PICO บริษัทลูกของ ByteDance เจ้าของ TikTok ขอเข้ามาทำตลาด VR ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยสินค้าตัวแรกคือ PICO 4 แว่น VR แบบเล่นได้เลยในตัว ไม่ต้องเชื่อมกับมือถือหรือ PC ใด ๆ เพิ่มความสะดวกและความสมจริงเพราะไม่ต้องมีสายให้เกะกะ แถมยังมีขนาดกะทัดรัดและภาพชัดกว่าคู่แข่งอย่าง Quest 2 ในขณะที่ราคาพอ ๆ กัน แถมยังมีศูนย์ไทยอีกต่างหาก ถ้าใครสนใจว่า PICO 4 มีดียังไง น่าเล่นแค่ไหน ก็มาดูกันเลยจ้าา

ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักบาลานซ์ดี ไม่หนักหน้า

PICO 4 เป็นแว่น VR แบบ Standalone ซึ่งหมายความว่ามันมากับหน้าจอ เซนเซอร์ต่าง ๆ หน่วยประมวลผล และแบตเตอรี่พร้อมเล่นได้ในตัว ทำให้ไม่ต้องเสียบสายเชื่อมต่อกับ PC หรือคอนโซลใด ๆ จะเอาไปใส่เล่นที่ไหนก็ได้ (เผื่อใครบ้านแคบห้องแคบ จะเอาไปเล่นตรงสนามหน้าบ้านก็สะดวกดี)

PICO 4 มีน้ำหนักรวมแบตเตอรี่อยู่ที่ 586 กรัม แต่จากการดีไซน์เครื่องที่เอาแบตเตอรี่ไปไว้ตรงสายคาดหัวด้านหลัง ทำให้น้ำหนักตอนสวมหัวถ่วงกันแบบพอดี ๆ ด้านหน้า-ด้านหลัง ไม่ถ่วงไปฝั่งใดฝั่งนึง เวลาเล่นนาน ๆ ก็เลยไม่ค่อยเมื่อยคอเท่าไหร่ เพราะหากไปเทียบกับเจ้าตลาด Quest 2 (503 กรัม) แล้ว PICO 4 จะหนักกว่านิดนึง แต่เนื่องจาก Quest 2 รวมแบตเตอรี่ไว้กับตัวเครื่องด้านหน้าอย่างเดียว เวลาสวมหัวแล้วจะถ่วงหน้า ทำให้เราต้องคอยยกหน้าเพื่อให้เงยขึ้นตลอดเวลา เล่นนาน ๆ แล้วเมื่อยคอนั่นเองครับ

แบตเตอรี่อยู่ข้างหลังช่วยบาลานซ์น้ำหนักจากด้านหน้า

นอกจากนี้ PICO 4 ยังใช้เลนส์แบบใหม่ที่เรียกว่า Pancake Lens ซึ่งแบนกว่าเลนส์แบบ Fresnel lens ที่ใช้กับแว่น VR รุ่นก่อน ๆ หน้านี้เยอะมาก (อย่างเช่น Quest 2) ทำให้ขนาดของมันกะทัดรัดกว่ากันเยอะเลย

ตรงสายคาดหัวบริเวณใกล้ ๆ กับหู มีลำโพงอยู่ฝั่งละ 1 ตัว เสียงที่ออกมามีความดังในระดับที่พอดี ๆ คุณภาพเสียงใช้ได้เลยล่ะ แต่หากใครต้องการใช้คู่กับหูฟังมีสาย จะต้องใช้ตัวแปลง USB-C > 3.5 มม. นะครับ เพราะไม่มีรูแจ็คให้มา

สำหรับคอนโทรลเลอร์จะเป็นแท่ง ๆ ที่มีปุ่มไว้ให้ใช้นิ้วโป้งกดด้านบน มีไกปืนสำหรับใช้นิ้วชี้กดทางด้านบน และตรงตัวแท่งคอนโทรลเลอร์มีอีกปุ่มไว้ให้นิ้วกลางกด ส่วนด้านข้างมีแผ่น ๆ โค้งพันรอบ เป็นพวกเซนเซอร์ตรวจจับการเครื่องไหวของมือ

ภาพชัดระดับ 2K ต่อข้าง

หน้าจอของ PICO 4 แต่ละข้างมีความละเอียดอยู่ที่ 2160 x 2160 มากกว่าคู่แข่งอย่าง Quest 2 ที่มีความละเอียด 1832 x 1920 ทำให้การแสดงผลมีความคมกว่าละเอียดกว่า มีมุมมองที่กว้างกว่า และจากการเทียบกันด้วยตาเปล่าแล้ว ภาพของ PICO 4 มีความสว่างมากกว่านิดนึงด้วย

