถือจะหมดเพราะฉายโปรเจคเตอร์ และสามารถเสียบใช้งานได้ทันที มีปุ่ม Power ในตัวรวมไปถึงตัวปรับโฟกัส ส่วนการปรับอย่างอื่นจะปรับจากแอพบนมือถือ (และมีพัดลมระบายความร้อนในตัวด้วย….)
ที่ผมชอบมากๆก็คือมันสามารถปิดหน้าจอมือถือในขณะที่ฉายภาพบนโปรเจคเตอร์ได้อยู่ด้วยล่ะ แต่ว่าตัวมันไม่มีลำโพงนะ ต้องใช้ลำโพงจากตัวมือถือแทน (ซึ่งต่อพร้อมกับลำโพงของ JBL ที่เป็น Moto Mods ก็ไม่ได้ด้วย)
Moto Mods จะติดกับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็ก ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดง่าย เพราะจากที่ได้ลองแล้วบอกเลยว่าไม่ต้องห่วงครับ มันไม่หลุดแน่นอน เพราะถ้าจะถอดออกก็ต้องเอานิ้วแงะถึงจะออก
สำหรับ Moto Mods ขอเล่าคร่าวๆไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ไว้เดี๋ยวผมจะเจาะลึกเรื่องนี้ในทีหลัง (ไม่งั้นรีวิวนี้จะยืดยาวเกินไป)
หน้าจอคล้ายแบบเดิม เพิ่มเติมคือกลับมาใช้ AMOLED อีกครั้ง
นับจากตระกูล X แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Moto X 1st หรือ 2nd Gen ก็ได้เลือกใช้หน้าจอแสดงผลเป็น AMOLED มาตลอด แต่ในรุ่น X Play และ X Style นั้นกลับเปลี่ยนไปใช้เป็น LCD แทน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้ก็ได้กลับมาใช้เป็น AMOLED อีกครั้ง
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าหน้าจอ AMOLED นี่แหละเหมาะกับ Moto ที่สุดแล้ว หน้าจอ AMOLED เหมาะสมกับฟีเจอร์ Moto Display มากที่สุด เพราะกินแบตน้อยมากเมื่อหน้าจอแสดงผลสีดำ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมชอบมากๆ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องหน้าจอเบิร์นไว (แต่ก็ประมาณ 1 ปี ขึ้นไปน่ะแหละ ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย) และสีสันสดใสเกินไปสำหรับใครหลายๆคน
และเมื่อใช้หน้าจอ AMOLED จึงหายห่วงเรื่องการแสดงผลในที่ๆมีแดดแรงได้เลย ไม่ถึงกับสว่างสดใสหรอก แต่ก็สามารถเห็นภาพบนหน้าจอได้สบายๆ
และที่สำคัญคือสามารถแสดงผลในที่มืดได้โดยที่หน้าจอไม่สว่างจนเกินไป ในขณะที่หน้าจอส่วนใหญ่มองข้ามจุดนี้ไป
โดย Moto Z จะมาพร้อมกับหน้าจอกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2,560 x 1,440 พิกเซล (Quad HD) และใช้กระจกเป็น Corning Corilla Glass 4
และถ้าสังเกตดีๆก็จะพบว่าการแสดงผลของ Moto Z จะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆที่มีขนาดและความละเอียดหน้าจอที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเทียบกับ Moto X Style หรือ Samsung Galaxy Note 5 ก็ตาม จะสังเกตเห็นได้ว่าตัวหนังสือบน Moto Z จะใหญ่กว่าเครื่องอื่นๆเล็กน้อย
Geek Alert ทั้งนี้ก็เพราะว่าผู้พัฒนา Firmware ของ Moto Z กำหนดให้ตัวเครื่องมีค่า Density เท่ากับ XXXHDPI ในขณะที่รุ่นอื่นๆจะกำหนดเป็น 560DPI กัน ซึ่งผู้อ่านไม่ต้องไปเข้าใจมันหรอกครับ แต่ผลที่เกิดขึ้นคือเวลาที่แอนดรอยด์มันมองเป็นหน่วย DP (หน้าจอเป็นหน่วย PX ก็จริง แต่นักพัฒนาแอพใช้หน่วย DP ในการออกแบบแอพ) จากปกติที่จะเป็น 731x411dp ก็จะกลายเป็น 640×360 dp แทน
ถ้าถามว่ามีข้อเสียมั้ย บอกเลยว่าไม่มีหรอกครับ จริงๆแล้วนักพัฒนาแฮปปี้ด้วยซ้ำ เพราะขนาด 640×360 dp คือขนาดหน้าจอของมือถือที่หน้าจอต่ำกว่า 5.5 ลงไปครับ ไม่ว่าจะเป็นพวก HD, FHD หรืออื่นๆ ทุกตัว ไม่ว่าจะกี่นิ้วก็ตาม ก็จะนั่นหมายความว่าแอพที่แสดงบนหน้าจอ Moto X ก็จะมีขนาดเท่ากับรุ่นอื่นๆไม่ว่าจะเป็น Nexus 5 หรือ Samsung Galaxy S6 ที่เป็นหน้าจอขนาดทั่วๆไป
