vivo V40 5G เปิดตัวมาครั้งนี้ จะเรียกว่าเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็คงไม่เกินจริง เพราะได้ปรับทุกจุดที่หลาย ๆ คนเรียกร้องมาในรุ่นก่อนทั้งเรื่องกล้องที่ขนระบบ ZEISS มาใช้งานเป็นครั้งแรกของรุ่นมาตรฐาน แถมยังเพิ่มลำโพงคู่มิติเสียงเยี่ยม พร้อมอัปเกรดเรื่องความทนทานน้ำ และฝุ่นมาตรฐาน IP68 เทียบเท่ากับมาตรฐานของเรือธงแล้วในราคาแค่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น
ดีไซน์ Gemini Ring แบบใหม่
vivo V40 5G มีการปรับดีไซน์ตัวเครื่องจากรุ่นที่แล้ว คือตัวโมดูลกล้องที่จากเดิมเคยใช้ทรงเหลี่ยม มาให้เป็นวงกลมทรง Gemini Ring ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มดาวราศีเมถุน พร้อมสลักโลโก้ ZEISS ไว้ที่กระจกเลนส์แบบเท่ ๆ
โดยสีที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นสีม่วง Nebula Purple ที่มาพร้อมกับขอบเฟรมสัมผัสด้านไม่ติดลายนิ้วมือ พร้อมฝาหลังกระจกกลิตเตอร์ดูหรูหราเล่นแสงพรางลายนิ้วมือไปในตัว พร้อมเสริมความทนทานด้วยมาตรฐานทนน้ำ IP68 ทนน้ำลึกระดับ 1.5 เมตรได้นานถึง 30 นาที
ด้านบนตัวเครื่องตัดด้วยขอบเงางาม มีรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน พร้อมสลักตัวอักษรว่า “Professional Portrait” ที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้ ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มใด ส่วนด้านขวามีปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่ม Power ด้านล่างมากับช่องใส่ซิมแบบ Dual Slot ไม่รองรับ microSD Card และไมโครโฟนสนทนาหลัก ถัดมาเป็นพอร์ต USB-C และช่องลำโพงหลัก
จอสวย 1.5K ได้ลำโพงคู่แล้ว!
vivo V40 5G มากับจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว พาเนล AMOLED ความละเอียดสูงถึง 1.5K (2800 × 1260 พิกเซล) คมชัดสวยงาม สีสันสวย สีดำสนิทตามมาตรฐานจอ AMOLED แต่ไฮไลต์หลักจะอยู่ที่ความสว่างเฉพาะจุดแบบ Local Peak Brigtness สูงถึง 4,500 nits ซึ่งเมื่อดูคอนเทนต์ HDR แล้ว จะมีจุดที่สว่างดูมีมิติขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ด้วย
นอกจากจอแสดงผลที่สวยงามขึ้นแล้ว รุ่นนี้ได้อัปเกรดมาใช้เป็นลำโพงคู่ที่คุณภาพเสียงจัดว่าใช้ได้ในเรตราคานี้ เวลาเล่นเกม หรือดูหนังสตรีมมิงสามารถแยกมิติเสียงได้ชัดเจน ความดังของเสียงอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ดัง และไม่เบาจนเกินไป โทนเสียงออกมาในแนว ใส ๆ กว้าง ๆ ถึงแม้จะขาดเสียงทุ้มไปบ้าง แต่ก็ยกประสบการณ์การฟังได้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนได้มากโข
กล้อง ZEISS บน vivo V40 5G ทำอะไรได้บ้าง?
