กกลับมาอีกครั้งสำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนมือถือ จะสังเกตได้ว่าช่วงหลังๆ เรามักจะรีวิวรุ่นกลางๆ ไปจนถึงตัวเรือธงกันซะเป็นส่วนใหญ่ รุ่นราคาประหยัดนั้นนานๆ จะผ่านมาที วันนี้ทางดรอยด์แซนส์ก็เลยหยิบ Samsung Galaxy A10s (4,490 บาท) และ Samsung Galaxy A20s (6,490 บาท) มารีวิวแบบคู่ๆ เทียบกับแบบจะๆ ไปเลยว่าสำหรับสายโซเซียลแล้ว ควรเลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากันในเมื่อราคาห่างกันอยู่พอสมควรที่ 2,000 บาท
แกะกล่องกันก่อน
ได้โทรศัพท์มาใช้สักเครื่อง เราก็ต้องมาเช็คของกันก่อนว่าในกล่องให้อะไรมาบ้าง มาเริ่มกันที่ Galaxy A10s กันก่อนเลย รุ่นนี้ในกล่องจะมีตัวเครื่องโทรศัพท์, หม้อแปลงที่ไม่รองรับชาร์จเร็ว, สาย micro USB (หัวอีกข้างเป็น USB A) โดยไม่มีแถมเคสใสและหูฟังมาให้ ต้องซื้อเพิ่มเอาจ้า
มาถึงตัวรุ่นพี่อย่าง Galaxy A20s กันบ้าง ของแถมก็จะคล้ายๆ กันเลย มีตัวเครื่องโทรศัพท์ แต่หม้อแปลงรอบนี้แถมมาให้เป็นแบบรองรับชาร์จไว 15 วัตต์, สาย Type C (หัวอีกข้างเป็น USB A เช่นเคย) และเหมือนเดิม ไม่มีเคสและหูฟังแถมมาให้ครับ
ดีไซน์ตัวเครื่อง
เครื่องที่ได้มารีวิวรอบนี้ บอกเลยว่าสีจ๊าบ (<–คำนี้ยังใช้กันอยู่ปะ) ถูกใจผมมากๆ Galaxy A10s สีแดง และ Galaxy A20s เป็นสีเขียวแบบมรกต (อัญมณีนะ ไม่ใช่น้ำมันพืช) งานประกอบถือว่าทำออกมาได้โอเค จับถือแน่นมือ ไม่มีลื่นไหลทั้ง 2 รุ่นเลยนะ แถมเครื่องยังบางดีด้วย ข้อสังเกตของสองรุ่นนี้ก็คือฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายมากๆ
หน้าจอของ Galaxy A10s และ Galaxy A20s เป็นแบบ TFT Infinity V ทั้งสองรุ่น ความละเอียดก็เท่ากันที่ HD+ จะต่างกันก็ตรงขนาดของหน้าจอที่ให้มา 6.2 นิ้ว และ 6.5 นิ้วตามลำดับ การใช้งานในสภาพแสงแดดจ้าๆ แบบประเทศไทยบ้านเรา ทั้ง Galaxy A10s และ Galaxy A20s ก็ทำผลงานออกมาได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจเลย สามารถสู้ได้อยู่ ถึงจะไม่ใช่หน้าจอแบบ AMOLED ก็เถอะ กล้องหน้าของทั้งคู่ก็ความละเอียดเท่ากันเลยเหมือนกันที่ 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงก็เท่ากันเหมือนเดิมที่ f/2.0 แต่เดี๋ยวเรื่องกล้องค่อยลงรายละเอียดอีกทีภายหลังนะครับ ตอนนี้ขอพูดเรื่องดีไซน์ให้จบก่อน
ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องมีการจัดวางปุ่มต่างๆ ที่เหมือนกันหมดเลย มีถาดใส่ซิม และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง แต่ดีไซน์ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงของทั้งคู่จะออกแบบต่างกันนะ Galaxy A10s จะมาแบบแยกปุ่มใดปุ่มหนึ่ง ขณะที่ Galaxy A20s จะมีดีไซน์เป็นปุ่มยาวๆ ไปเลย
สำรวจถาดซิมกันบ้าง ทั้ง 2 รุ่นสามารถใส่ซิมได้ 2 ซิมครับ อีกทั้งยังมีช่องว่างสำหรับเติม microSD card อีกด้วย
ส่วนด้านขวาก็มีปุ่มพาวเวอร์อยู่คนเดียวแบบโดดๆ เลย
