ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S25 และ Galaxy S25+ อย่างเป็นทางการในวันนี้ ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy ที่ Qualcomm ออกแบบมาให้โดยเฉพาะ ซีพียูและจีพียูแรงขึ้น 45% และ 48% ตามลำดับ เช่นเดียวกับเอ็นพียูที่ทรงพลังกว่าเดิม 68% และการขยับแรมเป็น 12GB เป็นกุญแจปลดล็อกให้ชุดฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ Galaxy AI ฉลาดล้ำและโต้ตอบได้เป็นธรรมชาติกว่าที่เคย

ดีไซน์เดิม เครื่องเล็กลง บางลง

Galaxy S25 และ Galaxy S25+ มาในขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ทั้งคู่ใช้ดีไซน์ร่วมกัน รอบนี้น้ำหนักและความหนาตัวเครื่องลดลงจากรุ่นเดิมไปพอสมควร ในขณะที่ความจุแบตเตอรี่ยังเท่าเดิม และคุณสมบัติทนน้ำทนฝุ่นไม่ได้ถูกตัดออก

ข้อแตกต่างเล็ก ๆ คือ Galaxy S25+ จะมีเทคโนโลยีการประมวลผลภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์แบบใหม่ ทำหน้าที่อัปสเกลภาพโดยอัตโนมัติ เรียกว่า ProScaler

กล้องคมชัดขึ้นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

ชุดกล้องหลัง 3 ตัว Galaxy S25 และ Galaxy S25+ ประกอบด้วยกล้อง 50 + 12 + 10MP ระยะซูมออปติคัล 3 เท่า และซูมดิจิทัลได้ไกลสุด 30 เท่า

แม้กล้องทั้งหมดจะมีความละเอียดจะเท่าเดิม แต่ซัมซุงเคลมว่าประสิทธิภาพได้รับการปรับปรุงทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ จากการอัปเกรดเอนจิน ProVisual Engine ควบคู่ไปกับ Object-aware Engine ส่งผลให้ภาพถ่ายมีความคมชัด และถ่ายทอดสีผิวได้เที่ยงตรงกับที่ตาเห็น

ฟีเจอร์ใหม่อย่างอื่นในหมวดกล้องคือ Filters ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งแสง สี ความสว่าง บนภาพถ่าย ให้ออกมาดูคล้ายภาพที่ถูกถ่ายโดยกล้องฟิล์มได้ และการฝัง Virtual Aperture มาในไฟล์ Expert RAW สำหรับปรับแต่งระยะชัดลึกของภาพในภายหลัง

ปรับแต่งวิดีโอได้ราวกับมือโปร

Galaxy S25 และ Galaxy S25+ เปิดใช้งานการถ่ายวิดีโอแบบ HDR ที่ 10-bit เป็นค่าเริ่มต้น เก็บสีได้ 1 พันล้านสี ขอบเขตกว้างกว่าเดิม 4 เท่า มีฟีเจอร์ใหม่ Audio Eraser สำหรับลดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการออกจากวิดีโอ สามารถลดเสียงแยกกันได้หลายอย่าง เช่น เสียงพูด เสียงดนตรี เสียงลม เสียงแวดล้อม เป็นต้น

นอกจากนี้ซัมซุงยังเพิ่มฟอร์แมต Galaxy Log เข้ามาเป็นครั้งแรก ตอบโจทย์นักสร้างคอนเทนต์ที่ต้องการนำวิดีโอไปเกรดสีแบบมืออาชีพ

รุ่นแรกที่ได้ One UI 7 อัปเดตนาน 7 ปี

Galaxy S25 และ Galaxy S25+ เป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อม One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15 รุ่นสมบูรณ์ อินเทอร์เฟซและความลื่นไหลของแอนิเมชันได้รับการยกเครื่องใหม่หมด และแน่นอนว่าอัปเดตยาวนาน 7 ปี 7 เวอร์ชันเช่นเคย

ฟีเจอร์เด่นของ One UI 7 คือ Now Bar และ Now Brief

กรณีของ Now Bar หลายคนคงได้เห็นกันไปแล้วในช่วงทดสอบเบตา เป็นกล่องแสดงกิจกรรมจากแอปที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์บนหน้าจอล็อก เช่น ล่ามแปลภาษา เครื่องเล่นเพลง เครื่องบันทึกเสียง นาฬิกาจับเวลา ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบ – ควบคุม การทำงานของแอปต่าง ๆ เหล่านี้แบบง่าย ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องปลดล็อกมือถือบ่อยเกินจำเป็น

