หลายคนอาจจะสงสัยว่า Galaxy S21 (รวมถึง S21+) กับ Galaxy S20 FE 5G เรือธงรุ่นเล็กของ Samsung ถ้าจะเลือกซื้อมาใช้งานจริง ๆ จัง ๆ ซักเครื่อง จะจัดรุ่นไหนมาใช้งานที เพราะราคาของทั้งสองรุ่นถือว่าห่างกันพอสมควร วันนี้ทีมงาน DroidSans เลยนำทั้งสองรุ่นมารีวิวเปรียบเทียบให้อ่านกันแบบทีละจุดครับ จากประสบการณ์ใช้งานจริงร่วมเดือน

สัมผัสจับถือ

Galaxy S21 น้ำหนักเครื่องแค่ 169 กรัม เข้ามือสุด ๆ 

เริ่มกันที่ Galaxy S21 ตัวใหม่กันก่อนเลยดีกว่า โดยรอบนี้มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความเรียบหรูมากขึ้น ใช้กระจกนิรภัยตัวใหม่ Gorilla Glass Victus ที่มีความทนทานต่อแรงขีดข่วน และกันกระแทกได้ดีกว่าเดิม แต่น่าเสียดายที่ฝาหลังให้มาเป็นแบบ Reinforced Polycarbonate หรือพลาสติกที่มีความแข็งแกร่งกว่าพลาสติกทั่วไปนั่นเอง ผิวสัมผัสด้านหลังจะเป็นแบบ Haze Finish ไม่ค่อยเกิดรอยนิ้วมือมากนัก

Galaxy S20 FE 5G มีน้ำหนักที่หนักกว่าเล็กน้อยที่ 190 กรัม 

ส่วน Galaxy S20 FE 5G จะเลือกใช้เป็น Gorilla Glass 3 ตัวเก่าแทน (ยังมีความทนทานต่อแรงขีดข่วนอยู่ดี แต่ไม่เท่า Victus) ด้านหลังจะใช้ Reinforced Polycarbonate เหมือนกับ Galaxy S21 ซึ่งจริง ๆ การเลือกใช้ฝาหลังแบบพลาสติกไม่ได้ถือว่าแย่แต่อย่างใดนะ เพราะสัมผัสจับถือของมัน ก็แทบจะน้อง ๆ กระจกเลย เผลอ ๆ สำหรับคนที่ไม่สังเกต ก็แทบจะแยกไม่ออกด้วยซ้ำ

หน้าจอแสดงผล

Galaxy S21

Galaxy S21 มาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ค่ารีเฟรชเรท 120Hz รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ รอบนี้ Samsung เลือกใช้หน้าจอแบบแบนราบ ไม่โค้ง อีกทั้งยังใส่ระบบ Adaptive Refresh Rate ที่ตัวระบบจะคอยปรับค่ารีเฟรชเรทอัตโนมัติจาก 48 – 120Hz ตามคอนเทนต์ที่เปิดอยู่ ณ ตอนนั้น เพื่อให้ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดี และประหยัดแบตเตอรี่ที่สุด

Galaxy S20 FE 5G 5G

ถัดมาในส่วนของ Galaxy S20 FE 5G แม้ว่าจะใช้หน้าจอประเภท OLED เหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าจอ OLED เกรดของรุ่นนี้จะด้อยกว่า Galaxy S21 แบบชัดเจน มาเป็น Super AMOLED 2X ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ค่ารีเฟรชเรท 120Hz ไม่มีระบบ Adaptive Refresh Rate ใส่มาให้

แม้ว่าค่ารีเฟรชเรทของ Galaxy S21 และ Galaxy S20 FE 5G จะให้มาเท่ากันที่ 120Hz แต่เมื่อมาลองใช้งานจริง ๆ กลับรู้สึกว่าจอ Dynamic AMOLED 2X บน Galaxy S21 มันลื่นตากว่า Galaxy S20 FE 5G แบบค่อนข้างชัดเจน คือไม่ได้บอกว่าจอของ Galaxy S20 FE 5G มันไม่ลื่นนะ แต่ของ Galaxy S21 มันลื่นหัวแตกกว่าจริง ๆ