สำหรับกล้องถ่ายภาพของ vivo V40 5G รอบนี้การอัปเกรดจะเน้นไปที่ซอฟต์แวร์เป็นหลัก เพราะได้นำระบบ ZEISS เหมือนรุ่นเรือธงมาไว้ในรุ่นมาตรฐานเป็นครั้งแรก มาใช้งานกับระบบประมวลผลภาพ VCS ที่ทาง vivo พัฒนาเอง ส่วนฮาร์ดแวร์นั้นจะมีเปลี่ยนแค่กล้องหลักที่ได้ใช้เซนเซอร์ ISOCELL GNJ 50MP เป็นรุ่นแรกของวงการ ซึ่งสเปคฮาร์ดแวร์กล้องแบบละเอียดมีดังนี้
- กล้องหลัก 24 มม.: 50MP (f/1.88)
- ISOCELL GNJ
- ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว
- กันสั่น OIS
- In Sensor Zoom 2x / Digital Zoom 20x
- กล้อง Ultrawide 13 มม. : 50MP (f/2.0)
- ISOCELL JN1
- ขนาดเซนเซอร์ 1/2.76 นิ้ว
- มุมกว้าง 119 องศา
- รองรับ Auto Focus
- รองรับโหมด Macro
- กล้องเซลฟี่: 50MP
- ISOCELL JN1
- ขนาดเซนเซอร์ 1/2.76 นิ้ว
- มุมกว้าง 92 องศา
- ถ่ายได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x
นอกจากนี้ไฟ Aura Light สำหรับใช้ถ่าย Portrait ในตอนกลางคืนที่เคยมีมาในรุ่นก่อน ๆ ก็ยังมีมาให้ แต่ถึงแม้จะวงเล็กกว่าใน vivo V30 Series แต่ก็ยังสว่างจ้า และสามารถปรับตามอุณหภูมิแสงได้ตามสภาพแสงที่เราถ่ายโดยอัตโนมัติเหมือนเดิม และที่สำคัญไฟ Aura Light ไม่ใช้ไฟแฟลชแบบแข็ง ๆ บนมือถือทั่วไป เพราะเมื่อถ่ายแล้วจะมีความละมุนสุด ๆ
นอกจากนี้ตัวไฟ Aura Light ยังฟีเจอร์สนุก ๆ ที่สามารถปรับดวงไฟให้กะพริบเมื่อมีการโทรเข้า มีการแจ้งเตือน รวมถึงตั้งให้กะพริบเมื่อเปิดเพลงได้ด้วย
โหมด ZEISS ในรุ่นนี้มีอะไรบ้าง?
สำหรับกล้องหลังนั้น จะมาพร้อมโหมด Color Profile ปรับสีรูปภาพที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะรุ่นที่ได้ใช้กล้อง ZEISS อย่าง ZEISS Natural Color ซึ่งจะปรับโทนของรูปภาพให้ออกไปในโทนธรรมชาติ เหมือนตาเห็นจริง นอกจากนี้จะมี Color Profile มาตรฐานอย่าง สดใส และมีมิติให้เลือกถ่ายเพิ่มเติม
และแน่นอนว่าในเมื่อมากับกล้อง ZEISS แล้ว vivo V40 5G จึงมาพร้อมกับโหมดโบเก้พิเศษจาก ZEISS ที่ใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและ กล้องหลังโดยมีให้เลือกด้วยกันถึง 7 โหมด ได้แก่ Biotar, B-speed, Planar, Sonnar, Distagon, Cine-flare และ Cinematic Mode ถอดแบบมาจากเลนส์ของ ZEISS ช่วยให้ถ่าย Portrait ได้สนุกยิ่งขึ้น
รุ่นนี้ยังได้จับฟีเจอร์ ZEISS Multifocal Portrait ที่เคยมีเฉพาะในซีรีส์เรือธงอย่าง vivo X100 Series มาให้ใช้งานกันในรุ่นเล็กด้วย ซึ่งเป็นโหมดล็อกระยะเลนส์ถ่าย Portrait สวย ๆ พร้อมปรับฟิลเตอร์ และโบเก้ด้านหลังโดยได้แรงบันดาลใจจากกล้อง ZEISS โดยมีให้ถ่ายถึง 4 ระยะ ดังนี้
- 24 มม. Landscape Portrait
- 35 มม. Street Portrait
- 50 มม. Natural Portrait
- 50 มม. Classic Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง vivo V40 5G
คุณภาพรูปที่ได้จากกล้องหลังของ vivo V40 5G ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจที่สุดแล้วในบรรดามือถือระดับราคาหมื่นต้น ๆ ที่เคยจับมาในปีนี้ การปรับจูนสีเรียกได้แทบจะยกมาได้ใกล้เคียงกับ X Series มาก ๆ กล้องหลัก Dynamic Range กว้าง ที่สำคัญคือโหมด Portrait ทำได้โหดสุด ๆ ทั้งสกินโทน รายละเอียดผิว เบลอหลังเก็บขอบก็ทำได้เนียนสมกับราคามาก ๆ แต่เวลาถ่ายย้อนแสง หรือในที่มืดแล้วอาจมี HDR Halo ออกมาให้เห็นบ้าง และประมวลผลหน้าออกมาแบน หรือถ้าเจอแสงตรง ๆ จะเก็บ Flare ไว้ค่อนข้างเยอะ
