POCO M6 Pro ซีรีส์ยอดนิยมสำหรับคอเกมงบประหยัดกลับมาอีกครั้ง พร้อมสเปคที่ยังคงให้มาแบบจัดเต็มเหมือนเช่นเคย ซึ่งในราคาเริ่มต้น 8,000 บาท ได้ทั้งจอ AMOLED ที่ขอบบางสมมาตรกันเกือบทุกจุดขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมระบบกันสั่น OIS กับชิป 4G ตัวแรงที่สุดอย่าง Helio G99 Ultra และยังได้ดีไซน์ตัวเครื่องหล่อ ๆ อีกด้วย
POCO M6 Pro ดีไซน์หล่อเกินราคา
POCO M6 Pro มาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์เหลี่ยมทันสมัย รองรับมาตรฐานทนน้ำ IP54 แถมยังน้ำหนักเบามาก ๆ เพียง 179 กรัมเท่านั้น บาลานซ์น้ำหนักได้ดี เล่นเกมนาน ๆ ไม่ปวดมือ ซึ่งนอกเหนือจากความเบาแล้ว ตัวเครื่องยังบางเพียง 7.98 มม. เท่านั้น
สีที่ได้มารีวิวในรอบนี้ คือสีไฮไลต์อย่างสีฟ้า Blue โดยดีไซน์ฝาหลังจะมาในรูปแบบทูโทน ฝั่งด้านบนจะใช้วัสดุเงางาม พร้อมโชว์ลวดลายตารางสุดเท่เมื่อเจอแสง ส่วนครึ่งล่างจะเป็นลวดลายแบบด้าน และพิเศษในสีฟ้ายังตัดด้วยขอบเฟรม และโมดูลกล้องสีดำ เสริมความเท่ให้กับตัวเครื่อง แต่ใครที่ไม่ชอบสีที่ดูดุเกินไปรอบนี้ยังมีสีม่วง Purple ให้เลือกกันเพิ่มเติมด้วย
ในส่วนของปุ่มต่าง ๆ นั้น ด้านซ้ายของตัวเครื่องมากับถาด SIM Card แบบ Hybrid Slot เลือกใส่ microSD เพิ่มความจุ หรือจะใส่เป็นซิมที่ 2 ก็ได้ ส่วนด้านขวาเป็นปุ่มเพิ่ม / ลดเสียง พร้อมปุ่ม Power
ด้านบนตัวเครื่องมีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม., ช่องลำโพง, เซนเซอร์ IR Blaster และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างมีช่องลำโพงสนทนาหลัก, พอร์ต USB-C และช่องลำโพงอีก 1 ตัว
ได้จอ Flow AMOLED ขอบบางเฉียบ พร้อมลำโพงคู่ Dolby Atmos
นอกจากดีไซน์จะแจ่มแล้ว POCO M6 Pro ยังได้จอแสดงผล Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ที่ความละเอียดชัดแจ๋ว Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับรีเฟรชเรต 120Hz ทัชลื่นไหลติดนิ้ว อีกทั้งยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ครอบทับด้วยกระจกทนรอย Gorilla Glass 5
นอกจากสเปคจอที่ให้มาแล้วจอแสดงผลมาเต็มที่แล้ว ในรุ่นนี้ยังได้จอที่ขอบบางมาก ๆ ไม่มีคางยื่นออกมาให้เกะกะสายตา แถมจอในรุ่นนี้ยังเป็นจอที่แนบสนิทไปกับตัวเครื่อง ไม่มีขอบพลาสติกยื่นออกมาระหว่างจอกับขอบตัวเครื่อง ช่วยเสริมให้ตัวเครื่องดูพรีเมี่ยมมากขึ้น
ส่วนสีสันก็ทำได้ดีตามมาตรฐานจอ OLED สีสวยสด สีดำมืดสนิท แต่น่าเสียดายที่รองรับวิดีโอความละเอียดสูงสุดบน YouTube แค่ 1440P@60Hz เท่านั้น ไม่รองรับ 4K และการแสดงผลแบบ HDR เพราะข้อจำกัดในด้านชิปประมวลผล แต่รุ่นนี้รองรับ Widevine L1 นะ สามารถใช้ดู Netflix ที่ความละเอียด Full HD ได้เลย
ด้านระบบเสียงในรุ่นนี้ให้ลำโพงคู่ พ่วงด้วยระบบ Dolby Atmos ให้เสียงที่มีมิติมากขึ้น ส่วนคุณภาพเสียงถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีเสียงทุ้มให้ฟังเพลง ดูหนังพอสนุก แต่ถ้าเร่งเสียงดังเต็มหลอดอาจจะมีความแตก ๆ นิดหน่อย แต่สำหรับใครที่ชอบใช้หูฟังในรุ่นนี้มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. มาให้ อีกทั้งยังรองรับหูฟังไร้สายแบบ LDAC ด้วย
ชิป Helio G99 Ultra เป็นไง เล่นได้ทุกเกมมั้ย?