ด้านบน: Galaxy S20 FE 5G
ด้านล่าง: Galaxy S21

และเมื่อลองเปิดภาพหรือวีดีโอตัวเดียวกันบนความสว่างที่เท่ากัน จากที่ดูด้วยตาเปล่าก็พบว่าจอของฝั่ง Galaxy S21 ให้ความสว่างที่มากกว่า รวมถึงความคมชัดและมิติของภาพที่มากกว่า Galaxy S20 FE 5G 5G อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจาก Galaxy S21 มี Contrast Ratio สูงถึง 2,000,000 : 1

ประสิทธิภาพเครื่อง

Galaxy S21 / Galaxy S20 FE 5G

จากการทดสอบคะแนน Benchmark แบบเปิดโหมด Performance ด้วยแอปพลิเคชั่น Geekbench 5 ปรากฎว่าฝั่ง Galaxy S21 ทำคะแนน Single Core ได้ 1050 คะแนน และในหมวดของ Multi-Core ได้ไป 3415 คะแนน ซึ่งจะทำคะแนนได้ดีกว่า Galaxy S20 FE 5G ที่ได้คะแนนในหมวดของ Single-Core และ Multi-Core ไปที่ 869 และ 2865 คะแนน ตามลำดับ

ซึ่งก็ไม่ถือว่าน่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะตัว Galaxy S21 นั้นใช้ชิปเซ็ตเป็น Exynos 2100 ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตรในการผลิต แถมยังมี CPU Prime Core เป็น Cortex X1 ซึ่งใหม่และแรงกว่าของ Galaxy S20 FE 5G ที่ใช้ชิป Snapdragon 865 ตัวเก่านั่นเอง

ตารางเปรียบเทียบสเปค Galaxy S21 กับ Galaxy S20 FE 5G

Samsung Galaxy S21Samsung Galaxy S20 FE 5G 5G
หน้าจอDynamic AMOLED 2X Super AMOLED 2x 
ขนาด6.2 นิ้ว6.5 นิ้ว
รีเฟรชเรท120Hz แบบ Adaptive120Hz
ความละเอียดFull HD+
กระจกหน้าจอGorilla Glass VictusGorilla Glass 3
ชิปเซ็ตExynos 2100Snapdragon 865
GPUMali-G78Adreno 650
RAM8GB แบบ LPDDR5
ความจุ128GB / 256GB แบบ UFS 3.1128GB / 256GB แบบ UFS 3.0
microSD Cardไม่รองรับรองรับสูงสุด 1TB
กล้องหลัง3 ตัว

Wide: 12 MP f/1.8

Ultra-Wide: 12MP f/2.2

Telephoto: 64MP f/2.0

รองรับการถ่ายวีดีโอ 8K

3 ตัว

Wide: 12 MP f/1.8

Ultra-Wide: 12MP f/2.2

Telephoto: 8MP f/2.4

รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K

กล้องหน้า10MP f/2.232MP f/2.2
เซ็นเซอร์
accelerometer, barometer, gyro, proximity, compass
การเชื่อมต่อ
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.0
การใช้งาน 5G
5G Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6
สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (Ultrasonic)ใต้หน้าจอ (Optical)
ลำโพงสเตอริโอคู่
รูหูฟังไม่มี
แบตเตอรี่4,000 mAh4,500 mAh
ระบบชาร์จไว25W25W
Wireless Charging15W
Reverse Wireless Charging4.5W
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นIP68
ระบบปฏิบัติการAndroid 11 ครอบทับด้วย OneUI 3.1Android 11 ครอบทับด้วย OneUI 3.0
ราคาเปิดตัวรุ่นความจุ 128GB : 27,900  บาท

รุ่นความจุ 256GB : 29,900 บาท

รุ่นความจุ 128GB : 23,900  บาท

รุ่นความจุ 256GB : 25,900 บาท

มาถึงการทดสอบหน่วยความจำกับแอป AndroBench กันบ้าง โดย Galaxy S21 จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยตรงที่มาพร้อมกับ UFS 3.1 ส่วน Galaxy S20 FE 5G ยังคงใช้ UFS 3.0 อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าพอเอาไปทดสอบประสิทธิภาพแบบนี้ Galaxy S21 ก็สามารถทำคะแนนได้มากกว่าอยู่แล้ว

