มือถือสเปคคุ้มค่าอย่าง Galaxy A ที่ทยอยเปิดตัวในบ้านเรามาด้วยราคาที่ไม่ถึงหมื่นบาท โดย Galaxy A13 อยู่ที่ 6,499 บาท ส่วน Galaxy A23 อยู่ที่ 7,999 บาท ซึ่งทั้งคู่เรียกว่าจัดสเปคมาให้ได้แบบที่สามารถใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ ไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเล่นเกม ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ แถมยังมีแบตเตอรี่อึด ๆ ที่อยู่ได้ข้ามวันข้ามคืนสบาย ๆ อีกด้วย…ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นยังไงบ้าง เข้ามาดูกันได้เลยจ้า
หน้าจอชัด ตัวเครื่องดีไซน์พาสเทลแสนละมุน
หน้าจอของทั้งคู่ใช้พาเนลชนิดเดียวกันคือ TFT LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 และใช้ดีไซน์แบบ Notch หยดน้ำ (V-Cut) ทั้งคู่ แต่เรื่องรีเฟรชเรทของ Galaxy A23 จะลื่นกว่าหน่อย เพราะจัดมาให้ที่ 90Hz ในขณะที่ Galaxy A13 อยู่ที่ 60Hz
ตัวเครื่องด้านหลังของทั้งคู่เกือบจะเหมือนกันด้วยตำแหน่งการวางกล้องทั้ง 4 ตัว แต่สำหรับ Galaxy A23 จะมีโมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย
Galaxy A23 (ส้ม) / Galaxy A13 (ฟ้า)
นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่น ยังมีตัวเลือกสีให้เหมือนกันอีกต่างหาก โดยสีที่เด่นสุดคือสีฟ้า และสีส้ม ที่หากว่าได้เห็นของจริงแล้วสาว ๆ น่าจะชอบเลยล่ะ เพราะสีมันออกแนวพาสเทลดูละมุนน่าถือสุด ๆ หรือหากว่าใครต้องการสีมาตรฐานก็มีสีดำให้เลือกด้วยนะ
แต่เนื่องจากฝาหลังมีพื้นผิวแบบมันวาวถ้าไม่ได้ใส่เคสไว้ เวลาใช้ไปซักพักมันก็จะเป็นรอยนิ้วมือติดให้เห็น ๆ กันเลย ต้องคอยเช็ดเอาบ่อย ๆ (พอใช้งานจริงก็คงหาเคสมาใส่กันอยู่แล้วล่ะเนอะ)
สเปคลื่นเล่นเกมสบาย
สเปค Galaxy A23
- หน้าจอ TFT LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2408) รีเฟรชเรท 90Hz
- CPU : Octa-core (2.4GHz + 1.9GHz)
- RAM : 6GB
- ความจุ : 128GB รองรับ microSD card
- กล้องหลัง 4 ตัว
– กล้องหลักความละเอียด 50MP (f/1.8, PDAF)
– กล้อง Ultrawide ความละเอียด 5MP (f/2.2)
– กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
– กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) - กล้องหน้า : 8MP (f/2.2)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วมือด้านข้าง
- ระบบเสียง : Dolby Atmos (ต้องใช้กับหูฟังหรือลำโพงบลูทูธ), มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 25W
- ระบบ Android 12 ครอบด้วย One UI 4.1
- ขนาด / น้ำหนัก : 165.4 x 76.9 x 8.44 มม. / 195 กรัม
Galaxy A23 มีสเปคที่สามารถใช้งานทั่วไปในปัจจุบันได้แบบสบาย ๆ ไม่มีสะดุดด้วยชิป Snapdragon 680 และ RAM 6GB จะดูหนัง HD จะเปิด Chrome หลาย Tab ก็ไม่มีปัญหา และที่สำคัญคือมันเล่นเกมกราฟิก 3D ฮิตๆ ในตอนนี้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น PUBG สามารถปรับกราฟิกสูงได้เลย (อาจมีสะดุดเสียจังหวะนิดหน่อยเวลาเจอศัตรูมาเยอะ แนะนำว่าปรับ Default เล่นเอาเพื่อความชัวร์)
ROV ปรับกราฟิกได้เกือบสุดทุกอย่าง สามารถเล่นได้ลื่น ๆ ตอนนัวกันเฟรมเรทตกลงมาที่ราว 50fps กลาง ๆ เท่านั้นเอง หรือแม้แต่ Genshin Impact ก็ยังไหว แต่แนะนำว่าควรเล่นตามที่มันปรับ Default มาให้ หรือปรับให้ต่ำลงมาอีกเพื่อความลื่นไหลครับ
สเปค Galaxy A13
- หน้าจอ TFT LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2408) รีเฟรชเรท 60Hz
- CPU : Exynos 850
- RAM : 4GB
- ความจุ : 128GB รองรับ microSD card
- กล้องหลัง 4 ตัว
– กล้องหลักความละเอียด 50MP (f/1.8, PDAF)
– กล้อง Ultrawide ความละเอียด 5MP (f/2.2)
– กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
– กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) - กล้องหน้า : 8MP (f/2.2)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วมือด้านข้าง
