เริ่มต้นปีใหม่ แปลว่าได้เวลาที่ Samsung จะได้นำเอาสมาร์ทโฟนเรือธงของตัวเองออกสู่ตลาดโลก (รวมถึงไทย) กันแล้ว อย่าง Samsung Galaxy S25 Series และแม้ว่ากระแสในประเทศไทยจะให้ความสนใจรุ่นพี่ตัวท็อปสุดอย่าง S25 Ultra แต่รุ่นน้องของตระกูลอย่าง Galaxy S25 และ S25+ เองก็มีจุดที่น่าสนใจไม่แพ้รุ่นพี่เลย เรามาหาคำตอบถึงความน่าสนใจของเรือธงรุ่นน้องทั้ง 2 รุ่นนี้กัน
สเปกของ Samsung Galaxy S25
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว
- ชิปเซต : Snapdragon 8 Elite for Galaxy
- RAM LPDDR5x: 12GB
- ROM UFS 4.0: 256GB / 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลัก 50MP (f/1.8) ระบบกันสั่น OIS
- กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (f/2.2) มุมกว้าง 123 องศา
- กล้องเทเลโฟโต้ 10MP (f/2.4) ระบบกันสั่น OIS ซูม Optical 3x
- กล้องหน้า : 12MP (f/2.2)
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- รองรับ Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ : 4000mAh
- รองรับชาร์จไว 25W
- รองรับชาร์จไร้สาย 15W
- เครือข่าย : 5G
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 802.11a/n/g/n/ac/ax/be (WIFi 7)
- Bluetooth 5.4
- NFC
- USB-C 3.2
- รองรับ DeX mode
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ) / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
- ความทนทาน : IP68, วัสดุอะลูมิเนียม
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด : 146.9 x 70.5 x 7.2 mm
- น้ำหนัก : 164 กรัม
สเปกของ Samsung Galaxy S25+
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว
- ชิปเซต : Snapdragon 8 Elite for Galaxy
- RAM LPDDR5x: 12GB
- ROM UFS 4.0: 256GB / 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลัก 50MP (f/1.8) ระบบกันสั่น OIS
- กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (f/2.2) มุมกว้าง 123 องศา
- กล้องเทเลโฟโต้ 10MP (f/2.4) ระบบกันสั่น OIS ซูม Optical 3x
- กล้องหน้า : 12MP (f/2.2)
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- รองรับ Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ : 4900mAh
- รองรับชาร์จไว 45W
- รองรับชาร์จไร้สาย 15W
- เครือข่าย : 5G
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 802.11a/n/g/n/ac/ax/be (WIFi 7)
- Bluetooth 5.4
- NFC
- USB-C 3.2
- รองรับ DeX mode
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ) / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
- ความทนทาน : IP68, วัสดุอะลูมิเนียม
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด : 158.4 x 75.8 x 7.3 mm
- น้ำหนัก : 190 กรัม
ดีไซน์
ว่าด้วยเรื่องของดีไซน์ของ Samsung Galaxy S25 และ S25+ แล้วนั้น ถ้าจะให้บอกว่ามีความ ‘เหมือนเดิม’ ก็คงจะไม่ได้ถูกต้อง 100% มากนัก แต่ก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว แต่เรียกว่าเป็นดีไซน์ที่มีการต่อยอด มีการปรับแต่งเพื่อให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นมากกว่า อย่างเช่นการออกแบบขอบข้างเครื่องให้มีสัมผัสที่ดี, การขัดฝาหลังเครื่องให้มีความด้าน เพื่อให้การจับถือโดยรวมทำได้สบายมากขึ้น ในขณะที่ทำขนาดของตัวเครื่องให้มีความคล้ายของเดิมอยู่





ดีไซน์รอบตัวเครื่องของ Galaxy S25
แต่สิ่งที่ทำได้น่าสนใจมากขึ้นก็คือการลดน้ำหนักของตัวเครื่องให้มีความเบาลงทั้ง 2 รุ่นเลย อย่าง Galaxy S25 จะเหลือหนักที่ 164 กรัม (ลดไป 4 กรัม) ส่วน Galaxy S25+ จะหนักที่ 190 กรัม (ลดลงไป 6 กรัม) จากที่เคยได้พรีวิวลองจับเครื่องจริงของทั้ง 2 เครื่องมา สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้เมื่อเทียบกับการที่ได้ลองเล่น Samsung Galaxy S24+ มา ก็คือทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่ได้มีความแตกต่างถึงขั้นเป็นนัยยะสำคัญมากนักในด้านดีไซน์ (ไม่เหมือนกับตอนที่ Galaxy S23 ขยับมาเป็น S24 ที่ได้มีการออกแบบดีไซน์รอบ ๆ เครื่องใหม่)






