จากที่ก่อนหน้านี้พวกเราน่าจะพอทราบกันอยู่แล้วว่าการคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่รู้สึกกฎหมายในครั้งนั้นจะไม่ครอบคลุมถึงเรื่องการเล่นเน็ตแชทไปด้วย มาวันนี้ทางตำรวจได้ปรับกฎเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปเรียบร้อย แต่อาจจะไม่ทราบว่าใครที่เล่นเน็ตแชทเฟซทุกสิ่งอย่างบนมือถือก็มีสิทธิ์ถูกทางตำรวจจราจรจับปรับได้ทุกกรณี รวมถึงการแปะติดเอาไว้ที่พวงมาลัย หรือวางตั้งเอาไว้บนเคสก็ตาม ใครฝ่าฝืนมีสิทธิ์ถูกจับปรับตามกฎหมายตั้งแต่ 400 – 1,000 บาท ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจากตำรวจนครบาลของเราครับ
สรุปเพิ่มเติม
กฎหมายนี้น่าจะไม่ได้เน้นเฉพาะเจาะจงที่แอพใดแอพหนึ่งเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงการเล่นมือถือสมาร์ทโฟนทั้งหมด เรียกว่าเจอใครขับรถแล้วจับมือถือ หรือจิ้มอุปกรณ์อะไรก็ตาม มีสิทธิ์โดนเรียกได้หมด
มีการอะลุ้มอล่วยให้กับการใช้ small talk หรือ bluetooth สนทนาได้ตามเดิม
เปิด speaker phone คุยก็รอดตัวเช่นกัน (แต่อย่าเอามือจับเครื่องนะ)
ถ้าเปิดมือถือใช้เป็น GPS นำทางหรือกิจกรรมอื่นที่ไม่ต้องจับต้องเครื่องน่าจะรอดตัว แต่ถ้าตำรวจเกิดของขึ้น มีสิทธิ์โดนเรียกไปให้ออกแรงโต้เถียงได้
โต้เถียงแล้วไม่ยอมรับผิดก็ไปเจอกันในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์หาหลักฐานกันต่อไป
ในข่าวดูเหมือนทางตำรวจจะมีการเน้นเรื่องอุปกรณ์ยึดมือถือกับพวงมาลัยเป็นพิเศษ ว่ามีติดไว้เมื่อไหร่ มีโอกาสโดนสูงมาก เลยไปหาหน้าตามาให้ดูกันครับ ถ้าใครมีอยู่ก็โปรดระวังกันด้วยเด้อ
กฎหมายนี้เป็น พ.ร.บ.จราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่8)พ.ศ.2551 มาตรา 43
“ห้ามมิให้ผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนขณะขับรถเว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีอุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา(สมอลล์ทอล์ค)เท่านั้นโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์”
ก็เข้าใจว่าเป็นห่วงประชนชนนะ แต่ว่ามีกฎหมายอีกหลายตัวที่ควรปรับปรุงให้ทันสมัยอีกมาก ฝากจัดการด้วยได้มั้ย…ขอเร็วๆแบบนี้เลยนะ 😐
ที่มาข่าว : กรุงเทพธุรกิจ
จริงๆ มันครอบคลุมตั้งแต่แรกนะครับ ข่าวนี้เหมือนแค่จะเข้มบังคับใช้กับเรื่องอื่นๆ นอกจากโทรด้วย เพราะตามข้อความเดิมระบุแค่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ไม่ได้บอกว่าสนทนา
อ่อ ขอบคุณครับ
ครอบคลุมถึง Tablet ด้วยรึป่าว
แสดงว่าสั่งงานด้วยเสียงก็ได้นะครับ อิอิ
= =' แล้วจะดูแผนที่ไงเนี้ย….
