หลังจากได้ลองใช้ Samsung Galaxy A5 และ Galaxy A7 (2017) อย่างหนำใจแล้ว ก็คิดว่าควรแก่เวลาที่จะขอนำเอาประสบการณ์ที่ได้จากการใช้งานนี้มาเล่าสู่กันฟังให้เพื่อนๆทุกคนได้ใช้ประกอบการตัดสินใจว่ามันน่าซื้อน่าใช้เพียงใด และได้เจอปัญหาการใช้งานอะไรบ้าง จากแอนดรอยด์ราคาหลักหมื่นตัวนี้ ซึ่งผมจะขอรวบรีวิวทั้งสองตัวรวมเป็นชิ้นเดียวไปเลยนะครับ เพราะมันเหมือนกันแทบทุกอย่าง ต่างกันที่สเปคนิดหน่อยเท่านั้น

ทวนสเปคของ Samsung Galaxy A5 และ A7 (2017) แบบละเอียดๆกันอีกสักรอบ

สเปค Samsung Galaxy A5 และ A7 (2017) *จุดที่ Galaxy A7 ต่างจาก A5 จะเป็นสีแดงนะ

  • OS: Android 6.0.1 (Marshmallow)

  • หน้าจอ: 5.2” / 5.7” FHD Super AMOLED

  • CPU : Exynos 7880  Cortex-A53 Octa-core 1.9 GHz

  • GPU : Mali-T830 MP3

  • RAM: 3GB

  • ROM: 32GB รองรับ microSD card สูงสุด 256GB

  • กล้องหลัง: 16MP (F1.9) Auto Focus, ไม่มีกันสั่น

  • กล้องหน้า: 16MP (F1.9) Fixed Focus, แฟลชกล้องหน้าจากหน้าจอ

  • แบตเตอรี่: 3,000mAh / 3,600mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว Adaptive Fast Charging

  • รองรับเครือข่าย: 3G / 4G 2ซิม, 2 CA (L+H),

    • ยังไม่รองรับ 3G ที่ซิมสอง รอการอัพเดทซอฟท์แวร์

  • เซ็นเซอร์:

    • Accelerometer, Proximity, Geomagnetic, RGB Light, Hall, Fingerprint scanner, Barometer, และมี Gyroscope แล้ว

  • การเชื่อมต่อ:

    • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac

    • Bluetooth® v 4.2, ANT+

    • GPS + GLONASS
  • USB Type-C

  • NFC (UICC, eSE)

  • สัดส่วน: 156.8 x 77.6 x 7.9 มม.

 

ซึ่งถ้าใครสงสัยว่ามันมีพัฒนาการจากรุ่นเดิมยังไงบ้าง ตรงนี้เราก็เคยมีทำ เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy A5 A7 (2017) กับปีก่อนๆหน้ากันไปแล้ว สามารถกดคลิกเข้าไปดูกันได้ ซึ่งโดยสรุปแล้วความเปลี่ยนแปลงของรุ่น 2017 จากรุ่นก่อนหน้าก็ได้แก่

  1. กันน้ำกันฝุ่น IP68 ลงน้ำได้ลึก 1.5 ม. เป็นเวลา 30 นาที

  2. Always on display : แจ้งเตือนต่างให้เห็นได้แม้พักหน้าจอ

  3. Samsung Knox (แยก account เล่นไลน์, FB ฯลฯ ได้ 2 ID)

  4. โหมดประหยัดพลังงาน

  5. โหมดตัดแสงสีฟ้า

  6. USB Type C

 

สำหรับฟีเจอร์ต่างๆผมได้เคยทำสรุปเอาไว้ให้ทีนึงแล้ว รวมถึง Hands-on การใช้งานต่างๆ ซึ่งครั้งนี้ก็ขอไม่เอาเรื่องเดิมมาเขียนอีกรอบแต่จะเอาแต่ละฟีเจอร์มาเขียนสรุปว่าใช้งานจริงแล้วเป็นยังไงบ้าง เจอปัญหาตรงไหนอย่างไร ใครยังไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้บ้างไปดูภาพเดิมไปก่อนละกัน

 