แต่ด้วยความที่หน้าจอมีความละเอียดมากกว่า ในขณะที่ใช้ชิป Snapdragon XR2 ตัวเดียวกันกับ Quest 2 ทำให้ PICO 4 รองรับรีเฟรชเรทได้สูงสุดที่ 90Hz เท่านั้น ในขณะที่คู่แข่งทำได้ 120Hz ถ้าเคยเล่นเกมจาก Quest 2 มาก่อน จะรู้สึกได้เลยว่ามันสมูทกว่า แต่ถ้ามาเล่น PICO 4 เลย ก็อาจจะไมไ่ด้รู้สึกอะไรมากนัก (อันนี้ก็แล้วแต่คนด้วยนะครับ เพราะรีเฟรชเรทยิ่งเยอะ ก็ยิ่งลดอาการเวียนหัวได้มากกว่าในบางเกม)

โหมด Pass-through มองทะลุแว่น

ตอนเล่นเกมอยู่ ถ้าเกิดมือถือดังขึ้นมา หรือรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้าง ๆ ก็สามารถเปิดโหมด Pass-through เพื่อใช้กล้องที่ติดอยู่ด้านหน้าในการมองบริเวณรอบ ๆ ได้ด้วย แต่ไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้เดินไปไหนมาไหนนะครับ เพราะนอกจากรีเฟรชเรทของจอไม่ได้ลื่นไหลเหมือนการมองด้วยตาจริง ๆ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้ และด้วยกล้องเป็นเลนส์ Ultrawide ทำให้มุมมองภาพผิดเพี้ยนไปบ้าง อาจจะเดินกะระยะไม่ถูก สะดุดหน้าทิ่มเอา

จะหยิบของยังต้องคลำ ๆ เพื่อกะระยะก่อน

เล่นเกมสมจริง

มาถึงความสามารถหลักของ PICO 4 ก็คือการเล่นเกม VR โดยก่อนที่เราจะเล่นเกมก็ต้องกำหนดพื้นที่ในการเล่นกันก่อน ซึ่งการกำหนดตำแหน่งจะทำแค่ครั้งเดียวในกรณีที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเล่นที่อื่นนะครับ โดยตอนเล่นเกม หากเราเดินออกไปใกล้ ๆ ขอบที่เรากำหนดไว้ จะมีกำแพงโชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ ไม่ให้เดินไปชนกำแพงจริง ๆ ให้หัวร้างข้างแตก หรือฟาดอะไรเข้าจนคอนโทรลเลอร์พัง

เล่นที่แคบ ๆ ก็ต้องคอยสังเกตกำแพงเสมือนให้ดี ๆ จะได้ไม่ฟาดอะไรพังเข้า

เล่นเกมยิงซอมบี้ Arizona Sunshine หรือเกมบู๊อย่าง SUPERHOT ก็หนุกหนานสมจริง มีให้ตกใจสะดุ้งเฮือกเวลาที่อยู่ ๆ ซอมบี้ก็โผล่มาข้างหลัง ได้ชกศัตรูข้างหน้าและหันหลังเอามีดเขวี้ยงใส่มือปืนที่แอบซุ่มยิงอยู่ ฯลฯ ได้อารมณ์ไปแบบคนละโลกจากการเล่นเกมบนหน้าจอทีวีทั่วไปจริง ๆ

ยิงซอมบี้ใน Arizona Sunshine

บู๊แบบ The Matrix ในเกม SUPERHOT

แต่บางคนก็ดูเหมือนจะไม่เหมาะกับเกมประเภท VR เอาจริง ๆ นะ เพราะลองให้น้องที่ออฟฟิศคนนึงลองเล่นดู แค่แป๊บเดียวเท่านั้น ก็เกิดอาการเวียนหัวมึนหัวอ้วกจะแตก ในขณะที่บางคนก็เล่นได้ปกติไม่มีอาการอะไร (ส่วนตัวผมเวลาเล่นเกมที่ต้องมีการเดินไปข้างหน้าเร็ว ๆ จะเวียนหัวเหมือนกัน ต้องค่อย ๆ เดิน หรือปรับการเคลื่อนไหวเป็นแบบ Teleport แทน)

ออกกำลังโคตรสนุก

นอกจากจะเล่นเกมยิงนู่นยิงนี่แล้ว พวกเกม VR แบบเน้นออกกำลังกายก็มีให้เลือกซื้อเพียบเหมือนกัน ซึ่งการออกกำลังโดยเกม VR จะช่วยเพิ่มความสนุกได้มากกว่า (สมมุตไม่มีเพื่อนไปฟิตเนสด้วย) อย่างเกม Pistol Whip ที่เป็นเกมยิงปืนตามจังหวะเพลง เวลาเล่นเราก็ต้องก้ม ๆ เงย ๆ ขยับตัวไปซ้ายมั่งขวามั่ง เล่นไปซัก 3-4 เพลงนี่ แข้งขาอ่อนกันเลยทีเดียว

หรือพวกเกมกีฬา เกม Fitness จริงจังก็มีให้เล่นเหมือนกัน เช่นเกมตีปิงปอง Eleven Table Tennis, เกมออกกำลัง OhShape Ultimate, All-in-One Sports, HOLOFIT, FitXR, เกมต่อยมวย X-Fighter, Box to the Beat อะไรแบบนี้ก็มีให้เลือกซื้อกันเพียบ

