Samsung ออกแอปตัวใหม่ชื่อ Expert RAW กำหนดค่าต่าง ๆ ได้อิสระ ทั้ง ISO ความเร็วชัตเตอร์ การรับแสง และอื่น ๆ การใช้งานและอินเทอร์เฟซยังคล้ายโหมด Pro ของแอปกล้องปกติ แต่มีฮิสโตแกรมเพิ่มเข้ามา เหมาะกับการใช้งานที่จริงจังมากขึ้น ไฮไลต์เด็ดอยู่ตรงคุณสมบัติการซ้อน HDR จากไฟล์ JPEG ลงไปบนไฟล์ RAW ในฟอร์แมต DNG แบบ 16-bit ลักษณะเดียวกับ Apple ProRAW

JPEG ถ่ายปุ๊บ รูปสวยปั๊บ พร้อมแชร์ต่อได้ทันที

JPEG คือไฟล์ภาพแบบสวยสำเร็จรูป เพราะผ่านการตกแต่งในเบื้องต้นด้วยซอฟต์แวร์มาแล้วหลังจากกดชัตเตอร์ ยิ่งกับมือถือยุคใหม่ที่ฮาร์ดแวร์ทรงพลังมากพอจนสามารถใช้กระบวนการ Image fusion รวมภาพหลาย ๆ เฟรมในเบื้องหลัง แล้วนำมาซ้อนกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ได้ภาพที่สว่าง คมชัดกว่าปกติ ตลอดจนการลดนอยส์ และทำภาพ HDR หรืออื่น ๆ ขึ้นอยู่กับไอเดียของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ยังมีการนำ Computational photography จากความฉลาดของ AI และ ML เข้ามาเสริมอีก อะไรต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นโดยกินเวลาเพียงแค่หลักวินาทีหรือเสี้ยววินาที นี่คือความง่ายของ JPEG ในปัจจุบัน ถ่ายแชะเดียว เอาภาพไปใช้งานต่อได้ทันที

RAW ปรับแต่งได้ยืดหยุ่น แต่ไม่เป็นมิตรกับมือใหม่

ในขณะที่ RAW เป็นชุดข้อมูลดิบที่ยังไม่ถูกประมวลผลออกมาเป็นภาพ ข้อมูลทุกอย่างอยู่ครบไม่โดนตัดออกเพื่อวัตถุประสงค์ในการลดขนาดเหมือน JPEG แน่นอน ข้อดีอยู่ตรงที่มีความยืดหยุ่นสูง ขุดคุ้ยรายละเอียดแฝงได้เยอะ  แต่อย่างที่กล่าวไป มันคือชุดข้อมูลดิบ ดังนั้น ภาพดั้งเดิมเดิม อาจดูแห้ง ๆ ขาดสีสัน รายละเอียด และความคมชัด จนกว่าจะผ่านการตกแต่งอย่างเหมาะสม จึงไม่เหมาะกับมือใหม่ มันวุ่นวายกว่า JPEG เยอะอย่างเทียบกันไม่ติด

ภาพจาก Wikepedia : เปรียบเทียบไฟล์ RAW (ซ้าย) และไฟล์ JPEG (ขวา)

 


อีกหนึ่งข้อเสียของไฟล์ RAW คือมีขนาดใหญ่ เปลืองพื้นที่จัดเก็บ

Expert RAW ผสานข้อดีของทั้งสองอย่าง ชดเชยจุดด้อยซึ่งกันและกัน

หากอ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า JPEG และ RAW ต่างมีข้อดีของตัวเอง และมีข้อจำกัดของตัวเองด้วยเช่นกัน ดังนั้น Expert RAW จึงถูกออกแบบโดยแนวคิดที่ว่า นำข้อดีของทั้งสองอย่างมารวมกัน เสมือนกับการแปะ JPEG ลงไปบน RAW นั่นเอง ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ภาพที่ผ่านการตกแต่งด้วยซอฟต์แวร์มาแล้ว โดยที่ยังคงความยืดหยุ่นอยู่ในเบื้องหลัง เมื่อถ่ายออกมาจะได้ภาพทั้งไฟล์ JPEG และไฟล์ DNG อย่างละใบ

เปรียบเทียบไฟล์ JPEG (ซ้าย) ไฟล์ Expert RAW (กลาง) และไฟล์ RAW (ขวา)

Histogram คืออะไร นำไปใช้งานอย่างไร

ส่วนฮิสโตแกรม เป็นเครื่องมือรูปแบบกราฟ แบ่งหลัก ๆได้ เป็น 4 ช่วง จากซ้ายไปขวา ได้แก่ Black, Shadow, Midtone, Hilight และ White ประโยชน์หลัก ๆ คือ นำมาช่วยตรวจสอบว่า ภาพที่กำลังถ่ายอยู่ ณ ขณะนั้น มีส่วนมืดหรือส่วนสว่างที่ “ล้น” จนเกินไปหรือเปล่า เพื่อไม่ให้มีปัญหากับการนำภาพมาตกแต่งต่อในภายหลัง อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยดูการกระจายตัวของความสว่างในภาพด้วย และอื่น ๆ ตามแต่นำไปประยุกต์ใช้หากอ่านค่าเป็น ซึ่งในแอปกล้องปกติของ Samsung ไม่มีฟังก์ชันนี้ แต่ล่าสุดใส่มาให้แล้วในแอป Expert RAW

ตอนนี้แอป Expert RAW ยังรองรับการใช้งานแค่ใน Galaxy S21 Ultra ที่รันบน One UI 4 และยังอยู่ในสถานะเบตาอยู่ หากเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่อาจเปิดให้รุ่นอื่น ๆ ได้ใช้งานเพิ่มเติม แต่ถ้าใครใจร้อน อยากลองเล่นก่อน สามารถดาวน์โหลด APK มาติดตั้งเองได้ (คลิก)


มีโปรไฟล์ของเลนส์แต่ละตัวสำหรับทำ Lens Corrections อัตโนมัติใน Lightroom Classic 11.1 (เปิดให้ใช้อัปเดตอย่างเป็นทางการเดือนธันวาคม)

ปล.ในการตกแต่งภาพ Expert RAW จำเป็นต้องใช้โปรแกรมที่รองรับ RAW นะครับ แนะนำ Lightroom ของ Adobe จะดีสุด บนคอมหรือบนมือถือได้เหมือนกัน เพราะใน LightRoom Classic 11.1 จะมีโปรไฟล์เฉพาะตัวของ Galaxy S21 Ultra เพื่อแก้ความบวมกับวิกเนตที่ขอบภาพได้ ส่วนโปรแกรมแต่งภาพทั่ว ๆ ไปอาจมองเห็นไฟล์เป็น JPEG ธรรมดา

 

ที่มา : Samsung | Tron ❂