เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Sony ได้จัดเซสชันบรรยายทางธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น ในหัวข้อเกี่ยวกับเซนเซอร์กล้องและการถ่ายภาพมีประเด็นน่าสนใจคือ เทรูชิ ชิมิซุ ซีอีโอของ Sony Semiconductor Solutions หรือ SSS ได้เปิดเผยมุมมองว่า คุณภาพของ “ภาพนิ่ง” ที่ถ่ายจากกล้องมือถือจะแซงหน้ากล้อง DSLR ภายในปี 2567 โดย Sony จะแสดงให้ดูเองว่าทำยังไง
กล้องมือถือจะสู้ DSLR ได้ด้วยวิธีไหน
เทรนด์มือถือในกลุ่มไฮเอนด์จะมีการอัปเกรดกล้องโดยขยายขนาดเซนเซอร์ให้ใหญ่ขึ้นในแต่ละปี ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการไล่ตามกล้อง DSLR เพราะเมื่อเซนเซอร์มีขนาดใหญ่ขึ้น พิกเซลย่อยก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นตาม นั่นหมายถึงการรับแสงที่ดีกว่าเดิม และสัญญาณรบกวนที่ลดลง
แม้ตอนนี้สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมเซนเซอร์กล้อง 1 นิ้ว ยังมีจำนวนเพียงแค่หยิบมือในตลาด เช่น AQUOS R7 ของ SHARP กับ Leitz Phone 1 ของ Leica แต่ Sony บอกว่า มันจะได้รับความนิยมและใช้งานกันแพร่หลายมากขึ้นภายในปี 2573 หรืออีก 8 ปีถัดจากนี้
แค่เซนเซอร์ใหญ่อย่างเดียวคงไม่พอ
เราต่างทราบกันดีว่า ลำพังเฉพาะแค่ขยายขนาดเซนเซอร์เพียงอย่างเดียว คงไม่พอที่จะทำให้กล้องมือถือไล่ตามกล้อง DSLR ทัน เหตุผลหลัก ๆ คือ กล้อง DSLR ไม่ติดข้อจำกัดเรื่องขนาด ทำให้สามารถประกบเข้ากับเลนส์ขนาดมโหฬารยังไงก็ได้ คุณภาพดีกว่ากันเป็นคนละเรื่อง
แต่ Sony ก็ได้ชื่อเป็นเป็นผู้ผลิตกล้องระดับแนวหน้าและเป็นผู้ผลิตเซนเซอร์อันดับ 1 ของโลก แถมยังมีสิทธิบัตร องค์ความรู้ และเทคโนโลยีการถ่ายภาพอยู่ในมืออีกเพียบ กับบริษัทระดับนี้คงไม่พูดอะไรพล่อย ๆ โดยไม่มีเหตุผลมารองรับ (แหงอยู่แล้ว) โดยนอกเหนือจากการขยายขนาดเซนเซอร์แล้ว Sony ยังได้นำเสนอปัจจัยอื่นที่จะเข้ามายกระดับกล้องมือถือในอนาคตตามที่แผนไว้ ดังนี้
- รูรับแสงขนาดใหญ่ : เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง ย่อมรับแสงได้มากขึ้นตาม
- โครงสร้างเซนเซอร์แบบใหม่ : ถ้าใครติดตามข่าววงการกล้อง อาจได้ยินมาบ้างว่า Sony พัฒนาสถาปัตยกรรมเซนเซอร์ที่มีทรานซิสเตอร์ซ้อนกันสองชั้นมาตั้งแต่ปี 2564 เป็นอย่างน้อย ซึ่งโครงสร้างแบบใหม่นี้ช่วยให้ไดนามิกเรนจ์กว้างขึ้น ประสิทธิภาพควอนตัมดีขึ้น (เกี่ยวกับการแปลงโฟตอนเป็นอิเล็กตรอน) และนอยส์น้อยลง
- หน่วยประมวลผลภาพคุณภาพสูง : อาจฝังมากับตัวชิปเซตหรือแยกออกมาเป็นชิปเดี่ยว เหมือนอย่าง MariSilicon X ของ OPPO เพื่อยกระดับกระบวนการมัลติเฟรม เบื้องหน้าถ่ายรูปแชะเดียว แต่เบื้องหลังได้รูปหลายใบ นำทั้งหมดมารวมกันแล้วประมวลผลเป็น 1 ภาพ