ดีไซน์รอบตัวเครื่องของ Galaxy S25+
แต่ด้วยเรื่องของน้ำหนักที่เบาลง เลยทำให้การจับถือ และถือเล่นในระยะยาวนั้น ทำได้ดีขึ้น คือสบายข้อมือมากขึ้น ไม่ได้แบกหนัก ๆ เหมือนกับรุ่น Ultra หรือรุ่น Pro อื่น ๆ ที่เคยได้สัมผัสมา โดยเฉพาะกับใน Galaxy S25 ธรรมดา ที่น้ำหนักของเครื่องนั้นเหลือแค่ 190 กรัมเท่านั้น ขนาดที่กระทัดรัดมาก ๆ เลยเหมาะกับคนที่ต้องการใช้สมาร์ทโฟนที่น้ำหนักเบา พกพาง่าย ๆ ไม่น้อยเลย แถมมอเตอร์สั่นก็สั่นแรง แต่แรงแบบผู้ดี เพราะใช้มอเตอร์สั่น Linear ให้พิมพ์ได้สนุกด้วยเหมือนกัน


ถ้าว่าถึงดีไซน์หลัก ๆ โดยภาพรวมแล้ว จุดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปได้มากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องของกรอบกล้องถ่ายภาพ ที่มีการใช้ดีไซน์แบบวงแหวนเหล็กครอบทับลงไปบนกล้องถ่ายรูปเหมือนกับบน Galaxy S25 Ultra ซึ่งมีการพูดถึงเป็นวงกว้างว่า JerryRigEverything ได้ลองแงะกรอบกล้องแล้วสามารถเอาออกมาได้ด้วย และกรอบกล้องนี้มีการยกสูงขึ้นมาจากเฟรมหลักของตัวเครื่อง ซึ่งการที่กรอบกล้องจะหลุดมาเองนั้น ถือว่าทำได้ยาก แต่การที่กรอบกล้องยกสูงขึ้นมานั้น จะทำให้มีฝุ่นเข้าไปติดในช่อวงว่างได้ แบบไม่มากก็น้อย และอาจจะทำให้การทำความสะอาดในส่วนนี้ทำได้ค่อนข้างยากไปด้วย


ในส่วนของฝาหลังของ Samsung Galaxy S25 และ S25+ นั้นมีความเหมือนกัน คือเน้นเรื่องของสีที่มีความเรียบหรู เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อย่างสี Silver Shadow, Mint, IcyBlue, Navy ซึ่งเป็นสีเงิน, สีมินต์, สีฟ้าอ่อน ๆ และสีน้ำเงินเข้มแบบขัดด้าน ในขณะที่ ยังได้มีสีโทนสดใสเพิ่มเข้ามาใน S25 และ S25+ ในสีพิเศษที่สั่งได้เฉพาะผ่านเว็บไซต์ samsung.com ด้วย โดยจะมีสี Blueblack, Coralred และ Pinkgold ให้เลือกกัน จริง ๆ เป็นโทนที่สดใสกว่า S25 Ultra รุ่นพี่ไม่น้อยเลยทีเดียว ยังแอบอยากให้เพิ่มสีสดใสแบบนี้เข้าไปในรุ่น Ultra บ้างเลย






หน้าจอ
ว่าด้วยเรื่องของหน้าจอของ Samsung Galaxy S25 และ Galaxy S25+ แล้วนั้น คือพาร์ทที่เราไม่ต้องเป็นห่วงเลยก็ว่าได้ครับ เพราะว่า Samsung Display ของซัมซุงเอง ได้ความสามารถในการแสดงผลภาพ และสีที่ดีมาก ๆ อยู่แล้ว โดย Samsung Galaxy S25 ให้หน้าจอมาที่ขนาด 6.2 นิ้ว (Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล, รีเฟรชเรต 120Hz) ส่วน Galaxy S25+ ได้ให้หน้าจอมาที่ขนาด 6.7 นิ้ว (Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด 3120 x 1440 พิกเซล, รีเฟรชเรต 120Hz) ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วเป็นสเปคที่เหมือนกับในรุ่นที่แล้ว โดยรุ่น + ยังคงให้ความละเอียดที่มากกว่ารุ่นธรรมดาอยู่บ้าง


