TECNO Pova Series มือถือสายประสิทธิภาพ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความคุ้มค่าได้กลับมาทวงตำแหน่งอีกครั้งกับซีรีส์ประจำปี 2023 อย่าง TECNO Pova 5 ที่มากับสเปคที่เรียกได้เต็มปากว่า คุ้มตลาดแตก ในกลุ่มมือถืองบไม่เกิน 5,000 บาท เพราะได้ทั้งตัวเครื่องดีไซน์สุดเท่ ไม่เหมือนใคร ได้ชิป 4G ตัวท็อปของซีรีส์ Helio ความจุแน่น ๆ สูงสุด 8GB + 256GB เล่นได้ทุกเกม และยังได้ลำโพงคู่ที่เสียงดีเกินราคามาก ๆ นอกจากนี้ยังมีอะไรคุ้ม ๆ ที่รุ่นนี้ให้มาอีกบ้าง เราได้รวบรวมไว้แล้ว

สเปค TECNO Pova 5 

  • หน้าจอ: LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • ชิปเซ็ต : MediaTek Helio G99
  • RAM : 8GB รองรับ Extended RAM สูงสุด 8GB
  • ROM: 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลังคู่ AI
    • กล้องหลัก 50MP มีโหมดกันสั่น
    • กล้อง AI (Depth) 0.08MP
  • กล้องหน้า 8MP มีโหมดกันสั่น
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วมือข้างเครื่อง, Gyroscope, G-Sensor, Ambient Light, Distance Sensor, E-Compas
  • การเชื่อมต่อ : 4G Dual SIM, Wi-Fi 5Ghz, Bluetooth, USB Type-C 2.0, NFC
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่ DTS รองรับ Hi-Res, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ 6000 mAh รองรับชาร์จไว SmartCharge 45W
    ระบบ Android 13 ครอบทับด้วย HIOS
  • ขนาด : 168.61 x 76.61 x  9.00 มม.

แกะกล่องรุ่นพิเศษ TECNO Pova 5 x Free Fire Edtion 

ครั้งนี้ TECNO Pova 5 กลับมาพร้อมกับ Box Set รุ่นพิเศษที่ได้ร่วมงานกับเกมสุดฮิตอย่าง Free Fire ที่มาในดีไซน์กล่องแบบ Slip-on ทรงสามเหลี่ยมพีรมิดสุดล้ำไม่เหมือนใคร พร้อมสกรีนลายตัวละครดังอย่าง Kelly 

ด้านในกล่องบรรจุตัวเครื่องที่ติดฟิล์มมาแล้ว มีเคสใส หัวชาร์จไว 45W พร้อมสาย USB-C มาให้แล้วพร้อมใช้งานทันที แต่ที่เซอร์ไพรส์สุด ๆ คือในรุ่นนี้มีหูฟังมาให้ด้วย ซึ่งในปีหลัง ๆ มานี้แบรนด์ใหญ่มักจะไม่ค่อยแถมมาในกล่องแล้ว และแน่นอนว่าในเมื่อมีการคอลแลปกับ Free Fire ภายในกล่องจึงมีการบรรจุโค้ดรหัสไอเทมเพื่อนำไปแลกสิ่งของภายในเกม(เครื่องขายจริงมีสติกเกอร์แต่งเคสด้วยนะ)

ความพิเศษของ TECNO Pova 5 x Free Fire Edtion ไม่ได้อยู่เฉพาะที่ Box Set เท่านั้น เพราะตัวเครื่องติดตั้งมาพร้อมกับ HI OS เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่มีธีมสุดพิเศษ และวอลเปเปอร์ตัวละครในเกมให้เลือกถึง 5 ตัวละคร มี Icon Pack เท่ ๆ และเสียงริงโทน พร้อมเสียงแจ้งเตือนสุดแจ่ม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวเกมด้วย ใครที่ชอบเล่น Free Fire อยู่แล้ว ไม่ควรพลาด