มาดูกันด้านล่างของตัวเครื่องกันบ้าง ไล่เรียงตั้งแต่ซ้ายไปขวา จะมีลำโพง, พอร์ตเสียบชาร์จ, ไมค์ และ.. นวัตกรรมที่เรือธงในปี 2019 ไม่ใส่มาให้แล้วอย่าง รูหูฟัง 3.5 มม. นั่นเอง ทว่าข้อสังเกตอีกรอบนึงก็คือพอร์ตของ Galaxy A10s จะเป็นแบบ micro USB นะครับ ส่วน Galaxy A20s ให้มาเป็นแบบพอร์ต Type C แล้วครับ ซึ่งความสะดวกสบายตอนนี้ผมว่าพอๆ กันแล้ว แน่นอนว่าเริ่มมีคนใช้ Type C กันมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้านบนก็จะโล่งๆ แบบเดียวกับด้านขวาของตัวเครื่องเลยครับ จะมีก็แต่เพียงไมค์ตัวที่สอง เอาไว้ตัดเสียงรบกวนเวลาคุยโทรศัพท์เท่านั้น
UI และการใช้งาน
แน่นอนล่ะ ทั้งสองรุ่นยี่ห้อ Samsung เหมือนกันที่ติดมากับเครื่องก็ต้องเป็น OneUI เหมือนกันทั้งคู่ หน้าตา UI ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่อย่างใดนะ ถ้าใครที่เคยลองเล่นมือถือของแบรนด์นี้มาก่อน ก็สามารถใช้งานได้เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครเพิ่งเคยใช้ครั้งแรกก็.. ก็เล่นได้อยู่ดีไม่มีปัญหาเหมือนกันแหละ ฮ่าๆ สามารถปรับแต่งอะไรได้มากพอสมควรเลย จะเลือกให้มี App Drawer หรือไม่มีก็ได้นะ อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ทั้งสองรุ่นไม่มีความแตกต่างอะไร
ในเรื่องของการดาวน์โหลดแอปต่างๆ Galaxy A20s น่าจะลอยตัวแล้ว เพราะมาพร้อมกับความจุ 64GB เหลือๆ เลย ทว่าตัวเล็กอย่าง Galaxy A10s นี่สิ จะไหวเหรอ มีความจุแค่ 32GB เองนะ.. แต่หลังจากลองเล่น ลองดาวน์โหลดแอปโน่นนี่ดูก็พบว่าสามารถดาวน์โหลดได้แบบเป็นสิบๆ แอปเลย แอปพื้นฐานสามัญประจำเครื่องอย่าง LINE, Facebook, Twitter, IG อะไรแบบนี้ มาครบ หรือเกมยอดนิยมอย่าง RoV หรือ PUBG ก็ยังโหลดได้ แต่จะเล่นได้ลื่นไหม.. อันนี้ก็ขออุบไว้ก่อนเหมือนเดิมนะ ยังไม่อยากสปอยตอนนี้ อิอิ
เวลาเปิดแอปเบื้องหลังไว้เยอะๆ พบว่าเครื่องจะเริ่มใช้เวลาในการปิด/เปิดแอปนานขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นเพราะ RAM เริ่มจะเต็มนั่นเอง ฝั่งของ Galaxy A20s จะจัดการในเรื่องนี้ได้ดีกว่าหน่อยๆ เพราะใส่ RAM มา 4GB ขณะที่ Galaxy A10s ก็ลำบากหน่อยใส่ RAM มาให้เพียง 2GB เท่านั้นเอง แต่ถ้าใครไม่คิดอะไร แค่เล่นไลน์ โซเซียล รุ่นนี้เอาอยู่เลยนะ แต่อาจจะต้องใจเย็นๆ หน่อยนึง ประสิทธิภาพอาจจะไม่ได้ไวเท่ารุ่นระดับกลางๆ เรียกว่าประสิทธิภาพตามราคา
แบ่งหน้าจอหรือเปิด pop-up view ได้แบบสบายๆ เลย แถมก็ทำง่ายๆ แค่กด recent app > กดค้างที่ไอคอนแอป > Open in split screen view (หรืออยากให้เป็นแบบป๊อปอัพก็เลือก Open in pop-up view) > จากนั้นก็เลือกแอปที่อยากแบ่งจอได้เลย
เรื่องการเชื่อมต่อ Wi-Fi อันนี้น่าเสียดาย ทั้ง Galaxy A10s และ Galaxy A20s รองรับเพียงแค่ตัวความถี่ 2.4GHz เท่านั้นครับ ไม่รองรับความถี่ 5GHz นะครับ
มาถึงจุดที่ตอนนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ในการตัดสินใจเรื่องซื้อโทรศัพท์สักเครื่อง นั้นก็คือ.. “รุ่นนี้รองรับ Netflix แบบ HD ไหม?” จากที่ไปทดสอบมาก็พบว่า จะมีเพียงแค่ Galaxy A20s เท่านั้นนะครับที่รองรับ มี Widevine อยู่ที่ระดับ L1 รองรับการเข้ารหัส HD ขณะที่ Galaxy A10s อันนี้รองรับแค่ L3 เท่านั้น