ดีไซน์ งานประกอบ การกันน้ำกันฝุ่น

เรื่องหน้าตาของมันสวยไม่สวยขอไม่พูดถึงละกัน แล้วแต่คนชอบ ถ้าดูจากตัววัสดุ ถือว่ามีความดีงาม ถอดลักษณะของ Galaxy S มาแต่ไกล หน้าหลังเป็นกระจก ขอบข้างเป็นโลหะ ถ้าจะติก็เรื่องเดิมๆคือ การจัดเรียงปุ่มและช่องเสียบต่างๆไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่ และปุ่ม Home เป็นพลาสติกเหมือนเดิม ใช้ไม่ระวังจะเป็นรอยง่ายมาก ส่วนเรื่องการกันน้ำอันนี้ลองทดสอบดูแล้ว จุ่มน้ำทั่วไปเอาขึ้นมาก็ยังใช้งานได้ตามปกติ แต่ไม่ได้เอาไปลองดำน้ำเป็นเมตรๆนะ

สรุป พอใจ

2 ซิมแยกช่อง รองรับ 4G 2CA L+H ซิม 2 ยังไม่เป็น 3G ต้องรออัพเดท

เป็นเรื่องที่ดีที่เลิกใช้ช่อง Hybrid slot ทำให้ใส่ 2 ซิมได้พร้อมกัน ไม่ต้องมานั่งเลือกว่าจะเอาซิม 2 หรือ microSD และใช้งาน 4G รองรับ 2CA ก็ทำความเร็วได้ดีอยู่ เสียดายแค่รับได้เพียง คลื่น Low (900MHz) + High (1800MHz) Frequency ไม่สามารถรับ H (1800MHz) + H (2100MHz) ได้ จึงอาจจะยังได้ความเร็วไม่สุดนัก และซิมสองก็ยังคงไม่รองรับ 3G มา ณ วันวางขาย ต้องรออีกเป็นเดือนกว่าที่จะใช้งานได้ ส่วน WiFi ก็จับสัญญาณได้ดี แรงได้มาตรฐานอยู่นะ

สรุป พอใจ

ประสิทธิภาพการใช้งาน Exynos 7880 + RAM 3GB + Mem 32GB

ลองใช้งานทั่วไปก็ลื่นไหลดี ไม่ได้เจออาการติดขัดหรือว่าค้างเอ๋อแต่อย่างใด โหลดแอปใช้เวลาไม่ได้นานมาก จะเจอจอค้างอยู่เป็นพักๆ แต่แป๊บเดียวก็กลับมาใช้งานได้ตามเดิม โดยมากจะเจอตอนใช้งานไปนานๆ แล้วสลับแอปไปมาเร็วๆ หรือโหลดแอปที่มีขนาดใหญ่มาก หรือต้องดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาแสดงผล เช่น Facebook

ส่วนพื้นที่หน่วยความจำ 32GB นั้น เหลือใช้งานจริงราว 23GB ลงเกมลงแอปอะไรสบาย แต่แนะนำให้เก็บภาพ, เพลง, หรือสื่อต่างๆใน microSD นะ อย่าเอาทุกอย่างลงในเครื่องทั้งหมด ถ้าเมมมันจะใกล้เต็มเมื่อไหร่ เครื่องจะเอ๋อทันที อาการค้าง หน่วง ช้า ถามหาแน่นอน

ผลการทดสอบ Benchmark

ออกมาแรงกว่าพวกตัวราคาต่ำหมื่น แต่ก็ไม่ได้จัดว่าแรงมาก ถ้าคิดว่าจ่ายแพงขึ้นมา 2-3 พันบาท ซึ่งถ้าใครสนใจเอามาเล่นเกมส์ Galaxy A5 A7 ก็เล่นได้ทั้งกราฟฟิกหนักหรือเบาได้หมด ไม่เจอปัญหาอะไรนะ

สรุป ก็โอเค

เซนเซอร์ครบถ้วน มี Gyroscope + Fingerscan ที่ปรับปรุงใหม่

ไม่ต้องปวดหัวเรื่อง Samsung Galaxy A Series ไม่ยอมใส่ Gyroscope มาให้อีกต่อไป เพราะมีการใส่มาให้เรียบร้อย ใช้เล่นเกมอะไรได้ตามปกติ ส่วนการแสกนลายนิ้วมือก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก ที่ไม่ต้องปลุกหน้าจอขึ้นมาก่อน แล้วค่อยแสกน แค่ทาบนิ้วลงบนเซนเซอร์ระหว่างพักหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้ทันที มีจุดเซ็งเล็กๆที่การตอบสนองของเซนเซอร์มันช้าไปนิดหน่อย ค้างไว้เป็นวินาทีกว่ามันจะปลดล็อคได้นะ ส่วนถ้านิ้วชื้นๆนิดหน่อยก็ทำใจเลย เตรียมใช้วิธีปลดล็อคหน้าจออื่นได้ทันที