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ข้ามๆมันไปเถอะนะครับ…
ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นปัญหาหรือป่าว เพราะข้อดีของมันก็คือคนที่ชอบตัวหนังสือใหญ่ๆจะแฮปปี้มากๆ เห็นชัดเจนดี ส่วนคนที่รู้สึกว่าใหญ่ไปก็สามารถปรับให้เป็นตัวหนังสือขนาดเล็กได้โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันเล็กจนเกินไป (Settings > Display > Font Size)
นอกจากนี้ขอบจอจะหนากว่า Moto X Style ซึ่งจะลดปัญหานิ้วไปแตะโดนขอบจอโดยไม่ได้ตั้งใจ (ขอบจอบางไปก็ไม่ดีหรอก…) และดูเหมือนว่าบน Moto Z จะช่วยกันไม่ให้เราเผลอแตะโดนขอบจอได้อีกด้วย
เร็ว แรง ไหลลื่นด้วยพลังของ Snapdragon 820
ด้วยประสิทธิภาพของ Snapdragon 820 บวกกับ Adreno 530 จึงมั่นใจได้เลยว่า Moto Z จะทำงานได้งานไหลลื่น ไม่ต้องกลัวสะดุดไม่ว่าจะเล่นเกมหรือดูหนังฟังเพลง
จากที่ผมทดลองใช้งานอยู่หนึ่งสัปดาห์เต็มๆบวกกับ Sync ข้อมูลทุกอย่างจากมือถืออีกเครื่องมาลงใน Moto Z ทั้งหมดเพื่อทดสอบการทำงาน ก็พบว่ายังคงทำงานได้ดีและไหลลื่นอยู่ตลอดเวลา (ถ้าไม่นับตอนที่ใช้แอพที่โหลดหนักๆพร้อมกันจริงๆ)
เกมที่ใช้ประสิทธิภาพสูงแค่ไหนก็คงไม่มีปัญหาเวลาเล่นบน Moto Z ถึงแม้ว่าช่วงนี้ผมจะเล่นเกมอยู่แค่ไม่กี่เกมเท่านั้น แต่หนึ่งในนั้นก็คือเกม Mobius Final Fantasy ที่มีกราฟฟิคสุดยอด (ปนโหดร้ายสำหรับหลายๆเครื่อง) ก็เล่นได้ไหลลื่นบน Moto Z ถึงแม้ว่าจะปรับเป็น High Quality แล้วก็ตาม
ลองดูภาพเต็มๆได้ที่ http://imgur.com/a/JujHl เลย
แต่เพื่อให้เป็นไปตามธรรมเนียมของการรีวิวมือถือ ผมก็เลยจัด Benchmark ด้วย AnTuTu, 3DMark, PCMark และ Geekbench ด้วย ซึ่งได้คะแนนออกมาดังนี้
- AnTuTu Benchmark : รวม 145,118 คะแนน
- 3D : 58,150 คะแนน
- UX : 45,760 คะแนน
- CPU : 30,420 คะแนน
- RAM : 10,788 คะแนน
- Geekbench
- Single-Core : 1,694 คะแนน
- Multi-Core : 4,000 คะแนน
- RenderScript : 7,141 คะแนน
- 3D Mark
- Sling Shot using ES 3.1 : 2,481 คะแนน
- PC Mark
- 7,457 คะแนน
ส่วนเรื่องความร้อนก็ร้อนตามความแรงนั่นแหละครับ ฮาๆ จุดศูนย์กลางความร้อนจะอยู่ที่บริเวณช่วงขั้วต่อ Moto Mods ซึ่งเวลาตัวเครื่องร้อนก็ทำให้ความเร็วตกเป็นธรรมดาครับ แต่ถ้าอากาศไม่ร้อนก็ไม่มีปัญหา ใช้งานได้ปกติ แต่ถ้าไปกลางแจ้งก็จะร้อนและกระตุกเป็นบางครั้ง (แต่ก็ไม่หนักเท่า Moto X Style)
ซึ่งผมเคยใช้ทั้ง Note 5 และ Moto X Style มาก่อนและทั้งสองตัวนี้ก็ร้อนตอนใช้งานเป็นธรรมดา ผมจึงรู้สึกเฉยๆ แต่สำหรับผู้ใช้หลายๆคนน่าจะรู้สึกว่าร้อนได้ง่ายและร้อนเกินไปมากกว่า
Pure Android ดั้งเดิม เพิ่มเติมคือแอพของ Moto
สิ่งหนึ่งที่หลายๆคนชอบใน Moto ก็คงจะไม่พ้นความเป็น Pure Android ที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับ Nexus เลย ขึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสาวก Nexus ที่ชื่อชอบใน Pure Android โดยที่ Moto Z จะมีเพิ่มเติมก็แค่แอพต่างๆเพื่อใช้งานกับตัวเครื่องโดยเฉพาะ เช่น Moto Display, Moto Assist, Moto Camera ซึ่งไม่ได้ไปแทนที่ตัว OS เหมือนเจ้าอื่นๆ แต่เป็นแค่เพียงแอพที่ติดตั้งไว้ในเครื่องเท่านั้น
และไม่ใช่แค่ว่าเป็น Pure Android ด้วยนะ แต่ความไวในการอัพเดทเวอร์ชันใหม่ๆก็เช่นกัน เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Moto เลยก็ว่าได้ ซึ่งล่าสุด Android 7.0 Nougat ก็ปล่อยให้ Nexus อัพเดทแล้ว คาดว่า Moto Z ก็คงจะได้อัพเดทตามกันไปอีกไม่นานนี้แน่นอน
แล้วแอพของ Moto อะไรบ้างล่ะ?