TECNO Pova 5 กับดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Cyberpunk

ในรุ่นนี้ถือเป็นการพลิกโฉมดีไซน์ของ TECNO ไปอีกขั้น โดยเฉพาะสีทอง Amber Gold (ตัวเครื่องจริงจะออกสีเงิน) ที่ฝาหลังมีสัมผัส และลวดลายเส้นต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน เฟรมขอบตัวเครื่องใช้วัสดุพลาสติก เคลือบสีเงินเงางาม ดูล้ำยุคเหมือนใช้มือถือจากโลกอนาคต

ส่วนโมดูลกล้องมาในดีไซน์แบบสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ ใช้วัสดุกระจกครอบทับเลนส์กล้องทั้ง 2 ตัว ซึ่งส่วนกระจกจะยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ดังนั้นเวลาจับวางอาจจะต้องเบามือเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกเป็นรอยต่างๆ หรือจะใส่เคสที่แถมมาในกล่องช่วยปกป้องตัวเครื่องก็ได้

ด้านหน้าจอมาพร้อมกับดีไซน์กล้องเซลฟี่แบบเจาะรู ด้านบนกล้องจะเป็นลำโพงสำหรับใช้ในการสนทนา และหากใครสังเกตดี ๆ เยื้อง ๆ ลำโพงสนทนาจะมีช่องเล็ก ๆ เป็นจำนวนสองช่อง ซึ่งเป็นช่องไฟแฟลช LED สำหรับกล้องหน้าเพื่อใช้ถ่ายรูปตอนกลางคืนนั่นเอง

ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีเพียงแค่ช่องใส่ SIM Card ที่รองรับ 2 ซิม + microSD Card สามารถใส่พร้อมกันได้ ส่วนด้านขวามาพร้อมปุ่มเพิ่ม / ลดเสียง และปุ่ม Power ที่ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้สำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง ด้านล่างตัวเครื่องมาพร้อมกับช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนสนทนา และพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ส่วนลำโพงในรุ่นนี้เป็นลำโพงคู่สเตอริโอ แยกซ้ายขวา ซึ่งลำโพงจะอยู่ทั้งด้านบน และด้านล่าง

ภาพรวมแล้วช่องเชื่อมต่อต่าง ๆ ถือว่าครบ แต่น่าเสียดายที่ในรุ่นนี้ได้ทำการตัดไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนออกไป มีแค่ไมค์หลักเพียงเท่านั้น ทำให้พูดคุยกับเพื่อนในเกมอาจจะมีเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ลอดผ่านเข้าไมค์มาบ้าง ส่วนด้านดีไซน์อาจจะมีเรื่องของงานประกอบที่ยังไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่ สังเกตได้จากปุ่ม Power ข้างตัวเครื่องที่แอบเบี้ยว ๆ ไปนิดนึง แต่ปัญหาที่ว่านี้อาจจะเป็นเฉพาะในตัวเครื่องที่เราได้มา เครื่องอื่น ๆ อาจจะไม่เจอข้อสังเกตเรื่องงานประกอบก็ได้

จอใหญ่เต็มตา ลำโพงคู่เสียงดีเสียงดัง เล่นเกม ดูหนังเต็มอิ่ม

TECNO Pova 5 มาพร้อมหน้าจอไซส์ยักษ์ขนาด 6.78 นิ้ว ที่คมชัดระดับ Full HD+ ที่ถึงแม้จะใช้พาเนลแบบ IPS LCD แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ เพราะสีสัน และความสว่างก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน รองรับรีเฟรชเรทลื่นไหล 120Hz ที่สามารถปรับค่าได้แบบ Adaptive ตามการใช้งาน แถมยังสัมผัสลื่นไหลเพราะรองรับ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz 

ส่วนการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ นั้น TECNO Pova 5 รองรับวิดีโอระดับ 2K@60FPS บน YouTube ใครที่เป็นสายสตรีมมิ่งก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะรุ่นนี้รองรับมาตรฐาน Widevine L1 ชมคอนเทนต์บน Netflix ได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD  ลำโพงในรุ่นนี้ให้มาแบบจัดเต็ม เป็นลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียง DTS ที่เสียงดีมาก ๆ แยกมิติเสียงชัดเจน มีความใสก้องกังวาล เสียงทุ้มมีน้ำหนัก ซึ่งส่วนตัวจากที่ได้ลองมือถือในระดับราคาเดียวกัน แทบไม่มีรุ่นสู้ได้เลย 