ส่วนกล้อง Ultrawide รอบนี้มีการปรับจูนสีให้ใกล้กับกล้องหลักมากขึ้นในส่วนของภาพนิ่ง แต่จะค่อนข้างแพ้ที่แสงน้อย เพราะว่าตัวเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กแต่ไปสักหน่อย แต่ถ้าถ่ายกลางแจ้งแล้ว คุณภาพถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับเลนส์หลัก องศาต่าง ๆ ตามขอบต่าง ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน นอกจากนี้ยังมีระบบ Auto Focus ให้ถ่ายภาพ Macro ได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า vivo V40 5G
กล้องหน้าของใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกับกล้อง Ultrawide คือ ISOCELL JN1 50MP โดยเป็นเลนส์กล้องที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร สามารถเซลฟี่เก็บได้ครบทุกคน รองรับการถ่ายที่ 3 ระยะคือ 0.8x / 1x / 2x แต่โหมด 2x สีจะดรอปลงไปพอสมควรโหมด Pixel Binning จะไม่ได้ทำงานนั่นเอง
ส่วนโหมดบิวตี้ก็ยังคงโหดตามสไตล์ vivo เหมือนเดิม เพราะตัว AI จะสามารถเติมรายละเอียดผิวทำให้ดูเหมือนไม่เปิดโหมดบิวตี้ได้ ไม่ว่าจะสภาพผิวยังไง ถ่ายแบบไหนก็สวย อีกทั้งยังรองรับการใช้โหมด ZEISS Portrait ผ่านกล้องหน้าได้อีกด้วย
มีฟีเจอร์ AI ลบคนด้วยนะ
นอกเหนือจากกล้อง ZEISS ที่ถ่ายภาพบุคคลได้แบบสวย ๆ แล้ว ในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ยางลบ AI เพียงแค่เลือกรูปที่ต้องการในอัลบั้ม กดแก้ไข > การลบด้วย AI > วงวัตถุที่ต้องการ จากนั้นรอประมวลผลเพื่อลบวัตถุได้เลย ซึ่งผลลัพธ์ก็ถือว่าออกมาเนียนใช้ได้เลย
ตัวอย่างงานวิดีโอของ vivo V40 5G
vivo V40 5G รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K@30FPS บนกล้องทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าหรือกล้องหลัง แต่การถ่ายในโหมด 4K บนกล้องหลังนั้น จะไม่สามารถสลับระยะเลนส์ไปมาได้ระหว่างกล้องหลัก และกล้อง Ultrawide ต้องปรับเป็น 1080P@30FPS เท่านั้น
สำหรับคุณภาพของไฟล์ 4K@30FPS จากกล้องหลังนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ อาจจะมีเรื่องของ Sharpness ที่ดันขึ้นมาเยอะพอตัว แต่เรื่องการสั่นไหวถือว่าทำได้ดีมาก ๆ พอมี OIS เข้ามาช่วย ส่วนกล้องหน้าคาแรกเตอร์ภาพก็ออกมาคล้าย ๆ กัน แต่จะมีเรื่องของการสั่นไหวที่ค่อนข้างสั่นเยอะพอสมควร
ส่วนถ้าต้องการงานวิดีโอที่มีความนิ่งขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ปสามารถเปิดโหมดกันสั่นได้ 2 ระดับคือระดับมาตรฐาน 1080P@60FPS และโหมดกันสั่นแบบพิเศษ 1080P@30FPS ส่วนกล้องหน้าจะรองรับโหมด Steadiface ที่ความละเอียด 1080P@30FPS ซึ่งสามารถเปิดโหมดบิวตี้ควบคู่กันไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานวิดีโอของรุ่นนี้คือโหมด ZEISS Cinematic Bokeh ที่สามารถถ่ายวิดีโอในอัตราส่วน 21:9 ซึ่งเป็นอัตราส่วนเดียวกับที่ให้ถ่ายภาพยนตร์ สามารถสลับจุดโฟกัสไปได้หลายวัตถุ จะหน้าเบลอหลังชัด หน้าชัดหลังเบลอก็กดเลือกได้ รองรับการถ่ายที่ความละเอียด 1080P@24FPS
ประสิทธิภาพตัวเครื่องเป็นอย่างไร