ว่าด้วยเรื่องของคุณภาพของภาพนั้น ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ คือสามารถมองดูหน้าจอของทั้ง 2 เครื่องได้แบบสวยงามมาก ๆ จะใช้งานทั่วไป เล่นโซเชียล เล่นเกม หรือถ่ายรูปแล้วดูภาพ ก็ทำได้ดีมาก ๆ เหมือนเดิม ส่วนเรื่องของความละเอียดของหน้าจอที่ต่างกัน พอขนาดของจอแตกต่างกัน เลยทำให้ S25 ที่ความละเอียดของหน้าจอน้อยกว่า ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างเรื่องความคมชัดของหน้าจอมากนัก กลับกัน ด้วยความละเอียดที่น้อยกว่า จะทำให้แบตเตอรี่ของเครื่องอยู่ได้นานกว่าด้วย ที่แอบเสียดายและอยากให้เพิ่มเข้ามาใน Samsung Galaxy S26 รุ่นต่อ ๆ ไป อยากให้ได้เพิ่ม PWM Dimming ซึ่งเป็นการกะพริบของหน้าจอที่เร็วจนไม่สามารถมองเห็นได้เอง ซึ่งช่วยให้ตาเราล้าน้อยลงได้ และทำให้มองหน้าจอได้นานขึ้นด้วย
ส่วนรอบ ๆ ข้างของจอ ด้านบนตรงกลางได้มีการเจาะช่องสำหรับใส่กล้องหน้าเอาไว้ โดยมีขนาดของกล้องหน้าที่เท่ากัน ส่วนเรื่องความปลอดภัย ก็ได้ให้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic คือใช้คลื่นเสียงในการสแกนลายนิ้วมือได้เหมือนกันกับใน Galaxy S25 Ultra ด้วย ทำให้ความรู้สึกในการใช้งานหน้าจอของ Samsung Galaxy S25 และ S25+ นั้นคือสมาร์ทโฟนเรือธงอย่างแน่นอน

กล้องถ่ายภาพ
ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากนัก ว่าด้วยเรื่องของกล้องถ่ายภาพกันบ้าง ต้องบอกให้เข้าใจพร้อมกันก่อนเลยว่า กล้องถ่ายภาพของทั้ง Samsung Galaxy S25 และ S25+ นั้น มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพที่เหมือนกัน คือกล้องถ่ายภาพหลัก, กล้องถ่ายภาพมุมกว้างมาก และกล้องถ่ายภาพซูม 3 เท่า ซึ่งใช้เซนเซอร์เดิม ประกอบไปด้วย
- กล้องถ่ายภาพหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (f/1.8) เซนเซอร์ Samsung ISOCELL GN3
- กล้องถ่ายภาพมุมกว้างมาก ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (f/1.8) เซนเซอร์ Sony IMX564
- กล้องถ่ายภาพซูม ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล (f/2.4) เซนเซอร์ Samsung ISOCELL S5K3K1
- กล้องหน้า ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (f/2.2) เซนเซอร์ Samsung ISOCELL S5K3LU
ซึ่งแม้ว่า Galaxy S25 และ S25+ จะมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพเซนเซอร์เดิม แต่ส่วนสำคัญอื่น ๆ เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปทั้งหมด ทั้งชิปเซต และซอฟต์แวร์ ซึ่งมีผลในด้านการประมวลผลภาพอย่างภาพเลยทีเดียว แถมการที่ Samsung เลือกใช้เซนเซอร์เดิม ช่วยให้ Samsung สามารถจูนซอฟต์แวร์ให้สามารถถ่ายภาพได้ดีขึ้นจากในรุ่นที่แล้วไม่น้อยเลย เร่ิมจากการถ่ายภาพโดยทั่วไปก่อน ลองดูจากภาพด้านล่างได้เลย






