Samsung เปิดตัว Galaxy S24 series ทั้ง 3 รุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว มาครบทั้ง Galaxy S24, Galaxy S24+ และ Galaxy S24 Ultra ทาง DroidSasns จึงทำสรุปเปรียบเทียมข้อมูลให้ดูว่า Galaxy S24 series ทั้ง 3 รุ่น เปลี่ยนแปลงไปจาก Galaxy S23, Galaxy S23+ และ Galaxy S23 Ultra อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ หรืออัปเกรดเป็นรุ่นใหม่จากปีก่อน
เทียบสเปค Samsung Galaxy S24 และ Galaxy S23
Galaxy S24 | Galaxy S23 | ||
จอภาพ | ประเภท | Dynamic AMOLED X2 ความสว่างสูงสุด 2600 นิต | Dynamic AMOLED X2 ความสว่างสูงสุด 1750 นิต |
ขนาด | 6.2 นิ้ว | 6.1 นิ้ว | |
ความละเอียด | FHD+ (1080 x 2340 พิกเซล) | FHD+ (1080 x 2340 พิกเซล) | |
อัตรารีเฟรช | 1 – 120Hz | 1 – 120Hz | |
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Exynos 2400 | Snapdragon 8 Gen 2 |
หน่วยความจำ | LPDDR5x 8GB | LPDDR5x 8GB | |
สตอเรจ | UFS 4.0 256GB / 512GB | UFS 4.0 256GB / 512GB | |
ระบบปฏิบัติการ | One UI 6.1 บนพื้นฐาน Android 14 | One UI 5.1 บนพื้นฐาน Android 13 | |
กล้อง | กล้องหลัก | 50MP (𝑓/1.8) ระบบกันสั่น OIS | 50MP (𝑓/1.8) ระบบกันสั่น OIS |
กล้องอัลตราไวด์ | 12MP (𝑓/2.2) มุมกว้าง 120 องศา | 12MP (𝑓/2.2) มุมกว้าง 120 องศา | |
กล้องเทเลโฟโต (1) | 10MP (𝑓/2.4) ซูมออปติคัล 3 เท่า ระบบกันสั่น OIS Space Zoom สูงสุด 30 เท่า | 10MP (𝑓/2.4) ซูมออปติคัล 3 เท่า ระบบกันสั่น OIS Space Zoom สูงสุด 30 เท่า | |
กล้องหน้า | 12MP (𝑓/2.2) | 12MP (𝑓/2.2) | |
เสียง | ลำโพง | สเตอรีโอ | สเตอรีโอ |
เครือข่าย | เทคโนโลยี | 5G | 5G |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi | 802.11a/b/g/n/ac/ax/be | 802.11a/b/g/n/ac/ax |
Bluetooth | 5.3 | 5.3 | |
พอร์ต | USB-C 3.2 รองรับ DeX mode | USB-C 3.2 รองรับ DeX mode | |
แบตเตอรี่ | ความจุ | 4000nAh | 3900mAh |
การชาร์จ | ชาร์จไว 25W ชาร์จไร้สาย 15W | ชาร์จไว 25W ชาร์จไร้สาย 15W | |
ตัวเครื่อง | วัสดุ | Armor Aluminum 2 | Armor Aluminum |
มาตรฐานทนน้ำ | IP68 | IP68 | |
ขนาด | 147 x 70.6 x 7.6 มม. | 146.3 x 70.9 x 7.6 มม. | |
น้ำหนัก | 167 กรัม | 168 กรัม |
Galaxy S24 ภาพรวมยังคล้ายเดิม จุดที่มีการอัปเกรดจาก Galaxy S23 ของปีก่อน คือ ชิปเซตใหม่ Exynos 2400 ตัวล่าสุด แรงขึ้นทั้งซีพียู จีพียู เอนพียู และระบบระบายความร้อน Vapor Chamber มีขนาดใหญ่ขึ้น 1.5 เท่า
ความสว่างสูงสุดของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นเป็น 2600 นิต สว่างกว่าเดิมมาก รองรับการแสดงผล Ultra HDR และขอบหน้าจอบางลงเล็กน้อย ทำให้ได้พื้นที่หน้าจอขยายใหญ่ขึ้นในขนาดบอดีเกือบจะเท่าเดิม และแบตเตอรี่มีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 4000mAh แต่ Samsung สามารถรีดน้ำหนักให้เบาลงกว่าเดิมได้อีก 1 กรัม อาจเป็นผลมาจากการออกแบบโครงสร้างภายในหรือชิ้นส่วนบางชิ้นใหม่ หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน
เทียบสเปค Samsung Galaxy S24+ และ Galaxy S23+
Galaxy S24+ | Galaxy S23+ | ||
จอภาพ | ประเภท | Dynamic AMOLED X2 ความสว่างสูงสุด 2600 นิต | Dynamic AMOLED X2 ความสว่างสูงสุด 1750 นิต |
ขนาด | 6.7 นิ้ว | 6.6 นิ้ว | |
ความละเอียด | QHD+ (1440 x 3088 พิกเซล) | FHD+ (1080 x 2340 พิกเซล) | |
อัตรารีเฟรช | 1 – 120Hz | 1 – 120Hz | |
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Exynos 2400 | Snapdragon 8 Gen 2 |
หน่วยความจำ | LPDDR5x 12GB | LPDDR5x 8GB | |
สตอเรจ | UFS 4.0 256GB / 512GB | UFS 4.0 256GB / 512GB | |
ระบบปฏิบัติการ | One UI 6.1 บนพื้นฐาน Android 14 | One UI 5.1 บนพื้นฐาน Android 13 | |
กล้อง | กล้องหลัก | 50MP (𝑓/1.8) ระบบกันสั่น OIS | 50MP (𝑓/1.8) ระบบกันสั่น OIS |
กล้องอัลตราไวด์ | 12MP (𝑓/2.2) มุมกว้าง 120 องศา | 12MP (𝑓/2.2) มุมกว้าง 120 องศา | |
กล้องเทเลโฟโต (1) | 10MP (𝑓/2.4) ซูมออปติคัล 3 เท่า ระบบกันสั่น OIS Space Zoom สูงสุด 30 เท่า | 10MP (𝑓/2.4) ซูมออปติคัล 3 เท่า ระบบกันสั่น OIS Space Zoom สูงสุด 30 เท่า | |
กล้องหน้า | 12MP (𝑓/2.2) | 12MP (𝑓/2.2) | |
เสียง | ลำโพง | สเตอรีโอ | สเตอรีโอ |
เครือข่าย | เทคโนโลยี | 5G | 5G |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi | 802.11a/b/g/n/ac/ax/be | 802.11a/b/g/n/ac/ax |
Bluetooth | 5.3 | 5.3 | |
พอร์ต | USB-C 3.2 รองรับ DeX mode | USB-C 3.2 รองรับ DeX mode | |
แบตเตอรี่ | ความจุ | 4900mAh | 4700mAh |
การชาร์จ | ชาร์จไว 45W ชาร์จไร้สาย 15W | ชาร์จไว 45W ชาร์จไร้สาย 15W | |
ตัวเครื่อง | วัสดุ | Armor Aluminum 2 | Armor Aluminum |
มาตรฐานทนน้ำ | IP68 | IP68 | |
ขนาด | 158.5 x 75.9 x 7.7 มม. | 157.8 x 76.2 x 7.6 มม. | |
น้ำหนัก | 196 กรัม | 196 กรัม |
ความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ จุด ของ Galaxy S24+ เมื่อเทียบกับ Galaxy S23+ จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับ Galaxy S24 เป็นส่วนใหญ่ เช่น หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้น เปลี่ยนชิปเซตใหม่ ความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น เป็นต้น แต่ยังมีจุดอื่น ๆ ที่เพิ่มเติมมาอีก คือ หน้าจอมีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น QHD+ เท่ากับตระกูล Ultra แล้ว พร้อมกับขยับขนาด RAM ขึ้นเป็น 12GB เท่ากับรุ่น Ultra เช่นกัน ทำให้รอบนี้ Galaxy S24+ ขยับเข้าไปใกล้ขึ้น Galaxy S24 Ultra มากกว่าที่เคย และในขณะเดียวกันก็ทิ่งห่าง Galaxy S24 รุ่นเริ่มต้นออกไป
เทียบสเปค Samsung Galaxy S24 Ultra และ Galaxy S23 Ultra
Galaxy S24 Ultra | Galaxy S23 Ultra | ||
จอภาพ | ประเภท | Dynamic AMOLED X2 ความสว่างสูงสุด 2600 นิต | Dynamic AMOLED X2 ความสว่างสูงสุด 1750 นิต |
ขนาด | 6.8 นิ้ว | 6.8 นิ้ว | |
ความละเอียด | QHD+ (1440 x 3088 พิกเซล) | QHD+ (1440 x 3088 พิกเซล) | |
อัตรารีเฟรช | 1 – 120Hz | 1 – 120Hz | |
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Snapdragon 8 Gen 3 | Snapdragon 8 Gen 2 |
