OnePlus Buds Z2 หูฟังไร้สายสไตล์ Truly Wireless รุ่นล่าสุดของทางค่าย ได้เปิดตัววางขายในประเทศไทยไปเมื่อ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา เคาะราคาเบา ๆ ที่ 2,999 บาท โดยส่วนตัวผู้เขียนได้แอบทดลองใช้งานเจ้า OnePlus Buds Z2 มาเป็นเวลากว่าเกือบ ๆ สองสัปดาห์ วันนี้เลยจะขอมาเขียนเล่าประสบการณ์การใช้งาน ประกอบการตัดสินใจให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันครับ

สเปค ONEPLUS BUDS Z2

  • Dynamic Driver ขนาด 11 มม.
  • รองรับ Active Noise Cancellation ตัดเสียงได้สูงสุด 40 เดซิเบล และ Transparency Mode
  • ตัวหูฟังผ่านมาตรฐาน IP55 | ตัวเคสผ่านมาตรฐาน IPX4
  • Bluetooth 5.2
  • รองรับ Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ : 7 ชั่วโมง (ปิด ANC) | 5 ชั่วโมง (เปิด ANC) | รองรับชาร์จไว Warp Charge ผ่าน USB-C
  • สีให้เลือก : ขาว Pearl White

ดีไซน์การออกแบบและความสบายในการสวมใส่

OnePlus Buds Z2 ที่ผมได้มาวันนี้จะเป็นสีขาว Pearl White ให้ความรู้สึกสวยแบบเรียบ ๆ โดย OnePlus Buds Z2 จะมาพร้อมกับดีไซน์แบบก้าน ไม่ยาวมาก เป็นพิมพ์เขียวของหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ทั่วไปในสมัยนี้

ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 4.5 กรัมเท่านั้น ทำให้ความสบายในการสวมใส่ของ OnePlus Buds Z2 นั้นดีเยี่ยมมาก ๆ ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดหูเลยแม้ว่าจะใส่ไปนาน ๆ โดยในกล่องมีจุกหูฟังแถมมาให้ทั้งหมด 3 ไซส์ (รวมที่ติดมากับหูฟัง) ได้แก่ S, M และ L

คุณภาพเสียง

OnePlus Buds Z2 มาพร้อมกับ Dynamic Driver ขนาด 11 มิลลิเมตร รองรับ Dolby Atmos คุณภาพเสียงที่ได้ถือว่าโอเค เวทีเสียงหรือ Sound Stage ให้มากว้างกว่าที่คิดเอาไว้ ฟังแล้วไม่รู้สึกอึดอัด โดยตัวหูฟังจะเน้นไปที่ย่านต่ำหรือเบสซะเป็นส่วนใหญ่ ถึงอย่างไรย่านกลางก็ยังมาเต็ม ๆ อยู่ แต่ถ้าใครชอบย่านสูง อันนี้อาจจะต้องทำใจหน่อย เพราะย่านสูงไม่ค่อยเด่นสักเท่าไหร่ในหูฟังรุ่นนี้

ระบบตัดเสียง

OnePlus เคลมว่า ระบบตัดเสียงของ Buds Z2 นั้นสามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 40 เดซิเบล ซึ่งจากที่ทดสอบมา พบว่าสามารถเอาไปใส่เดินข้างถนน นั่งบนรถไฟฟ้า หรือเดินห้างที่คนเยอะ ๆ พร้อมกับเปิดเสียงราว ๆ 50 – 60% ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงภายนอกแล้ว แต่มีข้อสังเกตนิดนึงตรงที่หากเอามือถือที่ไม่ใช่จาก OnePlus ไปเชื่อมต่อ จะดูเหมือนว่าระบบ ANC จะตัดเสียงได้ไม่ดีเท่า เมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน OnePlus

นอกจากระบบตัดเสียง ANC แล้ว ทาง OnePlus Buds Z2 ยังมาพร้อมกับ Transparency Mode หรือโหมดที่เอาเสียงภายนอกเข้ามาในตัวหูฟัง เหมาะสำหรับคนที่ใส่สัญจรไปไหนมาไหน และยังอยากได้ยินเสียงรอบข้างตัวอยู่ โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบโหมดนี้มาก ๆ เพราะตอนออกกำลังกายหรือวิ่งอยู่ สามารถพูดคุยกับคนข้าง ๆ ได้แบบไม่ต้องเอาหูฟังออก แต่ถ้าเปิดเสียงดังมาก ๆ อันนี้ก็มีแอบไม่ได้ยินอยู่นะ