เอา ทุก เม็ด เลย ห้าม คน นั่ง เบาะ หลัง นั่ง กลาง ระ หว่าง เบาะ หน้า ด้วย สิ เพราะ ถ้า นั่ง ตรง กลาง มัน จะ ชวน คน ขับ คุย
ทางปฎิบัติก็คงว่ากันอีกทีน่า
อยากให้เอาใจใส่กับพนักงานขับรถโดยสารและรถไฟฟ้าทั้งหมดด้วยครับ ถ้าขับไม่เร็วก็พอทำใจแต่ทั้งขับซิ่งด้วยนี้อยากจะเปลี่ยนคันใหม่เลยล่ะครับ
ผมไม่ค้านนะ กฏหมายนี่ เพื่อพวกเราเองแหละครับ ถึงตำรวจจะได้เงินก็ตาม
ผมเคยคุยไลน์ไปมองทางไป สุดท้ายรถคันหน้าเบรคกนะทันหันผมหันหัวขึ้นมาเห็นพอดี เหยียบเบรคสุดแรง จนแล้วจนรอดไม่อยู่จูบตูดเต็มๆ เป็น benz suv ชุดแต่งบราบัสซะด้วย ประกันผมมาแทบร้องจ๊าค 555
โดนเบนซ์ด่ายับเลยวันนั้น เข็ดเลยครับ จะเล่นเฉพาะติดไฟแดงนานๆจริงๆ
* แต่ gps นำทางน่าจะใช้ได้นะ เราก็ตั้งจุดหมายตั้งแต่แรกก่อนที่จะออกรถสิครับ จะได้ไม่ต้องกดทีหลัง หรือถ้ามาหลงทีหลังจริงๆก็ควรจอดข้างทางแล้วตั้งค่าใหม่ หรือ ดูู ก็ได้นา
จูบตูดเบาๆ ดีแล้วครับ อย่างน้อยก็โชคดีกว่าพุ่งทะลุนรกลงเหวที่ไหนซักแห่ง เล่นแช๊ทขณะขับรถนี่ไม่สมควรในทุกกรณีจริงๆ
ห้ามมิให้ผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนขณะขับรถ"
โทรศัพท์เคลื่อน….
เห็นด้วยครับ ถนนเป็นของทุกคนนะครับ ใช้รถก็ควรระวังกันด้วย คนชอบคิดว่าไม่เป็นไรกัน พอเกิดเหตุก็จะเสียใจภายหลัง
ไม่ได้โลกสวยครับ แต่เป็นช่องทางให้คนบางคนหากินผลประโยชน์อีกแล้ว
ผมแนะนำให้ไปจ่ายที่ สน. จะได้ไม่มีใครได้ประโยชน์
แต่ส่วนใหญ่เลือกจ่ายตรงนั้น เพราะไม่อยากเสียเวลา เสียประวัติ ก็เต็มใจจ่ายตรงนั้น
เอาจริงๆ อย่าทำผิดแต่แรกดีที่สุด
แล้วแบบนี้ จะมีสิทธิ์โดนเรียกไหมครับ 0:)
ไอเดียดีแฮะ แต่มันบังช่องลมสุดไปเลย :~
ปล. โดนนะ ถ้าตำรวจเห็นว่าเขี่ยๆโทรศัพท์พอดีอ่ะ
น่าจะให้โทษหนักๆแบบเมาแลเ้วขับ เพราะพลาดชนคนก็ตายได้เหมือนกัน
สำหรับผมไม่เคยจ่ายส่วนไหนเลยครับ เพราะผมไม่เคยขับรถแล้วใช้โทรศัพท์เลยจริงๆ แห๊ะๆ เพราะผมไม่เคยมีรถเก๋ง ( ขับไม่เป็นอีก ) ไปไหนก็จ้างคนขับขอรับ ( taxi ) เรื่องจริงล้วนๆ แต่ที่แสดงความคิดเห็นก็เพราะ ผมหมายถึงคนที่ร้อนตัวเรื่องผลประโยชน์ อิอิ ( ป.ล ทราบได้อย่างไรขอรับ ไปจ่ายที่ ส.น ไม่มีใครได้รับประโยชน์จริงๆ )
ตำรวจเค้าออกไปตากแดดตากลมเพื่อบังคับกฎหมายกับคนทำผิดก็ต้องการรายได้ต้องกินต้องใช้เหมือนคนทำงานออฟฟิตนะครับ เพราะมีคนที่ชอบสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเลยต้องมีการตั้งด่านจับแบบนี้ ถ้าท่านไม่ชอบให้มีการบังคับกฎหมายแล้วเกิดมีอุบัติเหตุเกิดกับตัวท่านจากคนที่ไม่รับผิดชอบใช้มือถือระหว่างขับรถท่านจะว่ายังไงครับ จะว่าว่าทำไมตำรวจไม่ดูแลหรือเปล่าครับ
ผมอยากให้คนไทยคิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น และให้เกียรติกันมากขึ้น แล้วคนไทยทั้งประเทศจะเป็นคนมีเกียรติกันทั้งประเทศ
ถ้าจ่ายตรงจุดนั้น เงินก็เข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่ตรงๆ
ไปจ่ายที่ สน. เงินจะเข้าหลวงไม่ใช่หรอ ไม่มีใครคนใดคนนึงได้
สบายมาก รถติดแทบไม่เคลื่อนที่
ไม่ได้เล่นตอนขับอยู่แล้ว
ติดขนาดนี้ มีฝักบัวในรถ อาบน้ำก็ยังได้
ผมล่ะอยากรู้จริงๆ แล้วรถที่มีหน้าจอเหมือนกับแท็บเล็ด/โทรศัพท์มือถือที่เป็นระบบ Build-in มากับรถ แล้วคนขับก็จิ้มๆ มันขณะขับรถ ประหนึ่งใช้โทรศัพท์มือถือ/แท็บเล็ต จะผิดกฎหมายมั้ย?