MediaTek Helio G99 Ultra เป็นชิปเช็ตที่มีการปรับ Optimized เพิ่มเติมให้กับมือถือ POCO โดยเฉพาะ และจากการนำตัวเครื่องไปทดสอบใน Geekbench 6 จะได้คะแนนอยู่ที่ 732 แบบ Single Core และ 2004 แบบ Multi-Core ซึ่งเมื่อเทียบกับมือถือแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้ชิปเดียวกัน ความจุ RAM เท่ากันแล้ว คะแนนแทบไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่
สเปค POCO M6 Pro
- จอภาพ Flow AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว
- ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล
- อัตรารีเฟรช 120Hz
- ความสว่างสูงสุด 1300 นิต
- ขอบเขตสี 100% ของ DCI-P3
- ชิปเซต Helio G99-Ultra
- หน่วยความจำ LPDDR4x 8 / 12GB
- สตอเรจ UFS 2.2 สูงสุด 256 / 512GB
– รองรับ microSD card สูงสุด 1TB - กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 64MP (f/1.79), ระบบกันสั่น OIS และ EIS
- กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2), มุมกว้าง 118 องศา
- กล้องมาโคร 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 16MP (f/2.45)
- ลำโพงสเตอรีโอ
- รองรับ Hi-Res Audio / Dolby Atmos
- เครือข่าย 4G
- การเชื่อมต่อ
- Wi-Fi 802.11/a/b/g/n/ac
- Bluetooth 5.2
- NFC
- IR Blaster
- พอร์ต
- USB-C
- ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จไว 67W
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ)
- ทนน้ำทนฝุ่น IP54
- ระบบปฏิบัติการ MIUI 14 บน Android 13
- ขนาด 161.2 x 74.95 x 7.98 มม.
- น้ำหนัก 179 กรัม
สำหรับการใช้งานทั่วไปนั้น อย่างที่รู้กันว่า Helio G99 ถือเป็นชิปที่น่าจะแรงที่สุดแล้วในกลุ่มสมาร์ทโฟน 4G ราคาประหยัด ทำให้การใช้งานทั่วไปลื่นไหล จะเล่นเฟสบุ๊ก ติ๊กต็อก ก็ไม่มีปัญหา และด้วยจำนวน RAM ที่ให้มาเยอะ ทำให้การสลับใช้งานแอป หรือเปิดแอปหลายหน้าต่างทำงานได้ดีพอสมควร สำหรับการเล่นเกมนั้น เราได้ทดสอบทั้งหมด 3 เกม ดังนี้
ROV
POCO M6 Pro รองรับการเล่น ROV ได้ที่โหมดกราฟิกสูงสุดด้วยความละเอียดแบบ Ultra แต่จะล็อกคุณภาพภาพฟิกไว้ที่โหมด Medium+ เท่านั้น ไม่สามารถปรับไปในโหมด HD ได้เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์
แต่อย่างไรก็ตาม พอเล่นจริงแล้วตัวเครื่องสามารถรันตัวเกมด้วยโหมดกราฟิกดังกล่าวได้ที่ 60 – 58FPS แบบนิ่ง ๆ ถึงแม้จะมีช่วงรุมปล่อยสกิลหนัก ๆ ก็ตาม เล่นติดต่อกัน 2 แมตช์ ก็ไม่มีปัญหาประสิทธิภาพตกให้เห็น
PUBG MOBILE
PUBG Mobile เป็นอีก 1 เกมที่จำกัดการเปิดโหมดกราฟิกไว้ที่ HD และเฟรมเรตระดับสูงสุดที่ High (ล็อกไว้ที่ 30FPS) แต่ถ้าอยากเล่นด้วยเฟรมเรตที่ลื่นขึ้นมาหน่อย จะต้องเลือกโหมด Balance เพราะจะปลดล็อกตัวเลือกโหมดเฟรมเรต Ultra 40FPS ให้
ซึ่งจากการทดลองเล่นในโหมด Balance + โหมดเฟรมเรต Ultra ก็ถือว่าเกาะไว้ที่ระดับ 38 – 36FPS ได้แบบสบาย ๆ แถมตัวเครื่องยังรองรับฟีเจอร์ Gyro จับทิศทางตัวเครื่องเพื่อช่วยในการเล็งได้ด้วย
Genshin Impact
POCO M6 Pro รองรับการเล่น Genshin Impact ได้ แต่ทั้งนี้อาจจะต้องระวังเรื่องการปรับโหมดกราฟิกให้เหมาะสมกับตัวเครื่อง โดยตัวเกมแนะนำให้เราปรับไว้ที่โหมด Low Setting ส่วนการเล่นจริง ๆ ในโหมด Low Setting พร้อมตั้งค่าเฟรมเรตไว้ที่ 60FPS นั้น ตัวเกมสามารถรันได้ที่ประมาณ 50 – 48FPS