แต่พอจะลองเข้าไปดูจริงๆ Galaxy A20s กลับไม่ขึ้นตัวเลือก HD ใน Netflix ทั้งๆ ที่รองรับ L1 แท้ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่แอปยังไม่รองรับ ชิปหรือการเชื่อมต่อแรงไม่พอหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้
ส่วนใครที่ชอบเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนหรือในที่แสงน้อยๆ อันนี้ทั้งสองรุ่นก็ใส่ฟีเจอร์ Blue Light Filter ช่วยตัดแสงสีฟ้ามาให้ครับ ทำให้การเล่นมือถือก่อนนอนถือว่าสบายตาขึ้นเยอะเลย ไม่ปวดตา แถมโหมดนี้ไปอ่านมา มันช่วยให้เราหลับสบายหลับลึกขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยนะ แต่ถ้าให้ดี ก็อย่าเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนเลย พักผ่อนเยอะๆ
GPS และการนำทาง
การใช้งาน GPS นำทางแอป Google Maps ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยนะ แต่ข้อสังเกตก็คือ Galaxy A10s นั้นไม่มีเซนเซอร์ Magnetometer กับ Gyroscope มาให้ ซึ่งถือว่าจำเป็นมากๆ ของการใช้งานแผนที่ อันนี้ Galaxy A20s กินขาดเลย เพราะใส่มาให้ครบ
การสแกนลายนิ้วมือ
เรื่องการสแกนนิ้วมือปลดล็อคหน้าจออันนี้ทั้ง Galaxy A10s และ Galaxy A20s ใส่มาไว้ให้ตรงบริเวณด้านหลังเครื่องเหมือนกัน จุดเดียวกันเลย ใช้นิ้วชี้แตะได้แบบพอดีไม่ต้องเอื้อม ตรงนี้ถือว่าประทับใจ แต่ใช้งานจริงๆ แล้งแอบมีช้านิดๆ บางจังหวะนี่ 1 – 2 วินาทีได้เลยล่ะ
กล้องถ่ายภาพ
มากันที่เรื่องกล้องถ่ายภาพกันบ้าง กล้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ของใครหลายๆ คนเลยเวลาเลือกซื้อโทรศัพท์แต่ละที รุ่นนี้ถ่ายรูปสวยไหม รุ่นนี้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอดีหรือเปล่า เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูสเปคกล้องของทั้งสองรุ่นนี้กันเลยดีกว่า
Galaxy A10s มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัว แบ่งเป็นเซนเซอร์หลัก 13 ล้านพิกเซล + กล้อง depth sensor 2 ล้านพิกเซล ขณะที่ Galaxy A20s เหนือกว่าอยู่หน่อยๆ ใส่กล้องมาให้ 3 ตัว ประกอบด้วยเซนเซอร์หลัก 13 ล้านพิกเซล + กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล และกล้อง depth sensor 5 ล้านพิกเซล ฟีเจอร์อะไรต่างๆ อย่างโหมด Pro หรือ Live Focus อะไรงี้ให้มาครบ แต่ Live Focus จะมีให้ปรับเบลอฉากหลังแค่แบบเดียวนะ คือแบบละลายพื้นหลังปกติ ไม่มีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติม ส่วนประสิทธิภาพจะเป็นยังไง ตัวไหนถ่ายดีกว่ากัน อันนี้พูดยากแฮะ ผมเลยถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆ ลองช่วยกันตัดสินว่าภาพจากตัวไหนสวยกว่ากัน
ตัวอย่างรูป (ฝั่งซ้ายเป็น Galaxy A10s vs Galaxy A20s ฝั่งขวา)
ตัวอย่าง Live Focus (ฝั่งซ้ายเป็น Galaxy A10s vs Galaxy A20s ฝั่งขวา)
สำหรับกล้องหน้า ทั้งคู่ให้มาเป็นตัวความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเหมือนกัน ฟีเจอร์ก็ให้ Live Focus สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอมาเหมือนเดิม จุดแตกต่างอยู่ที่ในโหมด Live Focus นั้น Galaxy A20s ใส่โหมด Beauty มาให้ ขณะที่ Galaxy A10s ไม่มีจ้า..