การดูหนังและการเล่นเกม

เรื่องดูหนังหรือการเล่นเกมก็หายห่วง เพราะ OnePlus Buds Z2 มากับค่าความหน่วงหรือ Latency ที่ต่ำมาก ๆ เพียง 94ms เท่านั้น ทำให้ภาพและเสียงนั้น sync กัน ไม่เจอกับปัญหาภาพกับเสียงดีเลย์ไม่ตรงกัน

การควบคุม

ในส่วนของการควบคุมต่าง ๆ บน OnePlus Buds Z2 ก็สามารถทำได้โดยการแตะไปที่ตัวหูฟังดังนี้นะครับ

  • แตะหนึ่งที : หยุด – เล่นเพลง
  • แตะสองที : เพลงถัดไป
  • แตะสามที : เพลงที่ผ่านมา
  • แตะค้าง 1 วินาที : สลับโหมด Transparency  – ธรรมดา – Noise Cancellation – Max Noise Cancellation

โดยเพื่อน ๆ สามารถไปปรับเองในแอป HeyMelody (มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน Play Store และ App Store) หรือใครที่ใช้มือถือ OnePlus อยู่แล้ว ตรงนี้สามารถไปปรับได้ในหน้า Bluetooth ของหูฟังที่เชื่อมต่อได้เลย

อ้อ ตรงนี้หากใครที่ใช้สมาร์ทโฟน OnePlus แต่ในหน้า Bluetooth ไม่มีตัวเลือกแบบรูปข้างบนล่ะก็ อย่าลืมไปกดอัปเดตตัว OnePlus Buds ใน Play Store ก่อนนะครับ

ความทนทาน

OnePlus Buds Z2 ผ่านมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP55 สามารถใส่ออกกำลังกาย หรือโดนละอองน้ำหรือฝนนิดหน่อยได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องกลัวตัวหูฟังจะมีปัญหา นอกจากนี้ตัวเคสยังมีมาตรฐานทนน้ำ IPX4 อีกด้วย เรียกได้ว่าโดนน้ำ (เล็กน้อย) ได้ทั้งตัวหูฟังและเคสเลย

แบตเตอรี่

ในเรื่องของแบตเตอรี่ ทาง OnePlus Buds Z2 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้แบบยาว ๆ 6 – 7 ชั่วโมง ฟังกันแบบเพลิน ๆ ต่อเนื่องไม่ต้องเก็บใส่เคสชาร์จแบต แต่ถ้าเปิดโหมด ANC ไปด้วย จะเหลือ 4 – 5 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะอยู่ดี ใส่ดูหนังได้ประมาณสองเรื่อง

หรือหากใช้จนแบตหมดจริง ๆ ตรงนี้ทาง OnePlus Buds Z2 ก็มาพร้อมกับระบบชาร์จไว Warp Charge ผ่าน USB-C เสียบทิ้งไว้ 10 นาที ได้แบตมาใช้งานเพิ่มเติมอีก 5 ชั่วโมง

สรุปการใช้งาน OnePlus Buds Z2

หลังจากที่ได้ใช้งานเจ้า OnePlus Buds Z2 มาเกือบ ๆ สองสัปดาห์ ก็พบว่านี่เป็นหูฟังอีกหนึ่งรุ่นที่ใส่สบาย และมีคุณภาพเสียงที่ใช้ได้ตัวนึงของตลาดหูฟังไร้สายตอนนี้เลยล่ะ อีกทั้งระบบ ANC ที่ตัดเสียงเนี๊ยบมาก ๆ มีโหมด Ultra-Low Latency ในราคาเพียงแค่ 2,999 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าฟีเจอร์และ Quality ที่ได้ แทบจะทัดเทียมกับ OnePlus Buds Pro หูฟังเรือธงของทางค่ายเลยทีเดียว

โดย OnePlus Buds Z2 จะมีให้เลือกเพียงแค่สีเดียว คือสีขาว Pearl White เท่านั้น (คาดว่าสีดำ Obsidian Black จะตามมาทีหลัง) ในราคา 2,999 บาท สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์ด้านล่างเลยครับ