เริ่มต้นปีใหม่มา แปลว่าได้เวลาของสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของ Samsung แล้ว หรือจะเรียกว่าเป็น ‘AI Phone’ ก็ว่าได้ จากที่ Samsung ได้เปิดตัว Samsung Galaxy S24 Series ที่ได้เน้นเรื่องการเข้ามาของ ‘Galaxy AI’ ทำให้ Galaxy S25 Series ที่เปิดตัวในปีนี้ ถือว่าเป็น ‘AI Phone ร่างอัปเกรด’ ที่ได้มาพร้อมกับอะไรใหม่ ๆ มาอีกหลายอย่างเลย บทความนี้จะมาสรุปของใหม่รุ่นท็อปอย่าง ‘Samsung Galaxy S25 Ultra’ ที่ได้ลองเล่นมาแบบคร่าว ๆ ให้ได้ชมกัน
ดีไซน์ปรับใหม่ กลับมาขอบโค้งมนแล้ว
หลังจากที่ Samsunng ได้เปลี่ยนดีไซน์ของตัวเครื่องให้มีความเหลี่ยมมากขึ้น เพื่อรับกับการเข้ามาของปากกา ‘S-Pen’ ที่ได้รับมาจาก Galaxy Note ตั้งแต่ Samsung Galaxy S22 Ultra ในที่สุด ใน Samsung Galaxy S25 Ultra ก็ได้ทีการเปลี่ยนดีไซน์รอบ ๆ ตัวเครื่องให้เป็นดีไซน์แบบโค้งมนเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์แล้ว
ซึ่งการเปลี่ยนดีไซน์ให้เป็นแบบโค้งมนแทน ช่วยให้การจับถือของ Samsung Galaxy S25 Ultra ทำได้ดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเลย คือการถือเครื่องสามารถถือได้เข้ากับรูปมือของเราได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แถมยังได้มีการปรับด้านของหน้าจอและฝาหลังให้รับกับดีไซน์ใหม่นี้ด้วย
นอกจากนั้น น้ำหนักตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S25 Ultra ยังได้ลดลงไปจากเดิมอีกไม่น้อยเลย จาก Galaxy S22 Ultra ที่เป็นวัสดุอะลูมิเนียม มีน้ำหนักที่ 228 กรัม, Galaxy S23 Ultra วัสดุอะลูมิเนียม 234 กรัม, Galaxy S24 Ultra วัสดุไทเทเนียม 232 กรัม และล่าสุด Galaxy S25 Ultra ที่ใช้วัสดุไทเทเนียม มีน้ำหนัก 218 กรัมด้วยกัน (ลองชั่งจริงแล้วได้อยู่ที่ 219 กรัมเท่านั้น)
อีกอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย คือเรื่องของหน้าจอ ที่พอตัวเครื่องเปลี่ยนดีไซน์ให้มีความโค้งมนมากยิ่งขึ้นแล้ว ทำให้หน้าจอของ Samsung Galaxy S25 Ultra ให้หน้าจแบบแบนสนิทแบบ 100% ไม่มีส่วนโค้งเว้าแล้ว และมีขอบของหน้าจอที่บางเท่ากันทั้ง 4 ด้านแบบไม่มีคาง หรือหน้าผากด้านบนและล่างแล้วด้วย โดยยังได้ให้หน้าจอมาที่ขนาด 6.9 นิ้วอยู่ ซึ่งจากที่ลองใช้มาแบบคร่าว ๆ ก็ยังสามารถให้คุณภาพของสี และความคมชัดที่ยังดีมากอยู่ด้วย โดยจากการสังเกตเพิ่มเติม ก็พบว่าหน้าจอยังได้ใช้สารเคลือบกันแสงสะท้อนให้ยังสามารถกันแสงสะท้อนได้ดีมาก ๆ อยู่ อาจจะมากกว่าที่ให้มาใน Samsung Galaxy S24 Ultra ด้วยซ้ำนะ
อีกส่วนของดีไซน์ที่เปลี่ยนไปคือการออกแบบกรอบของกล้องถ่ายภาพ ที่มีการออกแบบกรอบที่ครอบกล้องถ่ายภาพของ Samsung Galaxy S25 Ultra ที่มีความคล้ายคลึงกับใน Samsung Galaxy Z Fold6 ที่ผ่านมา ก็คือมีกรอบกล้องเป็นแบบวงกลม พร้อมกับการเคลือบสีของกรอบเป็นสีดำเข้มขึ้นมา ในขณะที่การเรียงกล้องยังคงเหมือนเดิมอยู่
