เดินทางมาถึงรุ่นที่ 3 แล้วสำหรับสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy Z Fold ของ Samsung ซึ่งรอบนี้ผมกล้าพูดได้เกือบเต็มปากว่า มือถือจอพับรุ่นที่ 3 ของ Samsung นี้ อาจจะดีพอที่จะเป็น Daily Driver หรือเครื่องหลักของใครหลาย ๆ คนเลยล่ะ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การใช้งานจริง ๆ ว่าพบข้อดี หรือมีข้อเสียอะไรบ้างหรือเปล่า เพราะต้องยอมรับว่าราคาของ Galaxy Z Fold 3 นั้นค่อนข้างสูงเอาเรื่องอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
ตัวเครื่อง
รอบนี้ Samsung แทบจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนในเรื่องไซส์หน้าจอของ Galaxy Z Fold 3 แต่อย่างใด ทุกอย่างแทบจะเท่า ๆ กับ Fold 2 รุ่นก่อนทั้งหมด หน้าจอด้านนอกขนาด 6.2 นิ้ว และด้านในขนาด 7.6 นิ้ว คือจะเรียกว่าเป็นแท็บเล็ตในร่างสมาร์ทโฟนก็ยังได้อะ แต่น้ำหนักก็ถือว่าเอาเรื่องอยู่ เพราะเฉียด 300 กรัมเลยทีเดียว
ด้วยน้ำหนักของมันก็ต้องมีการปรับตัวกันพอสมควร การถือใช้มือเดียวนานๆ แรกๆ อาจมีเมื่อยได้ คือต้องใช้ไปจนชินโน่นแหละ แต่ยังไงซะทุกครั้งที่วาง Fold แล้วไปจับเครื่องอื่นก็จะเบามือขึ้นมาทันที
ที่หนักเกือบ ๆ 300 กรัม ก็ไม่แปลกนะ เพราะเหมือนเอาสมาร์ทโฟนสองเครื่องมาแปะติดกันยังไงยังงั้น ฮ่า ๆ
หน้าจอแสดงผล
หนึ่งสิ่งที่ชอบมาก ๆ เกี่ยวกับ Galaxy Z Fold 3 ก็คือ เราไม่จำเป็นต้องกางมันออกมาเวลาใช้งานทั่วไปเลย หน้าจอด้านนอกใช้พาแนลเป็นแบบ Dynamic AMOLED 2X เหมือนกับเรือธง Samsung รุ่นอื่น ๆ รองรับรีเฟรชเรท 120Hz แม้ว่าสัดส่วนจะแคบๆ ยาวๆ แต่หากพูดในแง่ของการตอบแชท ไถโซเชียล ฟังเพลง ฯลฯ อันนี้ผ่านนะ ไม่ได้เป็นปัญหากับการใช้งานอะไร
แต่แป้นพิมพ์แอบเล็กและแคบไปนิดนึง นิ้วใหญ่ ๆ พิมพ์ลำบากอยู่พอสมควร
แต่ในเรื่องของความ Continuity หรือความต่อเนื่องของการใช้งานหน้าจอด้านนอกและด้านในนั้นสมูธมาก เปิดแล้วปรับ UI ให้ทันที แต่บางแอปที่ยังไม่รองรับก็ยังมีปัญหาบ้าง ยกตัวอย่างเช่น Instagram ที่จอด้านนอก แต่พอเปิดจอด้านใน ต้องรีสตาร์ทแอปใหม่ซะงั้น
แต่ปัญหานี้ก็เป็นเพียงแค่บางแอปเท่านั้น
การใช้งานหน้าจอหลักด้านในกันบ้าง รอบนี้ Samsung เคลมฟิล์มที่ครอบกระจกของ Galaxy Z Fold 3 นั้น มีความแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม 80% ซึ่งจากที่ใช้งานมาเกือบเดือน บวกกับส่วนตัวเป็นคนชอบไว้เล็บ จนตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาอะไรนะ Galaxy Z Fold 3 ยังไม่มีรอยเล็บ ไม่เหมือนกับ Fold 2 ที่จิกนิดหน่อยก็เป็นรอยแล้ว
