realme 11 Pro Series มือถือดีไซน์หรู ซึ่งนอกจากจะมาด้วยกรอบหลังหนังวีแกนที่ทางแบรนด์ได้ร่วมออกแบบกับดีไซเนอร์ชื่อดังของ GUCCI แล้ว ยังมาพร้อมจุดเด่นกล้อง 200MP มีกันสั่น SuperOIS ซูมแบบเหนือระดับ ชิปเซ็ต Dimensity 7050 แบตเตอรี่จุ 5000mAh ชาร์จไว 100W SUPERVOOC ด้วย โดยรุ่นที่เรานำมารีวิววันนี้ได้แก่ realme 11 Pro + และ realme 11 Pro ค่ะ
รุ่นที่เราได้มาวันนี้คือ realme 11 Pro + 5 G และ realme 11 Pro ซึ่งเราจะมารีวิวให้ดูกันชัด ๆ ว่าสองรุ่นนี้จะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
แกะกล่อง realme 11 Pro Series
อุปกรณ์ realme 11 Pro Series ที่ให้มาในกล่องก็จะมีที่ชาร์จ เคสใส เอกสารคู่มือต่างๆ, เข็มจิ้มซิม เพียงเท่านั้น
realme 11 Pro + 5 G
กรอบหลังสวย ลักชัวรี่ ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง GUCCI
realme 11 Pro + 5 G มีด้วยกันทั้งหมด หมด 3 สี คือ Sunrise Beige, Oasis Green และ Astral Black ซึ่งที่เราได้มาก็คือ Sunrise Beige นั่นเองจ้า บอกเลยว่าเห็นเครื่องครั้งแรกคือหัวใจละลายเป็นน้ำเลย สวยสะดุดตามาก ๆ ซึ่งสีนี้ทาง realme studio เค้าได้ไปจับมือกับ Matteo Menotto ดีไซเนอร์ชื่อดังของ GUCCI ตัวดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากถนนในกรุงมิลานยามพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น อาคารบนสองฝั่งถนนที่ทอดยาวจึงถูกปกคลุมด้วยแสงสีเหลืองอ่อน
ฝาหลังของเครื่องใช้วัสดุ Premium Lychee Vegan Leather ให้สัมผัสเหมือนหนังแท้ ซึ่งมีความทนทานและสามารถกันรอยเปื้อนไปในคราวเดียวกัน
มาดูใกล้ ๆ จะเห็นว่าดีไซน์ดังกล่าวเป็นการนำพื้นผิว ภาพพิมพ์ และงานฝีมือที่พบเห็นในสินค้าระดับลักซ์ชัวรีมาใช้ในการออกแบบ อีกทั้งใช้เทคนิคการเย็บแบบ 3 มิติชั้นสูงและผิวสัมผัสสิ่งทอแบบ 3 มิติครั้งแรกของวงการอุตสาหกรรม เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างและสัมผัสระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังมีความบางเบา หยิบจับใส่กระเป๋าก็สะดวก ตัวเครื่องมีโมดูลกล้องวงกลมใหญ่ ข้างในบรรจุไปด้วยกล้อง 3 ตัววางเรียงกัน พร้อมแฟลชอีก 1 ดวง ทางด้านข้างมีปุ่มเพิ่ม – ลด เสียงซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกันกับปุ่ม Power และถาดใส่ซิมอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมด้วยไมค์และลำโพง
จอโค้ง 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+
ทั้งสองรุ่นจะใช้รูปแบบและจอขนาดที่เท่ากัน คือ จอโค้งขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2412) รีเฟรชเรทลื่น 120Hz (HDR10+) กล้องหน้ามาในดีไซน์รูเจาะตรงกลาง จอสว่างใช้งานกลางแจ้งได้สบาย พร้อมการป้องกันดวงตาที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland
กล้องหลัง 3 ตัว 200MP ถ่ายภาพสวยทุกมิติ
จุดเด่นแรกของเครื่องตัวนี้เลยคือกล้องหลัง Samsung ISOCELL HP3 200MP เซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.4 นิ้วถ่ายภาพออกมาสวยฉ่ำในทุกแสง ไม่ว่าจะในร่มหรือกลางแจ้ง ภาพถ่ายที่ได้ออกมาไม่ว่าจะเป็นภาพวิว, ภาพอาหาร สีออกมาสดและคมชัดมาก ๆ พร้อม SuperOIS กันสั่นชั้นสูง ถ่ายวัตถุที่อยู่ไม่นิ่งได้อย่างง่ายดาย ไม่มีสั่นไหว ไม่มีเบลอ
ในการถ่ายภาพกล้อง Ultrawide 8MP มีให้เลือกมุมกว้างแบบเดียวคือ 0.6x ถ่ายภาพมุมกว้างออกมาได้ชัดสุด ๆ เก็บรายละเอียดครบแบบเนียน ๆ ขอบเนี้ยบไม่มีเอียง ไม่มีบีบ สีไม่เพี้ยน เอาจริง ๆ ก็แทบจะไม่ต่างจากภาพปกติเท่าไหร่ (ถ้าไม่ซูมภาพดูอะนะ)
ในรุ่น Pro+ ได้ให้กล้อง Macro 2MP มาด้วย ซึ่งก็ได้ทดลองใช้ถ่ายภาพระยะใกล้ ไม่เกิน 4 ซม. เห็นขนน้องหมาน้องแมวแบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว
สุดยอดการซูมสูงสุด 20x
สถานที่ที่ถ่ายเป็นที่โล่งแจ้ง แสงแดดไม่สว่างจ้ามาก เราได้ทำการซูมภาพจากจุดที่อยู่ไปจนถึงปลายทางตั้งแต่ 4x, 10x และ 20x ภาพที่ได้คือออกมาชัดเเจ๋ว ในการซูม 20x มองเห็นรายละเอียดครบถ้วน เห็นใบไม้เป็นใบ พร้อมแยกออกมาต้นข้าง ๆ คือต้นอะไรบ้าง
โหมด Portrait เบลอหลังแนบเนียน ทั้งกล้องหลังและกล้องเซลฟี่
ในโหมด Portrait กล้องหลัง จะมีให้เลือกระยะภาพถ่ายแบบ 1x และซูม 2x ปรับความเบลอได้สูงสุด f0.95 – ต่ำสุด f16 ภาพวัตถุออกมาโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เบลอพื้นหลังออกละลายแบบไม่รู้สึกว่าปลอม ภาพด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของภาพ Portrait 1x กล้องหลัง เบลอสุด f0.95 , เบลอกลาง ๆ f1.69 และ f2.8 ซึ่งเป็นค่าที่มือถือตั้งไว้ ภาพออกมาก็จะได้ประมาณนี้เลย
ส่วนภาพเซลฟี่ก็เบลอออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งได้ปรับภาพไปที่สูงสุด f0.95 และ f4 ภาพออกมาก็จะเบลอได้ประมาณนี้เลย
ถ่ายวิดีโอลื่นด้วย SuperOIS กันสั่นชั้นสูง
realme 11 Pro + 5 G กล้องหลังถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4k จากการทดสอบถ่ายแบบเดินธรรมดา และวิ่งแบบสับ พบว่าในวิดีโอความละเอียด 4k จะมีความสั่นไหวมากกว่า แต่หากถ่ายแบบ 1080p จะกันสั่นได้แบบชัดเจนสุด ๆ วิ่งแล้วเขย่าเครื่อง ตัวคลิปก็ยังไม่ได้สั่นมาก ยิ่งเดินธรรมดาบอกเลยว่าสมูทมาก นอกจากนี้ยังเก็บรายละเอียดเสียงรอบข้าง หรือแม้กระทั่งลมหายใจของผู้ใช้งานอยู่ได้ชัดเจนด้วย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ถ่ายวิดีโออื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่าง Dual View Video เก็บทุกโมเมนต์สำคัญ สามารถปรับหน้าจอได้หลายรูปแบบทั้ง แยกเป็นครึ่งบน ล่าง, จอสี่เหลี่ยมเล็กเหมือนกำลังวิดีโอคอล หรือ Smart Zoom ในโหมด Street ซูมวัตถุง่าย ๆ เพียงแค่แตะโฟกัสวัตถุ