 

ทดสอบการเล่นเกม

และเมื่อเอาไปทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile ก็จะเห็นว่าฝั่ง Galaxy S21 ยังไม่สามารถปรับภาพกราฟิคระดับสูงแบบ Ultra HD ได้ อาจเป็นเพราะว่าเครื่องและชิปรุ่นนี้ยังใหม่เกินไป ตัวเกมเลยยังไม่อัปเดตให้รองรับนั่นเอง ทำให้ในตอนนี้สามารถเลือกกราฟฟิกสูงสุดได้แค่ HDR HD เท่านั้น เมื่อเล่นไปได้ราว ๆ 30 นาที ตัวเครื่องก็จะเริ่มมีอาการอุ่นขึ้นแบบชัดเจน วัดอุณภูมิได้ประมาณ 36 องศา

แต่เมื่อทดสอบกับ Galaxy S20 FE 5G 5G แล้วพบว่าสามารถปรับความละเอียดสูงสุดได้ถึง Ultra HD และเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นมาประมาณ 36-42 องศา เมื่อเล่นต่อเนื่องเป็นเวลา 30 นาที

และเมื่อนำไปทดสอบเล่นเกม RoV ก็พบว่าทั้งสองรุ่นแทบจะไม่มีปัญหาอุณหภูมิสูงขึ้นหรือเฟรมเรทร่วงเลย คือตัวเครื่องมีความร้อนน้อยกว่าตอนเอาไปเล่น PUBG Mobile อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ปัญหาทัชหลุดทัชเพี้ยนที่หลายคนสงสัยกัน จากที่ทีมงาน DroidSans ทดสอบเล่นมา ยังไม่ได้เจอปัญหาเหล่านี้แต่อย่างใดนะ

*หมายเหตุ : การทดสอบนี้ทดสอบโดยการเปิด Performance Mode หรือโหมดการประมวลผลเสริมสมรรถนะ ด้วยกันทั้งสองรุ่น ซึ่งปกติตัวเครื่องจะตั้งค่าเป็นโหมดปกติ

**เครื่อง Galaxy S20 FE 5G 5G ที่ทางเราได้ใช้ทดสอบนั้นเป็นเฟิร์มแวร์ล่าสุดที่เพิ่งมีการอัปเดตในเดือนมกราคม 2564 ส่วนเครื่อง Galaxy S21 นั้นเป็นเครื่องทดสอบที่ยังไม่ใช่ Final Firmware แบบเครื่องที่จะวางจำหน่ายจริงครับ

กล้องถ่ายรูป

ทั้ง Galaxy S21 และ Galaxy S20 FE 5G 5G ต่างก็ใช้กล้อง 3 ตัวด้วยกันทั้งคู่ ดูจากสเปคอาจจะใกล้เคียงแต่รายละเอียดของเซนเซอร์และฟีเจอร์นั้นต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว

Galaxy S21Galaxy S20 FE 5G 
จำนวนกล้องหลัง3 ตัว
เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 12MP (f/1.8) พร้อมระบบกันสั่น OISความละเอียด 12MP (f/1.8) พร้อมระบบกันสั่น OIS
กล้อง Ultra-Wideความละเอียด 12MP (f/2.2) มุมมองกว้าง 120 องศาความละเอียด 12MP (f/2.2) มุมมองกว้าง 123 องศา
กล้อง Telephotoความละเอียด 64MP (f/2.0), พร้อมระบบกันสั่น OIS, ซูม Hybrid   3X (Digital 30X) พร้อมฟีเจอร์ Zoom Lockความละเอียด 8MP (f/2.4), พร้อมระบบกันสั่น OIS, ซูม Optical 3X (Digital 30X)
การถ่ายวีดีโอสูงสุด 8Kสูงสุด 4K
จำนวนกล้องหน้า1 ตัว1 ตัว
เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 10MP (f/2.2) พร้อมระบบ Auto Focusความละเอียด 32MP (f/2.4)