Moto Camera
แอพถ่ายภาพประจำ Moto ที่ล่าสุดได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ UI พอสมควร รองรับการถ่ายภาพแบบ Manual ได้แล้ว แต่ยังไม่มีให้เลือกถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW
Moto
เป็นเสมือนแอพสำหรับกำหนดการทำงานของฟีเจอร์ต่างๆใน Moto Z ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Action หรือการสั่งงานด้วยเสียง รวมไปถึง Moto Display ด้วย
ซึ่ง Action เดิมๆอย่างการถือเครื่องแล้วบิดข้อมือซ้ายขวาสองครั้งเพื่อเปิดกล้อง หรือเขย่าด้านข้างเพื่อเปิดแฟลช ยังคงมีอยู่ครบถ้วน
และใน Moto Z ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Shrink Screen เข้ามาด้วย สำหรับใช้งานมือเดียว โดยให้ปัดนิ้วจากแถบ Navigation Bar ขึ้นข้างบน หน้าจอก็จะถูกย่อลงมาประมาณ 70% ของหน้าจอ
การสั่งงานด้วยเสียงก็ยังคงเหมือนเดิมทั้งหมดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนหวือหวา สามารถกำหนด Launch Phrase ได้ตามใจชอบเหมือนเดิม คำสั่งต่างๆก็ถูกรวมเข้ากับการทำงานของ Google Now เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ Moto Display ที่เป็นฟีเจอร์หลักของ Moto ในรุ่นหลังๆก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลเล็กน้อย แต่การใช้งานโดยรวมก็ยังคงเหมือนเดิม คือเมื่อตัวเครื่องตรวจจับได้ว่าเรามีการหยืบเครื่องหรือโบกมือผ่านหน้าจอก็จะแสดงหน้าจอสีขาวดำพร้อมข้อมูล Notification เบื้องต้น เพื่อให้เราดูได้ทันทีโดนไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอหรือเปิดหน้าจอขึ้นมา (จริงๆหลักการมันก็คือเปิดหน้าจอแต่ใช้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสีดำ)
ถึงแม้ว่าหลายๆยี่ห้อ หลายๆรุ่น เริ่มที่จะใส่ฟีเจอร์แบบนี้เข้ามาบ้างแล้ว แต่ Moto Display ก็ยังคงโดดเด่นกว่าตรงที่สามารถ Interact กับหน้าจอ Moto Display ได้ สามารถดูเนื้อหาของ Notification นั้นๆแบบง่ายๆได้เพียงแค่เอานิ้วแตะตรงไอคอน Notification ที่ต้องการ ถ้าอยากเปิดดูต่อก็ให้ลากนิ้วขึ้น แต่ถ้าดูเสร็จแล้วและอยากลบทิ้งก็ปัดนิ้วลง
Moto File Manager
แอพสำหรับเปิดดูข้อมูลในเครื่องนั้นเอง ซึ่งปกติเป็นแอพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในรุ่นเก่าๆ ทำให้ผมต้องไปใช้ File Explorer เจ้าอื่นๆ แต่บน Moto Z นั้นจะมี Moto File Manager แอบซ่อนไว้อยู่ โดยมันจะ Disable ไว้ สามารถเข้าไปเปิด Enable แล้วใช้งานได้เลย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงซ่อนอยู่
จากการลองใช้งานก็พบว่าสามารถใช้ทดแทน File Explorer ได้พอสมควร เพราะมีฟีเจอร์พื้นฐานครบไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟล์ คัดลอก/ย้าย ลบ หรือ Compress ให้เป็นไฟล์ .zip
อื่นๆจิปาภะ
Moto Z นั้นรองรับการกดปุ่ม Power สองครั้งเพื่อเปิดแอพกล้องด้วยนะ แต่ไม่สะดวกเท่ากับการสะบัดตัวเครื่องเพื่อเปิดหรอก ก็เลยไม่น่าจะใช้งานกันซักเท่าไร และก็ยังคงปรับความสดของหน้าจอได้สองระดับด้วยกัน เผื่อใครรู้สึกว่าหน้าจอสดเกินไป
ก็นั่นล่ะครับ แอพของ Moto ที่พ่วงมากับเครื่องในตอนแรก เรียกได้ว่าแทบจะไม่กี่ตัวเองเนอะ เลยเป็นที่มาว่าทำไม Moto Z ถึงให้ประสบการณ์ของ Pure Android ได้อย่างเต็มที่ไม่แพ้ Nexus
สแกนลายนิ้วมือได้ซะที
หลังจากที่เปิดตัวตระกูล X ตัวล่าสุดไป จุดด้อยอย่างหนึ่งของรุ่นนั้นก็คือยังไม่มี Fingerprint Scanner ทั้งๆที่หลายๆเจ้าต่างพากันใส่มาให้หมดแล้ว ซึ่งล่าสุด Moto Z ก็ได้ใส่มาให้เสียที