กล้องหน้า 32MP ถ่ายมุมกว้างได้ 0.8x ปรับ Beauty แนบเนียน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าจะถูกใจสาว ๆ เลยทีเดียว ทดลองและเปรียบให้เห็นแบบพลีชีพสุด ๆ จากภาพกล้องหน้า 32MP เซ็นเซอร์ Sony IMX615 แบบหน้าสดที่เห็นริ้วรอย รอยสิวชัด ๆ และภาพที่ทดลองใช้ Retouch ปรับไปที่ 50% ทุกโหมด ก็คือรอยต่าง ๆ บนหน้าหายไปในพริบตา มีความผิวดี หน้าเรียว สวยธรรมชาติสุด ๆ แต่เมคอัพจะไม่ชัดเท่าไหร่ ซึ่งถ้าใครที่ชอบแก้มอมชมพู ปากแดงชัด ๆ ก็แนะนำให้ปรับตรง Touch Up ไปที่ 100 เลย อีกทั้งกล้องหน้ายังสามารถถ่ายภาพมุมกว้าง 0.8x ได้ ไม่ต้องยืดมือเพื่อถ่ายเซลฟี่ให้เมื่อยอีกต่อไป แถมหน้าไม่ใหญ่คับกล้องด้วย
Super Night Mode
ในโหมดถ่ายภาพกลางคืนก็ทำออกมาได้ดี ไม่ว่าจะถ่ายภาพในที่แสงน้อย แสงรำไร หรือที่เกือบมืดเลย ภาพที่ได้ก็ยังเห็นได้ชัด ถึงแม้สีจะดูดรอปไปเล็กน้อย และซูมได้สูงสุด 10x
ชิป Dimensity 7050 เล่นเกมดี
ทั้งสองรุ่นใช้ชิปแบบเดียวกันคือ Dimensity 7050 นอกจากดู Netflix, VIU, Youtube แบบไม่สะดุดแล้วนั้น สามารถเล่นเกมได้สบายเลย ซึ่งเราได้ทำการทดสอบ ดังนี้
รุ่น 11 Pro +
- ทดสอบเล่น ROV
ในการทดสอบเล่น ROV ความสว่างจอ 50% เสียง 50% เลือกปรับภาพ HD พาร์ติเคิล แสงไปที่สูงสุด ส่วนการแสดงผลสามารถปรับได้แค่ระดับสูงเท่านั้น เเละเริ่มเล่นเกมเป็นเวลา 1 ชั่วโมงพบว่า สามารถเล่นได้ไม่มีปัญหาทั้งตอนที่เข้าร่วมไฟท์ หรือตอนที่โดนรุม มีกระตุกบ้างเล็กน้อย ตัวเครื่องเริ่มร้อนแบบชัดเจนตอนเล่นไปได้ 15 นาทีเป็นต้นไป แต่โดยรวมก็สามารถเล่นจนจบเกมแบบไม่มีเด้งออก เริ่มเล่นแบตเตอรี่จาก 100% ลดเหลือ 87% เมื่อเกมจบลง ลดไปเพียง 13%
- ทดสอบเล่น Genshin impact
ในการทดสอบเล่น Genshin impact ที่เลื่องลือเรื่องกราฟิกหนัก ซึ่งในตอนที่เล่นได้ความสว่างจอ 50% เสียง 50% เท่ากัน จากนั้นเลือกปรับกราฟิกแบบสูงสุดไปเลย และเริ่มเล่นเกมเป็นเวลา 30 นาที พบว่า สามารถต่อสู้หรือทำตามเควสได้จนจบเควสเลย มีหน่วงเล็กน้อยตอนกดฟันดาบ, ยิงธนู หรือวิ่งหลบลูกหลง แต่ความหน่วงมีน้อยมาก ๆ จนแทบไม่รู้สึก ตัวเครื่องเริ่มร้อนแบบชัดเจนตอนเล่นไปได้ 10 นาทีเป็นต้นไปและร้อนแบบคงที่จนจบเกม ในตอนเริ่มเล่นแบตเตอรี่อยู่ที่ 62% ลดเหลือ 52% เมื่อจบเกม ลดไปเพียง 10%
รุ่น 11 Pro
- ทดสอบเล่น ROV