เอาล่ะ จะให้เปรียบเทียบแต่สเปคกล้องมันก็แปลก ๆ ยังไง ๆ อยู่ ทางทีมงานก็เลยนำเจ้า Galaxy S21 และ Galaxy S20 FE 5G ไปถ่ายรูปแบบช็อตต่อช็อต เทียบให้เห็นภาพกันไปเลยว่ารุ่นไหนทำผลงานอออกมาได้ดีกว่ากัน

Galaxy S21 Galaxy S20 FE 5G

 

ด้วยความที่ทั้ง Galaxy S21 และ Galaxy S20 FE 5G ต่างใช้กล้องหลักชุดเดียวกัน ทำให้พอถ่ายเทียบแบบนี้ก็แทบจะแยกไม่ออกเลยว่าภาพไหนดีกว่ากัน คือทุกอย่างเหมือนกันราวกับแพะกับแกะเลย

Galaxy S21 Galaxy S20 FE 5G

 

ส่วนกล้อง Ultra-Wide ตรงนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าภาพที่ได้จาก Galaxy S20 FE 5G จะมีภาพกว้างกว่าของ Galaxy S21 แบบชัดเจน แต่ถ้ามองในเรื่องของแสง อันนี้ดูเหมือนว่าจะให้ความรู้สึก Mood and Tone ที่ต่างกัน Galaxy S21 จะค่อนไปทางเย็น ๆ ส่วน Galaxy S20 FE 5G นั้นติดเหลืองไปเลย

Galaxy S21 Galaxy S20 FE 5G

 

มาถึงกล้อง Telephoto กันบ้าง ตรงนี้ในทางทฤษฎีแล้ว Galaxy S21 ควรจะทำผลงานออกมาได้ดีกว่า เพราะสเปคตัวเซ็นเซอร์นั้นเหนือกว่า Galaxy S20 FE 5G แบบชัดเจน (64MP vs 8MP) แต่เมื่อลองเอาไปถ่ายเทียบแล้ว ภาพที่ได้จากทั้งสองรุ่นแทบจะมองไม่เห็นความแตกต่างเลย

Galaxy S21 Galaxy S20 FE 5G

 

และเมื่อลองดันซูม Digital ที่ 30x ตรงนี้จะเห็นแบบชัดมากว่าการที่ Galaxy S21 มี Lock Mode นั้นช่วยให้ได้ภาพที่ชัดและมีความละเอียดชัดกว่าของ Galaxy S20 FE 5G ที่ไม่มีใส่มาให้แบบจริง ๆ

Galaxy S21 Galaxy S20 FE 5G

 

ในส่วนกล้องหน้า แม้ว่า Galaxy S21 จะให้เซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดน้อยกว่า Galaxy S20 FE 5G แต่ส่วนตัวผู้เขียนกลับชอบ Mood and Tone ภาพที่ได้จาก Galaxy S21 มากกว่านะ รู้สึกว่าภาพของ Galaxy S20 FE 5G มันแอบซีดไปนิดนึง

Galaxy S21 Galaxy S20 FE 5G

 

สำหรับการถ่าย Night Mode ตรงนี้ Galaxy S21 กินขาด สังเกตจากป้ายโฆษณามุมขวาบน ภาพของ Galaxy S21 นั้นจะมีความชัดกว่า Galaxy S20 FE 5G แบบมาก ๆ แต่น่าเสียดายที่ภาพของ Galaxy S21 ดันเจอปัญหาแฟลร์เข้าไปซะงั้น

การถ่ายวิดีโอ

มาถึงเรื่องของการถ่ายวีดีโอกันบ้างที่ Galaxy S21 จะสามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุดได้ถึง 8K ในขณะที่ Galaxy S20 FE 5G สามารถถ่ายวีดีโอได้สูงสุดแค่ 4K เท่านั้น ตัวสีสันของภาพในวีดีโอรวมถึงความนิ่งในการกันสั่น ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกันมาก แต่ในเรื่องของการบันทึกเสียงตัว Galaxy S21 จะทำได้ดีกว่าเพราะมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนมาให้มากถึง 3 ตัว ในขณะที่ S20 FE 5G มีแค่ 2 ตัวครับ

