เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับสองคู่หูสมาร์ทโฟนจอพับจาก Samsung อย่าง Galaxy Z Fold 3 และ Galaxy Z Flip 3 ที่รอบนี้มาพร้อมกับสเปคและฟีเจอร์ที่จัดเต็มแบบสุด ๆ …แต่เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังคิดไม่ตกว่าถ้าจะให้เลือกซื้อมาใช้งานซักเครื่องจะเลือกรุ่นไหนดี วันนี้ทางทีมงาน DroidSans ได้เขียนสรุป ย่อยออกมาง่าย ๆ ให้เอาไว้ใช้ประกอบการตัดสินใจกันแล้วครับ
หน้าจอแสดงผล
Galaxy Z Fold 3 และ Galaxy Z Flip 3 ต่างเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้ หรือ Foldable Phone ด้วยกันทั้งคู่ หน้าจอแสดงผลใช้เป็นแบบ OLED เหมือนกัน ทว่าของ Galaxy Z Fold 3 จะเหนือกว่าพอสมควร เพราะใส่ชนิด Dynamic AMOLED 2X รีเฟรชเรท 120Hz มาให้ แถมยังรองรับการใช้งานควบคู่กับปากกา S-Pen (เฉพาะจอหลัก)
ส่วน Galaxy Z Flip 3 จอหลักใช้เป็น Dynamic AMOLED 2X เหมือนกัน ส่วนจอนอกมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย มาเป็น Super AMOLED ที่แม้สเปคจะลดหลั่นลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างชั้นกันเยอะซักเท่าไหร่
ถ้าพูดในแง่การใช้งาน ดูเหมือนว่า Galaxy Z Fold 3 จะมีภาษีที่ดีกว่าเล็กน้อย เพราะไม่ว่าจะพับจอเข้าหรือกางออก ขนาดก็พอเหมาะกับการใช้งานทั้งคู่ คือพับเข้าเป็นมือถือทั่วไปปกติ พอกางออกกลายเป็นแท็บเล็ต สามารถใช้งานได้หลายจุดประสงค์มาก ๆ
ขณะที่ Galaxy Z Flip 3 แม้ในด้าน Usability จะไม่เท่ารุ่น Fold แต่ถ้ามองในแง่ของการพกพา ต้องบอกว่ารุ่นนี้แหละตอบโจทย์ที่สุด เพราะมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 183 กรัมเท่านั้น แถมพอพับแล้ว ขนาดก็เหลือนิดเดียว ใส่กระเป๋าเสื้อยังได้ กระเป๋ากางเกงไม่ต้องพูดถึง สบายหายห่วง
การใช้งานทั่วไป
ทั้งคู่ต่างมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 888 ตัวท็อปจาก Qualcomm ซึ่งถือเป็นตัวท็อป ๆ ของวงการอยู่แล้ว การใช้งานทั่วไปการันตีได้เลยว่าลื่นไหล แทบจะไม่มีสะดุดอย่างแน่นอน คือถ้าเอามาวัดกันจริง ๆ ในหัวข้อนี้ต่างไม่มีใครกินใครลง แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลจริง ๆ ใครที่ไม่ได้มายด์เรื่องมือถือจอใหญ่ และงบไม่จำกัด ก็ต้องเลือกรุ่น Fold หรือใครอยากได้มือถือที่พกพาสะดวก อันเล็ก ๆ มินิมอลน่ารัก ๆ ก็ต้อง Flip เลย
การเล่นเกม
แม้ว่าจะขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตตัวท็อป แต่การเล่นเกมบน Galaxy Z Fold 3 และ Galaxy Z Flip 3 ต้องบอกตามตรงว่ายังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยเฉพาะในรุ่น Flip ที่ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าสัดส่วนจอค่อนข้างจะแปลกกว่ามือถือทั่ว ๆ ไปนิดนึง ทำให้การเล่นเกมบน Z Flip 3 อาจจะต้องใช้เวลาซักนิดกว่าจะชินมือชินนิ้ว
ส่วนบน Galaxy Z Fold 3 หากพิจารณาจากหน้าสเปคแล้ว ก็น่าจะเอาไปเล่นเกมได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องมีอะไรให้กังวลนัก แต่ก็ต้องรอติดตามว่าจอดด้านในจะได้รับอัปเกรดความแข็งแกร่งขึ้นมาจากรุ่นก่อน ๆ บ้างหรือเปล่า เพราะใน Fold 1 และ 2 นั้น เอาเล็บจิกก็เป็นรอยแล้ว ไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องกดเยอะ ๆ แบบ RoV หรือ PUBG
กล้องถ่ายภาพ
กล้องหลังของ Galaxy Z Fold 3 นี่แทบจะอยู่ในเกรดเดียวกับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวแรง ๆ ในตลาด มีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว ใส่มาครบตั้งแต่ Wide, Ultra-Wide และ Telephoto ส่วน Galaxy Z Flip 3 นั้น แม้ว่าจะให้มาแค่ 2 ตัว แต่ก็ถือเป็นสองเซ็นเซอร์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่ ความละเอียด 12MP ทั้งคู่ มีเลนส์ Ultra-Wide