ภาพจากกล้องเซลฟี่ (ฝั่งซ้ายเป็น Galaxy A10s vs Galaxy A20s ฝั่งขวา)
ประสิทธิภาพการเล่นเกม
Galaxy A10s และ Galaxy A20s เลือกใช้ชิปเซ็ตเป็นตัว Helio P22 และ Snapdragon 450 ตามลำดับ เรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกมอาจจะลำบากหน่อยถ้ามาเล่นบนเครื่องสองรุ่นนี้ แต่ก็แลกมาด้วยแบตเตอรี่ที่อึดนะ จากที่ลองเอาไปทดสอบค่า Benchmark กับแอป AnTuTu พบว่าทั้งคู่ทำคะแนนออกมาได้แบบไล่เลี่ยสูสีกันเลย โดย Galaxy A10s ทำคะแนนไป 72,190 คะแนน และ Galaxy A20s ที่ 72,566 คะแนน เรียกได้ว่าต่างกันเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
มาทดสอบความไวในการเขียนอ่านไฟล์กับแอป AndroBench กันบ้าง การเขียนการอ่านของ Galaxy A10s อยู่ที่ 274.66 MBps และการเขียน 104.78MBps ขณะที่ Galaxy A20s อยู่ที่ 299.65 MBps และการเขียน 184.27 MBps เรียกได้ว่าต่างกันอยู่พอสมควรเลยล่ะ แต่ก็ไม่ได้มากอะไร เอามาใช้งานจริงๆ ก็ไม่ได้เห็นความแตกต่างอะไร เปิดแอปขึ้นมาได้พร้อมๆ กัน
Galaxy A10s มาพร้อมกับชิป Helio P22 บวกกับ RAM ขนาด 2GB ถามว่าสเปคแบบนี้เล่นเกมได้ไหม คำตอบมันก็คือเล่นได้แหละ แต่จะลื่นหรือไม่ แล้วจะปรับกราฟฟิกอะไรได้มากน้อยแค่ไหน อันนี้ก็ต้องลองเล่นกัน ซึ่งจากที่ผมลองเล่นมา ปรับภาพเป็น HD แบบ Ultra ได้นะ Frame Rate แบบสูงก็ปรับได้
Galaxy A20s ใส่ชิปเซ็ต Snapdragon 450 มาให้ พร้อมกับ RAM ขนาด 4GB มากกว่า A10s อยู่เท่าตัวเลย แต่ในแง่ของชิปเซ็ตถือว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกันมากๆ ปรับอะไรต่างๆ ใน RoV จะมีต่างกันในเรื่องของกราฟิกนิดหน่อย
ตอนแรกคิดว่าจะกระตุกจนเล่นไม่ได้ แต่พอเล่นจริงก็ถือว่าใช้ได้เลย แต่เฟรมเรทไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ หากเปิด 60fps นั้นจะค่อนข้างแกว่งอยู่ที่ราวๆ 30fps – 50fps ถ้าอยากให้เฟรมเรตนิ่งขึ้นก็ต้องเลือกปรับลดพวกรายละเอียดต่างๆ ในเกมลงไปสักหน่อย
มากันที่ PUBG กันบ้าง ตรงนี้ระบบของเกมเลือกการแสดงผลแบบ Low มาให้ในทั้ง 2 เครื่องเลย
หากจะลองปรับเพิ่มในเกมก็ได้เพียงแค่ Balance เท่านั้น ส่วนเฟรมเรทก็อยู่ที่ Medium