ด้านในตัวเครื่อง ทาง Samsung เคลมว่าได้มีการขยายขนาดของ Vapor Chamber ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม โดยได้บอกว่ามีขนาด Vapor Chamber ใหญ่กว่าเดิม 40% เลยทีเดียว
นอกจากนั้น เรื่องของสี ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอยู่บ้างเหมือนกัน โดยคราวนี้ Samsung ได้ออกสีมาขายทั้งหมด 4 สีหลักด้วยกัน คือสี Titanium Black, Titanium Gray, Titanium Silver Blue, Titanium Whitesilver และมีสีพิเศษที่สามารถสั่งผ่านเว็บไซต์ samsung.com ได้อีก 3 สี คือ Titanium Jadegreen,Titanium Jetblack และ Titanium Pinkgold ซึ่งที่เราได้เห็นของจริงแล้วจะมีเฉพาะ 4 สีหลักที่วางขายเท่านั้น เลยขอเอาทั้ง 4 สีมาให้ทุกคนได้ชมกัน
ฟีเจอร์ ‘Galaxy AI’ ใหม่ เป็นตัวช่วยส่วนตัวที่เก่งกว่าเดิม
เริ่มจากฟีเจอร์ AI แรกที่อยากให้ได้ลองกัน นั่นคือ ‘Gemini’ ที่ตอนนี้มีความสามารถมากกว่าเดิม ในนาม ‘Galaxy AI Assistant’ ที่จะให้ AI ที่ทำงานด้วย Gemini นั้น มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเราได้ โดยสามารถทำได้ทั้งผ่านการพูดคุย และการพิมพ์ ซึ่งเนื่องจากใช้ Gemini ในการทำงาน ทำให้สามารถรองรับได้ 45 ภาษา รวมไปถึงภาษาไทยด้วยเลย นอกจากนั้น ยังได้ให้ Gemini Live หรือฟีเจอร์ที่ให้เราพูดคุยกับ Gemini แบบโต้ตอบกันได้เลย โดยจะให้ Gemini Live เวอร์ชันที่เก่งกว่า Gemini Live ทั่ว ๆ ไปที่เราเจอกันบนสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ แต่เวอร์ชันใน Samsung Galaxy S25 Series จะพิเศษ เพราะเก่งกว่าเดิม แถมยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ คือการเชื่อมต่อระหว่าง Gemini และแอปฯในเครื่อง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อ และสั่งคำสั่งใหักับแอปฯที่มีอยู่ได้ เช่นเราให้ Gemini ช่วยหาข้อมูลต่าง ๆ และให้แอปนที่เชื่อมต่อไว้ รับช่วงข้อมูลไปทำงานต่อได้เลย
ความเจ๋งของการเชื่อมต่อแอปฯ ก็คือการที่แอปฯสามารถเชื่อมต่อกับแอปฯของ Samsung ได้แล้วด้วย เช่น Samsung Notes หรือ Samsung Calendar แปลว่า ถ้าเราให้ Gemini ช่วยทำงานให้ เราสามารถให้ Gemini ส่งสรุปเรื่องที่คุยกันเอาไว้ ไปใส่ไว้ใน Samsung Notes ได้เลย หรือให้ AI ช่วยหาตั๋วคอนเสิร์ทงานที่เราอยากไป หาวันจอง แล้วให้ AI ส่งไปเซฟไว้ในปฏิทินของเราได้เลยด้วย โดยแอปฯที่รองรับแล้วตอนนี้ คือ Google Ecosystem ต่าง ๆ เช่น Gmail, YouTube, หาเที่ยวบิน และหาโรงแรม รวมไปถึงเชื่อมต่อกับแอปฯบุคคลที่ 3 เช่น Spotify กับ WhatsApp ได้แล้วด้วย