ทดสอบเล่น ROV ปรับทุกอย่างเหมือนกับรุ่น 11 Pro + ทั้ง ความสว่างจอ 50% เสียง 50% และกราฟิกแบบสูงสุด และเล่นไป 30 นาที พบว่า สามารถเล่นได้ปกติไม่มีปัญหาเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความร้อน ด้วยความที่วัสดุเครื่อง Pro ที่เราได้มาเป็นสี Astral Black ซึ่งวัสดุจะแตกต่างจากสี Sunrise Beige, Oasis Green กรอบหลังจะมีความบางจึงรู้สึกว่าจะนำความร้อนได้เร็วกว่า ซึ่งหลังจากที่เล่นเกมไปได้ 10 นาที ตัวเครื่องมีความร้อนแบบชัดเจนเลย จากนั้นก็ร้อนจี๋คงที่ตลอดจนจบเกม เริ่มเล่นแบตเตอรี่จาก 78% ลดเหลือ 68% เมื่อเกมจบลง ลดไป 10%
- ทดสอบเล่น Genshin impact
ในการทดสอบเล่น Genshin impact ก็ได้ปรับ ความสว่างจอ 50% เสียง 50% และเลือกกราฟิกสูงสุดเช่นเดียวกัน จากนั้นก็เริ่มเล่นเกมเป็นเวลา 30 นาทีแบบไม่พัก ก็คือโจมตีศัตรูตามทางตลอดระยะเวลาที่เล่นเลย ก็สามารถเล่นได้ลื่นดี มีกระตุก ไม่ทันใจบ้างเล็กน้อยตอนกดบิน หรือไฟต์ภายในเวลาจำกัด ตัวเครื่องร้อนตั้งแต่ 10 นาทีแรกที่เล่นเช่นกัน และร้อนจี๋ตลอดจนจบ 30 นาที แบตเตอรี่จากที่เริ่มเล่นอยู่ที่ 62% ลดเหลือ 53% เมื่อจบเกมลง ลดไป 9%
ลำโพงคู่ ระบบเสียง Dolby Atmos
ทั้งสองรุ่นนี้ให้ลำโพงมา 2 ตัว รองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ให้คุณภาพเสียงดี ฟังเพลง ดูซีรีส์แบบสาแก่ใจ เปิดเสียงเพียง 50% ก็ถือว่าดังสะใจอยู่เหมือนกัน จะวางเครื่องไว้และเดินเข้าไปอาบน้ำก็ยังได้ยินชัดเเจ๋วอยู่
แบต 5000mAh ชาร์จไวในพริบตาด้วย Supervooc
ทั้งสองรุ่นได้ให้แบตเตอรี่มาใหญ่เท่ากันคือ 5000mAh แต่ต่างกันที่ รุ่น 11 Pro +จะชาร์จไว Supervooc 100W ซึ่งได้เพิ่มการชาร์จเป็น 2 เท่าโดยที่กระแสชาร์จไม่เปลี่ยนแปลง จากการทดสอบการชาร์จจาก 0 – 100% พบว่า เมื่อเสียบสายชาร์จไป 5 นาที แบตเตอรี่เพิ่มมา 20% และเมื่อผ่านไป 20 นาที ก็เพิ่มมา 73% และเต็ม 100% ในเวลาเพียง 26 นาที
จากการใช้งานทั่วไปหลังชาร์จเต็ม ทั้งออกไปถ่ายภาพและเล่นเกมแบบจัดหนักจัดเต็มเป็นเวลา 10 ชั่วโมง 31 นาที ใช้งานสแตนบายหน้าจอ 4 ชั่วโมง 3 นาที แบตเตอรี่ลดเหลือ 41% ก็ยังเหลือไว้ดูซีรีส์ต่อได้สบาย ๆ
ส่วนรุ่น 11 Pro จะชาร์จไว Supervooc 67W ในตอนทดสอบการชาร์จจากแบต 3% – 100% พบว่า เมื่อชาร์จไป 10 นาทีแรก แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมา 27% เมื่อผ่านไป 20 นาที เพิ่มขึ้นมา 48% และเต็ม 100% ในเวลาเพียง 47 นาที
จากการนำออกไปใช้งานพร้อมกันกับรุ่น 11 Pro + ทั้งถ่ายรูป วิดีโอ และเล่นเกมเป็นเวลา 10 ชั่วโมง 11 นาทีใช้งานสแตนบายหน้าจอ 2 ชั่วโมง 48 นาที แบตเตอรี่ลดเหลือ 48% จะเล่นเกมต่อหรือดูหนังยาว ๆ ได้โดยไม่ต้องชาร์จแบตในเร็ว ๆ นี้
