เจ้าของมือถือเรือธงซีรีส์ใหม่เอี่ยมอ่องอย่าง Samsung Galaxy S22 Series หากคิดว่าพอใช้ไปนาน ๆ แล้วแบตเตอรี่เกิดเสื่อมขึ้นมาค่อยแกะเครื่องเปลี่ยนเอง หรือจะเอาไปหาช่างข้างนอกทำให้ อาจต้องคิดใหม่…เพราะทาง iFixit ได้ทดสอบแงะเครื่องของ Galaxy S22 และ Galaxy S22 Ultra พบว่ามันมีความง่ายในการซ่อมเครื่องอยู่ในระดับต่ำ แถมยังบอกด้วยว่าการแกะเครื่องเองมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้หน้าจอแตกร้าวได้อีก
iFixit ที่ได้ทดสอบแงะเครื่องของทั้ง Galaxy S22 และ S22 Ultra ได้บอกว่าทั้งคู่แม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาที่ต่างกัน แต่ตัวเครื่องด้านในบอกเลยว่าแกะยากพอ ๆ กัน โดยเฉพาะตรงส่วนหน้าจอและแบตเตอรี่ที่ใช้กาวติดเอาไว้อย่างแน่นหนา
โดยหากว่าต้องการแงะ 2 ส่วนนั้นออกมาต้องใช้ปืนพ่นความร้อนเข้าช่วย และยังต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะติดกาวไว้แบบแน่นมาก โดยเฉพาะตรงหน้าจอหากงัดออกมาแบบไม่ระวังสุด ๆ รับรองว่ากระจกจอร้าว หรือแตกแน่นอน (แต่ถ้าจะงัดเพื่อเปลี่ยนหน้าจอที่เสียอยู่แล้ว อาจไม่ต้องระวังมาก…จะแตกก็แตกไป)
ตรงแบตเตอรี่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้แค่ปืนพ่นความร้อนแล้วจะหลุดออกมาง่าย ๆ นะ แต่ยังต้องใช้ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์หยอดลงไปบริเวณที่มีกาวติดอยู่เพื่อให้มันอ่อนตัวลง จากนั้นใช้ตัวดูดสูญญากาศดึงออกด้วยแรงที่มากพอสมควรกว่าจะออกมาได้
สำหรับชิ้นส่วนอื่น ๆ อันนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะใช้การยึดด้วยน้อตเท่านั้น สามารถเอาไขควงมาขันออกได้ง่าย ๆ เลย
สุดท้ายแล้วทาง iFixit ก็เลยให้คะแนนความง่ายในการแงะเครื่องของ Galaxy S22 Series เอาไว้ที่ 3 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนนเท่านั้น โดยอุปสรรคในการแกะที่ยากสุด ๆ ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าอยู่ตรงหน้าจอกับแบตเตอรี่นั่นเอง
iFixit ยังบอกต่อด้วยว่าการแงะมือถือดังกล่าว แม้จะเป็นช่างที่มีประสบการณ์ก็ยังถือว่ายากอยู่ดี เพราะฉะนั้นผู้ใช้งานทั่วไปที่พอมีฝีมืออยู่บ้างก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ตัวเครื่องชำรุดได้ครับ
ที่มา : iFixit
การซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ภายใน ก็ควรออกแบบให้ง่ายด้วย เพื่อเป็นการลดขยะอิเลคทรอนิคส์อีกทาง ไม่ใช่แค่เอาหัวชาร์จกะเคส และหูฟังออก ก็บอกว่ารักโลกแล้ว
แบบนี้เท่ากับพอเปลี่ยนแบต ก็ต้องเปลี่ยนจอไปด้วยสินะ
รัฐบาลทั่วโลกควรร่วมมือกัน ออกกฎในการเปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมแซมได้ด้วยตัวเอง ทำได้ไม่ยากเหมือน S22 นี้