Redmi Pad Pro แท็บเล็ตรุ่นน้องที่วางขายในไทยพร้อมกับแท็บเล็ตเรือธงรุ่นพี่อย่าง Xiaomi Pad 6S Pro โดยราคาห่างกันอยู่ที่ราว 1 หมื่น ทำเอาหลายคนตัดสินใจลำบากว่าจะสอยรุ่นไหนมาลองใช้ดี เพราะรุ่นนี้ก็สเปคเกินคุ้ม ได้ทั้งหน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่เยอะจุก ๆ ใช้งานได้นาน แถมชิปที่ได้ยังเป็น Snapdragon 7s Gen 2 ด้วย ซึ่งการใช้งานจริงจะเป็นไง เข้ามาดูเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนค่ะ
รีวิว Redmi Pad Pro
Redmi Pad Pro สิ่งที่ให้มาในกล่องก็จะมี แท็บเล็ต, อะแดปเตอร์, สายชาร์จ เข็มเปิดถาดการ์ด SD และคู่มือการใช้งาน
ส่องดีไซน์ Redmi Pad Pro
ถึงแม้ว่า Redmi Pad Pro จะเปิดตัวมาในราคาไม่ถึงหมื่น แต่งานประกอบที่ได้ค่อนข้างดีเลย สีของตัวเครื่องที่ได้มานั้นเป็นสีฟ้า Ocean Blue ให้สัมผัสที่เรียบหรู ดูพรีเมี่ยม พื้นผิวเมทัลลิก ทำให้จับไปแล้วไม่เป็นลายนิ้วมือ ไม่ต้องคอยเช็ดให้ยุ่งยาก
มาสำรวจจุดอื่น ๆ ของตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง จะอยู่ที่ด้านขวาของเครื่อง ปุ่ม Power อยู่ที่ด้านบน และพอร์ตชาร์จอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมทั้งให้รูหูฟัง 3.5 มม.มาให้ด้วย ส่วนลำโพงให้มาทั้งหมด 4 ตัว อยู่ด้านบนเครื่องสองตัวและด้านล่างอีก 2 ตัว
ส่วนโมดูลกล้องหลังจะมาเป็นวงกลม 2 วงใหญ่ ๆ ยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย เครื่องนี้มีน้ำหนักอยู่ที่ 571 กรัม ถ้าถือตัวเครื่องเปล่า ๆ ใช้งานปกติก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความหนักอะไรมากนัก แต่ถ้าใส่เคสคีย์บอร์ดขึ้นมาก็รู้สึกว่าใส่กระเป๋าสะพายไหล่นาน ๆ ก็มีเมื่อยอยู่เหมือนกัน
จอ 1.5K ใหญ่สะใจ 12.1 นิ้ว
Redmi Pad Pro มาพร้อมจอ LCD ขนาด 12.1 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2560 x 1600) รีเฟรชเรทแบบ AdaptiveSync สูงสุด 120Hz ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 600 นิต ลองหยิบมาใช้งานในห้องทำงานทั่วไป เจอแสงไฟจากหลอดไฟก็ให้ความสว่างปกติดี ส่วนการใช้งานกลางแจ้ง ถ้าเจอแสงแรงมาก ๆ จอก็แอบมืดลงอยู่เหมือนกัน และแน่นอนว่าใครที่ซื้อมาดูซีรีส์ต้องถูกใจแน่ ๆ เพราะว่าเค้ารองรับ Dolby Vision ด้วย
ลำโพง 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos
รุ่นนี้ให้ลำโพงมาทั้งหมด 4 ตัว รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ให้เสียงดังฟังชัด ดูซีรีส์แบบฟิน ๆ ซึ่งได้มีการทดลองเปิดเพลงในห้องคนเดียวที่ไม่มีเสียงอื่นรบกวนเลยด้วยเสียงเพียงแค่ 30 – 40% ก็คือได้ยินทุกรายละเอียดชัดแจ๋ว และที่ชอบเลยก็คือเค้าให้รูหูฟัง 3.5 มม. มาให้ ใครที่ชอบใช้งานแบบเสียบสายหูฟังคือถูกใจสิ่งนี้แน่นอน
ใช้งานคู่ Redmi Smart Pen
รุ่นนี้ได้ใช้มี Redmi Smart Pen เอาไว้ใช้งานวาดเขียน ข้อสังเกตคือรุ่นนี้จะไม่สามารถแปะติดกับตัวเครื่องเพื่อชาร์จได้ แต่จะมีช่องชาร์จ USB-C อยู่ที่ปลายปากกา สำหรับการชาร์จปากกาจะต้องใช้สายแบบ USB C to C ซึ่งสายนี้ก็เอาไว้เสียบเพื่อเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตครั้งแรก
และอีกข้อสังเกตคือเวลาจะพกไปทำงานอาจต้องแยกชิ้นส่วนกันไปและมีอยู่ 2 ปุ่ม ปุ่มแรกเอาไว้เปลี่ยนหัวปากกาและปุ่มที่สองเอาไว้กดเปลี่ยนสี ตัวปากการองรับแรงกด 4096 ระดับ