แต่ก็น่าจะขัดใจหลายๆคนอยู่พอสมควรตรงที่ดันใส่ไว้ที่ข้างล่างของด้านหน้าตัวเครื่อง ซึ่งทำให้พื้นที่ข้างล่างของตัวเครื่องต้องขยายให้มีพื้นที่พอสำหรับใส่ Fingerprint Scanner ได้ ส่วนหนึ่งที่ต้องแปะไว้ตรงนั้นก็คงเพราะเรื่อง Moto Mods นั่นแหละ ที่ทำให้ไม่สามารถเอา Fingerprint Scanner ไปไว้ด้านหลังตัวเครื่องได้ ไม่งั้นจะโดน Mods ตัวอื่นๆปิดทับไป
ส่วนเรื่องความเร็วในการสแกนนั้นไม่ทำให้ผิดหวังครับ เพราะสแกนได้ไวมาก จากเดิมที่เคยใช้ Note 5 ก็รู้สึกว่า Note 5 ตอนนั้นเร็วมากพอแล้ว แต่พอมาลองบน Moto Z ก็พบว่ามันเร็วกว่าแฮะ
และเพื่อไม่ให้เสียเปล่า Moto Z จึงสามารถแตะที่ Fingerprint Scanner เพื่อปิด/เปิดหน้าจอได้เลย ถ้าหน้าจอปิดอยู่ก็จะเป็นการปลดล็อคหน้าจอแล้วเปิดขึ้นมาทันที และถ้าแตะในขณะที่เปิดหน้าจออยู่ก็จะเป็นการปิดหน้าจอทันที จึงทำให้แทบไม่ต้องแตะปุ่ม Power เลย
การปลดล็อคหน้าจอจะต้องใช้นิ้วที่เคยลงทะเบียนไว้กับตัวเครื่องเท่านั้น แต่ถ้าปิดหน้าจอสามารถใช้นิ้วอะไรก็ได้แตะ (แขนไปโดนมันก็ยังนับเลย เอ้า!)
รองรับ Spotlight Stories แล้ววววว
นอกเรื่องนิดหน่อย แต่ Moto Z รองรับแอพ Spotlight Stories ด้วยล่ะ ที่เดิมเคยมีปัญหากับ Moto X Style และ Nexus 5X ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งแอพที่ว่านี้เป็นต้นกำเนิดของ VR เลยก็ว่าได้ โดยมีใส่มาตั้งแต่สมัย Moto X 1st Gen ที่ภายหลังถูกแยกออกมาเป็นโปรเจคของ Google และกลายเป็นแอพตัวนี้ขึ้นมา (แต่ดูเหมือนว่าโปรเจคจะเงียบไปแล้วล่ะ)
เคลือบสารกันน้ำตามสไตล์ของ Moto
เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของ Moto เลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะไม่ได้ประกาศว่ากันน้ำกันฝุ่น แต่ว่าวงจรข้างในตัวเครื่องถูกเคลือบด้วยสารกันน้ำอยู่แล้ว เพื่อช่วยป้องกันความเสียหายเวลาที่น้ำเข้าเครื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่ผมชอบมาก
แต่ก็ต้องขอเตือนก่อนไว้ว่าการเคลือบสารกันน้ำไม่ได้หมายความว่าเอาเครื่องไปแช่น้ำเล่นได้นะครับ เพราะมันทำมาสำหรับน้ำที่กระเด็นโดนตัวเครื่องเท่านั้น ไม่ได้ถึงกับเอาไปแช่น้ำได้เลย
กล้องเค้าว่าเทพกว่าเดิมเยอะเลยล่ะ
สำหรับกล้องหลังความละเอียด 13MP เป็นอะไรที่กำลังพอดี ไฟล์ไม่ใหญ่เกินไป และขนาดภาพก็ไม่เล็กเกินไป จากเดิมที่ Moto X Style มาพร้อมกับกล้องหลัง 21MP จึงทำให้ Memory ในเครื่องทำงานหนักตอนที่เปิดแอพกล้อง ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ แอพที่เปิดก่อนหน้านจะถูกเคลียร์ Memory ไปอย่างง่ายๆ ดังนั้นสำหรับ Moto Z แล้ว 13MP บวกกับ RAM 4GB จึงเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆในมุมมองของผม
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญก็คงจะเป็นกล้องที่ใส่ OIS (ระบบกันสั่น) กับ Laser Auto Focus เข้ามา และในที่สุดก็รองรับการภ่ายภาพแบบ Manual และไฟล์ RAW ซะที (เพราะ Moto X Style ทำไม่ได้) ซึ่งทำให้การถ่ายภาพบน Moto Z มีสีสันมากขึ้น
แอพกล้องที่มากับตัวเครื่องสามารถตั้งค่าการถ่ายภาพแบบ Manual ได้เลย แต่ไม่สามารถบันทึกภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ ซึ่งต้องหาแอพถ่ายภาพตัวอื่นๆที่รองรับมาใช้งานแทน (ผมใช้ Manual Camera)
ถ้าให้เทียบกับรุ่นก่อนหน้าบอกเลยว่าลดความละเอียดจาก 21MP มากลายเป็น 13MP เป็นเรื่องดีมาก แถมความคมชัดและสีของภาพที่ได้นั้นออกมาดีกว่า Moto X Style เสียอีก (ก็ควรจะเป็นแบบนั้นเนอะ)
เรื่องน่าเศร้าอย่างหนึ่งในกล้องหลังของ Moto Z คือเปิดหน้ากล้องได้สูงสุดแค่ 0.6 วินาทีเท่านั้น (ลองเช็คจากตัวเครื่องโดยตรงแล้ว) จึงอดถ่ายภาพแบบ Light Trails ไปโดยปริยาย
