ได้ฤกษ์เปิดตัวออกมาแล้ว กับมือถือเรือธงระดับพรีเมี่ยมรุ่นล่าสุด อย่าง Samsung Galaxy S9 / S9+ ที่คราวนี้ถือว่าเปิดตัวเร็วกว่าปกติ เพราะเปิดตัวภายในงาน MWC 2018 ณ ประเทศสเปน (ครั้งก่อนไปเปิดงาน Unpacked ของตัวเองตอนสิ้นเดือนมีนาคม) โดย Galaxy S9 / S9+ จะไม่ได้ต่างกันแค่ขนาดตัวเครื่องและหน้าจอเหมือนรุ่นก่อนๆ แต่คราวนี้ทั้ง 2 รุ่นยัง แตกต่างกันที่ RAM และ กล้องหลังอีกด้วยนะ แน่นอนว่ามีฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มมาอีกเพียบเลยด้วย
ก่อนอื่นเรามาดูสเปคเต็มๆ ของ Galaxy S9 ทั้ง 2 รุ่นกันก่อนนะ
Galaxy S9 | Galaxy S9+ | |
หน้าจอ | Super AMOLED 5.8 นิ้ว QHD+ (570ppi) | Super AMOLED 6.2 นิ้ว QHD+ (529ppi) |
CPU | Exynos 9810 (4 x 2.9GHz, 4×1.9GHz) | Exynos 9810 (4 x 2.9GHz, 4×1.9GHz) |
GPU | Mali-G72 | Mali-G72 |
RAM | 4GB | 6GB |
ความจุ | 64GB รองรับ MicroSD Card 400GB | 64/128/256GB รองรับ MicroSD Card 400GB |
กล้องหลัง | 12MP (f/1.5, f/2.4) | 12MP (f/1.5, f/2.4) + 12MP (f/2.4) |
วิดีโอ | 2160p@30fps, 1080p@60fps, HDR, dual-video rec, Super Slow Motion 960fps 720p | 2160p@30fps, 1080p@60fps, HDR, dual-video rec, Super Slow Motion 960fps 720p |
กล้องหน้า | 8MP (f/1.7) | 8MP (f/1.7) |
ลำโพง | Stereo บนล่าง | Stereo บนล่าง |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), VHT80 MU-MIMO, 1024QAM | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), VHT80 MU-MIMO, 1024QAM |
เซ็นเซอร์ | Accelerometer, Barometer, Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Heart Rate Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor, Iris Sensor, Pressure Sensor | Accelerometer, Barometer, Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Heart Rate Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor, Iris Sensor, Pressure Sensor |
กันน้ำ / กันฝุ่น | IP68 | IP68 |
ขนาดตัวเครื่อง | 147.6 x 68.7 x 8.4 มม. | 157.7 x 73.8 x 8.5 มม. |
แบตเตอรี่ | 3000 mAh รองรับ Quick Charge 2.0 | 3500 mAh รองรับ Quick Charge 2.0 |
หน้าจอ Infinity Display ที่ดูกว้างกว่าเดิม
Galaxy S9 / S9+ มีการเคลือบด้วยฟิล์มชนิดใหม่ที่ทำให้หน้าจอดูกลมกลืนไปกับขอบจอ ทำให้ดูกว้างขึ้นกว่าเดิม
ย้ายตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
