Nokia 4.2 สมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่วางขายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย กับราคาเบาๆ เพียง 4,490 บาท มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 439 RAM 2GB และความจุ 16GB หน้าจอขนาด 5.71 นิ้ว จิ๋วแต่แจ๋ว กล้องหลังคู่ (Dual Camera) และเจ้า Nokia 4.2 ก็อยู่ในโครงการ Android One ด้วย รับรองได้อัปเดตระบบกันไปยาวๆ เลย

แกะกล่อง Nokia 4.2 กันก่อน

ก่อนเปิดกล่องเราจะเจอกับ MicroSD Card 16GB ที่แถมมาให้ แปะอยู่ด้านบนกล่องเลย พอเปิดเข้าไปข้างในก็เจอกับโทรศัพท์ Nokia 4.2 ที่มีหน้าจออันเงางาม พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็จะเจอกับเข็มจิ้มซิม, คู่มือการใช้งานต่างๆ, หูฟังแบบ earbuds, อแดปเตอร์จ่ายไฟ 5V 1A และสาย Micro USB รุ่นนี้ไม่มีเคส, ฟิล์มกันรอยแถมมาให้ แต่อย่างน้อยก็ได้ MicroSD Card 16GB มาใช้แบบฟรีๆ

ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอ

สีที่นำมารีวิวของ Nokia 4.2 เป็นสี Pink Sand สีชมพูนั่นเอง แต่ไม่ได้ชมพูจ๋าขนาดนั้น จะออกชมพูนมเย็นแนวพาสเทลซะมากกว่า ในส่วนของวัสดุตัวเครื่อง ด้านหลังจะเป็นพลาสติกเคลือบเงาเพิ่มความสวยงาม แต่เป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก ต้องขยันเช็ดฝาหลังบ่อยๆ ส่วนขอบด้านข้างก็เป็นพลาสติกเหมือนกันแต่จะแข็งแรงกว่า ที่พิเศษคือสีตรงขอบจะมีกลิตเตอร์ผสมอยู่ด้วย เพิ่มลูกเล่นให้ตัวเครื่องไม่รู้สึกธรรมดามากเกินไป ถือว่าทำออกมาได้มีความน่ารักสุดๆ ใครเห็นรับรองว่าต้องชอบ

Nokia 4.2 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.71 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1520 x 720) น้ำหนัก 161 กรัม กระจกหน้าจอแบบ 2.5D ด้วยน้ำหนักที่เบาและตัวเครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้ถือใช้งานมือเดียวได้อย่างสบายๆ เนื่องากตัวเครื่องมันค่อนข้างบางและลื่นนิดๆ หากกลัวไหลหลุดมือก็อาจจะต้องหาเคสมาใส่

หน้าจอ TFT-LCD มีความละเอียดในระดับดี สีสันใช้ได้ แต่สีเวลาดูหนัง ดู YouTube เหมืนอจะไม่ได้สดมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังรักษาความคมชัดเอาไว้อยู่

ส่วนบนของจอนั้นมีติ่งหรือ notch ของกล้องเซลฟี่ความละเอียด 8MP มีรูรับแสงกว้าง F/2.0 พิกเซลมีขนาด 1.12 ไมครอน เลนส์มุมมองกว้าง 77 องศา และยังใช้สำหรับปลดล็อคใบหน้า ถัดจากกล้องขึ้นไปนิดๆ มีลำโพงสำหรับสนทนาและแผงเซ็นเซอร์ต่างๆ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ในส่วนของด้านล่างก็จะมีไมโครโฟน ถัดมาเป็นช่อง micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และขวาสุดคือลำโพง

มาที่ส่วนด้านขวาของเครื่อง มีปุ่มปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ ที่น่าสนใจคือปุ่มพาวเวอร์จะมีไฟ LED ใช้ในการแจ้งเตือนต่างๆ และขณะที่ชาร์จแบตเตอรี่ก็ยังมีไฟ LED ขึ้นให้อีก แต่ไม่มีการเปลี่ยนสีนะ มีแค่สีขาวเท่านั้น