การเปิดหน้ากล้องด้วยแอพ Camera ของ Moto นั้นจะเป็นการเปิดหน้ากล้องไว้ตลอดเวลาที่ Preview และเมื่อผู้ใช้แตะบนหน้าจอจะเป็นการถ่ายภาพทันทีโดยไม่ต้องรอ
แอพทุกตัวก็เป็นแบบนี้เช่นกัน (แอพที่ปรับระยะเวลาในการเปิดหน้ากล้องได้)
ส่วนการบันทึกวีดีโอค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะว่ามี OIS เข้ามาช่วยเรื่องภาพสั่นขณะถ่าย เวลาบันทึกวีดีโอบน Moto Z จึงได้ภาพวีดีโอที่ไม่สั่นไปมามากนัก และบันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p ที่ 60fps ได้แล้ว
สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 5MP อันนี้ผมไม่ค่อยได้ลองอะไรมากนัก เพราะไม่ค่อยได้ถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าซักเท่าไร แต่สำหรับ Moto Z ก็ยังเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใส่ LED Flash ไว้ข้างหน้าด้วย เพื่อให้สามารถ Selfie กล้องหน้าพร้อมแสงแฟลชได้ รวมไปถึง Beauty Mode ที่เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์สามัญสำหรับกล้องหน้าไปแล้วล่ะ (ฮาๆ)
และกล้องหน้าก็สามารถถ่ายเป็นไฟล์ RAW และปรับ Manual ได้ด้วยเช่นกัน แต่ปรับค่าได้ไม่เท่ากับกล้องหลัง ซึ่งผมแอบแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติแล้วส่วนมากกล้องหน้าไม่ได้ใส่ฟีเจอร์แบบนี้มาให้กันซักเท่าไร
สำหรับไฟล์ RAW จากตัวกล้อง Moto Z สามารถดาวน์โหลดได้จาก https://goo.gl/DWrJVT ครับ อาจจะมีอยู่ไม่กี่รูป แต่ผมจะทยอยถ่ายเพิ่มมาให้จนกว่าจะสาแก่ใจหรือเอาเครื่องคืน
แบตเตอรี Mixed Usage ได้ในหนึ่งวัน
ถึงแม้ว่าแบตเตอรีของ Moto Z จะลดเหลือ 2,600 mAh เนื่องมาจากตัวเครื่องที่บางเบา (เทียบกับ Moto X Style ที่แบตเตอรีความจุ 3,000 mAh) แต่พอได้ลองใช้งานจริงก็พบว่าสามารถใช้งานได้นานกว่าตอนใช้ Moto X Style อีก รู้สึกว่าใช้งานทั่วๆไปในหนึ่งวันได้โดยไม่ต้องห่วงว่าแบตจะมอดก่อน
จากการทดสอบด้วยการใช้ชีวิตประจำวัน ออกจากห้องไปทำงานตอน 11.30น. (ชีวิตประจำวันจริงๆนะ) ด้วยแบตเตอรีเต็ม 100% ระหว่างการเดินทางก็เปิด Facebook อัพเดทข่าวสาร เช็คเมลล์ อ่าน Medium และเปิดกล้องมาลองถ่ายรูปเป็นบางครั้ง ระหว่างทำงานก็มีการเปิดมือถือดูข่าวสารหรืองานเป็นระยะๆ พอพักเที่ยงก็แอบเล่นเกม Mobius Final Fantasy ซักหน่อย (พอดีแพทช์ Multiplayrer เข้ามาใหม่) บวกกับทดสอบกล้องด้วยการถ่ายภาพแถวๆที่ทำงาน และใช้งานเป็นบางครั้งบางคราวจนถึงตอนเย็นก็ยังไม่ได้กลับห้องในทันที แต่มีเรียนกับกินข้าวตอนดึก กว่าจะกลับถึงห้องก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าๆด้วยแบตเตอรีที่เหลืออยู่ 34%
นี่คือการใช้งานแบบทั่วไปของผมครับ 12 ชั่วโมงครึ่งกับแบตเตอรีที่ลดลงไป 66% โดยที่ตัวเครื่องผมลงแอพทุกตัวที่ผมต้องใช้งานทั้งหมด ไม่ว่าจะ Facebook, Twitter, Line, Google Plus หรือ Slack (ตอน Setup เครอื่งก็แตะ NFC กับเครื่องที่ใช้ประจำอยู่นั่นเอง) ดังนั้นจึงหมดปัญหาว่าผมไม่ค่อยลงแอพหรือป่าว เลยทำให้แบตลดน้อยลงกว่าปกติ
ในกรณีที่ลองเล่นเกมระยะยาวก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สามารถเล่นได้ต่อเนื่องราวๆ 3 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับเกมที่เล่นว่ากินแบตมากน้อยแค่ไหน)
ส่วนการชาร์จแบตเนื่องจากตัวเครื่องที่ได้เป็นเครื่องทดสอบจึงไม่ได้ Moto Turbo Charger มาใช้งาน เวลาชาร์จก็จะชาร์จกับอะแดปเตอร์ของ Aukey ที่สามารถจ่ายไฟสำหรับ Quick Charge ได้ โดยได้ทดสอบชาร์จแบตจาก 0% ไป 100% ก็พบว่าใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 40 นาที หรือก็คือ 1 นาทีจะชาร์จได้ 1% นั่นเอง
