Qualcomm จัดงานแถลงข่าว Snapdragon Summit 2024 วันนี้เป็นวันแรก (22 ต.ค.) เริ่มด้วยการเปิดตัวชิปเซตมือถือไฮเอนด์รุ่นใหม่ ใช้ชื่อ Snapdragon 8 Elite ตรงตามข่าวลือ เป็นการรีแบรนด์เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จากการอัปเกรดซีพียูเป็น Oryon บนเทคโนโลยีการผลิต N3E ของ TSMC
ซีพียู Oryon เร็วแรง เหนือทุกค่าย
Snapdragon 8 Elite มากับซีพียู 8 แกน สูตร 2 + 6 ความเร็ว 4.32 GHz และ 3.53 GHz ตามลำดับ จับคู่กับแคช L2 ขนาด 12MB เท่ากันทั้ง 2 คลัสเตอร์ และใช้สถาปัตยกรรม All Big Core ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับ Dimensity 9400 ของ MediaTek
Qualcomm บอกว่าซีพียู Oryon Snapdragon 8 Elite ไม่ใช่ของเดิมที่ไปแงะจากชิป Snapdragon X Elite มาใส่ตรง ๆ แต่เป็น Oryon เจเนอเรชัน 2 ที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการทำงานบนมือถือ นับเป็นซีพียูที่ทรงพลังที่สุดในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีการอัปเกรดที่สำคัญแบ่งตามหมวดหมู่ใหญ่ ๆ ดังนี้
การประมวลผลทั่วไป
- ซีพียูแรงขึ้น 45% ทั้งซิงเกิลเธรดและมัลติเธรด
- ท่องเว็บเร็วขึ้น 62%
- ขนาดแคชโดยรวมเพิ่มขึ้น 24MB
การประมวลผลกราฟิก
- จีพียูแรงขึ้น 40%
- ประมวลผล ray tracing ไวขึ้น 35%
การจัดการพลังงาน
- ซีพียูกินไฟน้อยลง 44%
- จีพียูกินไฟน้อยลง 40%
- ประสิทธิภาพ AI ต่อวัตต์สูงขึ้น 45%
- การกินไฟโดยรวมลดลง 27%
การประมวลผล AI
- เอ็นพียูแรงขึ้น 45%
- รองรับแรม LPDDR5x แบบ dual-channel ความเร็วสูงสุด 5.3GHz
- รองรับการประมวลผล AI แบบมัลติโหมดบนชิป
* เมื่อเทียมกับ Snapdragon 8 Gen 3
ร่วมมือกับ Epic Games เพิ่มการรองรับ Unreal Engine 5
จีพียู Adreno ของ Snapdragon 8 Elite ไม่มีการระบุรุ่นตามธรรมเนียม แต่มีข้อมูลน่าสนใจคือ รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม Sliced Architecture โดยแบ่งจีพียูออกเป็น 3 ส่วน ที่ความเร็ว 1.1 GHz เท่า ๆ กัน แต่ละส่วนรองรับการประมวลผล shader แยกกันอิสระ โดย Qualcomm ระบุว่าเป็นการปรับแต่งให้เข้ากับเวิร์กโหลดกราฟิกในยุคใหม่
นอกจากนี้ Qualcomm ยังได้ร่วมมือกับ Epic Games ในการตีบวกจีพียู Adreno ให้รองรับฟีเจอร์ Chaos Physics ของ Unreal Engine 5 ส่งผลให้ชิปสามารถเรนเดอร์ทางฟิสิกส์แบบซับซ้อนได้ในเวลาไม่ถึง 5 มิลลิวินาที ช่วยเพิ่มความสมจริงขณะเล่นเกม
ชิปประมวลผลภาพก็มี AI แล้ว
อีกหนึ่งการอัปเกรดที่สำคัญใน Snapdragon 8 Elite คือ ชิปประมวลผลภาพ Qualcomm AI ISP ที่มีการเติม ‘AI’ เข้ามาเป็นครั้งแรก ทั้งบนชื่อและในแง่ของความสามารถ จากการนำ AI มาช่วยประมวลผลระบบโฟกัส การวัดแสง และการคำนวณสมดุลสีขาว (ไวต์บาลานซ์)
ขณะเดียวกัน Qualcomm ยังได้ปรับปรุงไปป์ไลน์การทำงานร่วมกันระหว่าง Qualcomm AI ISP และเอ็นพียูใหม่ จากเดิมข้อมูลบนเซนเซอร์จะถูกส่งต่อไปยังเอ็นพียูโดยมี Hexagon Direct Link เป็นตัวกลาง แต่ใน Snapdragon 8 Elite ได้ตัดทอนขั้นตอนนี้ออก เอ็นพียูจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลดิบจากบนเซนเซอร์ได้โดยตรง เป็นการปลดล็อกไปสู่ความสามารถใหม่ 2 อย่าง
อย่างแรกคือ การนำ AI มาช่วยยกระดับคุณภาพวิดีโอแบบเรียลไทม์ได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และอย่างถัดมาคือ การรองรับการลบวัตถุในวิดีโอด้วย AI จากที่ปัจจุบันชิปอื่น ๆ รองรับเฉพาะการลบวัตถุบนภาพนิ่งเท่านั้น
รองรับ BT 6.0 มี UWB ในตัว
ภาคการสื่อสาร Snapdragon 8 Elite มากับโมเดม Snapdragon X80 5G ความเร็วดาวน์ลิงก์สูงสุด 10 Gbps อัปลิงก์สูงสุด 3.5 Gbps รองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม NB-NTN เป็นรุ่นแรก
ส่วนภาคการเชื่อมต่อ ใช้ชิป FastConnect 7900 รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 6.0 พร้อมชิป UWB ในตัว (จากที่รุ่นก่อนไม่มี) ผู้ผลิตมือถือที่ต้องการใช้งานฟังก์ชันที่ต้องพึ่งพา UWB ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาชิปมาติดตั้งเพิ่มเอง
มือถือเรือธงที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 8 Elite จะทยอยออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่วันถัดจากนี้ เช่น Xiaomi 15, OnePlus 13, HONOR Magic7, iQOO 13 และ realme GT7 Pro ส่วน Galaxy S25 จะตามมาในช่วงต้นปีหน้า
ที่มา : Qualcomm
มีแต่บอกเร็วขึ้น กินไฟน้อยลง แล้วความร้อนล่ะเทียบกับตัวเก่าเป็นไง
ต้องมาดู ความร้อนอีกที ทั้งแรง ทั้งร้อน คะแนน ฟาดไป 3 ล้านกว่า