หลังจาก MSI ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดเครื่องเล่นเกมพกพาที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 เมื่อปีที่แล้ว ต้องยอมรับว่ารุ่นแรกยังไม่ค่อย “เข้าที่เข้าทาง” เท่าไรนัก มีทั้งจุดที่ยังไม่ลงตัว และฟีเจอร์ที่ดูเหมือนจะยังไม่พร้อมใช้งานจริงจังในหลายด้าน แต่ในปีนี้ MSI กลับมาอีกครั้งพร้อมเวอร์ชันใหม่ที่ถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยหยิบเอาชิป Intel Core Ultra 200V (Lunar Lake) รุ่นล่าสุดมาใช้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ชุดแรก ๆ ที่ได้ชิปตัวนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ความแรงของฮาร์ดแวร์ผสานกับการปรับปรุงในทุกมิติ ทำให้เครื่องนี้กลายเป็นร่างสมบูรณ์ของ MSI Claw ได้อย่างแท้จริง จุดบกพร่องหลายข้อในรุ่นก่อนหน้าถูกแก้ไขจนแทบหมดสิ้น

จากวันที่ Claw A1M รุ่นแรกเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2024 จนถึงวันนี้ในเดือนเดียวกันของปี 2025 MSI พร้อมเปิดตัว Claw 8 AI+ รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาในโฉมใหม่ตั้งแต่ภายนอกถึงภายใน ตัวเครื่องสีเทา Sandstorm ตัดขอบดำดูเรียบหรู มีเอกลักษณ์ น้ำหนักตัวเครื่องถูกออกแบบให้สมดุลมากขึ้น จับถนัดมือ เล่นนาน ๆ แล้วไม่เมื่อย และยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ MSI Center M รุ่นใหม่ ที่จัดการอินเทอร์เฟซได้ดีขึ้น ไม่รบกวนการเล่นเกมเหมือนเวอร์ชันก่อน
หัวใจหลักของเครื่องยังคงเป็นชิปจากยักษ์ใหญ่แห่งซิลิคอนแวลลีย์ แต่ครั้งนี้คือการยกเครื่องสถาปัตยกรรมใหม่หมดจด ตัดระบบ SMT (Hyperthreading) ออก เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในพลังงานที่น้อยลง ซึ่งส่งผลชัดเจนต่ออายุแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น พร้อมด้วย GPU Intel Arc Graphics 140V รุ่นใหม่ที่จัดการหน่วยความจำได้ฉลาดขึ้น โดยจอง RAM สูงถึง 16GB จากทั้งหมด 32GB LPDDR5X เพื่อการเล่นเกมลื่นไหล และให้ SSD NVMe M.2 ความจุ 1TB ติดตั้งเกมได้เต็มที่
เมื่อดูจากสเปกโดยรวมแล้ว MSI Claw 8 AI+ แทบจะไม่ใช่แค่ “เครื่องเกมพกพา” อีกต่อไป แต่มันคือ “โน้ตบุ๊กพรีเมียมในร่างเกมคอนโซลขนาดพกพา” อย่างแท้จริง

ดีไซน์ใหญ่ขึ้น จับได้เต็มไม้เต็มมือ สีทูโทน ดุดันแต่เรียบหรู
MSI Claw 8 AI+ ยังคงอิงดีไซน์จาก Claw A1M รุ่นแรก แต่เพิ่มขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น พร้อมปรับโทนสีภายนอกมาเป็นแบบทูโทนตัวเครื่องสีดำตัดกับสีทราย Sandstorm Brown ให้ความรู้สึกพรีเมียมและแตกต่างชัดเจนเมื่อเทียบกับเครื่องเล่นเกมพกพาแบรนด์อื่นในตลาด
จุดเด่นด้านความสวยงามยังเสริมด้วย ไฟ RGB รอบจอยแอนะล็อกทั้งสองข้าง และบริเวณปุ่ม ABXY ช่วยเพิ่มความโดดเด่นในขณะเล่นเกม โดยรวมถือว่าเป็นดีไซน์ที่ดู “เกมมิ่ง” ชัดเจน แต่ยังคงความสมดุลระหว่างความเท่และการใช้งานจริง

พอร์ตการเชื่อมต่อ ปุ่มกดบนตัวเครื่อง
พอร์ตเชื่อมต่อหลัก ๆ ของ Claw 8 AI+ ถูกจัดวางไว้ด้านบนและด้านหน้า โดยมีทั้ง ปุ่ม Power พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ไฟแสดงสถานะ ช่องอ่าน MicroSD Card พอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 2 ช่อง รองรับทั้งการชาร์จและการต่อจอแยก ช่องหูฟัง 3.5 มม. และปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง บริเวณใกล้ ๆ กัน มีช่องระบายลมร้อน 2 ช่อง ซ้ายขวา ส่วนด้านล่างมีแค่สติกเกอร์แสดงข้อมูลตัวเครื่อง

ตัวพอร์ตที่ให้มาก็ถือว่าให้มากำลังดีสำหรับเครื่องเล่นเกมสไตล์นี้ เสียบชาร์จพร้อมต่ออุปกรณ์เสริมได้พอดี แต่ถ้าต้องการต่อจอเสริม หรือใช้พอร์ต USB-A ก็ต้องใช้ USB-C Hub แปลงพอร์ตเหมือนเดิม เสียดายไม่ได้แยกพอร์ตไว้ด้านล่างด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาเสียบชาร์จไปเล่นไป หรือตอนต่ออุปกรณ์เสริม เช่น Dock หรืออื่น ๆ แบบ Nintendo Switch เพื่อใช้ Desktop Mode