ส่วน Now Brief เป็นฟีเจอร์ที่จะบรีฟฟข้อมูลประจำวันของเรา มาสรุปให้ดูในแต่ละช่วงเวลาของวัน เช่น นัดคุยงานกับลูกค้าไว้กี่โมง สภาพอากาศวันนี้เป็นอย่างไร มีฝนไหม จะได้เตรียมร่ม เมื่อนคืนนอนหลับสนิทดีหรือเปล่า (กรณีใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ติดตามสุขภาพ อย่างสมาร์ตวอตช์หรือสมาร์ตริง) อะไรแบบนี้เป็นต้น

คุยกับมือถือ เหมือนคุยกับเพื่อน

ตามที่เกริ่นไว้ตอนค้นว่า Galaxy AI ของ Galaxy S25 และ Galaxy S25+ มีความฉลาดมากขึ้น สามารถทำความเข้าใจและโต้ตอบกับภาษาที่เป็นธรรมชาติ และเข้าใจความหมายตามบริบทของแต่ละบุคคลผ่านการเรียนรู้ของเครื่อง (เข้าใจแม้กระทั่งว่าสัตว์เลี้ยงของเราชื่ออะไร)

ซัมซุงจึงนำความสามารถในส่วนนี้มาผสานรวมเป็นส่วนหนึ่งของแอป Gallery และ Setting ต่อไปนี้จะค้นหารูปภาพ หรือปรับเปลี่ยนการตั้งค่าอะไรก็ทำได้สะดวก ด้วยคำสั่งแบบง่าย ๆ เหมือนเวลาคุยกับเพื่อนในชีวิตจริง

สเปก Samsung Galaxy S25

  • จอภาพ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว
    • ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล)
    • อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
  • ชิปเซต Snapdragon 8 Elite
  • หน่วยความจำ 12GB
  • สตอเรจ 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.8), กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 12MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 120 องศา
    • กล้องเทเล 10MP (𝑓/2.4), กันสั่น OIS
    • ซูมในเซนเซอร์ 2 เท่า
    • ซูมออปติคัล 3 เท่า
    • ซูมดิจิทัล 30 เท่า
  • กล้องหน้า 12MP (𝑓/2.2)
  • เครือข่าย 5G
    • รองรับ eSIM
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
    • รองรับ Samsung DeX
  • แบตเตอรี่ 4000mAh
    • ชาร์จไว 25W
    • ชาร์จไร้สาย 15W
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15
  • ขนาด 146.9 x 70.5 x 7.2 มม.
  • น้ำหนัก 162 กรัม

สเปก Samsung Galaxy S25+

  • จอภาพ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด WQHD+ (3120 x 1440 พิกเซล)
    • อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
  • ชิปเซต Snapdragon 8 Elite
  • หน่วยความจำ 12GB
  • สตอเรจ 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.8), กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 12MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 120 องศา
    • กล้องเทเล 10MP (𝑓/2.4), กันสั่น OIS
    • ซูมในเซนเซอร์ 2 เท่า
    • ซูมออปติคัล 3 เท่า
    • ซูมดิจิทัล 30 เท่า
  • กล้องหน้า 12MP (𝑓/2.2)
  • เครือข่าย 5G
    • รองรับ eSIM
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
    • UWB
    • รองรับ Samsung DeX
  • แบตเตอรี่ 4900mAh
    • ชาร์จไว 45W
    • ชาร์จไร้สาย 15W
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15
  • ขนาด 158.4 x 75.8 x 7.3 มม.
  • น้ำหนัก 190 กรัม

ราคา การจำหน่าย และโปรโมชัน

Galaxy S25 และ Galaxy S25+ มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี โดยที่ 4 สีหลักจะมีวางจำหน่ายตามร้านทั่วไป และอีก 4 สีพิเศษที่สงวนไว้เฉพาะการสั่งซื้อผ่าน samsung.com เท่านั้น

สีตัวเครื่อง Galaxy S25 และ Galaxy S25+

  • Navy
  • Icyblue
  • Silver Shadow
  • Mint
  • Blueblack (สีพิเศษ)
  • Coralred (สีพิเศษ)
  • Pinkgold (สีพิเศษ)

ราคา Galaxy S25

  • รุ่นแรม 12GB + 256GB – ราคา 29,900 บาท
  • รุ่นแรม 12GB + 512GB – ราคา 34,900 บาท

ราคา Galaxy S25+

  • รุ่นแรม 12GB + 256GB – ราคา 36,900 บาท
  • รุ่นแรม 12GB + 512GB – ราคา 41,900 บาท

ซัมซุงเปิดให้สั่งซื้อ Galaxy S25 และ Galaxy S25+ ล่วงหน้าได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม ถึง 6 กุมภาพันธ์ 2025 พร้อมรับส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย ผ่าน Samsung Experience Store และร้านค้าตัวแทนที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ซัมซุง