ตรงนี้ข้อสังเกตก็คือเวลาเล่นเกม (หรือการใช้งานทั่วไป) จะมีอาการทัชไม่ติดบ้างบางจังหวะ ส่วนเรื่องของเสียงลำโพงของทั้งสองรุ่นนี้จะให้มาเป็นแบบโมโนตัวเดียวธรรมดา แต่เรื่องความดังอันนี้ Galaxy A20s จะดีกว่าหน่อยๆ นะ ลองไปวัดกับที่วัดเสียงมา เปิดลำโพงสุด ความดังจะอยู่ที่ 90 เดซิเบลปลายๆ ไปจนถึงประมาณ 105 เดซิเบลเลย ขณะที่ Galaxy A10s จะวิ่งอยู่ที่ไม่เกิน 100 เดซิเบลเท่านั้น อย่างไรก็ดีทั้งสองรุ่นนี้ยังไม่ตัดรูหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. ออกไปนะ แต่ในกล่องไม่มีหูฟังแถมมาให้นะครับ
แบตเตอรี่และการชาร์จ
ทั้ง Galaxy A10s และ Galaxy A20s มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,000 มิลลิแอมป์ บวกกับประสิทธิภาพชิปเซ็ตที่ไม่ได้แรงอะไรมาก ทำให้สามารถใช้งานข้ามวันไปจนถึง 2 วันได้แบบสบายๆ เลย เปิดแสงหน้าจออัตโนมัติ เลื่อนเฟซ แชท ดู YouTube อะไรทำได้แบบเพลินๆ ไม่ต้องกลัวแบตหมด จากที่ใช้งานมาเกือบๆ อาทิตย์ แทบไม่ค่อยได้แตะสายชาร์จเลย
มาถึงเรื่องชาร์จไวกันบ้าง Galaxy A10s นั้นรองรับแค่มาตรฐาน 5V 2A หรือ 10 วัตต์ ซึ่งมีแถมมาให้ ขณะที่รุ่นพี่อย่าง Galaxy A20s อันนี้รองรับชาร์จไวนะที่ 15 วัตต์ หม้อแปลงก็แถมมาในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
สรุปเลือก Galaxy A10s หรือ Galaxy 20s
มาถึงบทสรุปกันแล้วครับว่าถ้าจะซื้อโทรศัพท์มาใช้งานโซเชียล, ถ่ายรูป หรือเล่นเกมหน่อยๆ ทั่วไป จะเลือกซื้อรุ่นไหนดีโดยทั้งคู่จะมีราคาต่างกันอยู่ 2,000 บาท ส่วนตัวผมคิดว่าแค่ทั้งคู่เอามาเล่นใช้งานทั่วไปได้แบบสบายๆ เหลือๆ เลย แต่ถ้าอยากจะเอาความลื่นไหล ก็สอย Galaxy A20s เลยครับ เพราะให้ RAM มาเยอะกว่า การสลับแอปไปมาน่าจะทำได้สมูทกว่าพอสมควร
แต่หากลองไปเทียบดูกับคู่แข่งในตลาดราคาระดับ 5-6 พันบาทนี่ ทั้ง OPPO, Xiaomi และ realme ก็มีรุ่นฮอตๆ สเปคแรงๆ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
จุดที่ประทับใจ
- แบตเตอรี่ 4,000 มิลลิแอมป์ทั้งคู่ ใช้งานได้เพลินๆ เกินวัน
- งานประกอบแน่น สัมผัสจับถือค่อนข้างดี
- มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- Galaxy A20s รองรับชาร์จไว 15 วัตต์
- มี Galaxy Gift
จุดที่ต้องพิจารณา
- ไม่เหมาะกับการเล่นเกมแบบจริงๆ จังๆ
- มีปัญหาเรื่องการตอบสนองของระบบมัลติทัชในบางครั้ง
- Galaxy A10s ไม่มี Magnetometer ไม่เหมาะในการใช้งานนำทาง
ราคาต่างก็มีผลอยู่เหมือนกันน๊า ๆ 🙂 🙂
เอิ่ม สเปค A20s บอกเป็น MicroUSB แต่ขายจริงดันเป็น Type-C ซะงั้น??????
แต่ก็น่าจะลองเทียบกับ A20 ธรรมดาด้วย ตัวนี้อยู่คั่นกลาง แต่ได้ AMOLED ด้วย