พรีวิวนี้จะเน้นไปที่การบอกเล่ารูปลักษณ์ภายนอกและประสบการณ์การใช้งานแบบคร่าว ๆ ของ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ ในเบื้องต้นก่อนนะครับ เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องสถานที่และเวลาที่เร่งรัดมาก ๆ ทำให้ตัวผมเองลองเล่นไปได้ไม่เท่าไหร่ ซึ่งดีเทลแบบละเอียด ๆ เดี๋ยวจะจัดมาให้ในรีวิวฉบับเต็มในโอกาสถัดไป หรือในระหว่างนี้ก็สามารถรับชมพรีวิวฟังก์ชันและฟีเจอร์ด้าน AI แบบเป็นคลิปที่ช่อง DroidSans บน YouTube กันก่อนได้

ดีไซน์เปลี่ยนไม่เยอะ แต่ดูดีขึ้นนะ

ภาพรวมดีไซน์ของ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ ยังคล้ายกับรุ่นเดิม แต่มีปรับเปลี่ยนเล็กน้อยบริเวณขอบเครื่องที่รอบนี้จะเป็นแบบแบนเรียบสนิทแล้ว ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่ากระจกด้านหลังมีการทำมุมลงโค้งลงน้อย เพื่อให้รับกับฝ่ามือ และไม่บาดมือเวลาจับถือใช้งาน ซึ่ง Samsung ทำออกมาได้ดีมาก ๆ แทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อระหว่างชิ้นส่วนเลย

กระจกด้านหลังของ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ จะเป็นแบบผิวด้านทุกสี ในส่วนนี้ Samsung เล่าว่าเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ผิวสัมผัสตัวเครื่องให้ออกมานุ่มนวล คล้ายกับผ้าซาติน ในขณะเฟรมเครื่อง Armor Aluminium เองก็เป็นผิวด้านเช่นกัน ข้อดีคือเปรอะรอยนิ้วมือยาก และดูพรีเมียม

ขอบหน้าจอบางลง สว่างสู้แสง 2600 นิต

ขอบหน้าจอ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ บางลงกว่าเดิมเล็กน้อย ส่งผลให้ทั้งสองรุ่นมีพื้นที่การแสดงผลมากขึ้นในขนาดตัวเครื่องใกล้เคียงกับของเดิม และจุดนึงที่เป็นไฮไลท์ในรุ่นนี้คือ หน้าจอ Dynamic AMOLED ตัวใหม่ ที่ให้ความสว่างสูงสุดมากถึง 2600 นิต สว่างแบบเวอร์วังอลังการมาก ๆ และรองรับการแสดงผล Super HDR เป็นกลุ่มแรก ๆ ของโลกด้วย (จริง ๆ ชื่อสามัญคือ Ultra HDR แต่ Samsung เรียก Super HDR) ซึ่ง Super HDR จะเป็นมาตรฐานการแสดงผลแบบใหม่ของมือถือเรือธงที่จะออกในปีนี้

หากใช้งานกลางแจ้ง Galaxy S24 และ Galaxy S24+ ยังเพิ่มฟีเจอร์ Vision Booster ให้สีสันและคอนทราสต์ของจอไม่ดรอปขณะเร่งความสว่างสูงสุดขีดด้วย (เป็นปัญหาสามัญสำหรับสมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่นในตลาด) ใครที่มีความจำเป็นต้องใช้งานมือถือกลางแดดบ่อย ๆ น่าจะถูกใจฟีเจอร์นี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

นอกจากนี้ Samsung ยังเคลมว่าหน้าจอของ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ ตอบสนองได้แม่นยำและไวขึ้นด้วย จากพลังของชิปเซต Exynos 2400 ที่พลังกว่าเดิม แต่เอาจริง ๆ ในส่วนนี้เท่าที่ลองใช้งานมายังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากรุ่นก่อนเท่าไหร่ (เพราะของเดิมก็ดีอยู่แล้ว)

กล้องหน้าหลังยังใช้เลนส์เดิม แต่อัปเกรดคุณภาพด้วย AI

Galaxy S24 และ Galaxy S24+ มากับชุดกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP กล้องอัลตราไวด์ 12MP และกล้องเทเลโฟโต 10MP ระยะซูมออปติคัล 3 เท่า และสามารถใช้ฟีเจอร์ Space Zoom ได้ไกลสุด 30 เท่า