ถัดมาที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง จะเป็นช่องถาดใส่ซิมแบบ Triple Slot ใส่ได้ 2 ซิมแบบ nanoSim + MicroSD สามารถเพิ่มได้ถึง 400 GB รองรับการเชื่อมต่อ 4G/3G/2G ทั้ง 2 ซิม สะดวกสบายอย่างมากสำหรับคนที่ต้องใช้งาน 2 ซิม และต้องการเพิ่ม MicroSD ด้วย ถัดลงมาก็จะเป็นปุ่มเรียก Google Assistant

ถ้ากดเจ้าปุ่มนี้ เราก็สามารถพูด หรือต้องการหาอะไรก็บอก Google ได้เลย เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

พลิกมาดูที่ด้านหลังมีกล้องคู่ (Dual Camera) พร้อมไฟแฟลช LED กล้องหลักความละเอียด 13MP มีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.2 พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน + กล้องตัวที่สองความละเอียด 2MP มีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.2 พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.75 ไมครอน เป็นตัวช่วยในการถ่ายภาพ Portrait, ระบบการโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ ถัดมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และโลโก้ Nokia

สเปค NOKIA 4.2

  • หน้าจอ TFT-LCD ขนาด 5.71 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1520 x 720) ครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ 2.5D
  • CPU : Snapdragon 439
  • GPU : Adreno 505
  • RAM : 2GB
  • ความจุ : 16GB รองรับ MicroSD Card 400GB (ช่องแยก)
  • กล้องหลัง : 13MP (f/2.2) + 2MP (f/2.2)
  • กล้องหน้า : 8MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 b/g/n, hotspot, BT 4.2, MicroUSB 2.0
  • เซ็นเซอร์ : Proximity, Accelerometer, Ambient light, NFC, Face Detection, Fingerprint (ด้านหลัง)
  • รองรับ 2 SIM 4G – 3G สแตนด์บายคู่
  • รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 3000 mAh รองรับชาร์จไว 10W
  • ระบบ Android 9.0 Pie (Android One)
  • ขนาด / น้ำหนัก 148.95 × 71.30 × 8.39 มม. / 161 กรัม
  • สีที่วางจำหน่าย : สีดำ (Black), สีชมพู (Pink Sand)

UI และการใช้งาน

Nokia 4.2 มาพร้อมกับ Android 9.0 Pie และมี Lanucher ของทาง Nokia ที่แทบจะไม่ได้ปรับอะไรมากนักเพราะเน้นความเป็น Android One ซึ่งนอกจากความลื่นไหนแล้ว ยังได้รับการดูแลและอัพเดทระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ไปยาวๆ ถึง 2 ปีแน่นอน ไม่มีการทิ้งไว้ข้างหลังแต่อย่างใด ส่วนการใช้งานง่ายดี ไม่ซับซ้อน เจ้าเครื่องนี้จะไม่มีปุ่ม Recent Apps แต่จะมีปุ่ม Back และปุ่ม Home ที่เป็นแถบสั้นๆ ด้านล่าง สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันลัดได้หลากหลาย และสามารถปรับแต่งได้ว่าจะให้อะไรอยู่ตรงไหน

แต่ถ้าเกิดอยากจะดูแอปที่เราเล่นก่อนนี้ ก็ให้รูดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นมา ส่วนการดูแอปทั้งหมดในเครื่องว่ามีอะไรอยู่บ้างก็ให้รูดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นมา 2 ครั้ง ก็จะเห็นแอปทั้งหมดแล้ว เรียกว่าใช้ระบบ Gesture แบบเดียวกับของ Android 9 Pie ส่วนของ App Drawer นั้นแต่ไม่สามารถสร้าง Folder เพื่อแบ่งหมวดหมู่แอปได้นะ ต้องเอามาสร้างไว้บนหน้า Home เท่านั้น

สามารถใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอได้ วิธีเปิดใช้งานก็ง่ายๆ เพียงรูดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นมา และกดไอคอนของตัวแอปที่เราต้องการใช้งานสองหน้าจอ เท่านี้ก็เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีท่าทางการสัมผัสต่างๆ แต่จะเป็นการเล่นกับปุ่ม กับเซ็นเซอร์มากกว่า

มี NFC ที่ใช้ส่งไฟล์หรือข้อมูลกับโทรศัพท์อื่นได้ และใช้เป็น Mobile Payment ในการชำระเงินได้อีก, สามารถแคสต์หน้าจอ ที่เอาไว้เชื่อมต่อกับโทรทัศน์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้

