POCO F6 Series วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในไทย พร้อมกับสเปคที่เรียกได้ว่าชวนให้สับสนกันพอสมควรเพราะ POCO F6 รุ่นมาตรฐานดันได้ชิปที่ซีรีส์ใหม่กว่าอย่าง Snapdragon 8s Gen 3 แต่กลับกันทำไม POCO F6 Pro ที่แพงกว่ากลับได้ชิปซีรีส์ก่อนอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 วันนี้เราเลยมาลองทดสอบประสิทธิภาพเกมกันแบบสั้น ๆ สรุปว่ารุ่นไหนแรงกว่ากันในงบที่ต่างกันเพียงแค่ 3,000 บาท
POCO F6 Series วัสดุต่างกันพอสมควร
POCO F6 รุ่นมาตรฐานนั้นจะมากับตัวเครื่องวัสดุพลาสติกทั้งตัวขอบเฟรม และฝาหลังจับแล้วมีความยวบ ไม่ชิดไปกับแบตเตอรี่ แต่มีข้อดีในเรื่องของน้ำหนักที่ทำได้เบาพอสมควร 179 กรัม รองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ และทนฝุ่น IP64 โดยฝาด้านหลังจะมาในพื้นแบบกึ่งเงา กึ่งด้านพ่นกลิตเตอร์เล่นแสง แต่ถ้าใครมือออกเหงื่อเยอะอาจจะมีรอยคราบมันติดได้
ส่วน POCO F6 Pro นั้นจะได้วัสดุที่พรีเมียมกว่าพอสมควร ทั้งฝาหลังวัสดุกระจกโค้ง 4 ด้านพิมพ์ลวดลายหินอ่อน และได้ขอบเฟรมแบบโลหะที่ให้สัมผัสเหมือนมือถือเรือธงจริง ๆ แต่ก็แลกมาด้วยตัวเครื่องที่หนากว่าประมาณ 2 มิลลิเมตร และหนักกว่าพอสมควร 209 กรัม และรองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ ทนฝุ่นเพียง IP54 เท่านั้น
POCO F6 Series จอ – ลำโพงต่างกันแค่ไหน
POCO F6 Series หากเทียบกันที่จอแสดงผลแล้ว จอ Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ลื่นไหล 120Hz ของทั้งสองรุ่น มีสีสันที่แทบไม่ได้ต่างกันเลย รองรับการแสดงผล HDR10+ และ Dolby Vision เหมือนกัน แต่เรื่องของความสว่างในโหมด HDR รุ่น Pro ถือว่ากินขาด เพราะตัวจอรองรับความสว่างเฉพาะจุดที่ 4,000 nits อีกทั้งยังได้ความละเอียดที่สูงกว่า WQHD+ (3200×1440 พิกเซล) ดูคอนเทนต์ได้แบบคมกริบสุด ๆ
ส่วนรุ่นมาตรฐานถึงแม้ว่าจะไม่คมชัด หรือสว่างเท่ารุ่นพี่ แต่ก็ดีพอที่จะไปขิงกับรุ่นอื่นได้ เพราะมากับความละเอียด 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) สว่างสูงสุดที่ 2,400 nits และแสดงผลได้ที่ 6.8 หมื่นล้านสีเหมือนรุ่นพี่ อีกทั้งยังได้กระจกทนรอยที่ดีกว่าอย่าง Gorilla Glass Victus ในขณะที่รุ่น Pro ได้แค่ Gorilla Glass 5 เท่านั้น
ด้านระบบเสียงทั้งสองรุ่นให้ลำโพงคู่ ที่รองรับทั้ง Hi-Res Audio และ Dolby Atmos เหมือนกัน ซึ่งจากที่ลองทดสอบฟังเพลงเดียวกัน POCO F6 รุ่นมาตรฐานถือว่าทำเสียงออกมาได้ดีกว่าพอสมควร ทั้งความดัง เสียงเบสที่ได้ยินชัดเจน ส่วน POCO F6 Pro เสียงจะเน้นไปในโทนใส ๆ มากกว่า
กล้องหลัง 50MP ที่ไม่เหมือนกัน
POCO F6 และ F6 Pro มากับชุดกล้องหลังที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร ซึ่งใน POCO F6 รุ่นมาตรฐานจะได้ใช้เซนเซอร์กล้องอย่าง Sony IMX882 มีขนาดเซนเซอร์ที่ 1/1.95″ มีกันสั่น OIS ให้ และเมื่อลองใช้งานถ่ายดูแล้วคุณภาพก็ไม่ขี้เหร่ เพียงอาจจะเก็บรายละเอียด และ Dynamic Range ได้ไม่สู้รุ่น Pro
ในทางกลับกัน POCO F6 Pro จะได้ใช้เซนเซอร์ Light Fusion 800 ที่จับมือพัฒนาร่วมกับ Omnivision มาในขนาดเซนเซอร์ 1/1.55″ ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นมาตรฐาน ทำให้เก็บแสง Dynamic Range ต่าง ๆ ได้ดีกว่าพอสมควร และมีกันสั่น OIS มาให้เหมือนกัน