เคสคีย์บอร์ดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก
ส่วนอุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด รุ่นนี้จะมาแต่แป้นพิมพ์อย่างเดียวเลย ตัวแป้นพิมพ์จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเครื่อง คนที่ชินกับแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กใหญ่ ๆ อาจจะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่ตอนใช้งานก็ปกติดีไม่ได้ จะไม่มี Track Pad มาให้ใช้เลื่อนแทนเมาส์ และข้อสังเกตคือเคสรุ่นนี้ต้องชาร์จแบตใช้งาน ไม่ได้มีพินต่อกับเครื่องโดยตรง และเวลาจะเชื่อมต่อก็ต้องเชื่อมผ่าน Bluetooth นะ
ชิปรุ่นรอง Snapdragon 7s Gen 2 แต่แรงใช้ได้
Redmi Pad Pro ได้ใช้เป็นชิป Snapdragon 7s Gen 2 เป็นชิปรุ่นรองที่สามารถใช้เล่นเกมได้ลื่นอยู่เหมือนกัน จากการที่เรไาด้ทดสอบเล่น Wuthering Wave ปรับกราฟิกไปที่ Advance เฟรมเรทอยู่ที่ 60fps สามารถเล่นได้ลื่น ช่วงต่อสู้ไม่มีกระตุกหรือหยุดกลางคันให้เสียอารมณ์ หรือจะเล่น Call of Duty Warzone แบบเน้นกราฟิก เฟรมเรทมาตรฐานก็ไม่มีปัญหา สามารถไปต่อได้ยาว ๆ เลยจ้า
แบ่งหน้าจอได้เหมือนรุ่นใหญ่
รุ่นนี้สามารถแบ่งหน้าจอเป็น จอใหญ่ซ้ายขวาในแนวนอน, เป็นหน้าจอใหญ่พร้อมหน้าต่างลอยก็ได้เหมือนพี่อย่าง Xiaomi Pad 6S Pro เลย และมีข้อสังเกตเดียวกันที่เจอเลยก็คือ การแบ่งหน้าจอในแนวตั้งจอขึ้นสัดส่วนเป็นซ้ายขวาแคบ ๆ ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นหน้าจอบนล่างได้นี่แหละ
กล้องหลัง 8MP
อีกส่วนหนึ่งที่ทำเอาสะดุดตาเลยก็คือกล้องถ่ายรูปนี่แหละ วงกลมวงแรกเป็นกล้องความละเอียด 8MP ให้มาเพียงตัวเดียว ส่วนอีกวงที่อยู่ด้านข้างคือแฟลช LED ที่ทำออกมารูปร่างคล้ายกันจนคิดว่าให้กล้องมา 2 ตัวเลยนะ ก็สามารถใช้งานถ่ายภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ดี มีไว้ใช้แบบครบ ๆ ถ่ายภาพกลางวันไม่มีปัญหา แต่ว่าเมื่อลองไปใช้งานตอนกลางคืนแล้วคือไม่ค่อยรอด เห็นได้ชัดเลยว่ามีนอยส์รบกวนเยอะ
แบต 10,000 mAh ใช้งานได้ยาว ๆ
สำหรับแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้มาเยอะแบบไม่มีกั๊กเช่นกัน โดยให้แบตมา 10,000 mAh ซึ่งหลังจากที่แบตเต็ม 100% เราได้พาแท็บเล็ตออกไปพิมพ์งานรัว ๆ แล้วต่อด้วยเล่นเกมแบบจัดหนักจัดเต็มยาว ๆ (จัดหนักจริงดูจากกราฟแบตได้) ใช้งานตั้งแต่บ่ายยันเย็นแบตเตอรี่ลดเหลือ 35% ก็ยังอยู่ในจุดที่ยังไม่ต้องชาร์จทันที เหลือกลับไปชาร์จที่บ้านตอนก่อนนอนได้
สรุปการใช้งาน
สำหรับ Redmi Pad Pro เป็นอีกหนึ่งแท็บเล็ตที่สเปคคุ้มค่าจริง ๆ ในค่าตัวเริ่มต้นไม่ถึงหมื่นแต่ได้จอ 12.1 นิ้ว ลำโพงรองรับ Dolby Atmos และที่สำคัญคือใส่ Snapdragon 7s Gen 2 มาให้ ใช้งานครอบคลุมในทุกด้าน หรือจะซื้อมาเอาไว้ดูซีรีส์แบบเน้น ๆ ก็ดี เพราะราคาไม่แรงเลย ใส่เคสคีย์บอร์ดและปากกา Redmi Smart Pen แล้วเอาออกไปใช้พิมพ์งานข้างนอกก็ไม่ติด
ราคาจำหน่าย
Redmi Pad Pro มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ Graphite Gray และสีฟ้า Ocean Blue โดยวางจำหน่ายในไทย 2 รุ่นความจุ ดังนี้
- 6GB + 128GB ราคา 8,990 บาท (เฉพาะใน Lazada และเว็บไซต์ Xiaomi ประเทศไทย)
- 8GB + 256GB ราคา 10,990 บาท
Comment