ภาพถ่ายทั่วไปจาก Galaxy S25














ภาพถ่ายทั่วไปจาก Galaxy S25+
จากภาพถ่ายที่ได้มานั้น สามารถถ่ายภาพออกมาได้โทนสีที่ออกไปทางสมจริงเลยทีเดียว ภาพถ่ายไม่ได้ออกมาในโทนที่สดมาก หรือซีดมากนัก แต่ยังมีการปรับแต่งทั้งความคมชัดของภาพให้ไม่เกิดอาการ Sharpening มากจนเกินไป ในขณะที่ ก็ไม่ได้ทำให้ภาพออกมาดูเด่นจนเว่อเกินไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายภาพหลัก มุมกว้างมาก หรือซูม 3 เท่าก็ตาม แต่ด้วยความละเอียดของกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมาก และกล้องถ่ายภาพซูม เลยจะทำให้ภาพในบางสถานการณ์ หรือในสภาวะที่มีแสงน้อยนั้น ได้ภาพออกมาที่มี Noise อยู่พอสมควร




ส่วนเรื่องของการถ่ายภาพบุคคล ถามว่ามีความสามารถโดดเด่นไหม เรียกได้ว่าถ่ายออกมาได้โอเคครับ แตไม่ได้โดดเด่นมากนัก คือโทนของภาพอยู่ในระดับที่กลาง ๆ ไม่ได้เอียงไปทางไหนมากเป็นพิเศษอาจจะไม่ได้สดเด้งถึงขั้นลงได้เลย อาจจะต้องปรับเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่ความเป็นโทนกลาง ๆ ของ Samsung ช่วงหลัง ๆ มานั้น จะทำให้ภาพถ่ายคนที่ออกมาอยู่ในระดับกลาง ๆ เข้าถึงง่าย และนำไฟล์ไปใช้ต่อได้ง่ายด้วย สำหรับใครที่ชอบนำภาพถ่ายที่ได้ไปปรับแต่งต่อ ซึ่งทั้งโทนการถ่ายภาพคนจากกล้องหน้า และกล้องหลัง ก็ให้ผลงานที่ไม่แตกต่างกันมากนัก








ภาพถ่ายบุคคลจาก Galaxy S25








ภาพถ่ายบุคคลจาก Galaxy S25+


ภาพถ่ากล้องหน้าจาก Galaxy S25


ภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Galaxy S25+
และการถ่ายภาพกลางคืน ที่ยังถ่ายออกมาได้ติดสว่างเล็กน้อย แต่เก็บรายละเอียดได้โอเค ไม่ทำภาพติดคมมากจนเกินไปแต่อย่างใด โดยสามารถถ่ายเป็นภาพกลางคืนได้เลย เมื่อเครื่องตรวจจับได้ว่าเรากำลังถ่ายภาพที่อยู่ในสภาวะแสงน้อยอยู่


ถ้าจะให้บอกกันตรง ๆ เรื่องของกล้องถ่ายภาพนั้น อยู่ในระดับที่กลาง ๆ ไปทั่วทั้ง 2 โหมดเลย คือไม่ได้มีโทน หรือโหมดอะไรที่โดดเด่น แต่เรื่องความกลาง ๆ ของกล้องทั้งหมดนี่แหละ ที่จะเป็นจุดแข็งที่เหมาะกับใครที่อยากได้ภาพเพื่อไปแต่งต่อ หรือกระทั่งเลือกโทนของภาพถ่ายก่อนถ่าย เหมือนเกรดสีตั้งแต่ก่อนกดถ่ายก็ได้เหมือนกัน เรื่องนี้มีแต่คนอ่านเท่านั้นที่สามารถตอบได้ว่าชอบโทนแบบไหนมากกว่ากัน ลองดูตัวอย่างภาพเพื่อพิจารณากันก่อนได้
Galaxy AI ร่างอัปเกรด
ว่าด้วยเรื่องของฟีเจอร์ที่มาเยอะไม่แพ้รุ่นพี่ ก็เห็นจะไม่พูดเรื่องนี้ ก็คงไม่ได้ นั่นคือเรื่องของ ‘Galaxy AI’ ที่ถ้าสังเกตตั้งแต่ Samsung Galaxy S24, S24+ เป็นต้นมา เรื่องของฟีเจอร์ Galaxy AI นั้นได้ให้มาแบบครบถ้วน 100% คือ Galaxy AI มีอะไรบ้าง ก็ให้เหมือนกันหมดในทั้ง 3 รุ่นเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็ตามมาจนถึงใน Samsung Galaxy S25 ทั้งซีรีส์ด้วย เพราะฟีเจอร์ Galaxy AI ใหม่ ทั้ง Gemini Live ร่างอัปเกรด, Now Brief, Audio Eraser, Writing Assist หรือกระทั่ง AI Best Fasce ก็ได้ให้มาครบทั้งใน Galaxy S25 และ S25+ ทั้งหมดเลย
ถามว่าฟีเจอร์ Galaxy Ai ที่เพิ่มมาใหม่นี้ ฟีเจอร์ไหนที่ได้ใช้เยอะ เอาจริง ๆ ก็คือ ‘Now Brief’ นี่แหละที่ได้ใช้งานกันบ่อย ๆ เนื่องจากเป็นฟีเจอร์ที่เราจะใช้เพื่อดูข้อมูลสรุปของแต่ละช่วงเวลาในแต่ละวัน แถมยังแจ้งเตือนให้ดูอัตโนมัติผ่าน Now Bar ที่แถมมาพร้อมกับ OneUI 7 อีกด้วย เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะมันรวมสิ่งที่เราอยากรู้ไว้ในที่เดียวเลยนั่นเอง