- ปัญญาประดิษฐ์และอัลกอริทึมที่ล้ำหน้า : เกี่ยวข้องกับการทำมัลติเฟรมเช่นกัน
ในความเป็นจริงจะทำได้ไหม ในเมื่อ DSLR ยังไม่หยุดพัฒนา
อันที่จริงก็ต้องบอกว่า ส่วนใหญ่ที่ Sony หยิบยกมานำเสนอไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด หลาย ๆ อย่างที่เหมือนหรือใกล้เคียงก็มีให้เห็นอยู่แล้วในสมาร์ทโฟนปัจจุบัน Samsung ก็มี… Google ก็ทำ… รวมถึงเจ้าอื่น ๆ อีก แต่แน่นอนแหละ เทคโนโลยีมันพัฒนาไปทุกวัน อะไร ๆ ในอนาคตก็ย่อมดีกว่าเดิม
แต่ประเด็นที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลยคือ ถ้ากล้องมือถือพัฒนาขึ้น กล้อง DSLR ก็ย่อมต้องพัฒนาขึ้นตาม ทั้งคู่ตั้งอยู่บนเทคโนโลยีการถ่ายภาพดิจิทัลแบบเดียวกัน เว้นเสียแต่ว่า…มันเกิดกรณีที่กล้อง DSLR จะถึงจุดจบ ไม่มีเจ้าไหนเลือกทำต่อ แบบนี้ก็ดูจะเป็นไปได้ที่สมาร์ทโฟนจะก้าวข้าม ซึ่งก็มีแนวโน้มด้วย เพราะกล้อง MILC หรือมีร์เรอร์เลสมีอนาคตมากกว่า Sony ก็ทำแต่กล้องประเภทนี้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ทาง Canon กับ Nikon อีกสองค่ายยักษ์ใหญ่ก็ไม่เอา DSLR แล้วเหมือนกัน
ดังนั้น สุดท้ายแล้ว Sony จะทำได้จริงตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ คงต้องติดตามดูกันต่อไป ถึงตอนนั้นสมาร์ทโฟนเรือธงของ Sony ก็จะเป็น Xperia 1 VI นั่นเอง (ถ้าไม่เปลี่ยนชื่อหรือเลิกทำไปซะก่อนนะ)
ที่มา : Sony
ไม่หวังอะไรมาก ตอนนี้ขอ Xperia PRO-I รุ่นใหม่ที่ดึงพื้นที่เซนเซอร์ 1 นิ้วมาใช้เต็ม ๆ ก่อนก็พอแล้ว 🤣
ยากอ่ะ เลนส์ คือข้อจำกัดที่ยากจะก้าวผ่านจริงๆ
สมาร์ทโฟนส่วนมากทุกวันนี้ยังใช้เลนส์พลาสติกอยู่เลย
และสุดท้ายควรทำให้กล้องสมาร์ทโฟนของตัวเองมันสมาร์ทก่อน 😅
ขอเวลาอีกไม่นาน
จะสืบทอดพลังจาก Dslr มายังมือถือ
มิติจากเลนส์จริงๆ ยังไงก็มีสเน่มากกว่า
ส่วนจะพัฒนาให้มันเท่า ได้จริงๆ แล้วใครมันจะซื้อมือถือราคา ครึ่งแสน ได้ทุกปี
ขอเวลาอีกไม่นาน แต่นี่ก็นานแล้ว เอาให้ตามทันค่ายอื่นๆ แบบออโต้ กดถ่ายแล้วสวยเลยไม่ต้องแมนนวลก่อนเน๊าะ
ถ้าเขียนกราฟการพัฒนากล้องมือถือเทียบกับกล้อง DSLR ก็ต้องยอมรับว่ามือถือพัฒนาเร็วมาก ถ้านับกันแค่ซอฟต์แวร์/เฟิร์มแวร์ คือมือถือชนะ DSLR ไปแล้วนะ แต่เพราะข้อจำกัดทางฮาร์ดแวร์นี่แหละ ที่ทำให้ DSLR ลอยคอได้เรื่อยๆ แต่ก็จะใกล้จบแล้วเพราะ MRL มันดีกว่าในทุกมิติ (ยกเว้นเห็นภาพจริงผ่านเลนส์ก่อนถ่าย) แต่แม้ MRL จะแรงจัดชัดจริงยังไง ตัวซอฟต์แวร์/เฟิร์มแวร์ ก็ยังไม่เท่ามือถืออยู่ดี นั่นเพราะตัวฮาร์ดแวร์มันดีอยู่แล้วซอฟรแวร์เลยไม่ต้องทำงานหนัก ในขณะที่มือถือฮาร์ดแวร์จำกัดมาก ซอฟแวร์เลยต้องแบก ลองถ้ามือถือมีฮาร์ดแวร์เท่ากับ MRL ผมว่าไปไกลกว่าแน่นอน