Samsung ฟังเสียงบ่นของผู้ใช้ในรุ่นก่อนๆ (S8 / S8+ / Note 8) ที่มีการวางเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือเอาไว้ข้างๆ เลนส์กล้อง ทำให้ผู้ใช้ส่วนมากแตะผิดแตะถูกไปโดนเลนส์กล้องให้มัวกันบ่อยๆ ในรุ่น S9 / S9+ นี้ ก็เลยย้ายเซ็นเซอร์ไปไว้ข้างใต้กล้องแทน ตามคำเรียกร้อง
ระบบความปลอดภัยลูกผสม Intelligent Scan
จากระบบสแกนม่านตาในรุ่น S8 / S8+, Note FE, Note 8 ที่มีความปลอดภัยสูงและรวดเร็วอยู่แล้ว มาในรุ่น S9 / S9+ จะผสมผสานการสแกนม่านตาเข้ากับการสแกนใบหน้า เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการสแกนไปตามสภาวะแสง เมื่ออยู่ในที่แสงจ้าเกินไป การสแกนม่านตาอาจเกิดปัญหาขึ้นมาบ้าง ตอนนั้น S9 / S9+ จะเปลี่ยนมาใช้การสแกนใบหน้าแทน และเมื่ออยู่ในที่แสงน้อยก็จะเปลี่ยนมาใช้การสแกนม่านตาแทน
กล้องที่สามารถปรับรูรับแสงได้กว้างสุดถึง f/1.5 และแคบสุดที่ f/2.4
กล้องของ Galaxy S9 / S9+ สามารถปรับรูรับแสงได้กว้างที่สุดในตลาดมือถือตอนนี้ ที่ f/1.5 เมื่ออยู่ในสภาพแสงน้อย เพื่อการเก็บรายละเอียดและแสงที่ดีกว่าเดิม ทำให้ภาพถ่ายตอนแสงน้อยมีความคมชัดและมีสีสันสดสวยกว่ารุ่นอื่นๆ และเมื่อแสงมีมากพอที่จะถ่ายภาพได้สวยๆ แล้ว รูรับแสงก็จะปรับมาที่ f/2.4
กล้อง Super Slo-Mo 960 fps ความละเอียด 720p
Galaxy S9 / S9+ มาพร้อมฟีเจอร์กล้องถ่ายวิดีโอแบบ Super Slow Motion ที่สามารถถ่ายให้ช้าได้ถึง 960fps ความละเอียด 720p ที่สูงกว่าในรุ่นที่แล้วๆ มา (ในรุ่น S8 / S8+ อยู่ที่ 240fps เท่านั้น)
กล้องคู่ของ Galaxy S9+ ที่สามารถถ่ายภาพ Bokeh Effect ได้
กล้องคู่ในรุ่น S9+ นอกจากจะสามารถถ่ายรูปแบบหน้าชัดหลังเบลอได้เนียนเป็นธรรมชาติแล้ว ยังสามารถถ่ายภาพแบบ Bokeh Effect ที่จะเบลอแสงไฟในฉากหลังให้เป็นประกายแฉกๆ ได้ด้วย ส่วนฟีเจอร์ที่มีใน Galaxy Note 8 อย่างการถ่ายแชะเดียว ได้ทั้งภาพ Portrait และภาพมุมกว้างพร้อมๆ กัน ก็ยังมาให้ใช้กันด้วยนะ
AR Emoji สร้างสติ๊กเกอร์ 3 มิติ ด้วยหน้าของตัวเอง แบบง่ายสุดๆ
ฟีเจอร์นี้ถือว่า Samsung ออกมาเพื่อสู้กับ Animoji ของ iPhone X โดยเฉพาะเลย แต่ของ S9 / S9+ จะเหนือกว่าที่สามารถสร้างภาพ Emoji 3 มิติ เป็นรูปหน้าของเราเองได้ง่ายๆ แค่ถ่ายรูปหน้าของเราเท่านั้นเอง แถม Emoji ดังกล่าว ยังสามารถเอาไปใช้กับแอปแชทต่างๆ ได้ด้วย
Bixby Vision ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น และรองรับภาษาไทย
