เรียกเสียงฮือฮากันไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ Xiaomi ได้เปิดตัวเจ้า Mi MIX Alpha ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมของวงการมือถือสมาร์ทโฟนให้ก้าวไปอีกขั้น ขิงทุกแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวไป โดยไฮไลท์เด็ดเลยคือหน้าจอที่พันรอบเครื่องแบบ Surround Display ทั้งหน้าและหลัง อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 180.6% แถมยังมีกล้อง 108MP เป็นรุ่นแรกของโลกด้วย.. ส่วนสเปคอื่นๆ จะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยครับ
สเปค Mi MIX Alpha
- หน้าจอ Flexible OLED Screen ขนาด 7.92 นิ้ว ความละเอียด 2088 x 2250
- CPU : Snapdragon 855+
- RAM : 12GB
- ความจุ : 512GB แบบ UFS 3.0
- กล้องหลัง 3 ตัว : 108MP (f/1.69), OIS + 20MP (f/2.2) เลนส์ Ultrawide ถ่าย Macro ได้ 1.5 cm + 12MP (f/2.0) เลนส์ Telephoto ซูม 2x
- กล้องหน้า : ไม่มี (ใช้กล้องหลังเป็นกล้องหน้า)
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
- การเชื่อมต่อ : 5G support, Wi-Fi 802.11ac, Bluetooth 5.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ : Type C, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 mm
- แบตเตอรี่ : 4050 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 40W, ไร้สาย 30W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 10 with MIUI 11
- ขนาดตัวเครื่อง : 154.38 x 72.3 x 10.4 mm, น้ำหนัก 241 g
- ราคาเปิดตัว : 19,999 หยวน (ประมาณ 86,000 บาท)
นอกจากจุดเด่นเรื่องจอแล้ว Mi MIX Alpha ยังมาพร้อมกับกล้องมือถือเครื่องแรกที่มีความละเอียดมากที่สุดในโลกที่ 108MP ภาพขนาดใหญ่ถึง 12032 x 9024 ซึ่งใหญ่มากจนอัดรูปเอาไปแปะผนังฝาบ้านได้สบายๆ แบบภาพไม่แตกและบอกเลยว่าไฟล์รูปก็มีขนาดใหญ่ตามมาด้วย เอาไปแต่งภาพในโปรแกรม Photoshop หรือ Lightroom ถ้าเครื่องไม่แรงจริงอาจมีค้าง
ซูม 8 เท่าเห็นยันขนที่แก้ม ไม่ธรรมดาจริงๆ
ด้วยความละเอียดขนาดนี้แน่นอนว่าเซนเซอร์กล้องก็ย่อมใหญ่ตาม โดย Mi MIX Alpha มีขนาดเซนเซอร์กล้องอยู่ที่ 1/1.33″ ใหญ่กว่าทั้ง P30 Pro และ iPhone 11 Pro Max
วัสดุตัวเครื่องก็ไม่ธรรมดา เพราะเฟรมตัวเครื่องทำมาจาก Titanium Alloy แถบกล้องด้านหลังเป็น Ceramic ส่วนกระจกครอบเลนส์กล้องเป็น Sapphire พรีเมียมสุดๆ ไปเลย
ลำโพงหลายคนอาจจะสงสัยว่าจะเอาไปไว้ตรงไหนได้ เพราะมีแต่หน้าจอเต็มไปหมด.. แต่จริงๆ แล้วลำโพงตัวเครื่องย้ายไปดูที่ใต้หน้าจอ เช่นเดียวกับสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง
หน้าจอแบบ Surround Display ของ Mi Mix Alpha จะตรวจจับการใช้งานโดยอัตโนมัติ เพราะมันจะไม่ได้เปิดจอด้านหน้า – หลัง เอาไว้ตลอดเวลา แต่เราสามารถพลิกจอไปมาเพื่อใช้งานแต่ละด้าน อย่างเช่นถ้าเราพลิกเครื่องด้านหลังขึ้นมา จอด้านหน้าก็จะดับ แล้วจอด้านหลังก็จะติดขึ้นมา และถ้าหากพลิกกลับมาด้านหน้า จอด้านหลังก็จะดับแทน หรือถ้าอยากจะใช้งานทั้ง 2 ด้านเลยก็ได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามสำหรับสเปคและฟีเจอร์ของ Mi MIX Alpha ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่มือถือคอนเซ็ปต์เท่านั้น ก็เลยยังไม่ได้กำหนดวันวางจำหน่ายมาด้วย แต่ได้มีการตั้งราคาเอาไว้แล้วที่ 19,999 หยวน หรือประมาณ 86,000 บาท ซึ่งแพงกว่าทั้ง iPhone 11 Pro Max ตัวท็อป และ Samsung Galaxy Fold เสียอีก งานนี้มีขายไตมาซื้อมือถือแน่นอน…
พอบอกว่าเป็นแค่คอนเซ็ปนี่คือจบเลย 555
ขายจริงนี้ครับ ไม่ใช้ตัวต้นแบบอะไร เหมือน mix ตัวแรกไง บอกคอนเซป เหนขายทุกปี
กล้องใต้จอ ทีนี้คงรอบตัวมากขึ้น
หยุดอยู่กับที่คือถอยหลัง.. ไม่รู้ใครกล่าวไว้
กล้องใต้จอ มันต้องพึ่งนวัตกรรมผู้ผลิตจอ
จอโค้งมันก็ต้องพึ่งนวัตกรรมผู้ผลิตจอ
ไม่ต้องใส่เคส มันแล้ว ผลิตฟิล์มกันรอยรอไว้เลย
แบนรด์จีนเค้าเล่นใหญ่ตลอด เน้นนวัตกรรม
ถ้าผลไม้เอาแบบเค้าสักครึ่งจะดีเลยนะค้าบ เอากำไรต่อโปรดักส์เกิน
ไม่ได้รอดูอะไรหรอก รอดู Sensor 108 MP ของ SS นี่แหละ
แหล่มดีครับ 🙂 🙂
แจ่มจริงว้าวมาก แล้วถ้าเล่นๆอยู่แล้วเรานอนกลิ้งไปกลิ้งมาหน้าจอมันจะงงไหมจะติดฝั่งไหนดี😆 น่าสนๆแปลกใหม่ดี คนคิดเรื่องทัชสกีนคงจะปวดหัวดีเนอะออกแบบไงให้เครื่องไม่งงตอนใช้งาน
ใช้ sensor กล้อง หรือตัววัดแสงร่วมด้วยก็รู้ละครับ ไม่น่างง
แต่ถ้ามันงง ก็แสดงว่ายังเขียนโปรแกรมเอาไว้ไม่ดี พัฒนาต่อไป
Nokia 808 Pureview แค่ 43ล้าน ก็เห็น"ขนที่แก้ม" ได้ชัดแล้ว ไม่ต้องถึง 108ล้าน
ทำตกมีร้อง
ประเด็นจอรอบตัว ถ้าบอกว่าเป็นมือถือทำมาเป็น Tech Demon ทำมาเพื่อประกาศศักดาแบบวางขายจริงด้วย
อันนี้พอเข้าใจได้ ประเด็นนี้ถือว่าจบ
ส่วนกล้อง 108MP อันนี้ยังคงตั้งคำถามอยู่ เพราะถึงเซ็นเซอร์จะสามารถตอบสนองตัวเลขนี้ได้จริง
แต่เท่าที่เล่นกล้องจริงมา แค่ที่ 18 MP ก็ยังต้องการเลนส์ไพรม์คุณภาพสูงมากๆในการเก็บรายละเอียด
ทุกพิกเซลออกมาให้ได้ เฉพาะราคาเลนส์ก็สองหมื่นอัพขึ้นไป และอันใหญ่มาก เลนส์มือถือจิ๋วๆ
ที่ต้องควบคุมขนาดและต้นทุน แถมยังมีคราบน้ำมันมือเคลือบติดตลอดเวลา จะถ่ายทอดคุณภาพไฟล์แท้ๆระดับนั้นได้จริงรึเปล่า
เรื่องว่ามีพิกเซลเยอะมากๆซูมเห็นขนตานี่ อาจทำได้เพราะเคยเห็นซอฟท์แวร์เทพๆมันเพิ่มรายละเอียดจำลองให้ภาพได้มาแล้ว
แต่ก็สงสัยว่าภาพระดับ +100 MP มันได้จาก RAW แท้ๆ หรือเป้นเพียงการเพิ่มรายละเอียดให้ด้วยซอฟท์แวร์
ดีไซน์โดน ถ้าถูกกว่านี้ซัก 3 หมื่นก็น่าสน
ถ้ามันเปิดราคา 56000 ก็จะพูดแบบเดียวกันแน่นอน