WiFi มองเห็ยแค่ 2.4 GHz เท่านั้น Nokia 4.2 รองรับ 2 ซิม สามารถใช้งาน 4G ได้ทั้งสองซิม เปิดใช้งานซิม 1 ก็เล่นได้ปกติ สลับไปใช้เน็ตซิม 2 ก็ไม่มีปัญหาอะไรให้เห็น ไม่มีกระตุกหรืออาการค้าง แต่ถ้าซิม 1 เปิดใช้งานเน็ตอยู่ ซิม 2 จะ stand by อยู่ที่ 3G เท่านั้น เช่นเดียวกันถ้าเปิดเน็ตซิมสองเกาะ 4G ซิม 1 ก็จะ stand by อยู่ที่ 3G เหมือนกัน

ใครที่เป็นสายนอนดึกแล้วชอบเล่นโทรศัพท์ เจ้า Nokia 4.2 ก็มีฟีเจอร์ Night Mode มาให้ด้วย สามารถเปิดเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในเวลากลางคืน เพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยตัดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาของเราออกไป ส่วนฟีเจอร์ Auto Brightness (ปรับความสว่างอัตโนมัติ) ใครที่เปิดคงจะรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ เพราะมันปรับบ่อยเกิน แสงเปลี่ยนนิดๆ ก็ปรับแล้ว พอแสงหายก็ลดลงไปเลย คือถ้าดูหนังอยู่มีตาลายกันไปข้าง ในเรื่องการสู้แสงของหน้าจอ ออกไปที่กลางแจ้งแดดจ้าๆ เปิดแสงหน้าจอสุด ก็ถือว่าสู้แสงได้ดีมองเห็นใช้งานได้

เรื่องของการปลดล็อค Nokia 4.2 มีมาให้ถึง 3 แบบด้วยกัน ปลดล็อคแบบรหัส, ปลดล็อคด้วยใบหน้า และปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือ ปลดล็อคด้วยใบหน้าจะต้องใช้เวลาสักครู่เลยในการปลดล็อค จนรู้สึกว่านานไป ใช้ปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือสะดวกและเร็วกว่า ถือว่าเร็วมากไม่ต้องกดเปิดหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้

ในส่วนของการทดสอบเปิดแอปหลักไว้เบื้องหลังทั้งหมด 15 แอป สามารถสลัปเปลี่ยนแอปได้อย่างรวดเร็วดี ไม่มีอาการค้าง แต่แอปไหนที่โดนระบบปิดไปก็อาจจะต้องรอโหลดประมาณ 2 วินาที เนื้อหาในหน้านั้นๆ ก็จะขึ้นมาให้อย่างครบถ้วน ส่วนการทดลองใช้ GPS เดินทางจากบ้านมาที่ทำงาน ตัวแอปทำงานได้ดี GPS ไม่มีหลุดออกนอกเส้นทาง

 

ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

Nokia 4.2 มากับชิปเซ็ต Snapdragon 439 พร้อม RAM 2 GB ใช้งานได้สบายๆ ลื่นไหลดี เปิดแอปสลับไปมาก็ไม่มีอาการค้าง หรือช้าแต่อย่างใด เรื่องของการทัชดีมากไม่ติดขัด ลื่นไปตามนิ้วดี ส่วนผลการทดสอบด้วย AnTuTu ได้คะแนนอยู่ที่ 77616 คะแนน ส่วนหน่วยความจำทำการทดสอบผ่านแอป AndroBench ใช้เป็น eMMC มีความเร็วในการอ่าน 275.41 MB ต่อวินาที ส่วนการเขียน 102.07 MB ต่อวินาที

ในเรื่องของการเล่นเกม ROV สามารถเปิดภาพระดับ HD ได้ และสามารถตั้งค่าปรับทุกอย่างให้สุดได้ ใช้เวลาโหลดเข้าเกมนานนิดหน่อย สามารถเล่นโหมด 10 v 10 ได้ด้วยนะแต่จะมีอาการหน่วงมากตอนกว่าเล่นโหมด 5 v 5 ส่วนช่วงที่บวกกันเยอะๆ เฟรมเรตก็ตกบ้าง ถ้าอยากให้ลื่นๆ หน่อยก็ต้องปิดเค้าโครง รวมถึงลดพวกเอฟเฟคต่างๆ ในเกม