ชุดกล้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ของใหม่ที่เพิ่มมาคือ เอนจินประมวลผลภาพ ProVisual engine และอัลกอริทึม AI Zoom เป็นการผสมผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง AI และ ISP ซึ่งเป็นคนละอย่างกับ Scene Optimizer ของเก่า หลัก ๆ จะเป็นการปรับปรุงความละเอียดและรายละเอียดของภาพถ่าย ซึ่งเราสามารถเข้าไปเลือกในเมนูได้ว่าจะให้ AI ทำงานที่ระดับไหน (เลือกได้ 3 ระดับ) ถ้าเลือกที่ระดับสูง ก็จะใช้เวลาประมวลผลนานขึ้นนิดนึง

จัดเต็มฟีเจอร์ด้าน AI เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว

จุดขายหลักของ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ AI จากที่ได้ลองเล่นต้องบอกว่ามีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งดูแล้วสามารถนำมาใช้งานได้จริง และผมรู้สึกว้าวพอสมควร ยกตัวอย่างบางส่วน เช่น

  • Photo Assist – แตะที่วัตถุในภาพเพื่อย่อ ขยาย ย้ายตำแหน่ง หรือแทนที่ด้วยวัตถุอย่างอื่นที่ AI เจนขึ้นมา
  • Transcript Assist – ฟีเจอร์ถอดเสียงเป็นข้อความ รองรับการติดป้ายกำกับระบุผู้พูดแยกเป็นรายคน และที่สำคัญ รองรับภาษาไทย เหมาะสำหรับใช้อัดเสียงตอนประชุม ไม่ต้องมาคอยจดหรือพิมพ์ให้เมื่อยมือ
  • Live Translate – ฟีเจอร์แปลภาษาขณะโทรแบบเรียลไทม์ เป็นฟีเจอร์ที่ Samsung โปรโมตล่วงหน้ามาตั้งแต่ก่อนงานเปิดตัว ซึ่งหลายคนคงพอทราบรายละเอียดกันแล้ว ต่อไปนี้การคุยกับชาวต่างชาติ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ส่วนฟีเจอร์ที่ผมลองเล่นแล้วชอบที่สุดคือ ฟีเจอร์สรุปเนื้อหากับฟีเจอร์แปลภาษาบนเว็บ คือในเบราว์เซอร์ Samsung Internet ของ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ มันจะมาพร้อม UI ใหม่ที่มีปุ่ม AI อยู่ตรงแถบเมนูหลักเลย ทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่าการแปลจาก Chrome มาก พอรวมกับฟีเจอร์สรุปเนื้อหายิ่งดีเข้าไปใหญ่ เวลาอ่านข่าวหรือบทความอะไรยาว ๆ นี่ประหยัดเวลาชีวิตได้เยอะมาก แถมเลือกได้ด้วยว่าจะเอาสรุปเฉพาะใจความหลัก ๆ เน้น ๆ หรือจะให้สรุปแบบละเอียดมีดีเทลขึ้นมาหน่อย แต่ในอีกทางก็แอบกลัวจะตกงานเหมือนกัน ถ้าเกิดในอนาคตมันแปลได้เนียนมากขึ้นจนเหมือนเอาคนมาแปลจริง ๆ (ฮา)

ไม่มีแล้ว Nearby Share รวมร่างเป็น Quick Share เรียบร้อย

Galaxy S24 และ Galaxy S24+ น่าจะถือเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่รองรับ GMS แล้วถอดฟีเจอร์ Nearby Share ออกตั้งแต่ออกจากโรงงาน แต่ฟีเจอร์ของ Nearby Share ก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม เพียงแค่มันถูกจับเอาไปรวมกับ Quick Share แล้ว ซึ่งก็สะดวกดี ลองใช้กับพวกรุ่นเก่าที่ยังเป็น Nearby Share อยู่ก็ไม่มีปัญหา และนอกจากจะแชร์ไฟล์ให้ Android ด้วยกันเองแล้ว มันยังแชร์ข้ามแพลตฟอร์มไป ChromeOS กับ Windows ได้ด้วย หรืออย่าง iOS ก็แชร์ได้ แต่จะเป็นการแชร์ผ่าน QR code ไม่ใช่การแชร์โดยตรง