vivo V40 5G มากับชิปเซตประมวลผลระดับกลางตัวแรงอย่าง Snapdragon 7 Gen 3 ที่แรงกว่าอดีตรุ่นเรือธงอย่าง Snapdragon 870 นิดหน่อย ใช้งานทั่วไปได้ยาว ๆ หรือจะใช้เล่นเกมก็หายห่วง ซึ่งจากการทดสอบ 3D Mark ก็ถือว่าสามารถประคองอุณหภูมิตัวเครื่องไว้ได้ดีพอสมควร เมื่อทดสอบในอุณหภูมิห้องอุณหภูมิพีคสุดจะอยู่ที่ 43 องศา
Funtouch OS 14 ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่องตั้งแต่แกะกล่องนั้นถึงแม้ว่าหน้าตาไอคอนต่าง ๆ อาจจะดูหลงยุคไปสักหน่อย มากับฟีเจอร์ที่ค่อนข้างครบครันแล้ว ทั้งฟีเจอร์แบ่งจอ แต่งหน้า Lock Screen ทั้งนี้อาจจะมีโฆษณาจำพวก Hot Apps ขึ้นเป็นโฟลเดอร์แนะนำให้ดาวน์โหลดเป็นหน้าเมนู แต่ก็สามารถลบได้ผ่านหน้า UI เลย
อีกหนึ่งจุดที่พบซึ่งไม่ชัวร์ว่าเป็นบัคของระบบหรือเป็นปัญหาที่ตัวแอป YouTube ที่เมื่อเปิดวิดีโอ 4K@60FPS HDR ไปสักพัก จะมีอาการกระตุกเฟรมเรตร่วงลงมา ต้องกรอวิดีโอย้อนกลับถึงจะแสดงผลได้แบบปกติ หรือบางครั้งก็มีการเด้งออกจากแอปจะไปเฉย ๆ ก็มี แต่เนื่องจากเครื่องที่เราทดสอบนี้เป็นซอฟต์แวร์เวอร์ชันก่อนเปิดตัว ในอนาคตอาจจะมีการอัปเดตแก้ไขแล้ว
สเปค vivo V40 5G
- จอภาพ : จอโค้ง 3D AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว
- ความละเอียด 1.5K (2800 × 1260 พิกเซล)
- สว่างเฉพาะจุดสูงสุด 4,500 นิต
- อัตรารีเฟรช 120Hz
- ชิปเซต : Snapdragon 7 Gen 3
- RAM LPDDR4x: 12GB
- ROM UFS 2.2 : 256GB / 512GB
- กล้องหลังเลนส์ ZEISS 2 ตัว :
- กล้องหลัก ISOCELL GNJ 50MP (f/1.88), กันสั่น OIS
- กล้อง Ultrawide ISOCELL JN1 50MP (f/2.0), มุมกว้าง 119 องศา
- รองรับโหมด Macro
- กล้องหน้า : ISOCELL JN1 50MP (f/2.0)
- เสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ
- แบตเตอรี่ : 5,500 mAh
- รองรับชาร์จไว 80W
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 5
- Bluetooth 5.4
- NFC
- พอร์ต : USB Type-C 2.0
- เซนเซอร์ สแกนลายนิ้วมือใต้จอ, accelerometer, gyro, proximity, compass
- ความทนทาน : IP68
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14
- ขนาด / น้ำหนัก: 164.16 × 74.93 × 7.58 มม. / 190 กรัม
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile
สำหรับการเล่นเกมนั้น เกมแรกที่ทดสอบคือ PUBG Mobile โดยรุ่นนี้สามารถปรับเล่นบนเฟรมเรต 60FPS ได้ลื่น ๆ ในโหมด HDR HD + โหมดเฟรมเรตสูงสุด ซึ่งตลอดระยะเวลาการเล่นก็สามารถทำเฟรมเรตได้เสถียร ไม่มีอาการเฟรมเรตเหวี่ยงขณะเล่นใด ๆ เลย แต่ถ้ามีการอัดจอร่วมด้วยเฟรมเรตเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 50FPS
ทดสอบเล่นเกม ROV
ROV เป็นเกมที่เล่นได้สบายมากที่สุดบน vivo V40 5G สามารถเปิดกราฟิกได้สูงสุดทุกอย่างเล่นได้ลื่น ๆ 59 – 60FPS ถึงแม้ว่าจะมีการอัดจอร่วมไปด้วยก็ไม่เจอปัญหาเฟรมเรตดรอปเลย
ทดสอบเล่นเกม Genshin Impact
vivo V40 5G สามารถเล่น Genshin Impact ได้ดีในการตั้งค่ากราฟิกระดับกลาง ปล่อยสกิลเอฟเฟกต์ รุมทึ้งกันก็ยังแรงดีไม่มีตก แต่หากเขยิบไปในระดับที่สูงขึ้นอาจจะมีกระตุกบ้างเป็นจังหวะ ตามประสิทธิภาพของชิประดับกลาง แต่ถ้าอยากเล่นเกมแบบประสิทธิภาพแนะนำให้เพิ่มเงินไปซื้อรุ่น Pro เลยดีกว่า เพราะจะใช้ชิปเรือธงอย่าง Dimensity 9200+ ซึ่งยกระดับความแรงยิ่งกว่านี้ไปอีกขั้นเลย
แบตเตอรี่ของ vivo V40 5G ใช้งานได้นานมั้ย?