ข้อดีอีกอย่างคือการวางพอร์ต USB-C 2 ช่องมีระยะห่างจากกันพอเหมาะ สามารถเสียบแฟลชไดร์ฟตัวใหญ่ ๆ พร้อมกันได้ 2 ตัวสบาย ๆ
บริเวณด้านหลังเครื่องมาพร้อมกรอบสีดำแบบผิวด้าน พร้อมโลโก้ MSI อยู่ตรงกลาง มีช่องดูดลมเข้าคู่กับระบบระบายความร้อน Cooler Boost HyperFlow พร้อมปุ่มพิเศษ M1 และ M2 ด้านหลังที่ใช้นิ้วกลางกดได้สะดวก โดยออกแบบให้ปุ่มมีขนาดใหญ่ กดง่าย ลดโอกาสพลาด

Gamepad และ Controller
ตัวปุ่มคอนโทรเลอร์ยังคงใช้ Layout เดิม หรือวางตำแหน่งปุ่มเหมือนกับ Xbox นั่นเอง ตัวสัมผัสของปุ่ม Tactile แรงกดถ้าเทียบกับ Xbox Controller รุ่นล่าสุด จะพบว่าปุ่ม ABXY มีความกระด้างกว่าเล็กน้อย ตัว Travel Key อยู่ลึกกว่ากันเล็กน้อย ทำให้ต้องใช้แรงกดมากกว่า

ตัวคันโยกแอนะล็อกแบบ Hall Effect มีขนาดเล็กกว่ากันพอสมควร ทำให้การควบคุมมีความละเอียดน้อยกว่า หรือถ้าจะให้ละเอียดเท่ากันจะควบคุมได้ยากกว่า และมีน้ำหนักความหนืดที่น้อยกว่า ทำให้เวลาจะขยับน้อย ๆ แต่งละเอียดทำได้ยากกว่า
ข้อสังเกตในรุ่นเดิมหลายคนบอกว่าปุ่มแอนะล็อกซ้าย และปุ่ม ABXY อยู่ชิดขอบเครื่องมากเกินไปถ้าเทียบกับรุ่นอื่น รุ่นนี้แก้ไขขยับเข้ามาใกล้หน้าจอกว่าเดิมแล้ว

ส่วน ปุ่ม LB / RB ได้รับการแก้ไขให้น้ำหนักการกดสม่ำเสมอ กดได้ทั่วทั้งปุ่ม ไม่ต้องกดเฉพาะปลายปุ่มเหมือนเดิม และพื้นผิวของปุ่มก็ปรับให้เรียบเท่ากันทั้งแถบ ช่วยให้กดง่ายและแม่นยำขึ้น
ตัวปุ่ม LT RT แบบ Hall effect มีระยะกดที่สั้นกว่า Xbox Controller แต่มีน้ำหนักการกดความหนืดที่พอ ๆ กัน เวลาเล่นเกมแข่งรถสามารถช่วยให้ควบคุมรถได้ดี แต่ยังไม่มีฟีเจอร์สั่นแบบ Haptic Feedback เฉพาะปุ่มมาให้

ปุ่มพิเศษ M1, M2 ที่บริเวณใต้เครื่อง สามารถตั้งมาโครได้ หรือจะตั้งให้ทำงานแทนปุ่มปกติได้เช่นกัน กดง่ายกดสะดวกว่ารุ่นเดิม ที่ด้านหน้ามีปุ่มเรียก MSI Center ฝั่งซ้ายกับ Quick Setting ฝั่งขวา สำหรับปรับตั้งค่าตัวเครื่องเร็ว ๆ เหมือนเดิม
ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบมอเตอร์สั่นแบบใน Xbox Controller แต่จากที่ใช้มารู้สึกว่าสั่นได้เบามาก ๆ อาจเพราะด้วยขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ทำให้มอเตอร์สั่นได้ไม่ทั่วถึง

การจับถือและการใช้งาน
ตัวกริปจับของ Claw 8 AI+ ถูกออกแบบใหม่ให้ส่วนโค้งด้านหน้าโค้งน้อยลง ส่วนด้านหลังก็นูนเล็กน้อย ไม่หนาแบบ Legion GO หรือ MSI Claw รุ่นแรก ออกไปทางบาง ๆ แบบ ROG Ally รุ่นแรกมากกว่า แต่ด้วยตัวเครื่องที่มีความหนาและขนาดใหญ่ทำให้สำหรับคนที่มีมือใหญ่จับได้ถนัดและมั่นคง แม้จะมีบางจังหวะที่รู้สึกว่าหากตัวกริปหนากว่านี้อีกหน่อยจะช่วยให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่เล่นฉากบีบหัวใจหรือเกมแอคชั่นหนัก ๆ แต่สำหรับคนที่มีมือที่เล็กอาจชอบการจับถือของรุ่นเก่ามากกว่า

น้ำหนักตัวเครื่องเปล่าอยู่ที่ 795 กรัม ซึ่งถือว่าหนักพอสมควรเมื่อเทียบกับอุปกรณ์พกพาทั่วไป แต่การกระจายน้ำหนักถือว่าทำได้ดี ไม่มีจุดที่ถ่วงจนเมื่อยมือข้างใดข้างหนึ่งแม้จะเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน



เสียง ลำโพง และอะแดปเตอร์
MSI Claw 8 AI+ มาพร้อมลำโพงคู่ด้านหน้าให้เสียงที่ดังเกินตัว คุณภาพเสียงชัดเจน แยกมิติซ้ายขวาได้ดีในเกม เสียงเอฟเฟกต์ฟังสนุก แต่หากใช้ฟังเพลงอาจรู้สึกว่าขาดความอิ่ม เสียงกลางบางเล็กน้อย ถ้าเพิ่มมิติและความลึกของเสียงได้อีกนิดจะสมบูรณ์มาก
ข้าง ๆ กันมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนสำหรับใช้สนทนาในเกมหรือประชุมออนไลน์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ติดตั้งไว้ใกล้ ๆ สะดวกพร้อมใช้ทันที

ตัวอะแดปเตอร์จ่ายไฟ 65W มีขนาดเท่ากับอะแดปเตอร์ชาร์จมือถือปกติทั่วไปเลย เล็ก พกง่าย แต่ถอดสายและพับขาไม่ได้ ถ้าใครต้องการความอเนกประสงค์ อาจจะต้องใช้ของแบรนด์อื่นที่เป็น PD 65W ได้ทั้งพอร์ตเยอะ พอดสายได้แน่นอน

งานประกอบแน่น วัสดุพลาสติกทั้งตัวจับแล้วให้ความรู้สึกแข็งแรงไม่ยวบยาบ น้ำหนักเครื่องเปล่า 795 กรัม ถ้าดูจากตัวเลขแล้วไม่เบาเลยสำหรับอุปกรณ์ที่เราต้องจับถือใช้งานแบบนี้ เวลาใช้จริงหนักไหมบอกเลยว่าหนัก รู้สึกได้ แต่การกระจายน้ำหนักก็ทำได้ดี ไม่มีน้ำหนักตกลงบริเวณไหนมากเกินไป ทำให้เวลาที่เราเล่นไปนาน ๆ ไม่รู้สึกปวดมือบริเวณใดบริเวณหนึ่งมากนัก
โดยรวมแล้ว MSI Claw 8 AI+ คือเครื่องเล่นเกมพกพาที่น่าใช้รุ่นหนึ่งในตลาดเลยก็ว่าได้ ทั้งดีไซน์ที่โดเด่น มองปุ๊บแล้วรู้เลยว่ารุ่นอะไร การจับถือที่ทำออกมาบาลานส์ระหว่างการพกพาและการจับถือได้พอดี เล่นนาน ๆ ไม่เมื่อยมือ

หน้าจอสัมผัส
MSI Claw 8 AI+ มาพร้อมหน้าจอ ทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ที่ขยายจากรุ่นก่อนซึ่งมีขนาดเพียง 7 นิ้ว แม้ขนาดจะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงใช้ความละเอียดระดับ Full HD+ (1920×1200) อัตราส่วนภาพ 16:10 ซึ่งเหมาะกับการแสดงผลทั้งเกมและงานทั่วไปอย่างลงตัว

หน้าจอใช้พาเนล IPS คุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate สูงถึง 120Hz พร้อมขอบเขตสีที่กว้างระดับ 100% sRGB ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และมีมิติเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือใช้งานด้านครีเอทีฟ
ขอบหน้าจอรอบด้านได้รับการออกแบบให้บางลง โดยเฉพาะด้านบนและด้านข้างที่มีความบางเพียงครึ่งเดียวของขอบล่างซึ่งมีโลโก้ MSI อยู่ตรงกลางอย่างโดดเด่น

บริเวณขอบดำเล็ก ๆ เหนือลำโพงด้านหน้าจะพบ ไมโครโฟนคู่ฝังอยู่ด้านซ้ายและขวา สำหรับรับเสียงสนทนาในเกมหรือการพูดคุยทั่วไป โดยใช้ร่วมกับระบบตัดเสียงรบกวนเพื่อให้เสียงคมชัดขึ้นแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรอบข้าง
โดยรวมแล้ว หน้าจอของ Claw 8 AI+ ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งหลัก ด้วยภาพที่ให้ความรู้สึก “เกมมิ่งแบบพรีเมียม” อย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของคุณภาพ สีสัน และความลื่นไหลในการแสดงผล




นอกจากนี้ ความละเอียด Full HD+ ยังถือว่า “กำลังพอดี” สำหรับอุปกรณ์พกพาประเภทนี้ เพียงพอที่จะให้ภาพคมชัดเมื่อใช้งานใกล้ ๆ และไม่กินทรัพยากรเครื่องจนเกินไป ช่วยให้ประสิทธิภาพโดยรวมในการเล่นเกมทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง
การอัปเกรด
เมื่อไขน็อตใต้ตัวเครื่องและเปิดฝาครอบออก จะพบกับภายในที่จัดวาง Layout มาอย่างเรียบร้อย โดยเฉพาะการแยกโมดูลชุด Controller ออกจากชุดแผงวงจรหลัก ทำให้เวลาปุ่มมีปัญหาสามารถแกะซ่อมได้ง่าย ไม่ต้องถอดทั้งเครื่อง
หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าแผงวงจรหลักมีขนาดเล็กมาก เป็นผลมาจากการที่ชิป Intel Core Ultra 7 258V ได้ฝังแรมไว้บน SoC (System on Chip) เดียวกัน จึงไม่ต้องเผื่อพื้นที่บนบอร์ดสำหรับติดตั้งแรมเพิ่มเติม ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ภายในตัวเครื่องได้มากขึ้น แต่ก็แลกมากับข้อจำกัด คือ ไม่สามารถอัปเกรดแรมได้ เหมือนเครื่องพีซีทั่วไป