มาที่เกม PUBG ค่า default ที่เกมตั้งให้ตอนเล่นครั้งแรกคือคุณภาพลื่น ช่วงโหลดเข้าเกมนานมากๆ เพื่อนในทีมอยู่บนเครื่องบินแล้ว แต่นี่ยังโหลดไม่เสร็จเลย คือไม่ต้องวิ่งรอ เข้ามาอีกทีก็กระโดดร่มเลย ในส่วนการเล่น ก็ถือว่าแค่เล่นได้ ตัวภาพไม่สมูทเวลาหันซ้ายหันขวา ทำให้เวียนหัวแบบสุดๆ ตอนวิ่งไล่ยิงกันมีกระตุกและอาการหน่วงบ้าง เล่นจนจบหนึ่งเกมเครื่องแอบร้อนแล้ว

ส่วนเรื่องของหน่วยความจำในตัวเครื่องอาจจะเป็นปัญหากับสายเกมอยู่บ้าง เปิดเครื่องมาความจุจาก 16GB ก็เหลือแค่ 5GB กว่าๆ เท่านั้น ด้วยระบบในตัวเครื่องต่างๆ แต่แค่ 5GB ก็สามารถโหลดพวกโซเชียลมีเดียได้ครบอยู่นะ ทั้ง LINE, Facebook, Messenger, Instagram และ Twitter

แต่ถ้าจะเล่นเกมใหญ่ๆ โหดๆ พื้นที่อาจจะไม่พอ ตอนที่ลองโหลดเกม ROV หรือ PUBG นี่เลือกติดตั้งได้แค่เกมเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเกมเล็กๆ ทั่วๆ ไปก็ลงได้เยอะอยู่นา

 

ภาพและเสียง

หน้าจอขนาด 5.71 นิ้ว ไม่ได้ใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ดูหนังได้เต็มตาอยู่เหมือนกัน ส่วนการดู Netflix ถึง widevine อยู่ที่ L1 ส่วนหน้าจอนั้นแสดงผลสูงสุดที่ 720p เท่านั้น

Nokia 4.2 มีลำโพงแบบโมโนตัวเดียว เสียงดังใช้ได้ ดูหนัง ฟังเพลงได้เพลินดี แต่ถ้าเปิดเสียงจนสุดจะรู้สึกเสียงแหลมๆ ไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ แนะนำอย่าเปิดเสียงจนสุดจะดีกว่า และเจ้าตัวนี้ก็มีช่องเสียบหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. มาให้ด้วย เผื่อใครอยากจะใส่หูฟังเวลาฟังเพลงบนรถ หรือต้องการความเป็นส่วนตัว

 

กล้องถ่ายภาพ

กล้องหลังคู่ ความละเอียด 13MP + 2MP รองรับเทคโนโลยี AI, ระบบการโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลากหลาย ทั้งโหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพโปร, โหมดถ่ายโบเก้ หรือหน้าชัดหลังเบลอนั่นเอง สามารถถ่ายพาโนรามาได้อีกด้วยนะ หน้าตาการใช้งานง่าย สีของกล้องหลังทำออกมาได้ดีทีเดียว โหมดโบเก๋ก็เบลอได้แบบพอดี ไม่น่าเกลียด เวลาถ่ายต้องถือสมาร์ทโฟนค้างไว้สักครู่ เพราะถ้ากดถ่ายแล้วขยับมือเลยภาพจะออกมาเบลอ ตัวโฟกัสก็ทำงานได้ดีทั้งที่แสงน้อยและมาก (แสงน้อยก็จะโฟกัสช้านิดๆ) แถมเจ้าเครื่องนี้ยังสามารถถ่ายเป็นไฟล์ RAW ได้ด้วยนะ

ส่วนเวลาถ่ายตอนกลางคืน ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกันตัวกล้องจะพยายามดันภาพให้สว่างขึ้นกว่าปกติ แต่ไม่ได้สว่างจนเกินไป ถ้าที่ที่มีแสงน้อยจริงๆ จะมี Noise ค่อนข้างเยอะอยู่