ส่วนเลนส์ Ultrawide ของ POCO F6 และ F6 Pro นั้นใช้ IMX355 ความละเอียด 8MP ตัวเดียวกัน ซึ่งภาพรวมถ่ายออกมาแล้วดูไม่ค่อยแตกต่างสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ในรุ่น Pro ยังมีเลนส์ Macro 2MP เอาไว้ใช้ถ่ายขำ ๆ แต่ถ้าเน้นจริงจังใช้ระบบ In-Sensor Zoom จากกล้องหลักจะได้ภาพที่ออกมาดูดีกว่าพอสมควร
และที่สำคัญคือด้วยความที่ Snapdragon 8 Gen 2 ที่ใช้ในรุ่น Pro นั้นถูกวางเซกเมนต์เอาไว้เป็นเรือธง สูงกว่า Snapdragon 8s Gen 3 อยู่ประมาณครึ่งก้าว ทำให้ได้หน่วยประมวลผลภาพถ่าย Triple 18-bit ISP ที่เหนือกว่า ทำให้ POCO F6 Pro สามารถถ่าย และเล่นวิดีโอความละเอียด 8K@24FPS ได้ แต่รุ่นมาตรฐานจะรองรับสูงสุดแค่ 4K@60FPS
POCO F6 และ F6 Pro ชิปต่างกัน เล่นเกมต่างกันมั้ย
ชิป Snapdragon 8s Gen 3 บน POCO F6 และชิป Snapdragon 8 Gen 2 บน POCO F6 Pro น่าจะเป็นจุดที่ทำให้หลาย ๆ คนสับสนมากที่สุด เพราะนอกจากความแรงที่ใกล้เคียงมาก ๆ เลขซีรีส์ยังชวนทำให้สับสนกันพอสมควร เราเลยนำตัวเครื่องทั้งสองรุ่นไปสอบพลังดิบบน Geekbench 6 ผลออกมาดังนี้
Geekbench 6 (single-core)
- POCO F6 Pro: Snapdragon 8 Gen 2 : 1,412 คะแนน
- POCO F6: Snapdragon 8s Gen 3 : 1,708 คะแนน
Geekbench 6 (Multi-core)
- POCO F6 Pro: Snapdragon 8 Gen 2 : 5,042 คะแนน
- POCO F6: Snapdragon 8s Gen 3 : 4,418 คะแนน
ซึ่งจากผลทดสอบจะเห็นได้ว่า POCO F6 Pro มีพลังประมวผลแบบ Multi-Core ที่แรงกว่านิดหน่อย และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ด้วยความที่ Qualcomm วางตลาด Snapdragon 8 Gen 2 ไว้สูงกว่า Snapdragon 8s Gen 3 ที่เป็นชิปเซตสำหรับมือถือนักฆ่าเรือธง ทำให้ชิป SD 8 Gen 2 มีข้อได้เปรียบตรงจีพียู Adreno 740 ที่แรงกว่า ทำให้ประมวลผลกราฟิกในเกมได้ดีขึ้นในทางทฤษฎีนั่นเอง
ส่วนการใช้งานเล่ม เราก็ได้ทดสอบลองเล่นเกมที่หลาย ๆ คนว่ากินทรัพยากรเครื่องแบบโหด ๆ ทั้ง PUBG Mobile, Genshin Impace, Arena Breakout และ Call of Duty Warzone ซึ่งผลทดสอบก็ออกมาเป็นดังนี้
ทดสอบเกม PUBG Mobile
POCO F6 รุ่นมาตรฐานนั้นสามารถปรับกราฟิกได้ 2 แบบ ถ้าอยากเล่นแบบภาพสวยจะสามารถปรับได้ที่โหมด Ultra HD + เฟรมเรตระดับ Ultra (45FPS) แต่ถ้าอยากเล่นแบบลื่นไหนสามารถปรับได้ที่โหมดสมดุล + เฟรมเรต 120FPS ซึ่งจากการเล่นในโหมดเฟรมเรตสูงแล้วพบว่าเฟรมเรตวิ่งอยู่ที่ราว ๆ 100 – 120FPS และรักษาอุณหภูมิของตัวชิปไว้ได้ไม่เกิน 41 องศาฯ
POCO F6 Pro ก็สามารถปรับตั้งค่าตัวเกมได้เหมือนกันกับ POCO F6 เช่นกัน ซึ่งจากที่ได้ทดสอบลองเล่นมาในโหมดสมดุล + เฟรมเรต 120FPS ผลทดสอบออกมาก็แทบไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนอุณหภูมิตัวชิปเซตก็อยู่ที่ระหว่าง 40 – 41 องศาฯ เรียกได้ว่าต่างกันน้อยมาก ๆ
ทดสอบเกม Genshin Impact