หากอยู่ในฉากปิดที่ไม่ต้องการแรงประมวลผลมาก แต่เมื่อไหร่ที่มีการวิ่งในพื้นที่กว้าง ๆ เฟรมเรตจะตกไปอยู่ที่ราว ๆ 48 – 40FPS ขึ้นอยู่ว่าในพื้นที่ตรงนั้นจะมีมอนสเตอร์เยอะแค่ไหน เอฟเฟกต์การโจมตีเยอะมากรึเปล่า แต่ภาพรวมในแมพช่วงต้นเกมถือว่าเล่นไหว แต่ถ้าในแมพหลัง ๆ อาจจะหืดจับกันพอสมควร
กล้อง 64MP ถ่ายสวยใช้ได้
ถึงแม้จะรุ่นนี้จะเป็นมือถือที่เน้นประสิทธิภาพด้านการเล่นเกมเป็นหลัก แต่กล้องที่ POCO M6 Pro ให้มาก็ถือว่าครบทุกระยะ ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป โดยให้กล้องหลังมา 3 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลัก 64MP มีกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้อง Macro 2MP อีกทั้งยังรองรับการซูมแบบ Lossless Zoom ที่ 2 เท่า แม้ไม่มีกล้อง Telephoto แต่ก็ยังถ่ายระยะใกล้ได้คมชัด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง POCO M6 Pro
ภาพถ่ายจากกล้องของ POCO M6 Pro จะมาในโทนฟุ้ง ๆ สีสันจัดจ้านจากวัตถุจริง ๆ พอสมควร ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ จะมีการปรับแต่งจนรู้สึกว่าอาจจะมีความคมเกินไปหน่อยและ Dynamic Range ไม่กว้างมาก ส่วนกล้อง Ultrawide 8MP อาจจะยังเก็บรายละเอียดได้ไม่มาก พบ Noise และ Dynamic Range แคบไปในบางครั้งแต่ภาพรวมก็ถือว่าพอใช้ได้สำหรับมือถือกลุ่มราคานี้
แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมในรุ่นนี้คือเรื่องของการถ่ายภาพกลางคืนที่ทำได้ในระดับที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจ เรียกแสง และรายละเอียดกลับมาได้พอสมควร แต่ก็พบ Noise บ้างประปราย แต่ในราคาเท่านี้ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ แล้ว ส่วนโหมด Portrait ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ตัดขอบเบลอได้ในเรียบร้อยระดับหนึ่ง หากฉากหลังไม่มีวัตถุเยอะจนเกินไป แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับในระยะ Lossless Zoom 2x
ส่วนกล้อง Macro 2MP ส่วนตัวคิดว่านำมาใช้ถ่ายขำ ๆ อาจจะพอได้ แต่ถ้าใช้จริงจัง ด้วยความที่ความละเอียดไม่สูงมากภาพที่ได้อาจจะไม่คมชัดสักเท่าไหร่ แนะนำให้ใช้โหมด Lossless Zoom จากกล้องหลักในการถ่ายจะได้ภาพที่คมชัดกว่า และสีสันดีกว่าพอสมควร
ส่วนกล้องหน้า 16MP ถือว่าถ่ายสวยพอสมควรสำหรับสายเซลฟี่ มีโหมด Beauty ช่วยปรับผิว กลบรอยสิวให้ครบ ๆ นอกจากนี้ยังรองรับในโหมด Portrait อีกด้วย เรียกได้ว่าถึงแม้จะเป็นมือถือที่ลุคดูเกมมิ่ง แต่ถ่ายคนได้สวยใช้ได้เลย
ตัวอย่างงานวิดีโอจากกล้อง POCO M6 Pro
POCO M6 Pro รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080P@60FPS ส่วนการกันสั่นจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในโหมด 1080P@30FPS ซึ่งถือว่าช่วยการกันสั่นในการเดินลงเท้าได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แอบมีย้วยบ้างในบางจังหวะ ส่วนคุณภาพวิดีโอก็คล้าย ๆ สไตล์ภาพถ่าย ภาพจะดูฟุ้ง ๆ และปรับ Sharpness ให้ดูเกินจริงพอสมควร