หน่วยความจำ | LPDDR5x 12GB | LPDDR5x 8GB / 12GB | |
สตอเรจ | UFS 4.0 256GB / 512GB / 1TB | UFS 4.0 256GB / 512GB / 1TB | |
ระบบปฏิบัติการ | One UI 6.1 บนพื้นฐาน Android 14 | One UI 5.1 บนพื้นฐาน Android 13 | |
กล้อง | กล้องหลัก | 200MP (𝑓/1.7) ระบบกันสั่น OIS | 200MP (𝑓/1.7) ระบบกันสั่น OIS |
กล้องอัลตราไวด์ | 12MP (𝑓/2.2) มุมกว้าง 120 องศา | 12MP (𝑓/2.2) มุมกว้าง 120 องศา | |
กล้องเทเลโฟโต (1) | 10MP (𝑓/2.4) ซูมออปติคัล 3 เท่า ระบบกันสั่น OIS | 10MP (𝑓/2.4) ซูมออปติคัล 3 เท่า ระบบกันสั่น OIS | |
กล้องเทเลโฟโต (2) | 50MP (𝑓/3.4) ซูมออปติคัล 5 เท่า ระบบกันสั่น OIS Space Zoom สูงสุด 100 เท่า | 10MP (𝑓/4.9) ซูมออปติคัล 10 เท่า ระบบกันสั่น OIS Space Zoom สูงสุด 100 เท่า | |
กล้องหน้า | 12MP (𝑓/2.2) | 12MP (𝑓/2.2) | |
เสียง | ลำโพง | สเตอรีโอ | สเตอรีโอ |
เครือข่าย | เทคโนโลยี | 5G | 5G |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi | 802.11a/b/g/n/ac/ax/be | 802.11a/b/g/n/ac/ax |
Bluetooth | 5.3 | 5.3 | |
พอร์ต | USB-C 3.2 รองรับ DeX mode | USB-C 3.2 รองรับ DeX mode | |
แบตเตอรี่ | ความจุ | 5000mAh | 5000mAh |
การชาร์จ | ชาร์จไว 45W ชาร์จไร้สาย 15W | ชาร์จไว 45W ชาร์จไร้สาย 15W | |
ตัวเครื่อง | วัสดุ | ไทเทเนียม | Armor Aluminum |
มาตรฐานทนน้ำ | IP68 | IP68 | |
ขนาด | 162.3 x 79 x 8.6 มม. | 163.4 x 78.1 x 8.9 มม. | |
น้ำหนัก | 232 กรัม | 234 กรัม |
Galaxy S24 Ultra เป็นเพียงรุ่นเดียวจากสามรุ่นในกลุ่ม Galaxy S24 series ที่ได้ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 3 จากค่าย Qualcomm และถือเป็นรุ่นที่มีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับ Galaxy S23 Ultra
ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุดที่สังเกตได้ทันทีจากภายนอก คือ การละทิ้งจอโค้ง เปลี่ยนมาเป็นจอแบน ตามเสียงเรียกร้องจากแฟน ๆ ที่มีมานานหลายปี พร้อมอัปเกรดวัสดุเฟรมเครื่องจาก Armor Aluminum มาเป็นไทเทีนยม ซึ่งมีอัตราส่วนความแข็งแกร่งต่อน้ำหนักที่ดีกว่า โดยจะเห็นได้ว่า Galaxy S24 Ultra มีน้ำหนักที่เบาลงกว่ารุ่นที่แล้วอยู่ 2 กรัม
หน้าจอของ Galaxy S24 Ultra ยังมีขนาด 6.8 นิ้วเท่าเดิม แต่ตัวเครื่องสั้นลงเล็กน้อย เพราะขอบหน้าจอบางลง โดยเฉพาะขอบหน้าจอด้านล่างที่บางลงจนทำให้ขอบทั้งสี่ด้านดูสมมาตรกันแล้ว และเพิ่มความสว่างสูงสุดขึ้นเป็น 2600 นิต รวมถึงรองรับการแสดงผล Ultra HDR เช่นเดียวกับ Galaxy S24 และ Galaxy S24+ และได้กระจกหน้าจอแบบใหม่ Corning Gorilla Armor ที่ลดแสงสะท้อนได้ 75% ซึ่งถูกนำมาใช้งานเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้
รอบนี้ Galaxy S24 Ultra ไม่มี RAM ขนาด 8GB ในตัวเลือกแล้ว โมเดลเริ่มต้นสตาร์ตที่ 12GB เลย ส่วนสตอเรจสูงสุดที่ 1TB เท่าเดิม