Dual SIM หรือจะ SIM+microSD ก็เลือกเอาได้เลย
สำหรับ Dual SIM นั้นแอบประทับใจเล็กน้อยตรงที่ตัวเครื่องสามารถตั้งค่าการใช้งานแต่ละซิมได้สะดวกมาก อยากจะเลือกให้ซิมไหนเป็นซิมหลัก เวลาโทรจะให้เป็นซิมไหน จะส่ง SMS จะให้ส่งด้วยซิมไหน สามารถกำหนดได้หมดเลย
จะเข้าไปตั้งค่าผ่าน Quick Menu ในแถบ Notification ได้ และสามารถสลับได้เลยว่าจะใช้อินเตอร์เน็ตจากซิมตัวไหนดี
เวลาอยากจะรู้ว่าอินเตอร์เน็ตที่ใช้อยู่เป็นของซิมตัวไหนก็ให้ดูที่สัญลักษณ์ 3G/H/4G ตัวไหนที่ใช้งานอยู่จะเป็นสัญลักษณ์สีขาว
อื่นๆ
GPS นำทางได้ดีมาก โดยเฉพาะตอนเล่น Pokemon GO เพราะหายห่วงได้เลยเวลาจับโปเกมอนในขณะที่อยู่บนรถไฟฟ้า ถ้าอากาศโปร่งใสก็สามารถจับตำแหน่งได้ไวมาก
เดี๋ยวนี้วัดคุณภาพของ GPS ด้วยเกม Pokemon GO กันแล้วสินะ..
WiFi รองรับทั้ง 2.4GHz และ 5GHz จากที่ลองใช้งานยังไม่พบเจอปัญหาการเชื่อมต่อหรือสัญญาณเลยนะ
ตำแหน่งปุ่ม Volume เป็นอะไรที่ชวนขัดใจอยู่ไม่น้อย เพราะมือถือส่วนใหญ่จะเอาปุ่ม Volume ไว้ข้างล่างปุ่ม Power แต่สำหรับ Moto Z นั้นกลับเอาปุ่ม Volume ไปไว้อยู่เหนือ Power แทนจึงทำให้ไม่ค่อยชินซักเท่าไรนักกับตำแหน่งปุ่มแบบนี้
และมักจะมีปัญหาเวลาแคปหน้าจอ เพราะต้องกดปุ่ม Power + Volume Down พร้อมๆกัน ซึ่งทั้งสองปุ่มนั้นมันอยู่ใกล้กันมากๆจนรู้สึกว่ากดลำบากนิดหน่อย
ลำโพงหน้าที่ถูกตัดเหลือตัวเดียว เพราะอีกฝั่งต้องใส่ Fingerprint Scanner จึงทำให้รู้สึกว่า Moto Z ด้อยเรื่องเสียงลำโพงโดยทันที แต่ก็สามารถทดแทนได้ด้วย Moto Mods (เสียตังเพิ่ม) และรู้สึกว่าคุณภาพเสียงและความดังจะด้อยกว่าสมัย Moto X Style นะ (ถ้าผมไม่ได้มโนไปเอง)
ช่องหูฟัง 3.5mmที่ขาดหายไป เนื่องจากตัวเครื่องบางเกิน และเปลี่ยนไปใช้ USB-C จึงต้องใช้หัวแปลง USB-C ให้กลายเป็นช่องหูฟัง 3.5mm เอา การใช้หูฟังบลูทูธอาจจะดูเหมือนตอบโจทย์ แต่สายที่ใช้ชาร์จหูฟังบลูทูธส่วนใหญ่ก็ยังเป็น microUSB อยู่ ซึ่งกลายเป็นว่าต้องพกทั้งสาย USB-C กับ microUSB
ข้อดี
- หน้าจอ AMOLED ช่วยประหยัดไฟในการแสดง Moto Display (ถ้าคุณชอบหน้าจอแบบ AMOLED)
- มี Moto Mods อุปกรณ์เสริมสุดเจ๋ง
- เร็วด้วย Snapdragon 820 และลื่นด้วย Pure Android
- แบตเตอรีอยู่ได้นานครบวัน
- เปลี่ยนฝาหลังได้ตามใจชอบ
- เบาและบางมากกกก
- มี LED Flash ข้างหน้า
- RAM เยอะ เหลือใช้มากมาย
- ความละเอียดของกล้องหลังลดลงแต่คุณภาพของภาพที่ได้นั้นดีขึ้น
- มีระบบกันสั่น OIS
- รองรับการถ่ายภาพแบบ Manual (Camera API v2) ทั้งกล้องหน้าและหลัง
- รองรับไฟล์ RAW ทั้งกล้องหน้าและหลัง
- ชาร์จไวทันใจด้วย TurboPower
- รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นด้วย Fingerprint Scanner
- Moto Display เจ๋งสุดในใต้หล้า
- ตัวเครื่องเคลือบสารกันน้ำ
- GPS แม่นมาก
- รองรับทุกเครือข่ายในบ้านเรา
- รองรับ 2 SIM สามารถใช้ 3G/4G ได้ทั้งคู่
ข้อเสีย
- หน้าจอสีสดเกินไป (ถ้าคุณไม่ชอบหน้าจอแบบ AMOLED)
- เปลืองตังกับ Moto Mods
- ตัวเครื่องร้อนง่าย
- เชื่อมต่อผ่านช่อง USB-C ซึ่งตอนนี้สายยังแพงและหาได้ยาก
- ลำโพงเหลือแค่ช่องเดียว
- ไม่มีรูหูฟัง 3.5mm (แต่มีสายแปลงให้)
- ถ้าไม่ใช้สายแปลงก็ต้องหาพวกหูฟังบลูทูธมาใช้แทน
- ตำแหน่งปุ่ม Volume ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน
- Fingerprint Scanner แตะโดนอย่างอื่นที่ไม่ใช่นิ้วง่ายเกิน (แล้วหน้าจอก็ปิด..)