ตีปิงปองแบบสมจริงใน Eleven Table Tennis

ดูหนัง 360 องศา

เล่นกันจนเหนื่อยแล้ว จะนั่งดูหนังเพลิน ๆ แบบ 360 องศา ก็ทำได้สบาย อย่างเช่นเข้า YouTube (เป็นเว็บแอปนะครับ ไม่ใช่แอป YouTube โดยตรง) แล้วค้นหาวิดีโอ 360° ก็มีให้เลือกเพียบ จะเป็นประเภทรถไฟเหาะ, หนังผี, เดินเที่ยวธรรมชาติ ก็มีให้เลือกดูกันเยอะแยะไปหมด

เข้า YouTube ผ่านเว็บแอป

ใน YouTube มีหนัง 360° ให้ดูเพียบ

เล่นเกม VR จาก PC ก็ได้

หากใครที่มี PC สเปคโหด ๆ อยากเล่นเกม VR ที่มีกราฟิกจัดเต็มกว่า ก็สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ด้วย (แนะนำว่าเชื่อมผ่าน WiFi 5 เพื่อความเสถียร) หรือจะเสียบสาย USB-C เอาก็ได้เพื่อความเสถียรขั้นสุด แต่จะเกะกะหน่อย วิธีเชื่อมต่อก็แค่ไปดาวน์โหลดแอป Streaming Assistant จากเว็บของ PICO มาติดตั้งบน PC จากนั้นก็ดาวน์โหลด SteamVR มาติดตั้งอีกที พอเสร็จเรียบร้อยก็สามารถเล่นเกม VR ที่ซื้อจาก Steam ได้แล้ว

แบตเตอรี่ได้ราว ๆ 2 ชม.

PICO 4 มีแบตเตอรี่ขนาด 5300 mAh สามารถเล่นเกมต่อเนื่องได้ราว ๆ 2 ชม. ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับโอเคแล้ว เพราะเอาจริง ๆ เล่นนานขนาดนั้นน่าจะเวียนหัว และกล้ามเนื้ออ่อนแรงกันไปบ้างล่ะ แต่หากใครฟิตจัด ๆ อยากเล่นยาวกว่านั้นก็สามารถเสียบ Power Bank ไปเล่นไปได้ด้วยนะ 

เสียบ Power Bank เข้าพอร์ต USB-C เพิ่มเวลาเล่นก็ได้

สรุป

ข้อดี

  • เครื่องเล็กกว่า Quest 2
  • สายคาดหัวปรับขนาดง่าย
  • การออกแบบที่เอาแบตเตอรี่ไปถ่วงไว้ด้านหลังทำให้ใส่แล้วไม่หนักหน้า เล่นนาน ๆ ไม่เมื่อยคอ
  • จอสีสวย สว่าง คมชัด และมุมมองกว้างกว่า Quest 2
  • ลำโพงตรงสายคาดหัวเสียงดี เสียงทุ้ม มีมิติ
  • เล่นเกม VR จาก PC แบบไร้สายได้ หรือจะเสียบสายเล่นเพื่อเพิ่มความเสถียรก็ได้
  • โหมด Pass through มองภาพจากภายนอกเป็นสี เทียบกับ Quest 2 เป็นขาวดำ
  • ราคาเริ่มต้นถือว่าโอเคเลย แค่ 13,990 บาท แถมมีประกันศูนย์ไทย 1 ปี เทียบกับ Quest 2 เครื่องหิ้ว ราคาพอกัน ถ้ามีปัญหาต้องส่งเคลมต่างประเทศ

ข้อสังเกต

  • ไม่มีเกมสามัญประจำแว่น VR อย่าง Beat Saber
  • เกมที่ซื้อจาก PICO เล่น multiplayer ข้ามแพลตฟอร์มกับพวก Meta Quest / Steam VR ไม่ได้
  • เกมน้อยกว่าฝั่ง Meta และไม่มีเกม Exclusive ฟอร์มยักษ์อย่าง Resident Evil 4 VR หรือ Medal of Honor: Above and Beyond
  • รีเฟรชเรทน้อยกว่า Quest 2 (90Hz vs 120Hz)
  • คอนโทรลเลอร์ใหญ่กว่า Quest 2 เกะกะกว่า พกยาก
  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • ระบบตรวจจับมือเปล่า (เล่นแบบไม่ใช้คอนโทรลเลอร์) ยังไม่ดีเหมือนของ Quest 2
  • โหมด Passthrough เป็นสีก็จริง แต่ใช้เลนส์ Wide ภาพเลยมุมมองเพี้ยน ๆ หยิบจับของกะระยะยาก

ใครที่อยากเข้าสู่วงการ VR เพื่อเล่นเกมหรือจะใช้ในการออกกำลังกาย ก็บอกเลยว่า PICO 4 เป็นหนึ่งในตัวเลือก VR Headset ที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่ไม่แรงมาก แถมยังมีศูนย์บริการในไทยอย่างเป็นทางการด้วย แต่อย่างที่บอกไปว่าบางคนก็อาจจะไม่เหมาะกับเกม VR นะครับ ยังไงก็ไปลองหาหน้าร้านทดลองเล่นกันดูก่อนดีกว่า