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงสำคัญใน Galaxy S24 Ultra คือ การปรับสูตรกล้องหลังใหม่ โดยกล้อง 3 ตัวแรก กล้องหลัก กล้องอัลตราไวด์ และกล้องเทเลโฟโตระยะ 3x ยังเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไป คือ กล้องเทเลโฟโต periscope ระยะ 10x ถูกตัดออก แล้วแทนที่ด้วยกล้องเทเลโฟโต periscope ตัวใหม่ อัปเกรดความละเอียดขึ้นเป็น 50MP เซนเซอร์มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมเพิ่มชิ้นเลนส์พิเศษที่มีลักษณะเป็นวงกลมที่ด้านหน้าโมดูล เพิ่มให้โบเกที่ได้จากฮาร์ดแวร์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น (ของเดิมเป็นสี่เหลี่ยม)
Samsung อธิบายว่า การปรับสูตรกล้องใหม่จะช่วยให้ Galaxy S24 Ultra มี “ช่วงซูมคุณภาพสูง” ที่ครอบคลุมกว่าเดิม จาก 3x และ 10x ใน Galaxy S23 Ultra รอบนี้เป็นเพิ่ม 2x, 3x, 5x และ 10x ซึ่งการซูมที่ระยะ 2x และ 10x ใน Galaxy S24 Ultra จะเป็นการซูมแบบ in-sensor และมี AI เข้ามาช่วยประมวลผล โดย Samsung เคลมว่า ให้คุณภาพเทียบเท่ากับการซูมแบบออปติค้ลจากเลนส์โดยตรง นอกจากนี้ Galaxy S24 Ultra ก็ยังมีระยะ Space Zoom สูงสุดที่ 100x เท่าเดิม ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
มั่นใจทุกการใช้งาน ด้วยฟิล์มกระจกเต็มจอ และเลนส์กล้องจากโฟกัส
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ Galaxy S24 Ultra จะอัปเกรดวัสดุเฟรมเครื่องมาเป็นไทเทเนียม ที่มีความโดดเด่นในแง่อัตราส่วนความแข็งแกร่งต่อน้ำหนัก ทนทานต่อการตกและการกระแทกได้ดี แต่ในส่วนของหน้าจอที่เป็นกระจกนั้นยังมีความเสี่ยงที่จะแตกร้าว หรือเกิดรอยขีดข่วนได้อยู่ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะค่าใช้จ่ายในการซ่อมก็ไม่ถูก ดังนั้นการติดฟิล์มกระจกปกป้องหน้าจอไว้อีกชั้นอาจเป็นแนวทางที่ปลอดภัยและอุ่นใจกว่า
ฟิล์มกระจกเต็มจอ ลงโค้ง UV รุ่น Focus 3D UV Nano Glass
ซึ่งทาง Focus ก็มีกระจกกันรอยสำหรับ Galaxy S24 Ultra พร้อมวางจำหน่ายแล้ว คือ ฟิล์มกระจกเต็มจอ ลงโค้ง UV รุ่น Focus 3D UV Nano Glass ตัวท็อป เป็นกระจกใสเต็มแผ่น ไม่มีขอบสีมารบกวนสายตา เนื้อกระจกมีความใส ให้ภาพคมชัดระดับ HD รองรับการสแกนนิ้ว ใช้งาน S-Pen ได้เต็มระบบ และออกแบบโดยยึดหลัก case-friendly ใช้งานกับเคสได้หลากหลาย ไม่ต้องกลัวขอบเด้ง
ทาง Focus ยังเคลมว่า Focus 3D UV Nano Glass ใช้กาว UV คุณภาพสูงพิเศษ ติดแล้วเรียบสนิท ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อจอ และลอกง่าย ไม่ทิ้งคราบกาว โดยฟิล์มกระจกรุ่นนี้มีราคาอยู่ที่ 1,590 บาท พร้อมรับประกัน 180 วัน เคลมเปลี่ยนใหม่ได้ทุกกรณี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ฟิล์มกระจกเต็มจอ แบบใส ชนิดบางพิเศษ รุ่น Focus Full Frame Ultra Slim
หรือในราคาที่ย่อมเยาลงมา ก็จะมีฟิล์มกระจกเต็มจอ แบบใส ชนิดบางพิเศษ รุ่น Focus Full Frame Ultra Slim เป็นอีกทางเลือก ซึ่งรุ่นนี้จะติดตั้งง่ายกว่า เพราะไม่ต้องใช้กาว UV และยังคงสแกนนิ้วได้ง่ายจากเนื้อกระจกที่มีความบางเป็นพิเศษ แต่แข็งแรงทนทานระดับ 9H ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ค่าตัวอยู่ที่ 490 บาท พร้อมแถมฟิล์มหลังเครื่องฟรี สำหรับ Galaxy S24 series ทุกรุ่น