POCO F6 และ POCO F6 Pro สามารถปรับโหมดกราฟิกที่ระดับสูงสุด พร้อมเปิดเฟรมเรตไว้ที่ 60FPS เท่ากันทั้งสองรุ่น ผลปรากฏว่าสามารถทำเฟรมได้ใกล้เคียงกันมาก ๆ ที่ราว ๆ 57 – 58FPS แต่ Snapdragon 8s Gen 3 เฟรมเรตอาจมีจังหวะที่ร่วงลงไปที่ 55 – 56FPS บ้าง ส่วนอุณหภูมิหากเล่นทั่วไปจะพีคสุด ๆ ไม่เกิน 42 องศา แต่ถ้ามีการอัดหน้าจอร่วมด้วยอาจพุ่งไปถึง 45 องศาเลย
ทดสอบเกม Arena Breakout
สำหรับเกมอย่าง Arena Breakout ทั้งสองรุ่นรองรับการเล่นที่โหมดกราฟิกสูงสุด Ultra HD + 120FPS ได้ทั้งสองรุ่น แต่การเล่นจริง ๆ นั้นจะสามารถคุมเฟรมเรตไว้ได้ที่ 120FPS ในช่วง 3 นาทีแรกเท่านั้น
พออุณหภูมิเครื่องเริ่มแตะที่ 43 องศา เฟรมเรตก็จะดรอปลงมาเหลือเพียงแค่ 60FPS ตามมาตรฐาน ซึ่งหากมีการอัดจอร่วมด้วยอุณหภูมิอาจสูงถึง 46 องศาฯ เลยทีเดียว ดังนั้นแนะนำให้ลองปรับลดกราฟิกลงมาที่ HDR HD จะเล่นได้ดีกว่าพอสมควร
ทดสอบเกม Call of Duty Warzone
POCO F6 และ POCO F6 Pro รองรับการเล่น Call of Duty Warzone ที่โหมดความละเอียดสูง + เฟรมเรต 60FPS ได้แบบลื่น ๆ ที่ราว ๆ 54 – 60FPS แต่รุ่นมาตรฐานนั้นมีบางจังหวะที่ร่วงไปแตะ 48 – 49FPS บ้าง ส่วนความร้อนถือว่าค่อนข้างสูงในขณะเล่นประมาณ 42 องศา และถ้ามีการอัดจอร่วมด้วยอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 44 องศา
แต่เนื่องจากว่าตัวเกมมีการสตรีมพวก Asset ต่าง ๆ ในเกมไปพร้อม ๆ กัน และยังมีปัญหาในเรื่องการ Optimized ให้เข้ากับมือถือยังไม่ดีพอ ทำให้บางครั้งระหว่างการเล่นมีอาการกระตุกประมาณ 1 – 2 วินาทีเป็นพัก ๆ ซึ่งชวนให้หงุดหงิดพาสมควร อาจจะต้องรอกันอีกสักพักกว่าตัวเกมจะมีการพัฒนา และเล่นได้ดีขึ้น
ตารางเทียบสเปค POCO F6 Series
ตารางเทียบสเปค | POCO F6 | POCO F6 Pro | |
จอภาพ | ประเภท | จอ CrystalRes Flow AMOLED ความสว่างสูงสุด 2,400 นิต รองรับ HDR10+ / Dolby Vision | จอ CrystalRes Flow AMOLED ความสว่างสูงสุด 4,000 นิต รองรับ HDR10+ / Dolby Vision |
ขนาด | 6.67 นิ้ว | ||
ความละเอียด | 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) | WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) | |
อัตรารีเฟรช | 120Hz | 120Hz | |
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Snapdragon 8s Gen 3 | Snapdragon 8 Gen 2 |
หน่วยความจำ LPDDR5x | 8GB / 12GB | 12GB / 16GB | |
สตอเรจ UFS 4.0 | 256GB / 512GB | 256GB / 512GB / 1TB | |
ระบบปฏิบัติการ | HyperOS บนพื้นฐาน Android 14 | ||
กล้อง | กล้องหลัก | IMX882 50MP (f/1.59) | Light Fusion 800 50MP (f/1.6) |
กล้อง Ultrawide | IMX355 8MP (f/2.2) | ||
กล้อง Depth | – | 2MP (f/2.4) | |
กล้องหน้า | 20MP | 16MP | |
เสียง | ลำโพง | ลำโพงสเตอรีโอ Hi-Res Audio Dolby Atmos | |
เครือข่าย | เทคโนโลยี | 5G | |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi | Wi-Fi 6E | Wi-Fi 7 |
Bluetooth | 5.4 | 5.3 | |
การเชื่อมต่ออื่น ๆ | NFC IR Blaster USB Type-C 2.0 | ||
แบตเตอรี่ | ความจุ | 5,000 mAh | |
การชาร์จ | 90W | 120W | |
ตัวเครื่อง | สแกนลายนิ้วมือ | ใต้หน้าจอ | |
มาตรฐานทนน้ำ | IP64 | IP54 | |
ขนาด | 160.5 x 74.4 x 7.8 มม. | 160.86 x 74.95 x 8.21 มม. | |
น้ำหนัก | 179 กรัม | 209 กรัม |
สรุป POCO F6 Series เล่นเกมต่างกันมั้ย?