สเปค realme 11 Pro +
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2412) รีเฟรชเรท 120Hz (HDR10+)
- CPU : Dimensity 7050
- RAM :12GB + Virtual Ram ได้สูงสุด 12GB
- ความจุ : 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว
– กล้องหลัก ISOCELL HP3 ความละเอียด 200MP (f/1.69), กันสั่น SuperOIS
– กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP (f/2.2)
– กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4) - กล้องหน้า : 32MP (f/2.45)
- การเชื่อมต่อ : 5G,Dual SIM Wi-Fi 6 802.11 a/b/g/n/ac/ax, BT 5.2, NFC
- เซนเซอร์ :Geomagnetic sensor/ light sensor/ distance sensor/ gyroscope/ acceleration sensor/ optical fingerprint under the screen
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่, ระบบเสียง Dolby Atmos, รับรองเสียงความละเอียดสูง, Dual mic noise reduction
- แบตเตอรี่ : 5000mAh , รองรับชาร์จไว 100 W
- ระบบ Android 13 ครอบทับด้วย Realme UI 4.0
ข้อดี
- กล้องความละเอียดสูง งานภาพจัดเต็ม ถ่ายได้ออกมาได้ครบ
- ถ่ายวิดีโอ 4k ได้
- มีกันสั่น SuperOIS
- ชาร์จไวในเวลาไม่เกิน 30 นาที
- แบตให้เยอะ 5000mAh
- เล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ได้
- ดีไซน์สวย เป็นเอกลักษณ์
- ลำโพงคู่ ระบบ Dolby Atmos
ข้อสังเกต
- เวลาเล่นเกมเครื่องร้อนเร็วไปหน่อย
- โมดูลกล้องหลังยื่นออกมา อาจต้องระวังการใช้งานเป็นพิเศษ
- กล้องหลังกินพื้นที่มือถือเกือบครึ่ง เวลาเล่นเกมมือก็จะไปโดนกล้องตลอด
- จอแบบโค้ง ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้งาน
realme 11 Pro 5 G
กรอบหลังหนังเรียบ
สีที่เราได้มาคือ สี Astral black เป็นสีดำกึ่งด้าน ดูหรูหราแบบเรียบง่าย พื้นผิวเรียบลื่นมาก มีความเบา บาง จับแล้วจะลื่นมือกว่ารุ่น 11 Pro+ จับถนัดมือ Texture ดูมีกิมมิกเมื่อไปสัมผัสกับแสงแดด กล้องหลังวงกลมใหญ่โดดเด่นสะดุดตา ขอบโมดูลสีดำสนิท ตำแหน่งปุ่มเพิ่ม – ลดเสียงอยู่ข้างเดียวกันกับปุ่ม Power และถาดใส่ซิมอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมด้วยไมค์และลำโพง
กล้องหลัง 2 ตัว 100MP กันสั่น OIS ซูม 20x
ความต่างของเจ้าสองรุ่นนี้ก็คือกล้องนี่แหละ โดย realme 11 Pro 5 G จะให้กล้องมาทั้งหมด 2 ตัวคือ กล้องหลัก 100MP กันสั่น OIS และ กล้อง Portrait 2MP ในการถ่ายภาพทั่วไปทั้งภาพอาหาร วิว ออกมาสวยสดไม่แพ้กันภาพที่ได้ออกมาดูเหมือนว่าสีจะดูมีความละมุนกว่าเล็กน้อย อาจจะด้วยความละเอียดที่ให้มา 100MP นั่นเองค่ะ