ระบบเสียงของ DTS ก็มีความยืดหยุ่นสูง โดยปกติแล้วถ้าไม่ได้ตั้งค่าเสียงอะไร ระบบ DTS จะเปิดไว้ที่โหมด Smart ปรับตามเสียงคอนเทนต์ที่รับชม แต่ถ้ายังไม่ถูกใจสามารถเข้าไปตั้งค่าปรับโหมดเสียงตามความชอบของตัวเองด้วย Equlizer หรือจะเลือกปรับตาม Pre-Set ที่มาให้ก็ได้

เบื้องต้นจะมีโหมดเสียงแบบ Pre-set ให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่โหมดเพลง, โหมดวิดีโอ และโหมดเกม ซึ่งเมื่อเลือกแล้วสามารถเข้าไปตั้งค่าได้เพิ่มเติมว่าจะเลือกให้เสียงของลำโพงออกมาในทิศทางไหน มีทั้งแบบมาตรฐาน, ด้านหน้า และแบบรอบทิศทาง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกบูสต์เสียงเฉพาะย่านเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้ โดยมีให้เลือกปรับทั้งเสียงเบส, เสียงร้อง และเสียงย่านแหลม แถมยังรองไฟล์คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ด้วย

ใช้ชิปทรงพลัง ประสิทธิภาพดีเยี่ยม

TECNO Pova 5 มาพร้อมชิปเซ็ตเกมมิ่งทรงพลังที่สุดในกลุ่มมือถือราคาประหยัดอย่าง Helio G99 ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานทั่วไป สามารถใช้งานได้ไหลลื่น มาพร้อมหน่วยความจำขนาด 8GB + 256GB ใช้งานแบ่งจอ สลับแอปไปมาได้ไม่มีสะดุด ตอบโจทย์คนชอบใช้งานแบบ Multi-Tasking และถ้าหาก RAM ที่ให้มายังใช้ไม่พอ รุ่นนี้สามารถเปิดฟีเจอร์ Extended RAM เพิ่มแรมจำลองได้สูงสุด 8GB รวมเป็น 16GB แถมยังรองรับ microSD card เพิ่มความจุแบบเบิ้ม ๆ ได้ด้วย

ประสิทธิภาพการเล่นเกม

สำหรับสายเกมมิ่งต้องบอกว่าตอบโจทย์มาก ๆ เพราะในรุ่นนี้มาพร้อมกับเซนเซอร์ทุกอย่างทีจำเป็นต่อการเล่นเกมเช่น Gyroscope มีมอเตอร์กันสั่นที่ให้ความรู้สึกดีและหนักแน่น แถมยังมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว VC จากที่ได้ลองเล่นเกมหนัก ๆ พร้อมอัดหน้าจอไปด้วย เป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมงติดต่อกัน ทั้ง Free Fire, ROV และเกมสุดโหดอย่าง Genshin Impact มีแค่อุณหภูมิอุ่น ๆ ตามปกติของการเล่นเกมเท่านั้น  ไม่เจอปัญหาเรื่องความร้อนเลย

นอกจากฝั่งฮาร์ดแวร์แล้ว TECNO Pova 5 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Panther Game Engine 2.0 ซึ่งเป็นโหมดสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ช่วยรีดทั้งประสิทธิภาพทั้ง CPU และ GPU ให้เล่นเกมได้ลื่นไหลดียิ่งขึ้น สามารถปรับโหมดภาพสีสันต่าง ๆ ให้เข้ากับการเล่นเกม ลดการสั่นไหวของตัวภาพ รวมถึงช่วยเร่งเสียงฝีเท้าในเกม เพื่อให้ได้ยินทิศทางของศัตรูได้ชัดยิ่งขึ้น และในขณะเล่นเกมยังสามารถปัดที่ข้าง ๆ หน้าจอเพื่อเรียกใช้เมนูลัด อย่างการแคปหน้าจอ อัดวิดีโอหน้าจอ รวมถึงปิดแจ้งเตือน โดยที่ไม่ต้องออกจากตัวเกมเพื่อตั้งค่าให้เสียเวลา

Free Fire

ด้วยความที่พื้นฐาน Free Fire ไม่ใช้เกมที่กินสเปคมาก ทำให้การเล่นเกมนี้บน TECNO Pova 5 เป็นไปได้อย่างลื่นไหล แม้ปรับกราฟิกระดับ Ultra เปิดสุดทุกช่องก็ไม่มีท่าทีที่จะกระตุก แถมยังอัดจอไปด้วย เล่นไปด้วยได้อย่างลื่น ๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย ใครที่จะซื้อมาเล่น Free Fire บอกเลยว่าเล่นได้สบายหายห่วง

ROV

แน่นอนว่าเมื่อเล่น Free Fire ได้ ROV ก็หายห่วง โดยตัวเกมสามารถตั้งค่ากราฟิกสูงสุดได้ที่โหมด Ultra แต่การแสดงผลจะล็อกไว้แค่ระดับสูงเท่านั้น จากที่ได้ลองเล่นพบว่าเฟรมเรทของตัวเกมอยู่ที่เลข 60FPS นิ่ง ๆ ลื่น ๆ และถึงแม้ว่าจะมีการอัดจอร่วมด้วยก็ตาม

Genshin Impact

สำหรับเกมกินสเปคสุดโหดอย่าง Genshin Impact ในโหมดกราฟิก Low Setting 60FPS สามารถเล่นได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ สามารถอัดจอไป เล่นไปพร้อมกันได้ แต่ก็อาจจะมีอาการสะอึกเวลาที่มีการแพนมุมกล้องในที่กว้าง ๆ หรือในขณะที่มีเอฟเฟกต์การโจมตีเยอะ ๆ ถ้าอยากจะเล่นได้ลื่น ๆ จริง ๆ แนะนำว่าให้ปรับกราฟิกไว้ที่ระดับ Lowest ซึ่งจะสามารถเล่นได้ลื่นไหลมากกว่า อาการสะอึกก็จะน้อยลงไปด้วย

เก่งทั้งเกม เก่งทั้งกล้อง AI

กล้องหลัง

ถึงแม้จะเป็นมือถือที่ทำมาเอาใจสำหรับคอร์เกมโดยเฉพาะ แต่เรื่องกล้องทาง TECNO ก็ไม่ทิ้ง เพราะกล้องคู่ AI ความละเอียด 50MP ในรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้เซอร์ไพรส์มาก ๆ เพราะตัว AI จะทำการตรวจจับฉากที่เรากำลังถ่ายอยู่ แล้วทำการปรับภาพให้เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ จากที่ได้ลองดูตัว AI สามารถตรวจจับได้ทั้ง ภาพบุคคล, สัตว์เลี้ยง, ดอกไม้, ธรรมชาติ, ถนน, ตัวหนังสือ และถ้าเราถ่ายที่ย้อนแสง โหมด HDR Backlight ก็จะเปิดให้ทันที แต่ถ้าในที่มืดจัด ๆ กล้องจะแนะนำให้เราเข้าไปถ่ายรูปในโหมด Super Night แทน

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง

สำหรับภาพที่ได้มาจาก AI Camera รายละเอียดต่าง ๆ ถือว่าคมชัดจัดเต็ม  และอาจจะถูกใจคนที่ชอบภาพสีสดใส แบบไม่ต้องแต่งเพิ่ม เพราะตัว AI ช่วยปรับภาพให้เราได้จัดจ้านเต็มที่ แต่สำหรับใครที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ให้สีภาพดูตรงกับวัตถุที่เราถ่ายจริง ๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เพราะตัวแอปไม่สามารถปิดระบบ AI ได้ ทำให้สีของวัตถุดูสดเกินจริงไปมาก ๆ และในรุ่นนี้ไม่มีกล้อง Macro มาให้ หากจะถ่ายดอกไม้ระยะใกล้แบบสวย ๆ อาจจะต้องใช้โหมดซูม x2 ช่วย เพราะไม่งั้นถ้าจ่อกล้องใกล้เกินไป กล้องจะจับโฟกัสไม่ได้

ตัวอย่างภาพจากโหมด Sky Shop

จุดขายอีกอย่างหนึ่งของกล้องหลังของ TECNO Pova 5 คือโหมด Sky Shop ที่สามารถถ่ายภาพท้องฟ้า หรือดาวต่าง ๆ ได้สวยขึ้นไปอีกระดับ โดยโหมดนี้จะมีฟิลเตอร์ท้องฟ้าสำเร็จรูป 12 แบบให้เราเลือก หลังจากนั้นก็จ่อกล้องไปที่ท้องฟ้า ระบบ AI ก็จะทำการตรวจจับพร้อมซ้อนภาพท้องฟ้าสำเร็จรูปเข้ากับรูปที่เราถ่ายเองแบบเนียน ๆ เหมือนมีก้อนเมฆ และดาวของจริงบนท้องฟ้าเลยทีเดียว

ตัวอย่างภาพจากโหมด Portrait

สำหรับโหมด Portrait ในรุ่นนี้ มาพร้อมกับโหมดแสง และเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ให้เลือก 7 แบบ รองรับทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ซึ่งการตัดขอบ เบลอหลังถือว่าทำได้เนียนใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่รองรับการปรับค่าความเบลอด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายในโหมดนี้เฉพาะภาพคนเท่านั้น ส่วนพวกวัตถุต่าง ๆ ตัวกล้องไม่สามารถ Detect และเบลอหลังให้ได้

ตัวอย่างภาพจากโหมด Super Night

ส่วนโหมดภาพถ่ายกลางคืน Super Night นั้นถือเป็นอีก 1 ทีเด็ดสำหรับกล้องรุ่นนี้ โดยการถ่ายภาพในโหมดกลางคืนจะใช้เวลาเปิดรูรับแสงนิ่ง ๆ ประมาณ 6 วินาทีซึ่งถือว่าไม่ช้าจนเกินไป แถมยังได้ภาพที่เรียกความสว่างกลับมาได้อย่างน่าทึ่ง แต่ทั้งนี้ถ้าเป็นในพื้นที่แสงน้อยมาก ๆ เมื่อซูมภาพดูแล้ว จะเห็นว่ารายละเอียดหายไปเยอะ และมัวอยู่พอสมควร แต่เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้ว ถือว่าทำได้ดีเกินเรื่องเลยทีเดียว

กล้องหน้า

สำหรับกล้องหน้าในรุ่นนี้ให้มาที่ 8MP ซึ่งส่วนตัวคิดว่าอาจจะทำได้ไม่สุดเท่ากล้องหลังสักเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของรายละเอียดผิวต่าง ๆ ที่ยังแอบเบลอนิดหน่อย และสีสันที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนโหมดบิวตี้ที่ให้มา ในเรื่องของการเบลอรอยสิวต่าง ๆ ยังดูฟุ้ง ๆ ดูแล้วไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังให้เลือกปรับค่อนข้างน้อย ปรับได้แค่ความเนียนของผิว ความเรียวของใบหน้า สีผิว และขนาดตาเท่านั้น

สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยนั้น ถึงแม้ในรุ่นนี้จะไม่มี Night Mode กล้องหน้ามาให้ แต่ TECNO ก็ให้ไฟแฟลช LED 2 ดวงเล็ก ๆ ไว้ที่ข้าง ๆ กล้องหน้า สามารถเรียกใช้งานเพื่อช่วยเราเซลฟี่ในตอนกลางคืนได้เลย

งานวิดีโอ

Play video

งานวิดีโอเป็นอีกหนึ่งจุดที่ตอกย้ำความเทพของรุ่นนี้ เพราะทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียด 2K@30FPS แถมยังมีระบบกันสั่น Ultra Steady ให้เลือกเปิดด้วย (ล็อกความละเอียดไว้ที่ 1080P@30FPS) นอกจากนี้แล้วยังมีโหมดวิดีโอ 720P@30FPS แบบบิวตี้ให้เลือกถ่ายด้วย ด้วย ซึ่งบอกได้เลยว่าในงบ 5,000 บาท ไม่มีเจ้าไหนให้มาขนาดนี้แน่นอน 

Play video

ส่วนคุณภาพของงานวิดีโอนั้น สำหรับกล้องหลังความละเอียด 2K@30FPS เมื่อเดินลงเท้า จะค่อนข้างสั่นอยู่พอสมควร ส่วนเรื่องสีสันนั้นก็มีการใช้ AI ปรับให้ด้วยเช่นกัน ทำให้วิดีโอที่ได้สีจะค่อนข้างสดกว่าปกติ และเมื่อเปิดโหมดกันสั่น Ultra Steady ที่ความละเอียด 1080P@30FPS แล้ว พบว่าช่วยลดการสั่นไหวได้ดีในระดับหนึ่ง แอบมีความย้วย และมีสั่นบ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ในราคาระดับนี้

Play video

ด้านงานวีดิโอ 2K@30FPS บนกล้องหน้าก็ยังคงมีคาแรคเตอร์ที่คล้าย ๆ กัน มีความสั่นไหวพอสมควรเวลาเดินลงเท้า และงานที่ได้มาจะมีความคมเกินจริงสักหน่อย แต่โหมดกันสั่นถือก็ช่วยลดการสั่นไหวขณะถ่ายได้ แต่จะมีความย้วยพอสมควร แต่ด้วยความที่การกันสั่นใช้ระบบ EIS ทำให้มีการครอปภาพในขณะถ่ายทำให้เมื่อถ่ายหน้าเราแล้วดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ต้องถือมือถือในระยะที่ไกลกว่าเดิม

Play video

และที่พิเศษสำหรับกล้องหน้าคือ เขามีโหมด Portrait เบลอฉากหลังในวิดีโอกล้องหน้าให้ด้วย ทำให้เวลาใช้งานถ่าย Vlog ในที่คนเยอะ ๆ สามารถช่วยเบลอหน้าคนออกไปได้ในระดับหนึ่ง แต่จะล็อกความละเอียดไว้ที่ 720P@30FPS เท่านั้นนะ

Play video

 

แบตเตอรี่ 6,000 mAh ใช้งานได้เต็มวัน เล่นเกมติดต่อกันได้นาน

TECNO Pova 5 ให้แบตเตอรี่มาสะใจถึง 6,000 mAh ซึ่งจากได้ลองใช้งานในชีวิตประจำวัน ใส่ซิมใช้งานผ่านเครือข่าย 4G พร้อมเปิดแสงจอแบบ Adaptive Brightness เปิด Bluetooth พร้อมเชื่อมต่อหูฟังไร้สาย และเปิด NFC ตลอดเวลา ใช้เวลา Screen Time ไปราว ๆ 3 ชั่วโมง เล่นโซเชียลทั้ง Facebook IG TikTok Twitter Spotify รวมถึงใช้ถ่ายรูปต่าง ๆ ตั้งแต่เที่ยงวัน – 3 ทุ่ม พบว่าจากแบตเตอรี่ 100% เหลืออยู่ที่ 65%

หลังจากนั้นช่วง 3 – 4 ทุ่ม ก็ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi 5 พร้อมเปิดลำโพง และล็อกแสงจอไว้ที่ 50% ดู YouTube 2K@60FPS ประมาณ 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดจาก 65 เหลือ 56% จากนั้นก็ได้ปล่อยพักไว้ 1 ชั่วโมง และกลับมาเล่นเกมทั้ง Free Fire, ROV, Genshin Impact และเกมอื่น ๆ รวมเป็น 4 เกม ติดต่อกันถึง 4 ชั่วโมง พร้อมสลับอัดจอไปด้วยเป็นระยะ ๆ ด้วย

สรุปแล้วในระยะเวลาตั้งแต่เที่ยงวัน – ตีสามของอีกวัน (ประมาณ 15 ชั่วโมง) ใช้เวลา Screen Time ไปกว่า 8 ชั่วโมง แบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 5% ซึ่งจากผลทดสอบบอกได้เลยว่าแบตเตอรี่ 6,000 mAh อยู่ได้ทั้งวันแน่นอน ถึงจะมีการเล่นเกมหนัก ๆ ระหว่างวันก็ตาม

แน่นอนว่าในเบื่อให้แบตเตอรี่มาเยอะขนาดนี้ ถ้าชาร์จแบบปกติกว่าจะเต็มก็คงใช้เวลาหลายชั่วโมง TECNO จึงได้ใส่ระบบชาร์จไว SmartCharge 45W ที่ทางแบรนด์เคลมว่าสามารถชาร์จแบต 6,000 mAh จาก 0 – 50% โดยใช้เวลาเพียงแค่ 21 นาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าชาร์จจาก 1 – 100% จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังรองรับ Reverse Charging สามารถจ่ายไฟให้มือถือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ที่กำลังไฟ 10W ด้วย

สรุปการใช้งาน TECNO Pova 5 

ข้อดี

  • ดีไซน์สวยเกินราคา
  • หน้าจอใหญ่ 6.78 นิ้ว ลื่นไหล 120Hz
  • รองรับ YouTube ความละเอียด 2K@60FPS 
  • รองรับ Widevine L1 ดู Netflix Full HD ได้
  • ลำโพงคู่ DTS เสียงดัง และคุณภาพดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับมือถือราคาใกล้ ๆ กัน
  • ความจุเยอะสูงสุดถึง 8GB + 258GB
  • ชิป Helio G99 ดีที่สุด ใหม่ที่สุดในกลุ่มชิป 4G ราคาประหยัด
  • เล่นเกมลื่น ๆ หากปรับกราฟิกให้เหมาะสม
  • กล้องหลัง AI 50MP ที่ทำได้ดีเกินราคา ถูกใจคนที่ชอบภาพสีจัดจ้าน
  • โหมดกลางคืนรีดแสงออกมาได้ดูดี 
  • ถ่ายวีดิโอ 2K@30FPS รองรับกันสั่นทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
  • แบตเตอรี่ 6,000 mAh ที่โคตรอึด รองรับชาร์จไว
  • อุปกรณ์ครบกล่อง ติดฟิล์มมาให้เรียบร้อย มีทั้งหัวชาร์จ สายชาร์จ เคสกันรอย และหูฟัง
  • มาพร้อม Android 13 เวอร์ชั่นใหม่

ข้อสังเกต 

  • งานประกอบไม่ค่อยเรียบร้อย (อาจไม่ได้เจอปัญหานี้ทุกเครื่อง แต่เครื่องที่ได้รับมาปุ่ม Power เบี้ยวจนสังเกตได้)
  • ไม่มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
  • กล้องถ่ายรูปปิดโหมด AI ไม่ได้ ทำให้บางครั้งมีการปรับแสงภาพจนดูสดเกินจริง
  • การถ่ายรูปโหมดกลางคืนในสภาวะแสงต่ำ ๆ รายละเอียดภาพจะหายไปพอสมควร
  • กล้องหน้าคุณภาพอาจจะไม่ถูกใจสายเซลฟี่ โหมดบิวตี้ปรับผิวดูฟุ้งเกินจริง มีฟีเจอร์ให้เลือกปรับน้อย
  • ถ้าใช้งานในโหมด Gesture Navigation แอนิเมชันของ UI เวลาปัดเลื่อนจะมีความหนืด ๆ ไม่ค่อยติดนิ้ว ถ้าใช้เป็นระบบ 3 ปุ่มจะไม่เจอปัญหานี้

TECNO Pova 5 เหมาะกับใคร

TECNO Pova 5 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่รักการเล่นเกมจริงจัง แต่มีงบที่จำกัดสุด ๆ เพราะรุ่นนี้ตอบโจทย์สุด ๆ ทั้งในด้านราคาที่อยู่ที่เริ่มต้นไม่ถึง 5,000 บาท และในด้านสเปคทั้งความแรง ทั้งเรื่องกล้องที่ให้มาแบบโคตรจัดเต็มในระดับที่แบรนด์อื่นในเรนจ์ราคาเดียวกัน หรือสูงกว่านี้ 1,000 – 3,000 บาทไม่สามารถให้ได้ บอกได้เลยว่าใครที่มองหามือถือเล่นเกมไว้ใช้เอง หรือซื้อให้เด็ก ๆ ที่บ้านเล่น รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวจบจริง ๆ หาที่ไหนไม่ได้แล้ว

ราคา และการวางจำหน่าย

TECNO Pova 5 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป โดยมีรุ่นความจุให้เลือกดังนี้

  • 8GB + 128GB ราคา 4,999 บาท
  • 8GB + 256GB ราคา 5,799 บาท

ใครสนใจสามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ TECNO Mobile ทั้ง Shopee, Lazada และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