เพราะการใช้งานไม่ว่าจะโทรศัพท์มือถือหรือระบบในรถยนต์ส่วนหลักๆ มันก็จะคล้ายๆ กันเลยนะอย่าง
รถรุ่นใหม่ : ใช้ GPS ในรถยนต์นำทาง โดยมีการกดเพื่อตั้งค่าใหม่เอย อะไรเอย = รอด?
รถรุ่นเก่า : ไม่มีระบบ GPS ที่มีหน้าจอให้ใช้งาน แต่มาใช้โทรศัพท์มือถือ/แท็บเล็ตนำทางให้แทน อาจใช้ขายึดแปะไว้กับกระจกหน้ารถยนต์โดยใช้เหมือนกับคนที่มี Build-in = โดนจับ?
เครื่องเสียงก็อีกตัว เพียงแค่เราหันหน้าหรือมือไปกดที่จอ มันก็เท่ากับละสายตาจากถนน มันถือว่าผิดมั้ย? แต่กลายเป็นว่าเพราะเครื่องเสียงในรถเสีย แล้วมากดที่โทรศัพท์/แท็บเล็ตแทน ผิดมั้ย?
นี่แค่ตัวอย่าง เพราะจุดประสงค์ที่ออกข้อห้ามมานั้น ก็เพื่อให้สายตาจดจ่อกับท้องถนน ไม่วอกแว่กไปกับสิ่งอื่น ในเมื่อทั้งเครื่องเสียงเอย ทั้ง Navigator เอยก็ทำให้ถูกละจากการขับรถได้ หรือแค่เราเอามือไปกดโทรศัพท์ก็ผิดนี่ ผมว่ามันก็อาจจะทำให้มีช่องว่างที่ผู้รักษากฎหมายอาจจะเอาไปไว้ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อเอาผิดเราได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้ใช้ในขณะขับรถก็ได้ (ประมาณว่าแค่วางเอาไว้ที่ Stand หรือวางเอาไว้เฉยๆ เพื่อเอาไว้นำทาง หรือแท่นยึดที่กระจก หรือหนักหน่อยวางไว้เฉยๆ ก็อาจจะโดนได้เช่นกัน ข้ออ้างตำรวจเยอะ ถ้ายังกำหนดกฎเกณฑ์ออกมาคลุมเครือ)
ผมเห็นรถเพื่อนผม (Prius) ที่หน้าจอ Navigator เราจะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้ารถเคลื่อนที่อยู่
แต่พอรถจอด เราก็ใช้ได้เป็นปกติครับ
เอิ่ม Google Maps นำทางจะโดนไหมเนี่ย
แล้ว GPS ล่ะ -_-
ยึดรถกันไปเลย ครับ เล่นตอนขับ ผมคุณไม่มีความรับผิดชอบต่อเพื่อนรวมทาง ชนคนตายขึ้นมา จะว่าไง
สร้างแลนด์มาร์คได้ป่าวอ่ะ
ถ้าใช้ tablet แบบ wifi only แล้วส่ง net มาจากมือถือนี่คงเถียงกันยาวเลย หุหุ
ถ้าใช้ tablet แบบ wifi only แล้วส่ง net มาจากมือถือนี่คงเถียงกันยาวเลย หุหุ