แต่ Samsung บอกว่า ไม่แนะนำให้ลอกฟิล์มกันรอยด้านในออก ไม่งั้นหน้าจอในของ Galaxy Z Fold 3 อาจจะพังจากการใช้งานทั่วไปได้ รวมถึงจากการใช้ปากกา S Pen แม้จะเป็น Fold Edition ก็ตาม
หน้าจอด้านในของ Galaxy Z Fold 3 ก็มาเลือกใช้เป็นแบบ Dynamic AMOLED 2X เหมือนกับด้านนอก รีเฟรชเรท 120Hz เท่ากัน
การแบ่งหน้าจอ
Galaxy Z Fold 3 สามารถแบ่งจอได้มากสุด 3 แอปพร้อมกัน หรือจะเลือกแบบ Pop-up view เพิ่มขึ้นมารวมกันเป็น 4 แอปได้ ค่อนข้างเป็นฟีเจอร์ที่สะดวกจริง ๆ แต่มันก็จะมีบางแอปที่ไม่รองรับการใช้งานแบบแบ่งหน้าจอ
ซึ่งตรงนี้ Samsung ก็มีทางออกมาให้ เพียงแค่เข้าไปที่ การฟีเจอร์ขั้นสูง หรือ Advanced Features จากนั้นเข้าไปที่ Labs แล้วก็ติ๊ก Multi window for all apps ได้เลย เท่านี้ทุกแอปในเครื่อง Galaxy Z Fold 3 ของเรา ก็จะรองรับการเปิดใช้งานจอแยกทุกอันแล้ว
ประสิทธิภาพการเล่นเกม
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Galaxy Z Fold 3 ที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือ คือความแรงของสเปค เพราะข้างในขับเคลื่อนด้วยชิปตัวแรงจาก Qualcomm อย่าง Snapdragon 888 พ่วงกับ RAM ชนิด LPDDR5 ตัวท็อปเช่นเดียวกัน และหน่วยความจำ UFS 3.1
สเปค GALAXY Z FOLD 3
- หน้าจอพับด้านใน Dynamic AMOLED 2x ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 2208 x 1768, อัตราส่วน 22.5 : 18 รีเฟรชเรท 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+
- หน้าจอด้านนอก Dynamic AMOLED 2x ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 2268 x 832, รีเฟรชเรท 120Hz
- CPU : Snapdragon 888
- GPU : Adreno 660
- RAM : 12GB
- ความจุ : 256GB / 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว
– กล้องหลัก เซนเซอร์ IMX555 ขนาด 1/1.76″ ความละเอียด 12MP, PDAF
– กล้อง Telephoto เซนเซอร์ ISOCELL 3M5 ขนาด 1/3.6″ ความละเอียด 12MP, ซูม 2x, PDAF
– กล้อง Ultrawide เซนเซอร์ ISOCELL 3L6 ขนาด 1/3.2″ ความละเอียด 12MP, PDAF - กล้องหน้าใต้จอ : เซนเซอร์ IMX471 ขนาด 1/3.09″ ความละเอียด 4MP
- กล้องหน้า (ด้านนอก) : เซนเซอร์ IMX374 ขนาด 1/3.2″ ความละเอียด 10MP
- การเชื่อมต่อ : 5G mmWave and sub-6GHz, WiFi 6, Bluetooth, NFC, UWB
- เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), Accelerometer, gyroscope, Proximity sensor, Light sensor, Compass, Barometer
- ลำโพงสเตอรีโอ
- ทนน้ำตามมาตรฐาน IPX8
- รองรับ S Pen (จอด้านใน)
- แบตเตอรี่ : 4400 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 25W / ไร้สาย 11W
- ขนาด : พับจอ 158.2 x 67.1 x 14.4 มม. / กางจอ 158.2 x 128.1 x 6.4 มม.