เพียงแต่ว่า สิ่งที่เข้ามารวมให้เราดูนั้น มีจุดที่ทำให้รู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง เช่นว่า แถบข้อมูลใน Now Brief นั้น มีข้อมูลที่ขึ้นคล้ายเดิมอยู่บ่อยครั้ง เช่นพยากรณ์อากาศ หรือนัดในปฏิทิน ซึ่งเรื่องนี้สามารถแก้ได้ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับระบบที่มากกว่าเดิม เช่น ข่าวในแต่ละวันตามหมวดหมู่ที่เราชอบอ่าน, แอปฯที่เราน่าจะเข้าบ่อยในช่วงเวลานั้น หรือกระทั่ง ดูพฤติกรรมของเราที่ลึกกว่านี้ เช่นเราชอบโทรหาคนนี้เวลานี้ ก็จะแนะนำว่าให้โทรหาคนนั้นคนนี้ดีไหม เป็นต้น ถ้ามีฟีเจอร์เหล่านี้เพิ่มเข้ามา Now Brief จะน่ากดเข้าไปดูกว่าเดิมไม่น้อยเลยทีเดียว

อีกฟีเจอร์ก็คือ Gemini ร่างอัปเกรดที่เชื่อมต่อกับแอปฯใน Galaxy S25 ของเรานี่แหละ ที่ปกติ Gemini เป็นฟีเจอร์ที่ดี และได้ใช้งานกันอยู่แล้ว แต่ว่า Gemini ที่อยู่ใน Samsung Galaxy S25 Series นั้น ได้มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อ Gemini เข้ากับแอปพลิเคชันของ Samsung อย่างเช่น Samsung Notes, Samsung Calendar, Samsung Reminders แถมยังสามารถอ่านหน้าจอได้กับแอปพลิเคชันของ Google ด้วย เช่นให้อ่าหนน้าจอของ YouTube แล้วสรุปคลิปทั้งคลิปให้กับเรา ซึ่งฟีเจอร์นี้ค่อนข้างได้ผลดีเลยทีเดียว โดยศึกษา Context ของหน้าจอ เช่นชื่อคลิป แคปชัน หรืออื่น ๆ เพื่อให้ Gemini สรุปเนื้อหาทั้งหมดให้เราอ่าน แถมยังสามารถสั่งต่อให้เอาข้อมูลไปเก็บไว้ใน Samsung Notes ได้ด้วยเหมือนกัน เพียงแต่จะมีจุดสังเกตเล็กน้อย ตอนที่เราทำหน้าต่าง Gemini ที่เปิดทับหน้าจอหลุดไป พอเราจะใช้ฟีเจอร์ที่ต้องพึ่ง Context ในหน้าจออีกรอบ จะต้องเริ่มใหม่หมด เหมือนกับการเริ่มแชทใหม่ในหน้าแอปฯ Gemini ซึ่งอาจจะเป็นจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับใครที่อยากใช้ฟีเจอร์นี้นะ