ส่วนกล้องหน้าในรุ่นนี้รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080P@60FPS รองรับการถ่ายในโหมดกันสั่น EIS ที่ระยะ 1080P@30FPS เช่นกัน แถมยังมีวิดีโอโหมด Beauty ให้เลือกถ่าย แต่ภาพในวิดีโอจะถูกครอปเข้ามาพอสมควร และรองรับการถ่ายพร้อมโหมด Beauty ที่ความละเอียดสูงสุดเพียง 720P@30FPS เท่านั้น
แบตเตอรี่อึด 5,000 mAh อยู่รอดตลอดวัน
สำหรับใครที่สงสัยว่าแบตเตอรี่ POCO M6 Pro อึดรึเปล่า จากการทดลองใส่ซิม 4G ใช้งานหนัก ๆ ทั้งวัน ทั้งเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ เปิดเทสต์ 3D Mark ที่กินทรัพยากรตัวเครื่องสุด ๆ ไปประมาณ 40 นาที วิดีโอคอลผ่าน Facebook Messenger ไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ในระยะเวลา Screen-On ประมาณ 6 ชั่วโมง แบตเตอรี่เหลือที่ 9% และสแตนด์บายไปได้ทั้งหมดเกือบ ๆ 18 ชั่วโมงเลยทีเดียว
นอกจากนี้ POCO M6 Pro ยังรองรับระบบชาร์จไว Turbo Charge ผ่านสาย USB-C ที่ความเร็ว 67W ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าสามารถชาร์จได้จาก 1 – 100% โดยใช้เวลาเพียง 44 นาทีเท่านั้น วันไหนลืมชาร์จแบตมือถือก็ไม่ต้องรอนานมาก
สรุปการใช้งาน POCO M6 Pro
POCO M6 Pro ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำสเปคออกมาได้ค่อนข้างครบรสในงบหลักพันปลาย ๆ เพราะได้ทั้งจอคุณภาพดี ลำโพงคู่มีมิติ ได้ชิปประสิทธิภาพที่พอใช้งานได้ครบทั้งการเล่นเกม และใช้งานทั่วไป อีกทั้งยังได้กล้องหลังครบ ๆ มีเลนส์ Ultrawide 8MP ไว้ถ่ายมุมกว้างได้สวย ๆ อีกทั้งยังได้ตัวเครื่องที่น้ำหนักเบา และทนละอองน้ำ IP54 ด้วย
แต่สิ่งที่ยังต้องพิจารณาสำหรับรุ่นนี้คือกล้องถ่ายภาพที่อาจจะทำได้แค่ในระดับมาตรฐานในช่วงราคานี้ ส่วนในงานวิดีโอคุณภาพก็อาจจะยังไปได้ไม่สุด เพราะประสิทธิภาพการกันสั่นที่อาจจะไม่เก่งนัก แถมระบบปฏิบัติการที่ได้ ยังคงใช้เป็นเวอร์ชั่นเก่าอย่าง MIUI 14 ไม่ใช่ HyperOS ที่หลาย ๆ คนหวังไว้นั่นเอง
ข้อดีของ POCO M6 Pro
- อุปกรณ์ครบกล่องใช้งานได้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
- มีกล้องหลังครบทุกระยะ ครอบคลุมทุกการใช้งาน
- โหมดถ่ายภาพกลางคืนทำได้ดีเกินราคา
- แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ทั้งวัน
- รองรับชาร์จไว 67W
- ได้จอ Flow AMOLED DotDisplay คุณภาพเยี่ยม
- ได้ลำโพงคู่ แยกมิติเสียงดี
- เล่นเกมฮิตได้ครบ (ต้องปรับกราฟิกให้เหมาะสม)
- ตัวเครื่องทนละอองน้ำ ละอองฝุ่น IP54
- ความจุเยอะ แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น 256GB
- ตัวเครื่องบาง เบา บาลานซ์น้ำหนักได้ดี
จุดพิจารณาของ POCO M6 Pro
- กล้องถ่ายภาพคุณภาพกลาง ๆ เลนส์ Ultrawide เก็บรายละเอียดได้น้อย
- กันสั่นได้ไม่มาก ภาพย้วยเป็นจังหวะเวลาลงเท้า
- ระบบยังเป็น MIUI 14 บน Android 13 อยู่
ราคา และการวางจำหน่าย
POCO M6 Pro วางจำหน่ายในไทยแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีฟ้า Blue, สีม่วง Purple และสีดำ Black แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ตามขนาดหน่วยความจำ ดังนี้
- รุ่น RAM 8GB + 256GB ราคา 7,999 บาท
- รุ่น RAM 12GB + 256GB ราคา 8,999 บาท
ชี้เป้าลิงก์ซื้อ POCO M6 Pro
- Shopee: https://bit.ly/4aUUnfo
- Lazada: https://bit.ly/4aTiBqg
Comment