ส่วนการถ่ายวิดีโอสามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงสุด 4K เช่นกัน จากการทดสอบถ่ายวิดีโอแบบวิ่ง พบว่า วิดีโอแบบ 4K จะมีความสั่นไหวกว่า เมื่อเทียบกับวิดีโอความละเอียด 1080P ที่มีความลื่นไหลและกันสั่นให้แบบชัดเจน บวกกับในเรื่องของเสียงไมโครโฟนก็เก็บเสียงรอบข้างได้ดีเช่นกัน
ทางด้านการซูมรุ่นนี้สามารถซูมได้สูงสุด 20x เช่นเดียวกับ รุ่น 11 Pro+ เลย ซึ่งเราได้ทำการซูมภาพจากจุดที่อยู่ไปจนถึงปลายทางที่ห่างออกไปประมาณเกือบ 300 เมตร โดยกดซูมตั้งแต่ 4x, 10x และ 20x ภาพที่ได้ออกมาก็จะเห็นรายละเอียดเป็นรูปเป็นร่าง
และแน่นอนว่ารุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์อื่น ๆ ใส่มาให้ทั้ง Dual View Video เอาไว้เก็บโมเมนต์ทั้งคนถ่ายและผู้ถูกถ่าย หรือ Smart Zoom ให้โหมด Street ซูมวัตถุง่าย ๆ เพียงแค่แตะโฟกัสวัตถุที่เราต้องการถ่ายแค่นั้น
เลนส์ Portrait 2MP เบลอหลังเนียน
ภาพในโหมด Portrait กล้องหลัง จะไม่มีให้เลือกปรับระยะมุมภาพแบบกว้างมาให้ แต่จะสามารถปรับความเบลอได้สูงสุด f0.95 – ต่ำสุด f16 เช่นกัน ภาพวัตถุออกมาโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เบลอพื้นหลังละลายแบบเนียน ๆ ภาพด้านล่างนี้เป็นตัวอย่าง ภาพออกมาก็จะได้ประมาณนี้เลย
Night Mode ถ่ายภาพกลางคืนดีงาม
ในโหมดถ่ายภาพกลางคืนของรุ่น Pro นี้ก็สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อย ในที่(เกือบ)มืดออกมาได้เห็นชัดเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนเช่นกัน การเกลี่ยแสงโดยรวมถือว่าดี มีการปรับเพิ่มความสว่างให้เรียบร้อยเลย รวมทั้งสามารถซูมได้ 10x แบบสบาย ๆ เลยล่ะ
กล้องหน้า 16MP ถ่าย Beauty สวย
รุ่นนี้จะให้กล้องหน้าความละเอียดน้อยกว่าครึ่งนึงของรุ่น Pro+ และไม่มีการปรับมุมภาพให้ระยะกว้างขึ้น แต่ก็สามารถเก็บภาพได้ออกมาคมชัด ทั้งรอยสิวเอย หรือรอยเหี่ยวย่นบนหนังตาเอยมาครบหมดจริง ๆ แต่ก็สามารถฮีลใจได้ด้วยโหมด Beauty ของกล้อง ที่รีทัชหน้าออกมาได้เกลี้ยงเกลา จากภาพคือปรับรีทัชไปที่ 50% ทั้งหมด ภาพที่ได้ออกมาเหมือนคนหน้าไม่เคยเป็นสิวมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ดูโป๊ะจนเกินไป เพราะในภาพยังมีรายละเอียดพวกรูขุมขนใส่มาให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
สเปค realme 11 Pro 5 G
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2412) รีเฟรชเรท 120Hz (HDR10+)
- CPU : Dimensity 7050
- RAM LPDDR4x : 8GB / 12GB
- ความจุ : 256 GB/512GB
- กล้องหลัง 2 ตัว
– กล้องหลักความละเอียด 100MP (f/1.75 ), กันสั่น OIS
– กล้อง portrait ความละเอียด 2MP (f/2.4) - กล้องหน้า : 16MP (f/2.45)
- การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi dual-band 802.11 a/b/g/n/ac/ax, 2 x 2 , BT 5.2, NFC
- เซนเซอร์ : Geomagnetic sensor/ light sensor/ distance sensor/ gyroscope/ acceleration
- sensor/ optical fingerprint under the screen
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่, ระบบเสียง dolby atmos , ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ : 5000mAh , รองรับชาร์จไว 67 W
- ระบบ Android 13 ครอบทับด้วย Realme UI 4.0
ข้อดี
- ถ่ายวิดีโอ 4k ได้
- มีกันสั่น OIS
- ชาร์จไวในเวลาไม่เกิน 50 นาที
- แบตให้เยอะ 5000mAh
- เล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ได้
- เครื่องจับลื่นมือ และเป็นรอยนิ้วมือได้ยาก
- ลำโพงคู่ ระบบ Dolby Atmos
ข้อสังเกต
- สี Astral black วัสดุแตกต่างจากสีอื่น เวลาเล่นเกมเครื่องร้อนเร็วกว่าสีอื่น ๆ
- ไม่มีกล้อง Ultrawide มาให้
- ปรับระยะห่างภาพเซลฟี่ไม่ได้
- โมดูลกล้องหลังยื่นออกมา อาจต้องระวังการใช้งานเป็นพิเศษ
- กล้องหลังกินพื้นที่มือถือเกือบครึ่ง เวลาเล่นเกมมือก็จะไปโดนกล้องตลอด
- จอแบบโค้ง ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้งาน
สรุปการใช้งาน
realme 11 Series เป็นมือถือที่ทำให้รู้สึกรักพี่เสียดายน้องมาก ๆ เพราะทั้งรุ่น Pro + และ Pro ทำออกมาได้ดีสูสีกันเลย ทั้งชิป, จอ, ลำโพง รวมทั้งความจุแบตเตอรี่ ในการใช้งานทั่วไปทั้งสองเครื่องก็ทำได้ครบ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ตลอดจนแอปแชททั่วไป คราวนี้ก็ต้องมาชั่งใจกันแล้วว่าการใช้งานแบบไหนตอบโจทย์ที่สุด หากต้องการใช้กล้องแบบครบ ๆ ความละเอียดสูง ๆ ชาร์จไว รอไม่เกินครึ่งชั่วโมงรุ่น Pro + คือใช่เลย หรือใครคิดว่าไม่ได้เน้นงานกล้องมากนัก รุ่น Pro ก็น่าสนใจไม่น้อย
ราคาจำหน่าย
realme 11 Pro + 5 G มีด้วยกันทั้งหมด หมด 3 สี คือ Sunrise Beige, Oasis Green และ Astral Black จำหน่ายในราคาและรุ่นความจุ ดังนี้
- realme 11 Pro 5G (8/256) ราคา 12,999 บาท
- realme 11 Pro+ 5G (12/512) ราคา 16,999 บาท
โดยเริ่มเปิด Pre-order ตั้งแต่วันนี้– 6 กรกฎาคม 2023 ซึ่งผู้ที่สั่งจองในช่วงดังกล่าวจะได้รับของแถมมูลค่า 9,999 บาท พร้อมโปรส่วนลดของแต่ละช่องทางจำหน่ายด้วย
- เปิดราคา realme 11 Pro 5G Series มือถือดีไซน์หรู จอ AMOLED 120Hz พร้อมกล้อง 200MP เริ่มต้น 12,999 บาท
- Nearby Share ฟีเจอร์รับ-ส่งไฟล์ระหว่างมือถือ Android ตอนนี้สามารถส่งให้กันได้แม้อีกเครื่องไม่ได้เปิดหน้าจอ
- Samsung Galaxy Z Fold5 และ Z Flip5 / Galaxy Tab S9 Series / Galaxy Watch6 ผ่านรับรอง กสทช. แล้ว ยืนยันเข้าไทย เร็ว ๆ นี้
Comment