ยังมีของดีอื่น ๆ เช่น Writing Assist ที่ช่วยเรื่องงานเขียนของเราได้อย่างดี ซึ่งอัปเกรดมากขึ้น ทำให้ภาษาไทยแข็งแรงมากกว่าเดิม เรียกว่าเป็นข้อดีมาก ๆ ที่ Samsung ได้ใส่ AI ภาษาไทยมาตั้งแต่แรก ซึ่งทำให้การใช้งานภาษาไทยทำได้ดีขึ้นไปด้วยเลย โดยยังสามารถเขียนได้หลากหลายแบบ หลากหลายโทนด้วย และอีกฟีเจอร์อย่าง Audio Eraser ที่ใช้ลบเสียงที่เราไม่ได้อยากได้ เช่นเสียงลม เสียงเพลง เสียงร้อง และอื่น ๆ ได้ด้วย ซึ่งมีประโยชน์ในแง่การทำโปรดักชันอยู่เหมือนกัน เพราะสามารถใช้งานเพื่อทำให้คลิปที่เราถ่ายไป สามารถนำไปใช้งานต่อได้ง่าย เพราะลบเสียงรบกวนออกไปแล้ว เป็นต้น
รวม ๆ แล้ว แม้ Galaxy AI ที่เพิ่มเข้ามานั้น อาจไม่ได้เยอะหนักมากเหมือนกับตอนที่ Galaxy S24 Series เปิดตัวมา แต่ Galaxy AI ใน Galaxy S25 Series ถือว่าได้ให้ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ต่อการใช้งานไม่น้อยเลยทีเดียว
สเปกภายในเครื่อง และการเล่นเกม
Samsung Galaxy S25 และ S25+ นั้นมาพร้อมกับชิปเซตเรือธงของปีนี้อย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Elite ซึ่งเป็นชิปเซตเรือธงที่รู้กันอยู่แล้วว่ามาแรงมาก ๆ โดยในปีนี้ Samsung ได้อัปเกรด Galaxy S25 รุ่นล่าง ให้มีแรมเพิ่มขึ้นจาก 8GB เป็น 12GB แล้ว แปลว่าตอนนี้ Samsung Galaxy S25 ทั้งซีรีส์ จะมาพร้อมกับแรมขนาด 12GB แล้วทั้งหมดเลย (แม้จะมีข่าวเรื่อง Galaxy S25 Ultra รุ่นแรม 16GB อยู่บ้างก็ตาม
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากใน Galaxy S24, S24+ ที่ใช้ชิป Exynos มาก่อน ในจังหวะที่พอเหมาะพอดี เพราะ Snapdragon 8 Elite มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดดมาก ๆ รุ่นหนึ่งเลย อย่างที่เรเาห็นกันมาแล้วกับในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ดังนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาดูผลการทดสอบของทั้ง Samsung Galaxy S25 และ S25+ ไปพร้อม ๆ กันเลย
Samsung Galaxy S25 | Samsung Galaxy S25+ | |
Geekbench 6.4.0 (Single-Core) | 2,585 | 3,003 |
Geekbench 6.4.0 (Multi-Core) | 9,197 | 9,641 |
3DMark Wild Life Extreme Stress Test(Max) | 6,406 | 6,479 |
3DMark Wild Life Extreme Stress Test(Min) | 3,339 | 3,381 |
3DMark Wild Life Extreme Stress Test(Stability) | 52.1% | 52.2% |
3DMark Steel Nomad Light | 2,433 | 2,543 |
Antutu Benchmark | 2,131,146 | 2,189,882 |
จะเห็นได้เลยว่า Samsung Galaxy S25+ นั้นมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า S25 ธรรมดาอยู่เล็กน้อยในทุก ๆ ส่วน ตั้งแต่ CPU อย่าง Geekbench ไปจนถึงกราฟิกรุ่นใหม่ ๆ อย่าง 3DMark Steel Nomad Light ก็ตาม ซึ่งเป็นไปได้ว่ามาจากการที่ตัวเครื่องเจอกับปัญหาด้านการจัดการความร้อนเล็กน้อย เพราะ Galaxy S25 ธณรมดานั้น จะมีพื้นที่ในการจัดการระบายความร้อนออกที่น้อยกว่าใน S25+ (แค่พื้นที่ในการจัดวาง Vapor Chamber ก็ต่างแล้ว) ทำให้ใครที่อยากเน้นเรื่องของการเล่นเกมมากกว่า แต่ไม่อยากไปทาง Ultra รุ่น S25+ ถือว่าน่าสนใจกว่าอย่างแน่นอน