- ระบบเสียง : Dolby Atmos (ต้องใช้กับหูฟังหรือลำโพงบลูทูธ), มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 15W
- ระบบ Android 12 ครอบด้วย One UI 4.1
- ขนาด / น้ำหนัก : 165.1 x 76.4 x 8.8 มม. / 195 กรัม
Galaxy A13 ที่มีสเปคต่ำลงมาอีกหน่อยด้วยชิป Exynos 850 และ RAM ขนาด 4GB แต่ก็ยังสามารถเล่นเกมได้สบาย ๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ROV ที่เปิดโหมดเฟรมเรทสูงได้ ตอนนัวกันมีร่วงลงมาที่ 40-50fps บ้าง
PUBG ก็เล่นได้ไม่มีปัญหาตามที่ระบบตั้งค่า Default มาให้ แต่ที่เจอคือมีอาการสะอึกอยู่แค่ครั้งสองครั้งจากทั้งเกมตอนที่มีศัตรูบุกมาฉะกัน 4-5 คน คือถ้าจะให้ไหลลื่นชัวร์ ๆ ก็ปรับลงกราฟิกลงมาจาก Default ซักหน่อยครับ ส่วนเกมกราฟิกโหด Genshin Impact อันนี้ตัวเครื่องไม่รองรับ เพราะใน Google Play Store ไม่มีให้โหลดสำหรับรุ่นนี้จ้า
กล้องหลัง 50MP
สเปคกล้องหลังและกล้องหน้าของทั้ง Galaxy A13 และ Galaxy A23 จัดสเปคมาให้เกือบเหมือนกันทั้งหมด ด้วยกล้องหลังจำนวน 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP + กล้อง Ultrawide ความละเอียด 5MP + กล้อง Macro ความละเอียด 2MP + กล้องจับความลึก 2MP แต่รุ่น Galaxy A23 จะได้เปรียบกว่าตรงที่ใส่ระบบกันสั่น OIS มาให้ด้วย แต่จากที่ทดสอบแล้วยังรู้สึกว่าถ่ายวิดีโอไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ น่าจะเน้นเอาไว้ใช้กับการโฟกัสเวลาถ่ายภาพนิ่งมากกว่า
ภาพจากกล้อง Samsung Galaxy A23
ภาพจากกล้อง Samsung Galaxy A13
คลิปรีวิว Samsung Galaxy A23 และ Galaxy A13
พวกรายละเอียดตัวเครื่อง การใช้งาน และการเล่นเกม รวมถึงการถ่ายวิดีโอจะเป็นยังไง ลองดูเพิ่มเติมในคลิปได้ครับ
แบตเตอรี่ 5000 mAh ที่อึดสุด ๆ
แบตเตอรี่ของทั้งคู่อัดมาให้เท่ากันที่ 5000 mAh จากการทดสอบใช้งานจริงใส่ซิมเปิด 4G เล่นเน็ตนอกบ้านบ้าง (ส่วนใหญ่ใช้ WiFi อยู่ในบ้าน) ดู YouTube บ้าง ถ่ายวิดีโอนิด ถ่ายรูปหน่อย เล่นเกมซักครึ่ง ชม. บอกเลยว่าเหลือพอใช้อีกวันได้แบบไม่ต้องชาร์จเลย
ทดสอบให้หนักกว่านี้อีกด้วยการดู YouTube ผ่าน WiFi ยาว ๆ เป็นเวลา 8 ชม. เปิดความสว่างหน้าจอและลำโพงไว้ประมาณ 60% พบว่าทั้งคู่เหลือแบตเตอรี่อยู่ที่ราว ๆ 40% เลยทีเดียว บอกเลยว่านั่งดูซีรีส์กันจนตาบวมตาแฉะ แบตเตอรี่ก็ยังเหลือใช้ได้อีกยาว ๆ จ้า
Galaxy A23 / A13
สรุป
Galaxy A23
ข้อดี
- หน้าจอคมชัด ลื่นไหล 90Hz
- เล่นเกมกราฟิก 3D ได้สบาย (อยู่ที่การตั้งค่า)
- เล่น Genshin Impact ได้
- กล้องหลังความละเอียดสูง 50MP ถ่ายรูปได้ดีในสภาวะแสงปกติ
- มีโหมดถ่ายกลางคืนค่อนข้างดี สำหรับมือถือระดับนี้
- มีกันสั่น OIS
- ใส่ microSD Card ได้
- แบตเตอรี่อึดมาก
ข้อสังเกต
- ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่าย
- ระบบกันสั่น OIS ถ่ายวิดีโอแล้วยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
- กล้องโหมด Pro ตั้งค่าได้แค่ ISO, EV, WB
Galaxy A13
ข้อดี
- เล่นเกมกราฟิก 3D ทั่วไปได้
- กล้องหลังความละเอียดสูง 50MP ถ่ายรูปได้ดีในสภาวะแสงปกติ
- กล้องหน้าถ่ายโหมด Portrait ได้
- ใส่ microSD Card ได้
- แบตอึดเลย
ข้อสังเกต
- ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่าย
- ไม่มีโหมดถ่ายกลางคืน
- กล้องโหมด Pro ตั้งค่าได้แค่ ISO, EV, WB
- ไม่รองรับ Genshin Impact และ PUBG New State
Samsung Galaxy A23 วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วโดยมีราคาอยู่ที่ 7,999 บาท ส่วน Galaxy A13 มีราคาอยู่ที่ 6,499 บาท ใครที่สนใจมือถือดีไซน์สวยสีละมุนพร้อมสเปคที่ใช้งานได้แบบครอบคลุมก็ไปทดลองเล่นกันได้ตามศูนย์หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้เลยจ้า
Samsung เป็นค่ายที่ทำตระกูล A หรูหรากว่า S22 S22+ รุ่น 3 กล้อง ใส้ในดีกว่า A นะเข้าใจแต่การออกแบบไม่แพงเลย -..-