Bixby Vision ที่สามารถแปลภาษาได้ง่ายๆ ด้วยการจ่อกล้องไปที่ภาษาต่างประเทศ และคำแปลก็จะขึ้นมาบนหน้าจอให้เห็นกันได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถส่องไปที่อาหารเพื่อหาข้อมูล หรือแม้แต่ตำราอาหารเพื่อดูวิธีทำก็ยังได้ แถมยังรองรับภาษาไทยซะด้วยสิ
ลำโพงคู่สเตอรีโอครั้งแรกในมือถือซีรีส์ Galaxy พร้อมระบบ Dolby Atmos
ในที่สุดก็ได้ใช้ลำโพงสเตอรีโอกันซักทีในรุ่น Galaxy S9 / S9+ หลังจากที่เหล่าแฟนๆ เรียกร้องกันมาหลายรุ่น และคราวนี้ S9 / S9+ ไม่ได้มีแค่ลำโพงคู่เท่านั้นนะ แต่ยังมาพร้อมกับระบบ Dolby Atmos เพื่อเพิ่มความกระหึ่มอีกด้วย
ใช้งานแนวนอนได้แม้ในหน้า Home
หลายๆ คนน่าจะเคยรู้สึกหงุดหงิดกับการใช้งานแนวนอนเพื่อเล่นเน็ต หรือใช้งานแอปอื่นๆ และพอออกจากแอปนั้นเพื่อเข้าที่หน้า Home หน้าจอมันก็จะเด้งกลับมาเป็นแนวตั้งเหมือนเดิม ซึ่งสร้างความหงุดหงิดให้พอสมควรเลยทีเดียว แต่สำหรับ Galaxy S9 / S9+ เราสามารถใช้งานมือถือในแนวนอนได้ตลอดเวลาแม้แต่หน้าใน Home
Samsung Galaxy S9 จะมีวางจำหน่ายเฉพาะรุ่นความจำ 64GB ส่วน S9+ จะมีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น คือ 64 /128 / 256GB และวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สีได้แก่ Midnight Black, Coral Blue และ Lilac Purple โดยราคาในบ้านเรานั้น S9 อยู่ที่ 27,900 บาท S9+ 64GB ราคา 31,900 บาท, 128GB 33,900 บาท และ 256GB 37,900 บาท เริ่มเปิดจองในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. – 5 มี.ค. 2561 และเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 2561 เป็นต้นไป
กล้องปรับ A ได้สองระดับ(ไล่ระดับไม่ได้) F1.5 กับ 2.4
อาจช่วยให้การปรับสมดุลย์แสงตามสภาพแวดล้อมดีขึ้น
แต่การปรับได้แค่ 1.4 stop มันน้อยเกินกว่าจะทำไฟแฉก ทำน้ำไหล(โดยไม่พึ่งซอฟท์แวร์)ได้
ส่วนฟังก์ชั่น Bixby ใหม่ ,AR Emoji ,หน้าโฮมแนวนอน ผมว่ามันเป็นแค่การกั๊กซอฟท์แวร์
ที่ดูมีน้ำหนักเบาบางมากในสายตา geek
ระบบไม่ใช่ของตัวเอง คงออกแบบให้ทำมาจาก hardware ได้ยาก ไปฝังโค้ดตัวเองไว้มาก เดี๋ยวตอน android 9 หรือ 10 มา อัพไปจะห่วยลงอีก เลยเน้นเป็น software อย่างเดียว
มองครั้งแรกนึกว่า bluboo s8
ไม่ wow เท่าไหร่แฮะ
ราคาโหดอีกแล้ว มือถือเรือธงราคา 2 หมื่นนิดๆ สมัยนี้ไปไหนหมด
ไปแบรนด์จีนสิครับ หมื่นปลาย สองต้นทั้งนั้น
ตั้งราคามาขนาดนี้ เดี๋ยวพอเปิดตัวก็ลดทันที 5,000 ผ่านไป 2 เดือน ลด 10,000 บาท
ทำไมไม่ตั้งราคาให้มัน Reasonable กว่านี้ น่าจะขายดีกว่านะ
คนจองซื้อกลุ่มแรก ในไทยใช่น้อยนะ เขาฟันเอากลับกลุ่มที่ใช้คำสวยหรูว่า “ซื้อก่อนใช้ก่อน”
ส่วนพวกเน้นถูก รอได้ก็รอไป