แม้สเปคกระดาษของกล้องทั้งสองรุ่นนั้นแทบจะไม่แตกต่างกันมาก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือซอร์ฟแวร์และการประมวลผลภาพของ Galaxy S21 ที่ทำออกมาได้ต่างกันพอสมควร เนื่องจากตัว OneUI 3.1 บน Galaxy S21 นั้นจะมีฟีเจอร์กล้องและโหมดกล้องใหม่เข้ามาด้วย อาทิ Zoom Lock สำหรับการถ่ายภาพซูมระยะไกลให้นิ่งมากขึ้น, อัปเกรดให้ระบบกันสั่น Super Steady ให้นิ่งและลื่นกว่าเดิม เพราะสามารถถ่ายได้แบบ 60 fps แล้ว, Director’s View Video หรือมุมมองผู้กำกับ สำหรับการถ่ายวีดีโอที่มีการพรีวิว 3 ระยะเลนส์ของกล้องได้ขณะถ่ายไปด้วย และ Filter ใหม่ในโหมด Portrait (ที่แต่ก่อนชื่อ Live Focus) ที่ Galaxy S20 FE 5G 5G ไม่มีนั่นเองครับ

แบตเตอรี่

Galaxy S21 / Galaxy S20 FE 5G 

จากการทดสอบการใช้งานทั่วไป โดยทำการตั้งค่าเป็นหน้าจอเป็นแบบ 120 Hz ทั้งคู่ ไม่ว่าจะ เล่นเกม, ถ่ายภาพถ่ายวีดีโอ, เล่น Social Media, ดูหนังดูซีรี่ย์ ก็พบว่า Galaxy S20 FE 5G 5G (ภาพขวา) ที่มีแบตเตอรี่ 4,500 mAh มีความอึดที่ใกล้เคียงกับ Galaxy S21 แบต 4,000 mAh อยู่พอสมควร ซึ่งทั้งสองรุ่นนั้นสามารถใช้งานได้ทั้งแบบเหลือ ๆ และที่สำคัญทั้งสองรุ่นก็รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ Super Fast Charging 25W เหมือนกัน (ต้องซื้อแยกเอง) โดยสามารถชาร์จตั้งแต่ 0-50% ได้ภายในเวลา 30 นาที จากการทดสอบทั้งสองรุ่นจะชาร์จเต็มได้ในเวลาใกล้เคียงกัน ราว ๆ 1 ชั่วโมงนิด ๆ รวมถึงยังรองรับระบบ Wireless Charging หรือการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ที่ความเร็วสูงสุด 15W และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เครื่องอื่นได้อย่าง สมาร์ทวอทช์, หูฟัง, สมาร์ทโฟน ด้วยฟีเจอร์ Reverse Wireless Charging นั่นเองครับ

สรุปแล้ว.. Galaxy S20 FE 5G ก็เพียงพอไหม หรือเพิ่มเงินจัด Galaxy S21 ไปเลย?

ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ยังไงผู้เขียนก็อยากแนะนำให้เพิ่มเงินอีก 4,000 บาท แล้วจัด Galaxy S21 ไปเลย เนื่องจากได้สเปคและฮาร์ดแวร์ที่จัดเต็มกว่ามาก ๆ แทบจะไม่มีกั๊กในส่วนไหนเลย จอ OLED ก็เกรดดีกว่า ค่ารีเฟรชเรท 120Hz ก็ลื่นไหลกว่า รวมถึงชิปเซ็ตตัวใหม่ Exynos 2100 ที่มีการจัดการพลังงานที่ดีกว่าชิปเรือธงที่มีขั้นตอนการผลิตที่ขนาด 7 นาโนเมตร

Play video

…แต่ถ้างบถึงแค่ Galaxy S20 FE 5G จริง ๆ มือถือรุ่นนี้ก็ไม่ได้มีสเปคที่น่าเกลียดอะไรนะ ทุกอย่างยังถือว่าอยู่ในเกรดเรือธงอยู่ (เพียงแต่บางอย่างอาจจะมีการลดต้นทุนการผลิตไป) กล้องถ่ายรูปก็ทำออกมาได้ดีพอ ๆ กับ Galaxy S21 แถมสามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก นอกจากนี้ยังได้รับอัปเดต Security Patch แบบยาว ๆ 4 ปีอีกด้วย (Galaxy S21 ก็ได้เหมือนกัน)