สิ่งเดียวที่สามารถอัปเกรดได้คือ SSD แบบ M.2 NVMe ที่วางอยู่ถัดจากชิปประมวลผล โดยออกแบบให้เปลี่ยนได้ง่ายกว่ารุ่นเดิม ไม่ต้องรื้ออุปกรณ์รอบข้างเหมือนก่อน แต่อย่างไรก็ตาม SSD ที่ใช้จะเป็น ขนาด 2230 ที่มีขนาดเล็กกว่าขนาดมาตรฐานทั่วไปอย่าง 2280 ทำให้อาจหาซื้อมาอัปเกรดได้ยากกว่านิดหน่อยในท้องตลาด
Performance
MSI Claw 8 AI+ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังใหม่ล่าสุดจาก Intel คือ Intel Core Ultra 7 258V หนึ่งในซีพียูระดับสูงสุดของตระกูล Core Ultra 200V Series ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานประมวลผลหนักและการใช้งานด้าน AI โดยเฉพาะ

สถาปัตยกรรมใหม่ เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์
ซีพียูรุ่นนี้มาพร้อมโครงสร้างแบบ 8 Core 8 Thread แบ่งเป็น:
- 4 P-Core (Performance Core) ความเร็ว 2.2 – 4.8 GHz
- 4 LPE-Core (Low Power Efficient Core) ความเร็ว 2.2 – 3.7 GHz
แม้จะไม่มีเทคโนโลยี Hyperthreading อีกต่อไป แต่ Intel ได้ออกแบบให้แต่ละคอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพต่อหนึ่งเธร็ด ช่วยลดความหน่วงในการสลับงาน และที่สำคัญคือสามารถจัดการพลังงานได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance per Watt) สูงขึ้นอย่างชัดเจน




พร้อมสำหรับ AI ยุคใหม่ รองรับ Copilot+ PC
Core Ultra 7 258V ยังมาพร้อมกับ NPU (Neural Processing Unit) ที่สามารถประมวลผล AI ได้สูงถึง 115 TOPS (Tera Operations Per Second) ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน Copilot+ PC ของ Microsoft ทำให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ AI บน Windows 11 ได้อย่างเต็มศักยภาพ

RAM จัดเต็ม พร้อมใช้งานหลากหลาย
MSI Claw 8 AI+ ให้ RAM แบบฝังชิป (Onboard) ขนาด 32GB LPDDR5X ซึ่งแม้จะไม่สามารถอัปเกรดเพิ่มเติมได้ แต่ก็ถือว่า “เหลือเฟือ” สำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ตัดต่อภาพหรือวิดีโอ รวมถึงการเล่นเกมระดับ AAA ที่ใช้ทรัพยากรหนัก ๆ ก็ยังเอาอยู่สบาย
อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Memory on Package (MOP) ที่ทำให้สามารถฝังหน่วยความจำไว้บนตัวชิปได้มากขึ้น ช่วยให้ระบบตอบสนองเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานขึ้นอีกระดับ

กราฟิกการ์ด: Intel Arc 140V พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน
การ์ดจอใน MSI Claw 8 AI+ เป็นแบบ iGPU (กราฟิกในตัว) รุ่น Intel Arc Graphics 140V ความเร็ว 1.95 GHz ที่ได้รับการอัปเกรดด้านประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด โดยมี:
- Xe-Core จำนวน 8 คอร์
- กำลังประมวลผล AI สูงสุด 64 TOPS
- รองรับเทคโนโลยีกราฟิกสมัยใหม่อย่าง Ray Tracing, DirectX 12, Vulkan, OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, และ DirectML
- ถอดรหัสวิดีโอแบบ AV1, VP9, H.264, H.265
รองรับการเชื่อมต่อจอแยกได้สูงสุดถึง 3 หน้าจอความละเอียด 4K (4096×2304) หรือ 1 หน้าจอระดับ 8K (7680×4320)

แม้ MSI Claw 8 AI+ จะไม่มีการ์ดจอแยกแบบ dGPU แต่ด้วยการออกแบบที่ให้ RAM มากถึง 32GB ทำให้สามารถแบ่ง RAM มาเป็น VRAM สำหรับ iGPU ได้อย่างเหลือเฟือ ช่วยให้เล่นเกมระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลทดสอบประสิทธิภาพ
- Cinebench R23 (Plug-in) Multi Core: 10517 คะแนน และ Single Core:1895 คะแนน
- Cinebench R23 (Battery) Multi Core: 10079 คะแนน และ Single Core: 1942 คะแนน
- 3DMark Time Spy: 4,661 คะแนน
- Geekbench 6 Multi Core: 10,941 คะแนน และ Single Core: 2,745 คะแนน