มาที่กล้องหน้ากันบ้าง ความละเอียด 8MP มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลากหลายเช่นเดียวกับกล้องหลัง โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพโปร, โหมดถ่ายโบเก้ มีโหมดบิวตี้ ปรับหน้าเรียว ถ้าใช้โหมดนี้ถ่ายหน้าก็จะเนียนกริบ เฉกเช่นคนสุขภาพดี ส่วนรูปที่ได้จากกล้องหน้ารู้สึกสีสว่างมากไป จนติดซีดไป อาจจะเป็นเพราะโหมดบิวตี้ส่วนนึง ส่วนโหมดโบเก้ละลายหลังก็พอได้ เบลอไม่เวอร์เกินไป

แบตเตอรี่

Nokia 4.2 ให้แบตมา 3000 mAh อแดปเตอร์ที่แถมมาให้จ่ายไฟแค่ 5W เท่านั้น (แต่เจ้าตัวนี้รองรับชาร์จไวถึง 10W) จากการใช้งานอันหนักหน่วงในหนึ่งวัน กับแบตขนาด 3000 mAh ถือว่าอยู่รอดนะ ไม่ต้องพกที่ชาร์จแบตติดตัวเพราะกลัวแบตจะหมด จากการที่ทดสอบทั้งเชื่อมต่อ WiFi, ดู YouTube, ดู Netflix, เล่นทั้งเกม PUBG และ ROV แบตยังเหลือ แต่แอบลืมตัว ตอนที่เล่นเกมเผลอชาร์จแบตเข้า ทำให้แบตเพิ่มขึ้นมา 10% แต่ถึงอย่างไรก็คิดว่าแบตแบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวันแน่ๆ

ในเรื่องการชาร์จแบต ถึงแบตจะมาเพียง 3000 mAh แต่ก็ใช้เวลาในการชาร์จอยู่นานพอสมควร เพราะอแดปเตอร์ที่แถมมาให้จ่ายไฟแค่ 5W เท่านั้นเอง จากที่ได้ลองชาร์จแบต จาก 0% ให้เต็ม 100% ใช้เวลาชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าใครมีหม้อแปลงที่จ่ายไฟมากกว่านี้ก็จะชาร์จเร็วขึ้น

 

สรุปผลการใช้งาน

Nokia 4.2 เปิดมาในราคาประหยัด เพียง 4,490 บาท สีสันดีไซน์ของตัวเครื่องก็ทำออกมาได้ดี ดูสวยเกินราคา ให้ RAM 2GB ความจุ 16GB แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวัน ถ้าไม่ได้เล่นโซเชียลหนักคืออยู่ได้ข้ามวันเลย หน้าจอขนาด 5.71 นิ้ว ไม่ได้ใหญ่หรือเล็กเกินไป ความละเอียด HD+ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียลได้อย่างสบายๆ ถ้าหาเคสมาใส่สักหน่อยจะพอดีมือมากขึ้น เรื่องของการทัชก็ไม่มีปัญหา ใช้งานได้ชิวๆ ไม่มีกระตุก หรืออาการค้างใดๆ กล้องก็ทำออกมาได้ดี แถมมีโหมดต่างๆ ให้ได้เล่น ที่สำคัญมีไฟ LED ที่ปุ่มพาวเวอร์ใช้ในการแจ้งเตือนต่างๆ และในขณะที่ชาร์จแบตเตอรี่ด้วย มีปุ่ม Google Assistant ที่สามารถกดใช้งานได้อย่างสบายๆ

แต่ถ้าใครเป็นสายเกมน่าจะไม่ค่อยเหมาะกับรุ่นนี้สักเท่าไหร่ ด้วย RAM ที่มาแค่ 2GB และชิปที่ไม่ได้แรงมากนักเลยทำให้เวลาเล่นเกมมีอาการกระตุกและหน่วง ไม่ค่อยได้อรรถรสเท่าไหร่ สีกล้องหน้าแอบซีดไปนิดนึง และเพราะเป็น Android One เลยไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรมากมาย แต่ถ้าดูเรื่องราคากับสิ่งที่ได้แล้วก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาอยู่ น่าจะเหมาะกับการซื้อไปให้พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ ที่เน้นใช้งานแบบทั่วไป ส่วนใครชอบดีไซน์แต่รู้สึกสเปคจะไม่พอใช้งานแล้วละก็ Nokia 4.2 ก็มีรุ่นอัพสเปคมาอีกหนึ่งตัว คือ RAM 3GB ความจุภายในเครื่อง 32GB ราคาอยู่ที่ 5,290 บาท ค่ะ