สรุป ก็โอเค

กล้อง 16 ล้านทั้งหน้าและหลัง ปรับปรุงให้เซลฟี่ได้เนียนขึ้นอีก

จุดเด่นอย่างนึงที่หลายคนจดจำของ Galaxy A series 2017 ก็คือกล้องหน้าและหลังที่มากถึง 16 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์รับแสงเดียวกันทั้งหน้า-หลัง ปรับขึ้นมาตามยุคสมัยที่เดี๋ยวนี้กล้องหน้าบางค่ายละเอียดกว่ากล้องหลังเสียด้วยซ้ำ รวมถึงมีแฟลชกล้องหน้าจากการเร่งแสงหน้าจอให้สว่างขึ้นมาแบบเดียวกับบน iPhone หากดูผ่านๆหน้าตา UI ของกล้องจะไม่ต่างอะไรกับพวก Galaxy S แต่ถ้าใครชอบเล่นฟีเจอร์หรือเอฟเฟกต์ต่างๆ ก็ต้องบอกว่ามีมาให้ไม่เยอะนักอารมณ์กั๊กของเอาไว้ให้รุ่นท็อปเท่านั้น บางเมนูที่ใช้บ่อยๆถูกจับเอาไปอยู่ที่ตั้งค่าใช้ยากไปซะงั้น

มีโหมดต่างๆให้มาครบ แต่แอบเซ็งที่ HDR ถูกจับเอามาเป็นหนึ่งในโหมดให้เลือก จากปกติจะสามารถกดเปิดปิดง่ายๆได้เลยในโหมด Auto

โหมดโปรไม่มีอะไรให้ปรับแต่งมากนัก W/B ก็ไม่มีให้ปรับอุณหภูมิสีแบบละเอียด Speed Shutter ก็ไม่สามารถตั้งค่าได้

มีฟิลเตอร์มาให้เลือกใส่เข้าไปในภาพได้เลย เห็นผลแบบทันที ปรับหมวดได้ว่าจะเอาแบบ Basic หรือ Beauty

ส่วนกล้องหน้าก็มีโหมด Wide Selfie และ Night เพิ่มขึ้นมาให้เลือกใช้งานกัน

ส่วนว่าถ่ายภาพออกมาจะเป็นอย่างไร มาดูกัน

กล้องหลัง

ถ่ายย้อนแสงแบบ HDR เก็บรายละเอียดพื้นที่สว่างและมืดได้ครบในระดับนึง

แสงธรรมดาเปิดโหมด Auto ทำได้ตามมาตรฐาน

ภาพ portrait ที่ฉากหลังสว่างกว่ามากๆก็ยังเก็บแสงมาได้ดี มีช่วงกว้างของสีที่ใช้ได้อยู่

เอาไปจุ่มน้ำถ่ายรูปปลามา เครื่องยังปกติ ไม่พังนะ 😛

ปัญหาเริ่มเกิดเมื่อเจอสภาพแสงน้อยๆ ดีเทลจะเก็บมาไม่ค่อยดีนัก ภาพจะมีการเกลี่ย noise ไปเยอะจนไม่ค่อยเหลือรายละเอียดเท่าไหร่นัก

ภาพมาโครทำได้ดีตามสภาพ

อุปสรรคอีกอย่างคือ Galaxy A5 และ A7 น่าจะไม่ได้ใส่กันสั่นมาให้ ทำให้ภาพแสดงน้อยจะสั่นง่ายมาก ถ่ายแล้วต้องเช็ครูปตลอดว่าภาพคมชัดหรือไม่ อย่างก๋วยเตี๋ยวกั้งและบิงซูด้านบนที่เห็นนี่คือถ่ายหลายช็อตมากกว่าจะได้ภาพที่ไม่เบลอไม่สั่น

และสุดท้ายปัญหาเรื่อง W/B ที่ไม่ค่อยแม่น สองภาพด้านล่างนี้ถ่ายกันคนละโหมด โดยภาพบนจะเป็นแบบ Auto ยกขึ้นมาแล้วถ่ายเลย ส่วนภาพล่างจะเป็นการเลือก W/B แบบ daylight คือชัดเจนว่าภาพแบบ auto สีจะตุ่นๆ เพราะคำนวน white balance ไม่ดี สีอมฟ้ามากๆ และเมื่อเราเลือก manual ที่ปรับอุณหภูมิสี ให้เป็นไปตามสภาพแสง สีสันที่ได้ก็ออกมาดูดี และสมจริงตามตาเห็นมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

