ASUS เปิดตัวมือถือเกมมิ่งรุ่นล่าสุด ROG Phone 6 Series โดยในปีนี้จะมาแค่ซีรีส์ 6 เท่านั้น ไม่มี 6s ตามมาแล้ว เพราะมาเปิดตัวเอาช่วงครึ่งหลังของปีและได้ใช้ชิปตีบวกอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ด้วยเลย คราวนี้ตัวเครื่องมีดีไซน์ที่แตกต่างไปจากเดิมนิดหน่อย แต่ฟีเจอร์ต่าง ๆ บอกเลยว่าเร็วแรงทะลุมิติ แถมยังมีระบบจัดการอุณหภูมิที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย

แรงแต่ไม่ร้อน

ROG Phone 6 Series มาด้วยกัน 2 รุ่น คือ ROG Phone 6 และ ROG Phone 6 Pro ซึ่งจะแตกต่างกันที่หน่วยความจำและหน้าจอด้านหลังเท่านั้น แต่สำหรับสเปคส่วนอื่น ๆ เรียกว่าแรงหูดับตับไหม้เท่า ๆ กัน ด้วยชิป Snapdragon 8+ Gen 1 ที่สามารถเปิด X Mode เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้ทะยานขึ้นไปได้อีก จะ PUBG จะ APEX Legend หรือจะ Genshin Impact ก็ไม่กลัว

และไม่ใช่ว่าแรงอย่างเดียวแต่เล่นไปซักพักแล้วเครื่องร้อนนะ เพราะ ROG Phone 6 Series มากับระบบระบายความร้อนที่อัปเกรดขึ้นมาได้เหนือกว่ามือถือรุ่นอื่น ๆ เพราะใช้การวางตำแหน่งของตัว CPU และแบตเตอรี่แบบสมดุลกัน ประกบด้วยแผ่น Graphite ขนาดใหญ่ทั้งด้านบน-ล่าง และยังมี Vapor Chamber มาช่วยอีกแรง

 

พัดลมระบายอากาศ AeroActive Cooler 6

หากว่าต้องการเล่นเกมนานขึ้นไปอีก ก็ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นพัดลมระบายอากาศรุ่นใหม่ AeroActive Cooler 6 ที่จะช่วยดึงเอาความร้อนจากบริเวณที่วาง CPU ออกไปได้ โดย ASUS เคลมว่า AeroActive Cooler 6 สามารถลดความร้อนลงไปได้สูงสุด 25 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ AeroActive Cooler 6 ยังพิเศษกว่ารุ่นที่ผ่าน ๆ มา เพราะมีโหมดให้เลือกใช้งานได้ถึง 3 แบบ คือ โหมด Cooling เปิดพัดลมช่วยสำหรับการเล่นเกมสบาย ๆ, โหมด Frosty ที่ต้องใช้พลังงานเสริมจากตัวมือถือสำหรับพัดลมและใช้แผ่นทำความเย็น Peltier เข้ามาเสริมทัพอีกแรง และหากจัดหนักสุด ๆ ก็ยังมีโหมด Frozen ที่ช่วยระบายอากาศแบบขั้นสุดจนต้องอาศัยการต่อพลังงานจาก Power Bank ด้วย

AeroActive Cooler 6 ไม่ใช่ว่าจะเอามาแค่ระบายความร้อนเท่านั้น แต่คราวนี้มันมากับปุ่ม L1 / L2 / R1 / R2 สำหรับใช้เล่นเกมด้วย ซึ่งเป็นปุ่มแบบให้กดได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ปุ่มสัมผัสที่อยู่บนขอบตัวเครื่องเท่านั้น

หากไม่ต้องการพก AeroActive Cooler 6 ไปด้วย ขอบเครื่องด้านบนก็ยังคงความเป็นมือถือเกมมิ่งด้วยปุ่ม Airtrigger (L-R) ที่รองรับการใช้งานแบบ Motion Control สำหรับแยกคำสั่งท่าทางในการกดปุ่มต่าง ๆ ให้หลากหลายสุด ๆ ถึง 10 แบบ

 

จอ AMOLED รีเฟรชเรท 165Hz

หน้าจอของ ROG Phone 6 Series ใช้พาเนลแบบ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทสูงสุด 165Hz (ปรับได้ 60/90/120/144/165Hz) รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ และครอบด้วยกระจก Gorilla Glass Victus

ดีไซน์หลังเครื่องมากับ ROG Vision เป็นหน้าจอแสดงผลสีที่จะคอยโชว์สถานะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Notification, สายเข้า, เปิด-ปิด X Mode, กำลังชาร์จ หรือจะตั้งค่าให้แสดงโลโก้อะไรเท่ ๆ ตามใจเราเองก็ไม่ว่ากัน

 

มือถือเกมมิ่งรุ่นแรกที่มี IPX4

นอกจากนี้ ROG Phone 6 Series ยังเป็นมือถือเกมมิ่งรุ่นแรกของโลกที่มากับมาตรฐาน IPX4 ป้องกันน้ำสาดได้จากทุกทิศทางอีกด้วย หมดกังวลเรื่องน้ำหกใส่ หรือต้องวิ่งตากฝนไปได้เปราะนึงเลย

เรื่องระบบเสียงหายห่วงด้วยลำโพงสเตอรีโอแบบหันเข้าหาตัวผู้เล่น รองรับระบบเสียง DIRAC และ Hi-Res Audio แถมยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. ให้มาด้วยนะ

แบตเตอรี่จัดหนัก 6000 mAh รองรับระบบชาร์จไว 65W พร้อมระบบ Bypass Charging เสียบสายชาร์จตอนเล่นเกม แบบส่งพลังงานเข้าเครื่องโดยตรงไม่ผ่านแบตเตอรี่ ซึ่งจะช่วยถนอมและยืดอายุแบตเตอรี่มากขึ้นไปอีก

กล้องหลังของ ROG Phone 6 Series ให้มาทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก เซนเซอร์ IMX766 ความละเอียด 64MP + กล้อง Ultrawide + กล้อง Macro

สเปค ROG Phone 6 / ROG Phone 6 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทสูงสุด 165Hz ครอบด้วย Gorilla Glass Victus
  • CPU : Snapdragon 8+ Gen 1
  • RAM (LPDDR5) : 12GB / 18GB (Pro)
  • ความจุ (UFS 3.1) : 256GB / 512GB (Pro)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก IMX766 ความละเอียด 50MP
    – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 13MP
    – กล้อง Macro 5MP
  • กล้องหน้า : 12MP
  • การเชื่อมต่อ : WiFi 6E* (802.11a/b/g/n/ac/ax, 2×2 MIMO), BT 5.2, NFC
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, e-compass, gyroscope, proximity sensor, ambient-light sensor
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ, DIRAC Sound, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • มาตรฐานกันน้ำ : IPX4
  • แบตเตอรี่ : 6000 mAh รองรับชาร์จไว 65W, Bypass Charging
  • ระบบ Android 12

 

ราคา

ROG Phone 6 Series จะวางจำหน่ายทั้ง ROG Phone 6 และ ROG Phone 6 Pro โดยมีราคาตามนี้…

  • ROG Phone 6 (12/256): ราคา 999 ยูโร หรือประมาณ 36,900 บาท
  • ROG Phone 6 Pro (18/512): ราคา 1299  ยูโร หรือประมาณ 47,900 บาท

สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายในประเทศไทยถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมแล้วเราจะรีบมาอัปเดตให้ทันทีครับ