จากคะแนนจะเห็นว่าทำออกมาได้ดี แม้จะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็อยู่ในกลุ่มโน้ตบุ๊กบางเบาราคากลาง ๆ ตามสไตล์ของ Core Ultra 7 258V ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพต่อพลังงานมากกว่าความแรงล้วน ๆ ทำให้ความแรงซีพียูก็ไม่ได้แรงกว่าชิปตัวอื่นในตลาด ด้อยกว่า Core Ultra 100 รุ่นเดิมด้วย แต่ก็แลกมากับการประหยัดพลังงาน เล่นได้นานกว่าเดิม
ซึ่งผลลัพธ์ก็คือประสิทธิภาพระหว่างตอนเสียบปลั๊กกับใช้งานแบตเตอรี่แทบไม่ต่างกัน ใช้งานนอกสถานที่ได้สบาย ไม่ต้องกังวลว่าแรงจะตก การใช้งานทั่วไปถือว่าสบายมาก ทั้งงานเอกสาร แต่งภาพ ใช้โปรแกรมกราฟิก ไปจนถึงเขียนโค้ดหรือรัน VM ได้ระดับหนึ่ง แม้จำนวนคอร์จะไม่เยอะนัก แต่ด้วยแรมที่ให้มาถึง 32GB ก็ยังเพียงพอสำหรับงานหลากหลายประเภท

สำหรับการตัดต่อวิดีโอทำได้ดีในระดับคลิปสั้น แต่หากเป็นโปรเจกต์ที่ยาวหรือซับซ้อน อาจเริ่มมีอาการกระตุกขณะพรีวิว และใช้เวลาเร็นเดอร์ค่อนข้างนานตามสภาพของ iGPU ที่ใช้งานร่วมกับหน่วยความจำระบบ
แต่การนำมาทำงานจริงจังก็แนะนำว่าควรต่อ Dock หรือตัวแปลง USB-C Hub เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งถ้าต่อขึ้นจอใหญ่ ต่อเมาส์คีย์บอร์ดก็ใช้งานได้ดีไม่ต่างกับพีซีเครื่องหนึ่งเลย

ทดสอบการเล่นเกมความละเอียด Full HD+
- Cyberpunk 2077 (Steam Deck, Intel XeSS : Quality) ได้เฟรมเฉลี่ย 46 FPS
- MONSTER HUNTER WILDS (Low + FSR : Quality + Frame Generation) ได้ไป 6660 คะแนน เฟรมเฉลี่ย 38 FPS
- GTA V Enhanced (High) ประมาณ 50-70 FPS
- Forza Horizon 5 (High, XeSS : Quality) ได้ไป 61 FPS
- Genshin Impact (Highest) ได้ไป 60 FPS
- Zneless Zone Zero (High) ได้ไป 30-60 FPS



จากผลการทดสอบพบว่าตัวเครื่องไม่ได้แรงอะไรมากนัก อยู่ในระดับใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกรุ่นเริ่มต้น เกม AAA ที่ต้องการกราฟิกสูงสามารถเล่นได้ในระดับ “พอเล่นได้” หากปรับกราฟิกอยู่ในช่วงกลางถึงต่ำ โดยในเกม GTA V Enhanced สามารถตั้งค่ากราฟิกไว้ที่ระดับ High ได้ แม้ภาพที่ได้จะมีรายละเอียด Texture ที่ลดลงจากการปรับสุดพอสมควร บางจุดรายละเอียดหายไปแต่ก็ไม่ถึงขั้นเละเป็นดินน้ำมัน และสามารถเล่นได้ที่ 60FPS แบบพอไหว
แต่ถ้าเป็นเกมใหม่ ๆ ที่ใช้กราฟิกหนักมากอย่าง MONSTER HUNTER WILDS หากปรับระดับ Low ก็ยังเล่นได้ แต่เจอปัญหาโหลดฉากและประมวลผลไม่ทันบ้างประปราย แม้ไม่ลื่นปรู๊ด แต่ก็ไม่ถึงขั้นกระตุกใช้งานไม่ได้ ถือว่าสามารถเล่นได้บนเครื่องพกพาที่ใช้ iGPU แบบนี้

สำหรับเกมที่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรกราฟิกมากนัก เช่น Zneless Zone Zero หรือ Genshin Impact ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าหากปรับกราฟิกสุดก็ยังเล่นได้ลื่นพอสมควร แม้จะมีอาการเฟรมดรอปให้เห็นบ้างในฉากที่มีเอฟเฟกต์จัด ๆ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เล่นได้ ไม่ถึงขั้นกระตุกจนควบคุมเกมไม่ได้
โดยรวมแล้ว ถ้าเน้นเล่นเกมที่ไม่ได้กินกราฟิกสูงมาก หรือไม่ได้ต้องการปรับกราฟิกสุด ๆ แต่ต้องการเครื่องเล่นเกมพกพาที่พกง่าย เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา MSI Claw 8 AI+ ก็ถือว่าตอบโจทย์
MSI Claw 8 AI+ มาพร้อมกับ SSD 1TB NVMe PCIe 4.0 ทดสอบด้วย Crystal Disk Mark 8 พบว่าความเร็วอ่านอยู่ที่ 6,028 MB/s และเขียนที่ 5,300 MB/s เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมที่ต้องโหลดไว ๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน

ด้านการเชื่อมต่อไร้สาย Claw 8 AI+ ใช้การ์ด Intel Wi-Fi 7 BE201 ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุด 802.11be รองรับ Bluetooth 5.4 พร้อมฟีเจอร์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแบนด์วิดท์กว้าง 320MHz, รองรับ 4K-QAM, MU-MIMO, OFDMA รวมถึงรองรับ Intel vPro อีกด้วย ใช้คลื่นความถี่ได้ทั้ง 2.4GHz, 5GHz และ 6GHz

แม้จะไม่ได้ใช้การ์ดซีรีส์เกมมิ่งยอดนิยมอย่าง Intel Killer แต่ในด้านประสิทธิภาพจริง Wi-Fi 7 PCIe card รุ่นนี้ก็ทำงานได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับเราท์เตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 7 เพราะคลื่น 6GHz ที่ใช้นั้นมีสัญญาณสะอาด ปราศจากสัญญาณรบกวน ทำให้เหมาะกับการเล่นเกมออนไลน์แบบสุด ๆ แนะนำว่าหากเล่นเกมผ่าน Wi-Fi ควรเลือกใช้งานคลื่น 6GHz จะได้ค่าความหน่วงต่ำ (Ping ต่ำ), การเชื่อมต่อเสถียร และแทบไม่เจออาการดีเลย์ ใครที่บ้านมีเราท์เตอร์ Wi-Fi 6E Wi-Fi 7 อยู่แล้ว บอกเลยว่าเล่นลื่นหัวแตกแน่นอน

ความร้อนอุณหภูมิสูงสุดของซีพียูขณะทดสอบอยู่ที่ 92°C (ในห้องแอร์ 26°C) ซึ่งถือว่าสูงแต่ยังไม่ถึงขั้นมีปัญหากับประสิทธิภาพ ด้วยความที่เป็นเครื่องเล่นเกมพกพา มีพื้นที่จำกัด ระบบระบายความร้อนเลยถูกออกแบบมาให้จัดเต็มเท่าที่จะทำได้ โดยใช้ Heat Pipe คู่ และพัดลมคู่ ทำให้แม้จะร้อนแต่ก็ไม่มีอาการเฟรมเรตดรอปหรือความเร็วซีพียูตกเลย ยังเอาอยู่สบาย ๆ
สิ่งที่รู้สึกได้คือความร้อนปล่อยออกมาน้อยกว่าเครื่องเล่นเกมรุ่นอื่นมาก ทำให้เสียงพัดลมเบาตามไปด้วย เพราะชิปตัวนี้ออกแบบมาให้เน้นประสิทธิภาพต่อพลังงาน มันก็ทำได้ตามการออกแบบ

แบตอึดเล่นได้ 2 ชม.
แบตเตอรี่ที่ให้มาใน MSI Claw 8 AI+ มีความจุถึง 80Whr ถือว่าใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดของตัวเครื่อง โดยเฉพาะสำหรับอุปกรณ์พกพาในกลุ่มเกมมิ่งแบบนี้ ทางทีมงานได้ทดสอบการใช้งานโดยดู YouTube ผ่าน Microsoft Edge เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมปิดไฟ RGB ความสว่างหน้าจอและเสียงลำโพงไว้ที่ 30% และเปิดโหมดประหยัดพลังงาน

ผลที่ได้คือสามารถใช้งานได้นานประมาณ 16 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าอึดมาก แม้อาจจะไม่อึดเท่ากับโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิปรุ่นเดียวกันในขนาดเครื่องที่ใหญ่กว่า แต่เมื่อดูจากความเป็นเครื่องเกมพกพาแล้ว ตัวเลขนี้ก็ถือว่าน่าประทับใจเลยทีเดียว
ส่วนการใช้งานจริงในโหมดเล่นเกมแบบเต็มพลัง พบว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีตามมาตรฐานของอุปกรณ์ลักษณะนี้ ไม่อึดเวอร์แต่ก็ไม่หมดเร็วเกินไป ใช้งานนอกสถานที่ได้แบบไม่ต้องพะวงมากนัก แม้ไม่อึดเท่าเครื่องเล่นเกมประเภทอื่นอย่าง Nintendo Switch ก็ตาม

แต่ถ้าเปลี่ยนไปใช้โหมด AI Engine หรือ Super Battery ก็จะสามารถยืดระยะเวลาการใช้งานได้นานขึ้นอีกประมาณ 30 นาที ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นได้มากขึ้นในบางสถานการณ์ แต่ถ้าอยากเล่นต่อเนื่องแบบจุใจตลอดวัน แนะนำให้พกแบตสำรองที่รองรับการจ่ายไฟ PD 65W ขึ้นไปติดตัวไว้ จะสามารถชาร์จไปเล่นไปได้แบบไม่มีสะดุด