สรุปกล้องหลัง ใช้ในสภาพแสงดีๆภาพก็จัดว่าใช้ได้ แต่ถ้าแสงน้อยๆนี่ภาพจะสั่นเบลอได้ง่ายมาก และมีปัญหาสีตุ่นๆในบางสภาพแสง แก้ไขได้ด้วยตัวเองโดยการเลือกโหมด PRO และเลือก W/B ให้เหมาะกับสภาพแสงที่เราใช้อยู่ก็จะช่วยได้มาก 

กล้องหน้า

โหมดปรับผิว หน้าเนียนใสกริ๊ก

โหมดหน้าเรียว คางแหลมขึ้นมาเลย

โหมดตาโต ปรับสูงสุดยังไม่ดูเอเลี่ยน

สรุปกล้องหน้า Galaxy A4 & A7 (2017) กล้องหน้ายังคงไม่ได้ใส่การโฟกัสมาให้ ไม่สามารถเลือกระยะได้ว่าส่วนไหนที่ต้องการให้ชัดให้เบลอ ปัญหาเรื่องการถ่ายในสภาพแสงน้อยก็มีเหมือนกล้องหลัง แสงน้อยๆภาพเบลอแน่นอน ใช้วิธีตั้งเวลาถ่ายหรือ Gesture Control จะช่วยลดปัญหาการสั่นได้มาก หรือกดค้างไว้ให้มันถ่ายรัวหลายภาพ แล้วค่อยมาเลือกภาพที่นิ่งที่สุดอีกที

แบตเตอรี่อยู่เป็นวันได้สบายๆ ชาร์จเร็วดีด้วย Adaptive Fast Charge

จากที่ลองใช้ทั้ง Galaxy A5 และ A7 มาต้องบอกว่าเรื่องแบตเตอรี่นี่อึดใช้ได้เลย ถ้าวันไหนไม่ได้เล่นหนักอาจจะอยู่ได้ถึง 2 วันเลยล่ะ แต่ต้องระวังเรื่องแบตไหลหลังจากเปิด sync ทุกสิ่งอย่าง หรือเจอแอปที่แอบทำงาน background จะลดระยะเวลาลงไปเหลือแทบจะครึ่งๆได้เลยเหมือนกัน

Galaxy A5 และ A7 (2017) มาพร้อมกับหัวชาร์จแบบใหม่(สำหรับ Samsung) USB type-c ซึ่งถ้าใครมีอุปกรณ์เสริมหัวแบบเก่า microUSB อยู่จะใช้งานร่วมกันไม่ได้ ใช้ของร่วมกับคนอื่นก็จะลำบากพอสมควรเพราะ ต้องมีหัวเปลี่ยน (Adapter) เท่านั้น ซึ่งทาง Samsung ก็เข้าใจส่วนนี้ดี มีแถมมาให้ในกล่องด้วยเลย ก็ต้องลำบากพกนิดนึง (แต่ก็ถือว่าดีกว่าหลายแบรนด์ที่ไม่มีมาให้เลยนะ 555)

เสียง

มีการปรับลำโพงมาอยู่ด้านข้างเครื่องแทน จากปกติจะถูกวางเอาไว้ข้างหลังหรือด้านล่างของเครื่อง ซึ่งการวางตำแหน่งนี้ก็มีข้อดีกว่าด้านหลังที่หากเราวางเครื่องลงบนพื้นผิวนิ่มๆเช่นเตียง เสียงจะไม่หายไปเพราะโดนอุด และดีกว่าวางเอาไว้ด้านล่าง เพราะเมื่อเราพลิกเครื่องดูคลิปแนวนอนเสียงจะไม่ได้ออกด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ดีการรีดคุณภาพลำโพงนี้ยังต้องพึ่งพาการสะท้อนเสียงจากพื้นผิว แนะนำว่าเวลาดูอย่าหันลำโพงขึ้นด้านบน แต่ให้หันลงด้านล่างแทนเพื่อให้เสียงสะท้อนกับโต๊ะหรือมือเรา แล้วเสียงที่ได้จาก Galaxy A (2017) จะดีขึ้นทันทีเลยครับ

 

สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ เท่าที่ได้ลองใช้ขอแชร์ไว้ประมาณนี้นะครับ

