ฟีเจอร์หรือจุดขายอย่างหนึ่งของ Galaxy Note 7 คือ ระบบสแกนม่านตา (Iris scanner) ที่ Samsung เพิ่งจะเพิ่มเข้าในมือถือรุ่นนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยี ไบโอเมตริกซ์ (Biometric) แบบที่ 2 ที่มีในโทรศัพท์มือถือถัดจาก การสแกนลายนิ้วมือที่เริ่มแพร่หลายในมือถือยุคปัจจุบัน และเมื่อนำมาใช้เป็นครั้งแรกก็ย่อมมีคำถามและความสงสัยจากผู้คนมากมายถึงความปลอดภัยของระบบนี้ Samsung จึงออกมาฃี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วครับ
ระบบสแกนม่านตาในโทรศัพท์มือถือนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีมือถือหลายรุ่นที่เคยใส่ระบบนี้เข้ามาแล้ว เช่น Lumia 950 แต่ก็เงียบไปแบบไม่มีใครสนใจเพราะอะไรคงรู้กันดี มารอบนี้ Samsung เอามาใช้ในมือถือระดับเรือธงของตัวเองอย่าง Galaxy Note 7 จึงมีคนสนใจและพูดถึงกันมากขึ้น โดยคำถามที่คนอยากรู้เกี่ยวกับระบบสแกนม่านตาคือ มันทำงานยังไง? มันเร็วแค่ไหน? ความปลอดภัยต่อข้อมูลมีหรือไม่? และมันปลอดภัยต่อดวงตาของเราหรือเปล่า? Samsung อธิบายไว้ดังนี้ครับ
ระบบสแกนม่านตา (Iris scanner) คืออะไร?
ระบบสแกนม่านตา (Iris scanner) เป็นวิธีการตรวจสอบสิทธิทางกายภาพ (Biometric) วิธีหนึ่งที่อาศัยการตรวจสอบรูปแบบทางคณิตศาสตร์ของม่านตา (Iris) ของคนๆหนึ่งจากรูปถ่าย ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบจากตาข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ โดยเป็นที่ยอมรับเป็นสากลว่า ม่านตาของคนแต่ละคนจะมีรูปแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนกันและมีความสลับซับซ้อนมาก ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการทำซ้ำรูปแบบนี้ได้ ดังนั้นการสแกนม่านตาจึงเป็นวิธีการที่ถือว่าปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากที่สุดวิธีการหนึ่งในโลก Biometric
Iris scanner ใน Galaxy Note 7
Galaxy Note 7 จะอาศัยอุปกรณ์สองตัวในการสแกนม่านตาคือ กล้องถ่ายม่านตา (Iris camera) ที่ทำงานคู่กับ แสงอินฟราเรด (IR LED) ในการเก็บภาพม่านตาด้วยฟิลเตอร์แบบพิเศษคล้ายกับกล้อง Night vision นอกจากนั้น Samsung ยังใช้ความสว่างจากหน้าจอมือถือช่วยในการถ่ายภาพม่านตาในสภาพแสงน้อยอีกด้วย รวมๆแล้วทำให้การอ่านภาพม่านตาของเรานั้นสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แถมยังสแกนผ่านแว่นสายตาหรือแว่นตาดำได้อีกด้วย เรียกว่า ถูกใจ mod หนวดแว่นดำของเราเป็นอย่างมาก ดูได้จากภาพด้านล่างนี้เลย
ขั้นตอนการตรวจสอบม่านตา