พูดง่าย ๆ คือ กล้องถ่ายภาพของทั้ง Galaxy Z Fold 3 และ Galaxy Z Flip 3 ณ ปัจจุบัน ถือว่ามีดีพอที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องหลัก ถ่ายภาพ เก็บโมเมนต์ต่าง ๆ อัปโหลดขึ้นโซเชียลมีเดีย คุณภาพของรูปเทียบเท่ากับรุ่นเรือธงตัวอื่น ๆ ในตลาด
กล้องเซลฟี่
ส่วนกล้องหน้านี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Galaxy Z Fold 3 เพราะใส่มาให้ถึง 2 ตัวด้วยกัน โดยตัวด้านนอกจะมาเป็นความละเอียด 10MP (เท่ากับ Galaxy Z Flip 3) ถ่ายเซลฟี่ทั่วไปไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่กิมมิคของรุ่นนี้จะอยู่ที่กล้องเซลฟี่จอในที่ใช้เทคโนโลยี Under-Display Camera หรือกล้องซ่อนเอาไว้ใต้หน้าจอ นับเป็นมือถือจอพับรุ่นแรกของโลกที่ใส่ฮาร์ดแวร์แบบนี้มาวางขายสู่ตลาด
หากไม่ได้เปิดใช้งานจัดว่าค่อนข้างเนียนอยู่ แทบมองไม่เห็นเลยว่าบริเวณดังกล่าวมีเซ็นเซอร์กล้องเซลฟี่ซ่อนเอาไว้อยู่ ส่วนคุณภาพที่ได้ ดูจากงานพรีเซนต์ของ Samsung ก็บอกเลยว่าโอเคอยู่นะ ใช้ได้เลยล่ะ
อ้อ…แต่ด้วยความที่ Galaxy Z Flip 3 นั้นมีหน้าจอด้านนอกวางเอาไว้ข้าง ๆ กับกล้องหลังคู่ ทำให้มือถือรุ่นนี้สามารถถ่ายเซลฟี่โดยใช้กล้องหลังได้นะ ซึ่งคุณภาพก็ไม่ต้องบรรยายอะไรเยอะ ดีกว่าเซ็นเซอร์กล้องหน้าของ Galaxy Z Fold 3 แน่นอน
ความทนทาน
ส่วนเรื่องความทนทานในการใช้งาน ตรงนี้ Samsung ย้ำในงาน Galaxy UNPACKED อยู่บ่อยครั้งว่า พวกเขาได้อัปเกรดความแข็งแกร่งของสมาร์ทโฟนจอพับทั้งสองรุ่นนี้ ให้อึก ทึก และทนกว่ารุ่นก่อน ๆ อย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นมือถือจอพับสองรุ่นแรกของโลกด้วยที่ทนน้ำมาตรฐาน IPX8
แบตเตอรี่
Galaxy Z Fold 3 และ Galaxy Z Flip 3 ต่างให้แบตเตอรี่มาค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบขนาดหน้าจอและสเปค ที่ 4400 mAh และ 3300 mAh ตามลำดับ คือถ้าใช้งานหนัก ๆ อาจจะมีลากเลือด ต้องวิ่งหาที่ชาร์จแบตมาเสียบชาร์จระหว่างวันอยู่
อ่านเพิ่มเติม:
- เปิดตัว Samsung Galaxy Z fold 3 ที่สุดของมือถือจอพับ แรงขึ้น ล้ำขึ้น ทนทานมากขึ้น แถมรองรับ S Pen ด้วย | DroidSans
- เปิดตัวแล้ว Samsung Galaxy Z Flip 3 จอใหญ่…แต่เครื่องเล็ก พับเก็บได้สบายกระเป๋า อัปเกรดจอ 120Hz ทนน้ำ IPX8 – เริ่มต้น 34,900 บาท | DroidSans
สรุปเลือกซื้อรุ่นไหนดี?
Galaxy Z Fold 3 | Galaxy Z Flip 3 | |
หน้าจอหลัก | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6″ ความละเอียด 2208 x 1768 รีเฟรชเรท 120Hz | Dynamic AMOLED 2X Infinity FLEX ขนาด 6.7” ความละเอียด 2640 x 1080 รีเฟรชเรท 120Hz |
หน้าจอนอก | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2″ ความละเอียด 2268 x 932 รีเฟรชเรท 120Hz | Super AMOLED ขนาด 1.9″ ความละเอียด 260 x 512 พิกเซล |
ชิปเซ็ต | Snapdragon 888 | |
RAM | 12GB | 8GB |
ROM | 256GB / 512GB | 128GB / 256GB |
กล้องหลัง | 3 ตัว
| 2 ตัว
|
กล้องหน้า | 2 ตัว
| 10MP |
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ | ด้านข้าง | |
การเชื่อมต่อ | Dual SIM (Nano+Nano) | Dual SIM (Nano+eSIM) |
S-Pen | รองรับ | ไม่รองรับ |
การเชื่อมต่อ | 5G | |
แบตเตอรี่ | 4400 mAh | 3300 mAh |
ทั้ง Galaxy Z Fold 3 และ Galaxy Z Flip 3 ต่างสามารถนำไปใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้แบบสบาย ๆ ทั้งตอบแชท ถ่ายรูป เล่นเกม ฯลฯ แต่ถ้าใครที่เป็นสาย Business ทำงานเป็นหลัก ตรงนี้รุ่น Fold ดูดีกว่าแน่นอน เพราะตอบโจทย์กว่า จอใหญ่กว่าใช้ประโยชน์ได้เยอะกว่า แต่ถ้าใครเล็ง ๆ มือถือมาใช้งานทั่วไปเฉย ๆ สเปคแรง ๆ ดีไซน์ไม่เหมือนใคร อันนี้จิ้ม Flip ก็ไม่เสียหายครับ แถมราคาก็ถูกกว่าพอสมควรเลยทีเดียว โดย Fold 3 เคาะเริ่มต้นที่ 57,900 บาท ส่วน Flip 3 เปิดมาที่ 34,900 บาท
Comment