Software
อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้เครื่องเล่นเกมพกพาน่าใช้งานไม่น้อยไปกว่าสเปกและหน้าตาของตัวเครื่อง ก็คือซอฟต์แวร์และโปรแกรมอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดย MSI Claw 8 AI+ มาพร้อมกับโปรแกรม MSI Center M เวอร์ชันใหม่ที่ได้รับการยกเครื่องให้ดีขึ้นกว่าเดิมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น UI ที่ดูสวยงามน่าใช้ยิ่งขึ้น โดยในหน้าแรกของโปรแกรมจะรวมเกมทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ให้เลือกเล่นได้ทันที และยังสามารถกดเลื่อนขึ้นเพื่อเลือกแพลตฟอร์มเกม (Gaming Platform) ที่ต้องการเปิดใช้งานได้โดยตรง
ในส่วนของหน้าการตั้งค่ายังคงฟังก์ชันที่จำเป็นไว้ครบถ้วน ทั้งการตั้งค่าทั่วไป, การควบคุมไฟ RGB ด้วย Mystic Light, การตั้งค่าคอนโทรลเลอร์และการตั้งค่าปุ่มมาโคร M1, M2 รวมไปถึงการคาลิเบรตก้านแอนะล็อกด้วยตัวเอง พร้อมกำหนด Dead Zone และอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ในตัว






หน้าต่าง Quick Settings ถูกย้ายตำแหน่งจากด้านขวาไปอยู่ฝั่งซ้ายมือแทน พร้อมปรับสีตัวอักษรจากแดงเป็นเหลือง โดยยังคงหมวดการตั้งค่าด่วนไว้ครบ เช่น การปรับความสว่างหน้าจอ, ระดับเสียง, โหมดพลังงาน และเปิด/ปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth ได้จากจุดเดียว
จุดที่น่าสนใจคือ MSI ได้ใส่ระบบ Xbox Game Bar เข้ามาในหน้าต่าง Quick Settings เพื่อให้สามารถกดเปิดใช้งานได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพหน้าจอ, อัดวิดีโอ หรือดูหน้าต่าง Performance ก็สามารถปักหมุดไว้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว






ขณะเดียวกัน Real-time Monitor ที่เคยอยู่มุมซ้ายบน ถูกย้ายไปมุมขวาบนแทน และครั้งนี้สามารถขยับปรับตำแหน่งได้แล้ว จากเดิมที่ตำแหน่งถูกล็อก ทำให้ขณะเล่นเกมสามารถดูข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้สะดวกขึ้นโดยไม่รบกวนภาพในเกม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการปรับปรุงที่ใช้งานได้จริงและน่าใช้กว่าเวอร์ชันเดิมอย่างเห็นได้ชัด
สรุป
MSI Claw 8 AI+ เป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่เรียกได้ว่า “ครบเครื่องแทบทุกด้าน” ทั้งดีไซน์ สเปก การควบคุม ไปจนถึงแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นอย่างชัดเจน การใช้งานโดยรวมลื่นไหลและตอบโจทย์ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มองหาอะไรที่มากกว่าแค่เครื่องเกมพกพาทั่วไป เพราะมันสามารถทำหน้าที่ได้ทั้งในแบบโน้ตบุ๊กและ Mini PC ด้วยความที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows อย่างเต็มรูปแบบ
แม้ตัวเครื่องจะใหญ่และพกลำบากกว่าเครื่องเกมพกพาทั่วไป แต่ก็ยังถือว่าพกง่ายกว่าโน้ตบุ๊กอยู่ จะเล่นเกมบนโซฟา นอนเล่น หรือเล่นในรถไฟฟ้าก็ทำได้สะดวกกว่าโน้ตบุ๊กที่ต้องหาที่วาง ถ้ามองว่าเป็น Mini PC ที่ถือเล่นได้ ก็จะเข้าใจคอนเซปต์ของเครื่องนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าใช้ได้กับเกม AAA ส่วนใหญ่ หากตั้งค่ากราฟิกไว้ที่ Low ถึง Medium ก็สามารถเล่นได้สบาย ๆ แต่ถ้าใครหวังจะปรับสุดภาพอลังการ อาจจะต้องทำใจกับขีดจำกัดของ iGPU อยู่บ้าง
เรื่องพอร์ตถือว่าออกแบบมาดี โดยเฉพาะ Thunderbolt 4 ที่ให้มาถึง 2 ช่องและวางห่างกันพอสมควร ทำให้เสียบแฟลชไดรฟ์พร้อมชาร์จไฟหรือใช้อุปกรณ์เสริมได้แบบไม่เกะกะ ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ช่วยเสริมประสบการณ์ใช้งานได้มาก
ข้อสังเกตคือราคาค่อนข้างแรง และน้ำหนักตัวเครื่องที่มากอาจทำให้พกพาลำบากอยู่บ้าง แต่ MSI ก็ออกแบบการกระจายน้ำหนักได้ดี ถือเล่นนาน ๆ แล้วไม่มีอาการกดทับเฉพาะจุดจนปวดมืออย่างที่มักเจอในเครื่องพกพารุ่นอื่น

และที่สำคัญ—นี่คือ “ร่างสมบูรณ์” ของเครื่องเล่นเกมพกพาจาก MSI ที่เรียนรู้จากรุ่นก่อน ปรับจุดบกพร่อง และอัดแน่นด้วยความใส่ใจในทุกองค์ประกอบทั้งภายในและภายนอก ถือเป็นก้าวที่น่าชื่นชมของแบรนด์มังกรแดงที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นมังกรทองอย่างเต็มภาคภูมิ
ที่สำคัญคือ ถึงแม้จะเป็นเครื่องเกมพกพา แต่ถ้าใช้ทำงานก็ไม่ธรรมดาเลย เพราะสเปกที่ให้มาถือว่าเทียบชั้นได้กับโน้ตบุ๊กบางเบาระดับพรีเมียมตัวท็อป ทำงานจริงจังได้สบาย ๆ ไม่ว่าจะตัดต่อ แต่งภาพ หรือใช้เป็นเครื่องหลักก็ยังไหว
ถ้าใครกำลังมองหาเครื่องเล่นเกมพกพาแบบจริงจัง ที่สามารถใช้แทนมินิพีซีได้ในชีวิตประจำวัน แม้จะแพงไปนิด หนักไปหน่อย แต่เล่นดี ใช้งานได้จริง และ “เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา” อย่างแท้จริง MSI Claw 8 AI+ คือคำตอบที่น่าสนใจไม่เบา