นอกเหนือจากฟีเจอร์ผู้ช่วย AI แล้วนั้น ยังได้มีฟีเจอร์สรุปเหตุการณ์ในแต่ละวันในชื่อ ‘Now Brief’ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มาพร้อมกันกับ ‘Now Bar’ ที่มาพร้อมกับกับ OneUI 7 โดย Now Brief จะเป็นฟีเจอร์ที่สรุปข้อมูลสำคัญที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาของวันนั้น ๆ เช่นสภาพอากาศ ตารางนัดหมาย สรุปการนอนผ่าน Galaxy Watch ของเรา เป้าหมายสุขภาพที่เราตั้งเอาไว้ ไปจนถึงเพลงแนะนำบน Spotify ก็มีรวมไว้ในที่เดียว โดยถ้าเราเข้าในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ก็จะได้การสรุปที่ไม่เหมือนกัน
อีกฟีเจอร์ที่ได้เพิ่มเข้ามา และเหมาะกับสายถ่าย Vlog มาก ๆ นั่นก็คือ Audio Eraser ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะให้ AI เข้ามาลบเสียงที่เราไม่ต้อการออกไปได้ คือสามารถลบได้ตั้งแต่เสียงพูด เสียงเพลง เสียงรบกวน เพื่อให้คลิปวิดีโอที่เราถ่ายมานั้น ยังสามารถได้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะถ่ายในที่ที่มีเสียงรบกวน หรือที่ ๆ มีเสียงเพลงดังอยู่ ก็ให้ AI ลบออกไปจากในคลิปที่เราถ่ายมาได้เลย
ต่อด้วยฟีเจอร์ ‘Writing Assist’ ที่ได้มีการปรับหน้าตามาใหม่ เพื่อรวมทุกฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการเขียนเข้าด้วยกัน คือสามารถให้ Galaxy AI ช่วยเขียนได้ทั้งการปรับโทนของการเขียน, สรุปข้อความนั้น ๆ, ตรวจการสะกดและไวยกรณ์, จัดหน้า และยังให้ AI ช่วยเขียนจากสิ่งที่เราเกริ่นเอาไว้เบื้องต้นได้เหมือนเดิมเลย
และยังมีฟีเจอร์ที่ให้ AI ช่วยสรุปหน้าเว็บที่เราเข้าอยู่ และอ่านออกเสียงให้เราฟังได้ (เฉพาะบน Samsung Internet นะ) ซึ่งจะเหมาะมากกับคนที่ไม่ได้มีเวลามากนัก แต่อยากให้ AI ช่วยสรุปข่าวสารที่เกิดขึ้นบนหน้าเว็บ โดยให้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาที่อยู่บนหน้าเว็บนั้น ๆ ให้เราเข้าใจได้แบบง่าย ๆ แถมไม่ต้องอ่านเองอีกด้วย
ด้านการโทรศัพท์ ที่ผ่านมา Galaxy AI ได้ทำให้เราสามารถพูดคุยกับฝั่งตรงข้ามได้แบบไม่มีกำแพงภาษาแล้ว โดยล่าสุด การใช้ AI เพื่อแปลภาษาการโทรนั้น ได้เพิ่มจาก 16 ภาษา เป็น 20 ภาษา เพื่อให้สามารถพูดคุยได้แบบไร้รอยต่อมากยิ่งกว่าเดิม นอกจากนั้น ยังสามารถให้ AI นำเอาไฟล์อัดเสียงการโทรที่เราอัดเอาไว้ มาถอดเป็นคำพูดทั้งหมดได้ แถมยังสามารถนำเอาข้อความทั้งหมดมาสรุปใจความสำคัญที่เราคุยไปได้อีกด้วย
และฟีเจอร์สุดท้ายที่ได้เพิ่มมา นั่นคือ Best Face ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะให้เราเลือกใบหน้าที่ดีที่สุดในภาพถ่ายที่เราถ่ายได้ โดยใช้วิธีการเลือกใบหน้าจากภาถ่ายเคลื่อนไหว (หรือ Live Photo) และใช้ AI ในการเลือกใบหน้าที่ดีที่สุดในภาพนั้น มาแทนที่ใบหน้าในภาพ แปลว่าต่อให้ถ่ายภาพออกมาแล้วดูแปลก ๆ ก็ให้ AI ช่วยแก้ไขได้เลย แต่ต้องถ่ายเป็นภาพถ่ายเคลื่อนไหวด้วยนะ
กล้องถ่ายภาพที่อัปเกรดมาเพิ่ม
หลาย ๆ คนน่าจะได้เห็นแล้วว่า ทาง Samsung ได้อัปเกรดกล้องถ่ายภาพของ Samsung Galaxy S25 Ultra มาอีกเล็กน้อย ด้วยการเปลี่ยนกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมากมาเป็นความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (จากเดิมที่ให้มา 12 ล้านพิกเซล) ซึ่งอย่างแรกที่เปลี่ยนไปเลย