ทีนี้ มาในด้านการทดสอบการเล่นเกมแล้วนั้น จากที่ได้ลองรุ่นท็อปกว่าอย่าง Galaxy S25+ ไปนั้น เรียกได้ว่าประสบการณ์การเล่นเกมคือสิ่งที่ดีที่สุดของ Galaxy S25+ เลยก็ว่าได้ครับ เพราะไม่ว่าจะเล่นเกมที่หนักอย่าง Genshin Impact ขชณะที่อยู่ในเมืองใหม่ที่รายละเอียดเยอะขึ้น หรือจะเล่น RoV ซึ่งต้องให้มีเฟรมเรตที่นิ่งตลอดเวลา ก็ได้เฟรมเรตที่นิ่งมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่เคยประสบพบเจอมาใน Samsung Galaxy S ได้ดีเลยทีเดียว เพราะงั้น เรื่องของการเล่นเกม ถือว่า Galaxy S25 Series ทำออกมาได้ดีขึ้นเยอะมาก ๆ เลยทีเดียว


ต่อด้วยเรื่องของแบตเตอรี่กันบ้าง โดย Samsung Galaxy S25 ให้แบตเตอรี่มาที่ 4,000 mAh และ Galaxy S25+ จะให้แบตเตอรี่มาที่ 4,900 mAh ด้วยกัน แม้ว่าทั้ง 2 รุ่นจะให้แบตเตอรี่มาที่ความหนาแน่นไม่ได้เยอะมาก หรือเปลี่ยไนปใช้แบตเตอรี่เจนใหม่ ๆ แบบที่เห็นในสมาร์ทโฟนของจีนที่ขยับไปใช้แบตเตอรี่ Silicon-Carbon เพื่อให้แบตเตอรี่เยอะขึ้น ในขนาดที่บางอยู่ แต่ว่าด้วยเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วก ก็ถือได้ว่ายังได้ให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ดีอยู่ เพราะอย่าง Galaxy S25+ ที่ได้ลองใช้งานมาแบบใช้งานทั่วไปแบบตลอดวัน ถ่ายรูป เล่นโซเชียล และดูคอนเทนต์บ้างเล็กน้อย ก็ยังสามารถใช้งานทั่ว ๆ ไปได้จนจบวันแบบแบตเตอรี่ไม่หมดมากนักอยู่ดี แต่อาจจะยังไม่สามารถเล่นได้แบบหนักหน่วงเหมือน Power User ได้นะ ถ้า Samsung เปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่แบบ Silicon-Carbon แบบที่เคยมีข่าวออกมา จะทำให้แบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S Series ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิมอีกไม่น้อยแน่นอน
ส่วนเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่กลับ Galaxy S25 นั้นมาพร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่กลับได้ที่ 25W (PPS) และ S25+ ชาร์จกลับได้ที่ 45W (PPS) ซึ่ง ใน Galaxy S25 นั้น เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่กลับจะค่อนข้างนานอยู่บ้าง แต่ใน S25+ สามารถชาร์จแบตเตอรี่กลับได้เร็วกว่าพอสมควรเลย แม้จะมีแบตเตอรี่ที่มากกว่าใน S25 ธรรมดดาอยู่พอสมควรก็ตาม