ข้อดี
- ชิปเซ็ต Intel Core Ultra 7 258V ประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้ทั้งเล่นเกมและทำงานในแบบ Mini PC
- การ์ดจอ Intel Arc Graphics 140V รุ่นใหม่ แรงกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน
- เสียงพัดลมเบาไม่ดังรบกวนขณะเล่นเกม
- เครื่องไม่ร้อนเกินไป เมื่อเทียบกับเคืร่องเล่นเกมพกพารุ่นอื่น
- แบตเตอรี่ความจุ 80Whr เล่นเกมต่อเนื่องแบบ Full Load ได้มากกว่า 2 ชั่วโมง
- ตัวเครื่องออกแบบการกระจายน้ำหนักได้ดี จับถือเล่นเกมนาน ๆ แล้วไม่เมื่อยมือ
- คันโยกแอนะล็อกและปุ่มทริกเกอร์ใช้เซ็นเซอร์ Hall Effect ทนทานและตอบสนองแม่นยำ
- ให้พอร์ต Thunderbolt 4 มาถึง 2 ช่อง ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมได้สะดวก
- อัปเกรด M.2 NVMe SSD ได้ง่าย
- ซอฟต์แวร์ MSI Center M 2.0 ปรับปรุงใหม่ ใช้งานง่าย สวยงาม และฟังก์ชันครบ
- หน้าต่าง Quick Settings รวม Xbox Game Bar มาให้ ใช้งานฟีเจอร์อย่างถ่ายหน้าจอหรือดู Performance ได้ง่ายขึ้น
ข้อสังเกต
- หากต้องการใช้งานแทน Mini PC อย่างจริงจัง อาจต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมหลายอย่าง เช่น Dock, เมาส์, คีย์บอร์ด และจอแยก
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับอุปกรณ์เกมพกพาในตลาด
- แม้จะออกแบบการกระจายน้ำหนักได้ดี แต่ตัวเครื่องก็ยังค่อนข้างหนักเมื่อถือใช้งานนาน ๆ
- ขนาดตัวเครื่องใหญ่และดูเทอะทะ ทำให้การพกพาในชีวิตประจำวันไม่คล่องตัวเท่าอุปกรณ์พกพาอื่น
- คันโยกแอนะล็อกมีขนาดเล็ก ระยะโยกค่อนข้างสั้น ทำให้ควบคุมละเอียดในบางเกมได้ยากกว่าจอยขนาดปกติ
- อยากได้ขาตั้ง Kick Stand

สเปคของ MSI Claw 8 AI+ A2VM
- Processor
- Model: Intel Core Ultra 7 258V
- Cores / Threads: 8 Cores, 8 Threads
- P-Core Clock Speed: 2.2 – 4.8 GHz
- LPE-Core Clock Speed: 2.2 – 3.7 GHz
- TDP: 17W
- Graphics
- Integrated GPU: Intel Arc Graphics 140V
- Xe-Cores: 8
- AI Processing Unit (NPU)
- Intel AI Boost: Up to 47 TOPS
- Display
- Size: 8 inches
- Resolution: Full HD+ (1920 × 1200 pixels)
- Panel Type: IPS
- Refresh Rate: 120Hz
- Color Gamut: 100% sRGB
- Touchscreen: Yes
- Memory
- Capacity: 32GB LPDDR5X
- Speed: 8533 MHz
- Onboard (non-upgradable)
- Storage
- Capacity: 1TB
- Type: PCIe 4.0 NVMe M.2 SSD
- Form Factor: 2230
- Ports
- 2 × USB Type-C (Thunderbolt 4, support DisplayPort & Power Delivery, up to 40Gbps)
- 1 × microSD card reader (UHS-II)
- 1 × 3.5mm Combo Audio Jack
- Controller & Input
- Xbox-style button layout
- Hall Effect analog sticks
- Hall Effect L/R analog triggers
- MSI Center M button
- Quick Settings button
- Macro buttons (M1 / M2)
- HD haptics
- 6-axis IMU (motion sensor)
- Audio
- 2 × 2W dual speakers (total 4W output)
- Wireless Connectivity
- Wi-Fi: Intel Wi-Fi 7 (802.11be) BE201
- Bluetooth: Version 5.4
- Battery
- Capacity: 80Wh (6900mAh), 6-cell
- Power Adapter
- USB-C PD (Power Delivery)
- Output: 65W
- RGB Lighting
- Mystic Light RGB: ABXY buttons and L/R analog sticks
- Dimensions & Weight
- Dimensions (W × D × H): 299 × 126 × 24 mm
- Weight: 795 g
- Software & Extras
- Operating System: Windows 11 Home
- Bundle: 1-month Xbox Game Pass for PC
- ราคา
- 32,990 THB
Comment