  • GPS จับได้แม่นยำดีไม่มีปัญหาอะไร
  • เล่น LINE, Facebook, IG ได้ 2 ID – ใช้งานได้จริง เหมาะมากสำหรับคนที่สรรหาอะไรแบบนี้อยู่ แต่อย่าลืมความสามารถที่แท้จริงของมันว่ามันคือกล่องนิรภัย เก็บความลับได้อย่างปลอดภัย ใส่ภาพ เสียง หรือข้อมูลความลับอะไรลงไปในนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะแฮกเอาไปได้ง่ายๆ
  • Always on Display – ใช้งานได้ดี ทดแทนไฟ LED notification ได้เลย ดูได้ว่ามีการแจ้งเตือนอะไร จากแอปไหนเข้ามาโดยไม่ต้องปลุกหน้าจอ แล้วอยากเข้าไปดูแจ้งเตือนนั้นๆก็แตะไปที่ไอคอนนั้นๆสองครั้งก็ปลดล็อคเข้าไปดูได้เลย ไม่พบการลดของแบตอย่างมีนัยยะจากการเปิดใช้แอปนี้นะ
  • Samsung Pay – บริการนี้ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ มีการโปรโมทประชาสัมพันธ์ให้เหล่าร้านค้ารู้จัก และรับการชำระเงินด้วย Samsung Galaxy ถ้าชีวิตอยู่ท่ามกลางร้านค้าที่รับบัตรเยอะๆก็จัดว่าทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะดี
  • Multi Window – แบ่งหน้าจอบน-ล่าง ใช้งานได้สองแอปพร้อมกันอาจจะมีอาการหน่วงบ้างบางลีลา แต่ก็ถือว่าใช้ได้โอเคอยู่
  • Blue light filter – เปิดแล้วก็ลดความแรงของแสงและร้สึกได้ทันทีว่าใช้แล้วถนอมสายตาเราลงไปได้เยอะ

สรุป

Galaxy A5 และ A7 (2017) จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ครบเครื่องมากที่สุดตัวนึง มีความสามารถพื้นฐานที่ครบเครื่อง แถมกันน้ำกันฝุ่นได้อีก ซื้อมาใช้ก็ไม่น่าจะผิดหวังอะไร แต่เรื่องที่หลายคนไม่ชอบกันก็จะเป็นเรื่องสเปคที่เทียบกับราคาแล้วมีคนคาดหวังกันว่าจะได้สูงกว่านี้ เนื่องจากในตลาดมีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจอยู่ค่อนข้างเยอะมาก และที่สำคัญคือมีจุดเด่นปังๆที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า

ตัวเลือกอื่นนอกจาก Galaxy A5 และ A7 ที่ถูกถามกันเข้ามาเยอะ

  1. ​Galaxy S7 << อันนี้พีค เพราะราคาบางร้าน ขายไม่ได้ต่างจาก Galaxy A7 เลยล่ะ ซึ่งถ้าใครหาราคาดีๆได้ ก็เลือกไปซื้อ Galaxy S7 แบบไม่ต้องคิดเลยครับ ครบกว่าในทุกด้าน
  2. Galaxy A9 Pro << หลักๆเลยคือ A9 Pro ตัวซีพียูแรงกว่าเยอะ และแบตอึดมากกกกกก ถ้าเอาไปเล่นเกม ดูหนังเป็นหลัก เลือก Galaxy A9 Pro ไปเลยครับ
  3. Huawei GR5 2017 << วัด Benchmark แล้วผลออกมาแทบไม่ต่างจาก Galaxy A5 ราคาก็ถูกกว่า ส่วนสเปคอื่นๆก็ขี่กันมาทุกอย่าง ต่างกันก็เรื่องของฟีเจอร์ที่ Galaxy A5 จะมีความสามารถกันน้ำ, Galaxy Gift, และ Samsung Pay มาให้ ส่วน Huawei GR5 2017 จะมาเข่นเรื่องที่ให้กล้องคู่นั่นเอง
  4. Huawei P9 << ตัวนี้ก็จะคล้ายๆกับ GR5 ที่ราคามาชนกับ Galaxy A7 (2017) แต่ว่าเรื่องภาพถ่ายจากกล้องจะดีกว่าพอสมควร แถมมีกล้องคู่ให้อีก แต่ Galaxy A7 ก็จะได้เรื่องที่จอใหญ่กว่า แบตอึดกว่า กับความสามารถกันน้ำ, Galaxy Gift, และ Samsung Pay นั้นแล

ยังไงก็ลองตัดสินกันดูละกัน หรือถ้าอยากให้เราเปรียบเทียบชนระหว่างตัวไหนเป็นพิเศษก็เม้นบอกกันได้ ถ้ามีคนรีเควสกันเยอะๆเดี๋ยวจะลองหาเครื่องมาทดสอบให้อีกทีครับ