- ขั้วคอนแทคมีโอกาสเสื่อสภาพได้ถ้าไม่ดูแล
- ผิวด้านหลังตัวเครื่องเป็นรอยได้ง่าย
สรุป
ต้องบอกเลยว่า Moto Z นั้นได้รับแรงบันดาลใจจากฝั่ง Lenovo มามากพอสมควร ขนาดเปิดตัวยังเปิดในงาน Lenovo Tech เลย นั่นจึงทำให้ Moto Z มีหน้าตาบางส่วนที่คล้ายคลึงกับของ Lenovo อยู่บ้าง (แต่โลโก้ก็ยังเป็น Moto อยู่นะเออ) ซึ่งสาวก Moto หลายๆคนอาจจะเศร้าโศกหรือเสียใจไปบ้างที่จุดเด่นบางอย่างได้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีอะไรหลายๆอย่างเพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับ Moto Z ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเหล่าอุปกรณ์เสริม Moto Mods ที่น่าจะมาสูบกระเป๋าตังของเราไปไม่น้อย (ฮาๆ)
นี่คือสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ยาวที่สุดในโลก…
ตัวผมเองใช้ Moto X Style เป็นเครื่องประจำ แล้วได้มาลองสัมผัส Moto Z ก็ทำให้รู้สึกว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงจากของเดิมเป็นอย่างมาก อะไรหลายๆอย่างที่เคยขาดไปใน Moto X Style ก็ถูกนำมาเพิ่มเติมใน Moto Z จึงทำให้รู้สึกว่า Moto Z นั้นมีความสมบูรณ์สำหรับการใช้งานในปัจจุบันนี้แล้วล่ะ
และสำหรับประเทศไทยก็จะเปิดให้จองในงาน Thailand Mobile Expo ที่จะถึงนี้ด้วยราคา 23,900 (เห็นว่าเป็นรุ่น 64GB ไม่มีรุ่น 32GB) โดยจะแถม JBL Soundboost กับ Moto Style Shells ที่เป็นลาย Wooden อย่างละ 1 ชิ้นด้วย
ถ้าถามผมว่า Moto Z น่าสนใจแค่ไหน ผมก็คงรู้สึกเฉยๆมากกว่า และบอกแค่ว่า
“ผมขาย Moto X Style กำเงินไว้ในมือเรียบร้อยแล้วครับ…”
ส่วนใครอยากรู้ว่า Moto Mods ทั้งหลายมันสามารถทำอะไรได้บ้าง ไปอ่านต่อได้ที่ รีวิว Moto Mods
ขอราคาด้วยครับ
กลิ่นอาย moto v9 ลอยมาเลยครับ อยากได้ขึ้นมาเลย
ตัวนี้แหละครับ น่าจะทำให้ Lg V20 ดับอนาถแน่นอน ผมว่ามาไทยขายดีแน่ๆ
ขอบคุณครับ ละเอียดดี อยากได้เลย
hTC Desire EYE กับ AIS Lava A2 ก็มีปุ่มปรับเสียงเหนือปุ่ม Power นะครับ
อื้อหืมมมมม ~
กล้องพิกเซลต่ำลงๆ กัน ยกเว้น โซนี่กับเอซุส
ผมว่า Moto มาถูกทางแหละเห็นสมาร์ทโฟนแบบมีโมดูลแบบนี้แล้วอยากให้ ทุกๆแบรนด์ทำจังถึงโมโตจะไม่ใช่แบรนด์แรกที่ผลิตขึ้นเพราะแบรนด์แรกที่ทำคือ LG G5 / G5 SE ตอนนี้อยากเห็น Apple ทำมั้งจัง IPhone Mods IPhone Mods Plus สาธุขอราคาโดนๆน่ะ 2XXXX-26XXX พอ + โมดูลน่ะ ส่วนช่วงแรกขอโปรโมชั้่นแถม JBL Sound Boost
ไม่น่าจะแถม jbl sound boost ได้นะครับเพราะที่ ตปท ขาย 79.99 เหรียญได้มั้ง ถ้าแถมจริงคงแบบจำกัดจำนวนกี่คนแรกประมาณนี้ ส่วนราคาดูแล้วคง 2x,xxx ขึ้นตามที่ต้องการแน่ๆ ครับ ยกเว้นจะทำโปรกับทาง true อาจจะได้ถูกกว่าเพราะเห็นค่ายนี้ชอบทำโปรกับทรู ส่วนฝาหลัง ตปท ทางเว็ป moto เองเปิดราคามา 19.99 ตีค่าเงินไทยถ้าเรท 35 ก็ 750 โดยประมาณเอาแบบกลมๆ นะครับ ดูแล้วมีเสน่ห์แต่ราคา