สำหรับการเล่นเกมบน POCO F6 และ POCO F6 Pro จริง ๆ แล้วแทบไม่ได้ต่างกันมากถึงขนาดนั้น ทั้งในเรื่องของเฟรมเรต และอุณหภูมิของตัวชิปเซต (จากที่ได้ลองสังเกตต่างกันแค่เพียง 1 – 2 เฟรมเรตเท่านั้น)
ส่วนเรื่องของความร้อนนั้นด้วยความที่วัสดุของรุ่น POCO F6 Pro ใช้ขอบเฟรมตัวเครื่องเป็นวัสดุโลหะ ทำให้นำความร้อนได้ดีกว่า POCO F6 ที่เป็นพลาสติก เวลาจับมือถือเล่นเกมไปสักระยะจะรู้สึกได้เลยว่าไม่สบายมือพอสมควร แต่ภาพรวมต้องบอกตรง ๆ เลยว่ามันแทบไม่ต่างกันมากจริง ๆ
ดังนั้นระหว่าง POCO F6 และ POCO F6 Pro ใครชอบรุ่นไหนก็เลือกกันได้ตามสะดวก ถ้าใครมีงบจำกัด เน้นเล่นเกมอย่างเดียว เลือกเป็นรุ่นมาตรฐานน่าจะคุ้มค่ากับราคามากที่สุด แต่ถ้าใครสามารถเพิ่มเงินได้อีกนิดหน่อย POCO F6 Pro ก็จะได้ในเรื่องของงานประกอบ และวัสดุที่ดีกว่ามาก ๆ ได้กล้องหลักที่ดีกว่า และ GPU ที่แรงกว่า รวมถึงชาร์จได้เร็วกว่าพอสมควร ดังนั้นใครชอบรุ่นไหนก็เลือกได้ตามสะดวกเลยนะ
ราคา และการวางจำหน่าย
POCO F6 เข้าไทย 3 สี คือ ดำ (Black) เขียว (Green) และไทเทเนียม (Titanium) ส่วน POCO F6 Pro มี 2 สี คือ ดำ (Black) และขาว (White) ทั้งสองรุ่นวางจำหน่ายแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
POCO F6
- ความจุ 8GB + 256GB – 12,990 บาท
- ความจุ 12GB + 512GB – 14,990 บาท
POCO F6 Pro
- ความจุ 12GB + 256GB – 15,990 บาท
- ความจุ 12GB + 512GB – 17,990 บาท
- ความจุ 16GB + 1TB – 19,990 บาท
ช่วยเช็ค เซ็นเซอร์กล้องหลักใหม่หน่อยคับ อ่านแล้วเหมือนสลับกันไปมา
"POCO F6 และ F6 Pro มากับชุดกล้องหลังที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร ซึ่งในรุ่น POCO F6 จะได้ใช้เซนเซอร์ Light Fusion 800 ที่จับมือพัฒนาร่วมกับ Omnivision"
"ซึ่งในทางกลับกันในรุ่นมาตรฐานจะได้ใช้เซนเซอร์กล้องอย่าง Sony IMX882 ซึ่งขนาดเซนเซอร์เล็กกว่าอยู่ที่ 1/1.95″ มีกันสั่น OIS ให้เหมือนกัน และเมื่อลองใช้งานถ่ายดูแล้วคุณภาพก็ไม่ขี้เหร่ เพียงอาจจะเก็บรายละเอียด และ Dynamic Range ได้ไม่สู้รุ่นใหญ่นัก"
แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณครับผม