จากที่เคยรีวิวหูฟังบลูทูธเสียงดีราคาถูกแบรนด์อเมริกา อย่าง Treblab J1 ไปรอบนึงแล้ว และรู้สึกติดใจในคุณภาพเสียงที่ได้กับราคาที่ถือว่าถูกมาก ก็เลยลองสั่งหูฟังแบบ Over-Ear มาลองอีกซักรุ่น ก็คือรุ่น Treblab Z2 นั่นเอง ซึ่งหูฟังรุ่นนี้ถือเป็นหูฟังบลูทูธที่มีฟีเจอร์ต่างๆ ครบ ทั้ง Bluetooth 4.2, มีระบบตัดเสียงแบบ Active Noise Cancellation แถมยังมาพร้อมแบต (โคตร) อึดที่สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ถึง 30+ ชม.
หูฟังบลูทูธ Treblab Z2 ที่สั่งซื้อมาคราวนี้มีราคาอยู่ที่ 78.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,4xx บาท) แต่ตอนนั้นสั่งซื้อจากเว็บไซท์อะไรจำไม่ได้แล้ว (ต้องขอโทษด้วยจริงๆ) ว่าแล้วก็มาดูกันหน่อย ว่าฟีเจอร์เด่นๆ ของ Treblab Z2 มีอะไรบ้าง
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 35 ชม.
- ระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation
- บลูทูธ 4.2 CSR
- ระบบเสียง HD Sound 2.0 + aptX
- ระยะใช้งาน 38 ฟุต (ประมาณ 10 ม.)
- เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์
ของที่ให้มาในกล่องก็มีทั้ง กระเป๋าแบบแข็งสำหรับเก็บหูฟัง, สายชาร์จ USB, สาย AUX สำหรับใช้งานแบบไม่เปิดบลูทูธ และคู่มือ
Treblab Z2 เป็นหูฟังแบบ Over-Ear สีดำด้าน วัสดุตรงที่ครอบหูน่าจะเป็นหนังเทียมที่บอกได้เลยว่านุ่มสบายจริงๆ เพราะปกติเป็นคนที่ชอบฟังเสียงจากหูฟังแบบ Over-Ear แต่ไม่ค่อยชอบการใส่หูฟังแบบนี้ เพราะมันหนีบหัวแล้วอึดอัด แถมร้อนหูอีก ซึ่ง Treblab Z2 นี้ มีวัสดุที่ใช้บุหูฟังนุ่มสบายกว่ารุ่นอื่นๆ ที่เคยใช้มา ทำให้สามารถฟังได้นานๆ ไม่ปวดขมับ แถมน้ำหนักยังเบาอีกด้วย (แต่ก็ฟังนานมากไม่ได้เพราะยังคงร้อนหูอยู่ดี)
ส่วนวัสดุอื่นๆ ก็ดูแข็งแรงทนทานดี ไม่ดูก๊องแก๊งพังง่าย ตรงที่ปรับระดับหูฟังเป็นโลหะยืดหยุ่นสูง สามารถบิดไปมาได้โดยไม่หัก
Treblab Z2 จะมีปุ่มสำหรับสั่งการอยู่ทั้งหมด 3 ปุ่ม อยู่ตรงหูขวา โดยปุ่มบน-ล่างสำหรับเร่งเสียง-ลดเสียง ถ้ากดค้างจะเป็นการเปลี่ยนเพลง ส่วนปุ่มกลางจะเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดหูฟังเมื่อกดค้าง ถ้ากดสั้นๆ ทีเดียวจะเป็น Play – Pause ถัดมาเป็นช่อง MicroUSB สำหรับเสียบชาร์จและช่อง AUX ส่วนทางหูซ้ายเป็นสวิทช์สำหรับเปิด-ปิด ระบบ Noise Cancellation
สำหรับการใช้งาน Treblab Z2 ก็จะคล้ายๆ กับการใช้งานหูฟังบลูทูธทั่วๆ ไปนี่แหละ เมื่อเริ่มต้นใช้งานก็แค่กดปุ่ม Power ค้างเอาไว้จนไฟสีแดง-สีฟ้ากระพริบติดๆ กัน แล้วก็กด Scan หาหูฟัง Treblab Z2 จากมือถือของเราเป็นอันเสร็จพิธี และถ้าใครจะเชื่อมกับมือถือ, แทบเล็ต, PC อีกเครื่อง ก็ให้ปิดบลูทูธที่มือถือเครื่องแรกซะก่อน จากนั้นก็กดปุ่ม Power ที่หูฟังค้างอีกทีเพื่อเข้าโหมด Pairing แล้วค่อยเพิ่มหูฟังเข้าไปในอุปกรณ์ที่ต้องการ จากนั้นก็เปิดบลูทูธที่มือถือเครื่องแรกก็เรียบร้อย ใช้ได้ 2 เครื่องแล้วทีนี้
สำหรับเรื่องของแบตเตอรี่ที่ทาง Treblab คุยเอาไว้ว่าเจ้า Treblab Z2 ตัวนี้ มีแบตเตอรี่ที่ (โคตร) อึด สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 35 ชม. ก็ต้องบอกว่าอึดจริงๆ เพราะทดสอบด้วยการเปิดเพลงฟังต่อเนื่องแล้วได้ประมาณ 30 ชม. ก็ยังไม่มีการเตือนแบตต่ำ (แต่ไม่ได้ลองไปมากกว่านี้แล้ว เพราะขี้เกียจนั่งมองเวลา ขอโทษที) แต่ถ้าเปิดระบบ Noise Cancellation ไว้ด้วย แบตเตอรี่ก็จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 20 ชม. กลางๆ (ซึ่งตอนนี้รู้สึกจะยังไม่มีรุ่นไหนในราคาระดับ 2,000 – 3,000 บาท ที่ให้แบตอึดขนาดนี้…หรือถ้ามีก็บอกกันบ้างเน้อ) ส่วนเวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟอยู่ที่ประมาณ 4 ชม.
ระบบ Noise Cancellation (T-Quiet) ของ Treblab Z2 จะเป็นระบบตัดเสียงแบบดิจิตอล ทำให้มันต้องใช้พลังงานเพิ่มเมื่อเปิดใช้ และจากการทดสอบรู้สึกว่าตัดเสียงได้บ้าง แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร…คือตัดเสียงรบกวนได้จริง แต่ไม่ได้เงียบกริบเหมือนหูฟังรุ่นแพงๆ ยังคงมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ และถ้าหากว่าเราเลิกฟังเพลง ปิดหูฟังไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดันลืมปิดสวิทช์ระบบตัดเสียง มันก็จะเปิดแช่ตัดเสียงไปเรื่อยๆ จนแบตหมดไปเลย ต้องคอยเช็คดีๆ นะ
สำหรับคุณภาพเสียงของ Treblab Z2 จากที่เคยบอกไปแล้วตอนรีวิว Treblab J1 ว่าไม่ใช่คนหูเทพหูทองอะไรขนาดที่จะสามารถวิจารณ์คุณภาพเสียงหูฟังได้เป็นข้อๆ ขนาดนั้น แต่เป็นคนชอบฟังเพลงที่แค่รู้ว่าหูฟังอันไหนเสียงดีหรือไม่ดี (ก็เป็นความเห็นส่วนตัวนั่นแหละ) ก็ขอบอกว่าหูฟัง Treblab Z2 ตัวนี้ ให้คุณภาพเสียงที่เกินราคาเลยล่ะ เสียงใส และเบสตึ้บ แต่ไม่ได้ตึ้บซะจนปวดหัว หูสั่นอะไรขนาดนั้น ใช้ฟังเพลง Dubstep, EDM, Rock, Pop ได้สนุกๆ เลยส่วนตัวใช้ Spotify ฟังเพลง เบสก็เลยจะนุ่มนวลหน่อย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นแอป PowerAmp หรือแอปฟังเพลงอื่นๆ ที่ปรับ EQ เองได้ จะรู้สึกได้ถึงเบสที่มาแบบเต็มๆ สะใจสุดๆ เลยล่ะ (แนะนำให้เปิดระบบตัดเสียงไว้ด้วย จะได้เบสที่ลึกกว่าเดิม)
สรุป
หูฟัง Over-Ear Treblab Z2 ตัวนี้ ถือว่าเป็นหูฟังบลูทูธราคาถูกที่มีฟีเจอร์และคุณภาพเสียงที่ดีเกินราคาอีก 1 ตัว ส่วนที่ประทับใจสุดๆ เลยก็คือแบตเตอรี่ที่อึดกว่า 30 ชม. ทำให้ฟังกันจนลืมชาร์จไปเลยจริงๆ สำหรับคุณภาพเสียงกับราคาแล้วก็ถือว่าดีอยู่ แถมยังให้ระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation มาอีกด้วย
บินไปกลับ อเมริกาสบายๆเลย อยากได้มว๊ากกก
น่าสนโพดๆ
Audio Technica Wireless รุ่น ATH S200BT ตัวนี้เห็นว่า 40+ ชม. ราคาไม่แพงด้วยครับ
ระบบตัดเสียงรบกวนนี่ช่วยได้สักแค่ไหน กี่เปอร์เซนต์ไรงี้อ่าครับ