Samsung Galaxy S25 | S25+ เหมาะกับใคร
อ่านรีวิวกันมายาวจนถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ก่อนอื่นเราขอสรุปให้อ่านกันแบบเข้าใจง่าย ๆ ก่อนว่า Samsung Galaxy S25 และ Galaxy S25+ นั้นเหมาะกับใครบ้าง ซึ่ง Galaxy S25 ธรรมดานั้น เป็นสมาร์ทโฟนขนาดเล็กมาก ๆ ยิ่งกับคนมือใหญ่เช่นผู้เขียน Galaxy S25 นั้นมีขนาดที่เล็กจนมือกำได้เกือบหมดเลยทีเดียว ในขณะที่ยังให้ขนาดหน้าจอมาที่ 6.2 นิ้วอยู่ โดยเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความรู้สึกถึงการใช้งานเรือธง ไม่ว่าจะเป็นขนาด, สเปค หรือการใช้งานทั่ว ๆ ไป ซึ่งทำให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้งานได้ยาวนานแน่นอน เพียงแต่ว่า ถ้าจะใช้งาน Galaxy S25 แบบ Power User หรือใช้งานอะไรหลาย ๆ อย่างมาก ๆ ในแต่ละวัน ด้วยขนาดของเครื่อง แบตเตอรี่ และการชาร์จแบตเตอรี่กลับ อาจจะเป็นการรั้งให้เราใช้งาน Galaxy S25 Series นี้ได้ไม่เต็มที่มากนัก
ในขณะที่ Galaxy S25+ นั้นจะเหมาะกับการเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง ที่เราสามารถใช้งานทั่ว ๆ ไปได้ ได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ไปพร้อม ๆ กันกับที่ได้ประสิทธิภาพในมวลรวมที่สูงขึ้นไปด้วย แบตเตอรี่ก็เยอะขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น อาจจะเหมาะกับการซื้อมาใช้งานทั่วไป พร้อม ๆ กับการเล่นเกมด้วยในเครื่องเดียวเลย โดยที่ไม่ต้องขยับขึ้นไปเล่นรุ่นท็อปอย่าง Galaxy S25 Ultra ก็ได้เหมือนกัน เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว S25+ นั้นก็มีส่วนที่มีน้อยกว่า S25 Ultra อยู่ไม่ได้มากนักด้วย
แต่ทั้งนี้ ถ้าอยากได้ความสุดในทุกทาง ทั้งเรื่องของสเปค ความสามารถ กล้องถ่ายภาพ หน้าจอ แบตเตอรี่ และประสิทธิภาพที่ไปสุดในทุกทาง Samsung Galaxy S25 Ultra ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าอยู่ดี ดังนั้น สุดท้ายแล้ว คำถามที่ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นไหนที่เหมาะกับแต่ละคน มีเพียงแต่ผู้อ่านอย่างคุณเท่านั้น ที่สามารถตอบได้ดีที่สุด
สรุปส่งท้าย
ทั้งนี้ Samsung Galaxy S25 และ Galaxy S25+ นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเรือธงอย่างแน่นอน ทั้งในด้านของความสามารถ และประสิทธิภาพ แม้จะมีจุดที่อาจจะโดนลดไปอยู่บ้างเล็กน้อย เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด แต่ Samsung ยังคงมาพร้อมกับจุดแข็งของตัวเอง ทั้งในด้านฟีเจอร์ AI ที่สามารถนำไปใช้งานจริงได้ หรือกระทั่งประสบการณ์การใช้งานกับ OneUI 7 ที่เรียกได้ว่ายกเครื่องมาใหม่หลายจุดมาก ๆ ให้ได้ใช้งานกันก่อนคนอื่นหลักเดือนด้วย ซึ่ง Galaxy S25 และ S25+ นั้น ก็ยังคงมีเสน่ห์เป็นของตัวเองอยู่ไม่น้อยเลย สำหรับใครที่ชอบในสมาร์ทโฟนจอเล็ก ๆ เน้นพกพาง่าย และพร้อมที่จะสละบางฟีเจอร์ออกไปจากสมาร์ทโฟนของเราบ้าง เพื่อแลกมากับความคล่องตัวนั่นเอง

Samsung Galaxy S25 และ Galaxy S25+ วางจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ 4 สีด้วยกัน โดยจะวางจำหน่ายในสี Silver Shadow, Mint, IcyBlue และ Navy และมีสีพิเศษที่สามารถสั่งผ่านเว็บไซต์ samsung.com ได้อีก 3 สี คือ Blueblack, Coralred และ Pinkgold โดยจะวางจำหน่ายในไทยอยู่ที่ 2 ความจุ คือ
- Galaxy S25
- 12GB + 256GB : 29,900 บาท
- 12GB + 512GB : 34,900 บาท
- Galaxy S25+
- 12GB + 256GB : 36,900 บาท
- 12GB + 512GB : 41,900 บาท
สามารถตามไปหาซื้อกันได้ทั้งผ่านเว็บไซต์ samsung.com, หน้าร้านตัวแทนจำหน่าย, เครือข่ายผู้ให้บริการมือถือ ไปจนถึงร้านค้าออนไลน์ทั้ง Shopee, Lazada, TikTok Shop ได้ทั้งหมดเลย อยากให้ได้ลองจับเครื่องจริงดูก่อนสักหน่อย จะได้ทราบแน่ชัดเลยว่าเราเหมาะกับสมาร์ทโฟนรุ่นไหนกันแน่
Comment