- น้ำหนัก : 271 กรัม
- ระบบ : Android 11 ครอบด้วย One UI 3
- สีที่วางจำหน่าย : เขียว Phantom Green, ดำ Phantom Black, เงิน Phantom Silver
แต่จะให้พูดถึงสเปคกระดาษอย่างเดียว มันก็ไม่ได้ ผมเลยลองนำเจ้า Galaxy Z Fold 3 ไปลองเล่นเกมยอดฮิตกันครับ อย่าง PUBG, RoV หรือ Genshin Impact ซึ่งถือเป็นตัวปราบเซียนเลยสำหรับเกมนี้
RoV ปรับสุดทุกอย่าง เล่นได้ลื่น ๆ เฟรมเรทเวลาบวกกันเยอะ ๆ วิ่งอยู่ที่ราว ๆ 59 – 61 fps ไม่ต่ำไปกว่านี้
PUBG ก็เช่นเดียวกัน ปรับสุดหมดทุกอย่าง เล่นได้ลื่นไหล ไม่ค้าง ไม่กระตุก
Genshin Impact ปรับแบบ Medium เล่นได้สบาย แต่ถ้าดันขึ้น High อาจมีกระตุกขึ้นมาได้
การเล่นเกมทั้งจอในและจอนอกก็จะให้อารมณ์ที่ต่างกันพอสมควร เพราะอัตราส่วนจอนอกนั้นเป็นแนวยาว บางเกมที่ปุ่มควบคุมปรับตำแหน่งไม่ได้ ก็อาจจะเจอปัญหาบ้าง ส่วนจอในเมื่อกางแล้วก็ได้ภาพใหญ่เต็มตา อารมณ์เหมือนเล่นบนแท็บเล็ตเลย
กล้องและการถ่ายภาพ
เรื่องกล้องนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะสเปคที่ได้นี่แทบจะเป็นตัวเดียวกับเรือธงของบริษัทฯ เลย มีมาทุกระยะ ตั้งแต่ Wide, Ultra-Wide และ Telephoto ความละเอียดเท่ากันทั้งหมดที่ 12MP จะพับหรือกางออกก็ถ่ายได้ เอาเป็นว่ามาดูภาพตัวอย่างกันเลยดีกว่าครับ
กล้องระดับเดียวกับมือถือเรือธงรุ่นอื่น ๆ ของ Samsung
ภาพตัวอย่างจาก Galaxy Z Fold 3
ตัวอย่างโหมดกลางคืน
FLEX MODE
อันนี้เหมือนจะแอบโกงนิด ๆ เพราะ Galaxy Z Fold 3 นั้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ Flex Mode เหมือนกับ Fold 2 รุ่นก่อน และรุ่นน้องอย่าง Flip 3 ตรงนี้สามารถเอาตัวสมาร์ทโฟนไปวางไว้ที่ระเบียง ยิงชัตเตอร์ยาว ๆ ถ่ายท้องฟ้า ถ่ายกลางคืนแบบชัด ๆ ไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริม หรือถือเองกลั้นหายใจเป็นวินาทีให้ลำบากเลย
นอกจาก Flex Mode จะเป็นประโยชน์กับการถ่ายภาพแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังอนุญาตให้เราใช้งานแอป YouTube (และแอปอื่น ๆ) สามารถดูคอนเทนต์ไป อ่านคอมเมนต์ไปได้สบาย ๆ หรือแอป Gmail ฝั่งนึงเป็นเนื้อข้อความ อีกฝั่งเป็นลิสต์หัวข้อต่าง ๆ
กล้องหน้า
Galaxy Z Fold 3 ใส่กล้องเซลฟี่มาให้ถึง 2 ตัว ทั้งด้านในและด้านนอก โดยด้านในจะพิเศษหน่อย เพราะถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Samsung เลยที่เลือกใช้กล้องแบบ Under-Screen Camera หรือกล้องใต้หน้าจอ แน่นอนว่าเป็นเจนแรก อาจจะมีปัญหานิดนึง ทั้งในเรื่องของความเนียนรวมไปถึงคุณภาพของรูปที่ได้มา ส่วนตัวใช้งานมา รอยพิกเซลกล้อง ผมไม่ได้สังเกตจนถึงกับใช้งานไม่ได้นะ อาจจะมีช่วงแรก ๆ แต่ใช้ไปสักพักก็ปรับตัวได้
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องเจาะรู
ตัวอย่างภาพกล้องใต้หน้าจอ
จะเห็นว่าภาพที่ได้จากกล้องเซลฟี่ใต้หน้าจอ จะยังคงไม่สามารถนำมาเทียบกับกล้องเซลฟี่ปกติได้ แม้ว่าทั้งสองรูปจะถ่ายในสภาวะแสงเยอะก็ตาม ภาพยังออกมาวุ้น ๆ อยู่ ไม่เหมือนกับภาพจากกล้องเจาะรู ที่ออกมาใสชัดแจ๋ว