moto mod นี่ไม่ธรรมดาเลยแพงใช้ได้ ยิ่ง mod ที่เป็น projector กับกล้องราคาไป 299.99 เหรียญกันเลย คงอยู่ที่โมโตไทยกล้ากดราคาลงมารึเปล่าเท่านั้นแหละครับ ผมลองไปดูรีวิวของทาง gsmarena แล้วเหมือนแบตไม่อึดเท่าไร ใครอยากดูราคา moto mod ที่ขาย ตปท ก็ลองเข้า link นี้ดูครับ http://www.motorola.com/us/products/moto-mods/moto-style-shell (งานนี้วัดใจโมโตไทยล่ะว่าจะทำตลาดโดยเปิดตัวถูกกว่า ตปท รึเปล่า)
เห็นว่าแถมไม่จำกัดจำนวนนะครับ
แบรนด์แรกที่ทำก็น่าจะ Lenovo เองนี่แหละครับก็คือตัว Lenovo Vibe X2 เมื่อ 2014 ครับ ใช้หลักการเดียวกันเลย ประกบฝาหลังเช่นกัน
ฝันของท่านเป็นจริงแล้วล่ะครับ
เห็นว่าไม่จำกัดจำนวนของแถม JBL ด้วยนะครับ
ฝาหลังไม้จริงมั้ยครับ แล้วหลุดง่ายมั้ย
ปล.จริง ๆ ฝาหลังน่าจะใส่แบตเพิ่มมานิดนึงนะ จะได้มีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย
ไม้นะครับ แต่รู้สึกว่าผิวไม่ค่อยสวยเท่าไร ต้องรอดูลายอื่นๆอีกที และไม่ต้องกลัวหลุดครับยึดติดกับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็ก ขนาดลำโพงของ JBL ที่เป็น Moto Mods ที่หนักๆยังติดแน่นเลยครับ
ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงเอารูเสียบหูฟัง 3.5 mm ออก แทนที่ฉายโปรเจ็คเตอร์แล้วจะเอาไปเสียบกับลำโพงอื่นๆได้ ชอให้มือถือค่ายอื่นๆ อย่าเอาออกนะ สาธุ
ขอรีวิว z play ด้วยได้มั๋ยครับ เอาละเอียดแบบนี้นะครับ
แพงเอาการ
เห็นสเปคและของเล่น พอฟัดพอเหวี่ยงกับหลายค่ายในบ้านเราอยู่ แอบเซอร์ไพรส์ราคาถูกกว่าหลายค่ายด้วย Note 7, Xperia X(Z), Zenfone 3 deluxe, V20? และแน่นอนว่า iPhone 7 ด้วย
หนาหน่อย แบตใหญ่ๆ จะเป็นไรมากมั้ย
เรือธงจะจมเพราะให้แบตมาน้อยทุกที 2600 เอาเข้าจริงมันจะพอแค่แรกๆ ใช้ไปซักพักก็เริ่มไม่พอแล้ว ต่อมาก็พกเพาเวอร์แบ็งค์ รวมๆ ก็หนา+หนักกว่ามือถือระดับกลางที่แบตเยอะๆ อีก ขอเรือรบเลยไม่ได้เหรองัย
อันนี้พก Power Pack ของ Moto Mods แทนครับ 555555
เศร้ากับโมดูลกล้องที่ไม่โดนใจผมแป๊บนึง
ไม่ค่อยชอบ เครื่องบางเกิน
ไม่ชอบ modเสริม น่าจะทำให้ดีๆเสร็จจบในเครื่องเดียวไปเลย
http://www.motorola.com/us/products/moto-z
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Qualcomm_Snapdragon_devices#Snapdragon_820_and_821
ตัว moto-z ตกลง Snapdragon 820 1.8Ghz หรือ 2.2GHz
ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ
1.8GHz ครับ แก้ไขให้แล้วขอโทษด้วยครับ
ผมใช้ Wall charger QC3.0 ของ Aukey แล้วมันไม่ติด Turbo charge อ่ะครับ ไฟวิ่งเข้าได้ไม่ต่างจากตอนที่เอาหัวชาร์ตของ Zenfone2 มาเสียบเลย
น่าจะเป็นที่สาย USB นะครับ สายที่ผมมีอยู่ก็เสียบกับ Aukey ไม่ขึ้นเหมือนกัน เลยไปยืมสายของพี่ในทีมด้วยกันมาลองก็ใช้ได้ปกติครับ
ตอนนี้ราคาลงแล้วในlazadaและshopeeลดล้างสต๊อกเหลือห้าพันกว่า