คือการถ่ายภาพมุมกว้างมากที่ดีขึ้น ด้วยการใช้กล้องเซนเซอร์ใหม่ขึ้น, ความละเอียดมากขึ้น, รับแสงได้มากขึ้น แต่ที่สำคัญกว่าคือ Samsung บอกว่าเซนเซอร์ใหม่นี้ทำให้สามารถถ่ายภาพมาโครได้ดีมากขึ้นไปด้วย เพราะ Samsung ถ่ายภาพมาโครด้วยกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมากนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีการประมวลผลของกล้องถ่ายภาพที่เปลี่ยนไปด้วย จากการเปลี่ยนชิปเซตมาเป็น Snapdragon 8 Elite for Galaxy นั่นเอง ลองดูตัวอย่างภาพถ่ายจาก Galaxy S25 Ultra เครื่องนี้กัน
ส่วนกล้องหน้าที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้ดีไม่แพ้กล้องหลังเลย ลองดูตัวอย่างภาพกันดู
สเปค Samsung Galaxy S25 Ultra
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว
- ความละเอียด 3120 x 1440 พิกเซล (WQHD+)
- อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
- สว่างสูงสุด 2,600 nits
- กระจก Gorilla Glass Armor 2
- ชิปเซต : Snapdragon 8 Elite for Galaxy
- RAM LPDDR5x: 12GB
- ROM UFS 4.0: 256GB / 512GB / 1TB
- กล้องหลัง 4 ตัว:
- กล้องหลัก 200MP (f/1.7) ระบบกันสั่น OIS
- กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP (f/1.9) มุมกว้าง 123 องศา
- กล้องเทเลโฟโต้ 10MP (f/2.4) ระบบกันสั่น OIS ซูม Optical 3x
- กล้องเทเลโฟโต้ Periscope 50MP (f/3.4), ระบบกันสั่น OIS, ซูม Optical 5x, ซูมในเซนเซอร์ 10x, Space Zoom สูงสุด 100 เท่า
- กล้องหน้า : 12MP (f/2.2)
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- รองรับ Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- รองรับชาร์จไว 45W
- รองรับชาร์จไร้สาย 15W
- เครือข่าย : 5G
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 802.11a/n/g/n/ac/ax/be (WIFi 7)
- Bluetooth 5.4
- NFC
- USB-C 3.2
- รองรับ DeX mode
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ) / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
- ความทนทาน : IP68, วัสดุไทเทเนียม
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด : 162.8 x 77.6 x 8.2 mm
- น้ำหนัก : 218 กรัม
ราคา และการวางจำหน่ายในไทย
Samsung Galaxy S25 Ultra วางจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ 4 สีด้วยกัน โดยจะวางจำหน่ายในสี Titanium Black, Titanium Gray, Titanium Silver Blue, Titanium Whitesilver และมีสีพิเศษที่สามารถสั่งผ่านเว็บไซต์ samsung.com ได้อีก 3 สี คือ Titanium Jadegreen,Titanium Jetblack และ Titanium Pinkgold และวางจำหน่ายในไทยอยู่ที่ 3 ความจุ คือ
- 12GB + 256GB : 46,900 บาท
- 12GB + 512GB : 52,900 บาท
- 12GB + 1TB : 62,900 บาท
อ่านเพิ่มเติม :
Comment