ที่เห็นว่าสแกนได้รวดเร็วจากวิดีโอข้างต้นนั้น จริงๆแล้วมีหลายขั้นตอนในการทำงานอยู่เหมือนกัน เริ่มแรกเราต้องบันทึกข้อมูลม่านตาของเราเก็บไว้ในเครื่องก่อน ซึ่งตรงนี้หายห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะข้อมูลม่านตาจะถูกเข้ารหัสไว้ทันที หลังจากนั้นตอนใช้งาน เช่น การปลดล็อคหน้าจอ มือถือจะจับภาพดวงตาของเรา แล้วทำการตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกทั้งเปลือกตา (Eyelid), รูม่านตา (Pupil) และตาขาว (Sclera) จนเหลือแค่ภาพของม่านตา (Iris) เท่านั้น จึงทำการแปลงเป็นรหัสข้อมูลดิจิตอล เพื่อเปรียบเทียบเชิงดิจิตอลกับข้อมูลม่านตาที่มีอยู่ว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกันถือว่าผ่าน แล้วจึงอนุญาตให้ทำงานต่อไปได้
ความปลอดภัยต่อดวงตา
หลายคนอาจจะกังวลว่า เอาแสงอินฟราเรดมายิงใส่ตาเราบ่อยๆจะมีผลกระทบอะไรกับดวงตาและการมองเห็นของเราหรือเปล่า? ตรงนี้ก็น่าจะหายห่วงเพราะ ระบบนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสูงสุดจาก IEC หรือ International Electrotechnical Commission เรียกว่า IEC-62471 ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า แสงอินฟราเรดจะไม่ทำอันตรายต่อดวงตาของเรา แต่ Samsung ก็เพิ่มความมั่นใจไปอีกนิดด้วยการตรวจสอบว่า ถ้า IR LED อยู่ในระยะใกล้ดวงตาเกินไปหรือเปิดทิ้งไว้นานเกินไป ก็จะปิดตัวเองลงอัตโนมัติ
ระบบสแกนม่านตาใน Galaxy Note 7 นั้นถูกนำมาใช้ในงานแบบเดียวกับการสแกนลายนิ้วมือ ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อคหน้าจอ, การปลดล็อคของลับที่ซ่อนอยู่ใน Secure Folder (อีกหนึ่งฟีเจอร์ของ Note 7) และการใช้งานร่วมกับ Knox ระบบรักษาความปลอดภัยของ Samsung อีกด้วย
ที่มา: Samsung Newsroom
เดี๋ยวต้องมีคน mod ทำเป็นกล้องnight vision แน่เลย ของเล่นใหม่
ผมก็กะว่าจะถามอยู่ว่า
เอาไปส่องอย่างอื่นได้ไหม หุหุหุ
แล้วถ้าเป็นแฝดกันจะมีผลต่อการสแกนไหมครับแบบว่า แฝดน้องสแกนเครื่องแฝดพี่ได้
เข้าใจว่าแฝด แต่ว่าม่านตาก็ไม่เหมือนกันอยู่ดีครับ เช่นเดียวกับลายนิ้วมือ
ผมชอบนะ ดีกว่าใช้ ลายนิ้วมือ (ในบาง จังหวะ)
ตอนที่เห็นหลักการทำงานผมก็นึกถึงรายการคนอวดผี ช่วงล่าท้าผี ขึ้นมาทันทีเลย เพราะหากใครได้ดูและสังเกต จะเห็นว่าดวงตาของเรา มีลักษณะคล้ายกับดวงตาของน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ คือเห็นตาขาวและจุดตาดำที่ไม่แตะเปลือกตา พอได้เห็นแบบนี้ก็ถึงบางอ้อเลย เพราะผมก็สังเกตเห็นว่า ม่านตาเป็นสีขาว ไม่ใช่สีน้ำตาลหรือดำอย่างที่เห็นด้วยตาปกติหรือกล้องสภาพแสงปกติ
มัน…………ทะลุเสื้อผ้าไหมครับ คริคริ
แล้วถ้าใช้รูปถ่ายของเราแบบตาชัดๆ จะได้ไหมครับ
เหมือนตอนใช้หน้าปลดล็อคก็ใช้รูปถ่ายแทนได้แบบนี้อ่ะครับ
ไม่ได้
ปลดล็อกด้วยหน้า ใช้กล้องปกติ
ภาพที่ได้จากทั้ง 2 กล้องต่างกัน
ถอดเปลี่ยน แบท เองได้มั้ย