vivo V40 5G ถึงแม้จะมากับตัวเครื่องที่น้ำหนักเบา และบางเฉียบเพียง 7.58 มม. แต่ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ BlueVolt ทำให้สามารถยัดแบตเตอรี่ความจุขนาด 5,500 mAh ในตัวเครื่องบาง ๆ ได้
ซึ่งจากการทดสอบเดรนแบตเตอรี่ด้วยการเปิด YouTube แบบ HDR ติดต่อกันกว่า 2 ชั่วโมง เล่นเกมพร้อมอัดจอไปด้วยทั้ง PUBG Mobile และ ROV รวมกันกว่า 1 ชั่วโมง ทดสอบทั้ง 3D Mark และ Geekbench ใช้กล้องถ่ายนางแบบ รวมถึงอัดวิดีโอ 4K@30FPS เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง รวมระยะเวลาการใช้งาน Screen-On เกือบ 7 ชั่วโมง แบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ประมาณ 10% ซึ่งถือว่าอึดมาก ๆ
แต่อย่างไรก็ตามระหว่างการทดสอบนั้น เราเชื่อมต่อแค่เพียง Wi-Fi เปิด Bluetooth และ NFC ค้างไว้ พร้อมเปิดแสงจอสุดเพียงอย่างเดียว เวลาใช้งานจริงอาจลดหลั่นกันไป 1 – 2 ชั่วโมง เนื่องจากเวลาใส่ซิมแล้วตัวเครื่องจะต้องมีการจับสัญญาณอยู่ตลอดเวลาทำให้กินพลังงานมากกว่าเวลาที่ไม่ใส่ซิมนั่นเอง
ส่วนเรื่องการชาร์จต้องบอกเลยว่าหายห่วง เพราะตัวเครื่องรองรับการชาร์จไวที่กำลังไฟสูงสุดถึง 80W ชาร์จจาก 1 – 70% ใช้เวลาเพียงราว ๆ 30 นาทีเท่านั้น
สรุปการใช้งาน vivo V40 5G
vivo V40 5G จากที่ได้ทดลองใช้เป็นเวลาสั้น ๆ ต้องบอกตรง ๆ ว่าใครที่อยากได้มือถือกล้องดีที่ถ่ายคนได้งาม ๆ เหมือนถ่ายจากมือถือเรือธง รวมถึงภาพรวมสเปคส่วนอื่น ๆ ที่ค่อนข้างกลมกล่อมกับราคา แก้ไขทุกจุดบกพร้องที่เคยมีในรุ่นก่อนเกือบทั้งหมดแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามหลาย ๆ คนก็อาจจะยังไม่ชอบที่รุ่นนี้ยังคงเลือกใช้เป็นกระจกจอโค้งอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่สิ่งที่ยังไม่ค่อยประทับใจคือเรื่องของไฟล์วิดีโอ 4K@30FPS ที่ยังทำได้ไม่ดีมากนักเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งในเรตราคาเดียวกัน รวมถึงลูกเล่นของ FunTouch OS ที่อาจจะไม่ค่อยหวือหวามาก ถ้าใช้งานทั่วไป เน้นแค่กล้องอย่างเดียว ก็ยังเป็นรุ่นที่เชียร์ให้ได้ไปลองกันจริง ๆ
ราคา และการวางจำหน่าย vivo V40 5G
vivo V40 5G วางจำหน่ายในไทยทั้งหมด 3 สี สีพีช Sunglow Peach วัสดุกระจกเงางามเล่นลวดลายมีมิติ, สีม่วง Nebula Purple วัสดุกระจกผิวสัมผัสด้านพ่นกลิตเตอร์ระยิบระยิบ และสีเงิน Stella Silver วัสดุกระจก Fluorite AG กึ่งเงากึ่งด้าน และมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นความจุ โดยวางจำหน่ายในราคาดังนี้
- 12GB + 256GB ราคา 15,999 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 17,999 บาท
Comment