ฟิล์มกระจกเลนส์กล้อง แบบใส รุ่น Focus Perfect Clear Ring
ด้วยลักษณะขอบเลนส์ที่ยื่นออกมาจากตัวเครื่องของ Galaxy S24 Ultra ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะไปกระแทกกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย แต่ผู้ใช้งานก็สามารถปกป้องเลนส์กล้องได้ด้วยการติดฟิล์มกระจกเลนส์กล้อง แบบใส รุ่น Focus Perfect Clear Ring เนื้อกระจก 9H ให้ภาพสวยใส สีไม่เพี้ยน ในราคาเริ่มต้น 490 บาท สำหรับ Galaxy S24 series ทุกรุ่น
ฟิล์มกระจก Focus ทุกรุ่น สามารถสั่งซื้อได้ที่หน้าร้าน Focus Store หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ผ่าน www.focusshield.com
สรุปเปรียบเทียบ Galaxy S24 series และ Galaxy S23 series เปลี่ยน หรือไม่เปลี่ยน
- Galaxy S24 – ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก หากในมือยังถือ Galaxy S23 อยู่ แล้วสภาพเครื่องยังดูดี แบตไม่ได้เสื่อม ก็ดูจะไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเปลี่ยน นอกเสียจากว่า ชอบสีตัวเครื่องใหม่ หรือดีไซน์ใหม่ที่ขอบหน้าจอบางลง และดูเหลี่ยมขึ้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
- Galaxy S24+ – ได้หน้าจอที่คมชัดขึ้นเป็น QHD+ ซึ่งถือว่าน่าสนใจ เพราะต่อให้เลือกที่จะไม่ใช้ที่ความละเอียดระดับนี้ แล้วดาวน์สเกลลงมาเป็น FHD+ เพื่อประหยัดแบต แต่การแสดงผลที่ได้ก็จะคมชัดกว่าหน้าจอ sAMOLED ที่ความละเอียด FHD+ แบบเนทีฟอยู่ดี และการที่ได้ RAM เพิ่มมาเป็น 12GB ก็ยังส่งผลต่อการรันโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สำหรับฟีเจอร์ด้าน AI จากในเครื่องโดยตรงด้วย
- Galaxy S24 Ultra – ชุดกล้องหลัง 3 ตัวแรกยังเหมือนเดิม แต่ถ่ายภาพได้ดีขึ้นด้วยพลังของ AI ตามคำเคลมของ Samsung และมีกล้องเทเลโฟโตระยะ 5x ตัวใหม่ที่ใช้เซนเซอร์ใหญ่กว่าเดิม รูรับแสงกว้างขึ้น พร้อมออกแบบชิ้นเลนส์ใหม่ หากถ่ายภาพระยะซูมไกลบ่อย ๆ ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ รวมถึงผู้ที่ใช้งาน S Pen ขีดเขียนหน้าจอเป็นประจำ ก็น่าจะถูกใจกับการเลิกใช้จอโค้งเช่นกัน แต่อาจต้องชั่งน้ำหนักกับราคาที่แพงขึ้นมา 3,000 บาท เมื่อเทียบตามความจุจาก Galaxy S23 Ultra
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากเรื่องที่กล่าวมา ยังมีอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่อาจมีผลต่อการพิจารณาเลือกซื้อหรือเลือกเปลี่ยน คือ Galaxy S24, Galaxy S24+ และ Galaxy S24 Ultra เป็นมือถือกลุ่มแรกของ Samsung ที่มีการการันตีอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี (7 + 7 ปี) นานกว่า iPhone และเทียบเท่า Pixel เพิ่มขึ้นจาก Galaxy S23 series ที่อัปเดตได้นานสุด 5 ปี (4 + 5 ปี) เท่ากับว่า Galaxy S24 Ultra จะอัปเดตได้ถึง One UI 13.0 บนพื้นฐาน Android 21 เลย นานจนจินตนาการไม่ออกว่าถึงตอนนั้นแล้ว UI ของระบบจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร 🤔 ถ้าไม่ใช่คนที่เปลี่ยนมือถือบ่อย ๆ ก็ดูจะคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย ซื้อทีเดียวใช้งานได้ยาว ๆ ไปเลย
Comment