สเปค Samsung Galaxy S24+

  • จอภาพ : Dynamic AMOLED X2 ขนาด 6.2 นิ้ว
    • ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 2600 นิต
    • อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    • รองรับ HDR10+
  • ชิปเซต : Exynos 2400
  • RAM LPDDR5x : 8GB
  • ROM UFS 4.0 : 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว:
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.8), ซูมในเซนเซอร์ 2 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 12MP มุมกว้าง 120 องศา (𝑓/2.2)
    • กล้องเทเลโฟโต 10MP (𝑓/2.4), ซูมออปติคัล 3 เท่า, ระบบกันสั่น OIS 
    • Space Zoom สูงสุด 30 เท่า
  • กล้องหน้า : 12MP (𝑓/2.2)
  • เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
  • แบตเตอรี่ : 4000mAh
    • รองรับชาร์จไว 25W
    • รองรับชาร์จไร้สาย 15W
  • เครือข่าย : 5G
  • การเชื่อมต่อ :
    • Wi-Fi 802.11a/n/g/n/ac/ax/be
    • Bluetooth 5.3
    • NFC
    • USB-C 3.2 Gen 1
    • รองรับ DeX mode
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ) / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
  • ความทนทาน : IP68, วัสดุ Armor Aluminum 2 
  • ระบบปฏิบัติการ : One UI 6.1 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด : 70.6 x 147 x 7.6 มม.
  • น้ำหนัก : 167 กรัม

สเปค Samsung Galaxy S24+

  • จอภาพ : Dynamic AMOLED X2 ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด QHD+ (1440 x 3088 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 2600 นิต
    • อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    • รองรับ HDR10+
  • ชิปเซต : Exynos 2400
  • RAM LPDDR5x : 12GB
  • ROM UFS 4.0 : 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว:
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.8), ซูมในเซนเซอร์ 2 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 12MP มุมกว้าง 120 องศา (𝑓/2.2)
    • กล้องเทเลโฟโต 10MP (𝑓/2.4), ซูมออปติคัล 3 เท่า, ระบบกันสั่น OIS 
    • Space Zoom สูงสุดสุด 30 เท่า
  • กล้องหน้า : 12MP (𝑓/2.45)
  • เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
  • แบตเตอรี่ : 4900mAh
    • รองรับชาร์จไว 45W
    • รองรับชาร์จไร้สาย 15W
  • เครือข่าย : 5G
  • การเชื่อมต่อ :
    • Wi-Fi 802.11a/n/g/n/ac/ax/be
    • Bluetooth 5.3
    • NFC
    • USB-C 3.2 Gen 1
    • UWB
    • รองรับ DeX mode
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ) / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
  • ความทนทาน : IP68, วัสดุ Armor Aluminum 2 
  • ระบบปฏิบัติการ : One UI 6.1 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด : 75.9 x 158.5 x 7.7 มม.
  • น้ำหนัก : 196 กรัม

Samsung Galaxy และ Galaxy S24+ แตกต่างกันตรงไหน

Galaxy S24 และ Galaxy S24+ แตกต่างกันที่ขนาดหน้าจอ 6.2 และ 6.7 นิ้วตามลำดับ และในรุ่น Galaxy S24+ จะได้ความละเอียดสูงกว่าเป็น QHD+ พร้อมขยับ RAM ขึ้นมาเป็น 12GB เท่ากับ Galaxy S24 Ultra ตัวท็อป รวมถึงมีแบตเตอรี่ที่ความจุสูงกว่าตามขนาดของตัวเครื่องที่ใหญ่กว่า

จากความรู้สึกส่วนตัว ชอบฟีลลิงในการจับถือ Galaxy S24 ตัวเล็กมากกว่า เพราะบอดีมีขนาดกะทัดรัด ใช้งานมือเดียวได้ถนัดถนี่ แต่ก็แอบรักพี่เสียดายน้อง เพราะเวลาดูคอนเทนต์ ดูหนัง ดูซีรีส์ ต้องยอมรับว่า Galaxy S24+ มันเต็มตากว่าจริง ๆ ซึ่งก็แอบเลือกยากอยู่เหมือนกัน 🤔