รองรับ S Pen แล้วแทน Galaxy Note ได้ยัง
เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ต้องปรบมือชื่นชมทาง Samsung เอามาก ๆ ที่ทีม R&D สามารถออกแบบ Galaxy Z Fold 3 ให้รองรับการใช้งานปากกา S Pen ได้ ซึ่งฟีเจอร์หลัก ๆ จะเทียบเท่ากับตัวปากกาของฝั่ง Note แต่ปัญหาคือพอใช้เสร็จไม่รู้จะไปเก็บที่ไหน จะใส่ในเคสก็ยังไง ๆ เพราะตัวเคสมันทำให้ Galaxy Z Fold 3 นั้นหนาและหนักขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ๆ คือจะดีกว่านี้ ถ้ามีช่องใส่ปากกา S Pen มาให้โดยเฉพาะเหมือนกับซีรีส์ Note
ปากกา S Pen ที่ใช้กับ Galaxy Z Fold 3 จะต้องเป็นรุ่น Fold Edition เท่านั้น
ความทนทาน
Galaxy Z Fold 3 นับเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของโลก ที่รองรับทั้งการใช้งานคู่กับปากกาสไตลัส และผ่านมาตรฐานทนน้ำ IPX8 มาได้ อธิบายง่าย ๆ คือ เราสามารถนำมือถือรุ่นนี้ไปจุ่มน้ำที่ความลึก 1.5 เมตร เป็นเวลานานทั้งหมด 30 นาที หยิบขึ้นมาแล้วยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ เครื่องยังไม่พัง ใช้งานฟังก์ชั่นอะไรต่าง ๆ ได้ตามปกติ
แต่ต้องบอกว่านี่คือในทางทฤษฎีนะ พอถึงเวลาจริง เลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่า เพราะหากน้ำเข้า ประกันตัดทันทีเลยนะครับ ให้ IPX8 มีไว้เฉพาะยามฉุกเฉินจะดีกว่า
แบตเตอรี่
ส่วนตัวตอนแรกคิดว่าแบต 4400 mAh ของ Galaxy Z Fold 3 จะใช้งานไม่ครบวันแน่ ๆ เพราะมีตั้งสองจอ แถมแต่ละจอก็รองรับรีเฟรชเรท 120Hz อีก เอามารีวิวจริง ๆ น่าจะต้องมีพกแบตสำรองเป็นแน่ แต่จากประสบการณ์ใช้งานจริง ๆ กลับพบว่ามันอยู่รอดได้แบบสบาย ๆ ใช้งานตั้งแต่เช้ายันค่ำ แบตยังเหลือ 24% (ไม่ค่อยเล่นเกม)
สรุป Galaxy Z Fold 3 กับการใช้งานเป็นเครื่องหลัก
ในเรื่องของสเปค ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Galaxy Z Fold 3 ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นมือถือเครื่องหลัก หรือ Daily Driver ได้แบบสบาย ๆ แถมยังเหมือนซื้อ 1 ได้ถึง 3 เพราะมีทั้งความเป็นสมาร์ทโฟน + แท็บเล็ต + สมุดจดแบบ Galaxy Note (แต่อันหลังต้องซื้อ S Pen เพิ่มด้วย)
แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเหมาะกับทุกคน ด้วยขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่องนั่นเองครับ
แต่ถ้าใครอยากได้สมาร์ทโฟนที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ลูกเล่นเยอะ ๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน ตรงนี้ Galaxy Z Fold 3 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ๆ แถมนอกจากนวัตกรรมแล้ว มันยังช่วยเพิ่มภูมิฐานให้ดูดีขึ้นอีกสัก 10 – 20% อีกด้วย ฮ่า ๆ
ความจริงออกตัว 7.2นิ้วแบบ mate20x มาเลยจะ พกง่าย ใช้สะดวก ราคาถูก ทนทานสูง แบตมาก กว่านะครับ